ใครยังไม่ได้อ่านประสบการณ์สยอง (ตอนแรก) ตามไปอ่านได้ที่
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3172595/W3172595.html
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากที่นายคนนั้นวางสายไปแล้ว และก็ทิ้งความรู้สึกแย่ๆไว้ให้หนูยี
หนูยีไม่รู้จะทำไง คิดถึงกานต์ก็เลยโทรศัพท์ไปหา
กานต์
หนูยีนะ น้ำเสียงตอนนั้นมันคงจะแย่ไปหน่อย กานต์ถึงได้ถามด้วยความตกใจ
เฮ้ยหนูยี เป็นไรน่ะ ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น
หนูยีเลยเล่าให้กานต์ฟังทั้งหมด พอกานต์ฟังจบทำท่าจะโวยวายเรื่องนายคนนั้น แต่พอดีโทรศัพท์มือถือดังขึ้นก่อน เอ็มโทรมา!! หนูยีแปลกใจ ก็ไหนนายคนนี้บอกว่าจะไม่โทรมาแล้วไง นี่ผ่านไปไม่ถึง 20 นาที ทำไมโทรกลับมาแล้วล่ะ หนูยีทำท่าว่าจะไม่รับสาย (ตอนนั้นใช้โทรศัพท์บ้านคุยกับกานต์) บอกกานต์ว่า
เอ็มโทรเข้ามือถือยีล่ะกานต์
รับเลยหนูยี กานต์บอกอย่างนั้น หนูยีก็เลยรับค่ะ มือหนึ่งถือโทรศัพท์คุยกะกานต์ อีกมือก็กดรับสายของเอ็ม กะว่าให้กานต์ได้ยินด้วย
เอ็มรักยี นายคนนี้เปิดด้วยประโยคที่ทำให้หนูยีทำอะไรไม่ถูก มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน คนไม่เคยเห็นหน้ากันนิสัยใจคอก็ใช่ว่าจะรู้จักกันดี หนูยีไม่รู้จะทำไงดีคิดอยู่ว่าจะพูดอะไรออกไป ปลายสายเห็นว่าหนูยีไม่พูดอะไรก็พูดซ้ำอีกที
เอ็มรักยีจริงๆนะ แว๊กกกก!!! ไม่ต้องพูดซ้ำก็ได้ หนูยีเลยรีบบอกไปว่า
เออ
ยีไม่เคยคิดกับเอ็มแบบนั้นเลย เป็นเพื่อนกันดีกว่านะ เฮ้อ..ไม่คิดเลยว่าเกิดมาจะได้มีโอกาสพูดประโยคแบบนี้กับเขาด้วย
ทำไมล่ะ อ๋อ หรือว่ายีมีแฟนแล้ว เสียงที่ถามกลับมาฟังดูแปร่งๆ
ไม่ใช่ เรายังไม่มีแฟน แล้วก็ยังไม่อยากจะมีด้วย
หนูยีปฏิเสธ แต่นายคนนี้ไม่ยอมเชื่อ ก็ยังกล่าวหาหนูยีว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้วบ้างล่ะ มีแฟนแล้วใช่ไหม หนูยีก็พยายามบอกว่าไม่มีๆ ไม่อยากมี ไม่อยากคิดเรื่องแบบนี้ตอนนี้เลยสักนิดเดียว เห็นว่าสงสัยจะคุยกันนานแน่ๆ หนูยีก็เลยวางสายกานต์ก่อน แล้วคุยกับคนๆนี่ให้เรียบร้อย กะว่าม้วนเดียวจบไปเลย ไม่ว่าจะพูดยังไง หรือจะบอกว่าหนูยีไม่ได้ปฏิเสธเอ็มเพราะว่าหนูยีมีแฟนแล้วแต่เป็นเพราะยีไม่ได้ชอบเอ็มต่างหาก ก็ไม่ยอมเชื่อ แถมไม่ยอมรับรู้อีก หนูยีเบื่อก็เลยบอกว่า
อยากคิดยังงั้นก็ตามใจเอ็มแล้วกัน มาคิดดูตอนนั้นหนูยีน่าจะโกหกไปเสียเลยว่าหนูยีมีแฟนแล้ว เรื่องมันจะได้จบไป แต่เพราะไม่คิดจะโกหกเรื่องมันถึงไม่จบสักที ตาคนนี้เห็นหนูยีไม่เถียงกลับ ก็เลยเปลี่ยนเรื่องพูดค่ะ หาเรื่องมาว่าหนูยีใหม่ ทำเสียงเครียดๆก่อนว่าหนูยีอีก
ทำไมยีไม่เปิดใจ ทำไมยีคิดอะไรเอง ตัดสินใจอะไรเองไม่เป็นหรือไง ต้องคอยถามแต่พ่อกับแม่หรือไง ถึงตรงนี้หนูยีเริ่มกรุ่นๆแล้ว ข้อหาใหม่ที่หนูยีโดนว่า ที่เอ็มว่าหนูยีแบบนี้ก็เพราะว่า ก่อนหน้านั้นเราเคยคุยกันเรื่องนี้ค่ะ เขาถามว่าทำไมยีไม่มีแฟน ยีก็บอกว่า ยีไม่อยากคิด แล้วก็ขี้เกียจโดนจับอบรมด้วย เพราะถ้ามีแฟนหนูยีคงโดนจับอบรมเรื่องเกี่ยวกันการคบเพื่อนต่างเพศ 3 เวลาหลังอาหารแน่ๆ เหมือนพวกญาติคนอื่นๆของหนูยีโดนกันมาแล้วค่ะ
หนูยีพยายามอธิบายด้วยความใจเย็นทั้งๆที่ในใจเริ่มเดือดว่าไม่เกี่ยวกับหม่าม้าหรือป่ะป๊า ที่หนูยีไม่ยอมเป็นแฟนด้วยก็เพราะว่าหนูยีไม่ได้ชอบนายเลย แต่คนคนนี้ไม่ยอมรับฟังในสิ่งที่หนูยีบอกเลย พูดยังไงออกไปก็เหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่าง
แล้วเมื่อไหร่ยีจะเริ่มคิดเรื่องนี้ คนเราอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกนะ พยายามกดดันหนูยีอ่ะ
หนูยีก็ได้แต่ปฏิเสธไปค่ะ ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกแล้ว ปกติหนูยีจะเป็นฝ่ายพูดมากกว่า แต่เจอแบบนี้ก็พูดไม่ออกเหมือนกันนะ
เอ็มอยากเจอยีนะ แต่เอ็มก็รู้ว่ายีไม่อยากออกมาเจอเอ็ม ทำไมล่ะยี เราออกมาเจอกันแค่ 5 นาทีก็ไม่ได้หรือไง เอ็มไม่ได้จะทำอะไรยีสักหน่อย หนูยีคิดอยู่ว่าจะบอกอย่างไรดีไม่ให้เป็นการทำร้ายน้ำใจกันเกินไป แค่นี้นายคนนี้ก็คงแย่พอแล้ว คิดอะไรไม่ออกก็เลยบอกความจริงไปเสียเลย
ยีไม่ออกไปเจอผู้ชายหรอกเอ็ม มันไม่เหมาะ เออ
ยีไม่ไว้ใจนะ
ทำไมละยี ก็เราบอกแล้วไงว่าเราไม่ทำอะไรยีหรอก ไม่ใช่ว่าให้ยีไปเจอเอ็มคนเดียวเสียหน่อยยีจะพาใครไปก็ได้ แล้วยีจะรู้ได้ไงว่า ถ้าเป็นผู้หญิงจะไม่ทำอะไรยี บางทีผู้หญิงก็อาจเป็นนกต่อก็ได้นะ หนูยีก็ได้แต่คิดในใจว่า ถึงพูดอย่างนี้หนูยีก็ไม่โง่พอจะเชื่อหรอกนะ ใครจะรับประกันได้ละว่าพูดจริงหรือโกหก ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด ถึงตรงนี้หนูยีก็ไม่อยากพูดอีกแล้ว เอาแต่นิ่งเงียบ แล้วก็ฟังนายคนนี้พล่ามต่อไป มันเครียดนะแบบนี้
เราไม่น่ารู้จักกันเลย เขาพูดขึ้นด้วยเสียงที่ฟังก็รู้ว่าแย่มากๆเมื่อเห็นว่าหนูยีไม่พูดอะไรออกไป อันนี้ยีเห็นด้วยถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้จะไม่คุยด้วย ได้แต่คิดอยู่ในใจไม่กล้าพูดออกมาค่ะ กลัวเป็นการทำร้ายความรู้สึกเกินไป แต่นายคนนี้ไม่ยอมหยุด
เอ็มถึงบอกว่ายีนะเด็ก เอ็มโทรมาหายีเกือบทุกวัน เป็นคนอื่นเขารู้กันหมดแล้วว่าเอ็มโทรมาจีบยี
เออว่าได้ว่าไป ก็ยีไม่รู้จริงๆ นี่ คิดว่าโทรมาคุยเล่นกันเหมือนกับที่ยีก็โทรไปคุยกับกานต์บ้าง กับพี่รุจิบ้าง หรือกับเจ้าหมี(เด็กบ้าที่หาว่าหนูยีเป็นพวกบ้านนอก..ที่เขียนในตอน บ้านนอก
เข้ากรุงนะคะ) ยียังโทรไปหาบ่อยๆเลย ได้แต่คิดค่ะ
ก็ยีไม่รู้นี่ แล้วทำไมเอ็มไม่บอกยีก่อนล่ะว่านี่โทรมาจีบยีน่ะ ยีจะได้บอกแต่แรกว่าไม่ได้คิดอะไรด้วย เถียงกลับไปเสียงอ่อยๆ เครียดนะเครียด
ก็ถ้าบอกแต่แรกยีก็คงวิ่งหนีเอ็มสิ อันนี้ก็จริง ถ้ารู้แต่แรกยีก็วิ่งหนีสุดชีวิตแล้วล่ะ
หนูยีเครียดและเหนื่อยแล้วด้วย แต่นายคนนี้ก็ไม่หยุดยังคงว่าหนูยีต่อไป แล้วก็สลับกับพูดให้หนูยียอมคบกับเขา หนูยีได้แต่ปฏิเสธอย่างนุ่มนวลที่สุด ไม่อยากทำร้ายน้ำใจไปมากกว่านี้ เพราะรู้ว่าแค่นี้ก็แย่พออยู่แล้ว เพราะคิดว่า ถ้าเกิดหนูยีเป็นแบบเอ็ม แล้วคนที่ชอบไม่ชอบกลับก็แย่อยู่แล้ว แล้วถ้าคนที่เราชอบพูดจารุนแรงใส่คงรู้สึกแย่มากๆๆ แน่ๆ เพราะงั้น ไม่ว่าจะรู้สึกโกรธ โมโห อย่างไร ก็ไม่พยายามแสดงอาการให้รู้
เรายังคุยกันเหมือนเดิมได้ไหม เปลี่ยนอารมณ์ใหม่อีกแล้วตาคนนี้
ยีว่า อย่าคุยกันเลยแบบนี้ ยีรับความรู้สึกของเอ็มไม่ได้หรอก คุยกันต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ตัดไฟแต่ตอนนี้ดีกว่า หนูยีบอกแบบนี้ไปค่ะ นี่ก๊อปคำพูดมาจากหนังสือนิยายที่เคยอ่านมานะนี่ ไม่งั้นคงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
ทำไมละ เอ็มยังอยากคุยกับยีนะ ถ้าเอ็มตายยีจะคบกับเอ็มไหม ฟังมาถึงตอนนี้หนูยีชักเริ่มกลัวตาคนนี้แล้วค่ะ เป็นไรหรือเปล่านี่ พูดอะไรได้น่ากลัวขนาดนี้ แต่ขอโทษที หนูยีไม่ใช่คนดีขนาดที่ว่าจะไปรับผิดชอบชีวิตใครได้ ก็เรื่องอะไรหนูยีจะต้องทำตามคำขู่ของคนไม่เห็นค่าของชีวิตแบบนี้ด้วยอ่ะ
งั้นถ้ายีคบกับเอ็มเพราะกลัวเอ็มตาย โดยที่ไม่คิดอะไรด้วยเลย เอ็มต้องการแบบนี้หรอ คิดในใจว่า ถ้าตานี้ตอบกลับมาว่าต้องการละก็ หนูยีก็ไม่เอาด้วยหรอก อยากตายก็ตามสบายแล้วกัน ไม่รู้สึกผิดหรอกน่ะแบบนี้.. โชคดีเป็นของหนูยี นายคนนี้เห็นว่าคำขู่ใช้ไม่ได้ผลเปลี่ยนเรื่องอีก
เฮ้อ
หนูยีเบื่อแล้วนะ เครียดด้วย ทำไมต้องมาเจอคนพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ด้วยนะนี่ พูดไปพูดมาก็พายเรือวนอยู่ในอ่างเป็นรอบที่ร้อยแล้ว ได้แต่คิดค่ะ ทำไรไม่ถูกอย่างที่บอก ปล่อยให้คนนี้พูดๆๆ ได้แต่นั่งฟังอย่างเดียว จนไม่ไหวแล้ว เลยตัดสินใจบอกเหตุผลหลักอีกข้อไปเลยว่า
ที่เอ็มว่ายีว่าไม่ยอมเปิดใจคงจะจริงนั่นละ นั่นเป็นเพราะว่าเรารู้ว่าเราจะไม่คบกับคนที่ไม่ใช่คริสเตียนไงละ เอาเรื่องศาสนามาอ้างเสียเลย จริงๆแล้วไม่ใช่ข้ออ้างหรอกค่ะ แต่เป็นความจริงเลยและยีตั้งใจทำอย่างนั้นจริงๆด้วย ปลายสายเงียบไป 5 วิ ประมาณว่าอึ้ง พูดอะไรไม่ออก หนูยีคิดว่า เขาคงไม่คิดว่าจะได้ยินเหตุผลแบบนี้กระมัง พอสักพักตั้งตัวติด คนคนนี้ก็เริ่มใหม่อีก
ทำไมล่ะยี ทำไมยีต้องให้ตัวหนังสือมากำหนดชีวิตของยีทั้งชีวิตด้วย ความสุขของยีนะ เอาเข้าไป มาบอกว่าพระคัมภีร์เป็นตัวหนังสือ แล้วอย่างกับการที่ยีจะตกลงคบกับนายคนนี้นี่จะเป็นความสุขของยีงั้นล่ะ ไม่ไหวแล้วนะ หนูยีพยายามพูดทุกอย่างแล้ว จนจะร้องไห้แล้ว เขาก็ไม่ยอมฟังยีเลย ตัดสินใจไม่พูดแล้ว อยากพูดอะไรก็พูดไปค่ะ พูดไม่ออก เหนื่อย ฟังอย่างเดียวก็แย่พอแล้ว คนนี้ก็พยายามคาดคั้นจนเริ่มรู้สึกตัวว่า ยีไม่พูดอะไรเลย
ยี เป็นไรหรือเปล่า เสียงตอนนี้ลดความกดดันลงหน่อย
เปล่า แต่เสียงที่หนูยีตอบมันคงแย่มากๆเลยมั้ง
อย่าร้องไห้สิ เราแค่อยากบอกว่ารักยีเท่านั้นเอง และก็อยากให้ยีรักตอบ
.
ยี
เลิกพูดกันก่อนก็ได้ อย่าร้องไห้นะ เฮ้อ
ยีไม่ได้ร้องสักหน่อย เสียงมันแค่สั่นนิดๆเท่านั้นเอง
เปล่าไม่ได้ร้อง ไม่ว่าเอ็มจะพูดยังไง ก็เป็นคำตอบเดิมนั่นละ ไม่เปลี่ยนหรอกนะ
ยีทำใจให้สบายก่อนนะ วันหลังเราค่อยคุยกันใหม่ เสียงเขาก็แย่ แต่หนูยีไม่ไหวแล้ว คุยกันอีกหรอ คุยกันไปก็ไม่รู้เรื่อง
อย่าเลยเอ็ม ไม่คุยแล้วล่ะ ถ้าเอ็มรู้สึกกับยีแบบนี้ อย่าคุยกันอีกเลยยีไม่ไหวแล้วล่ะ เหนื่อยค่ะเหนื่อย เกิดมาไม่คิดว่าจะต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้เลยให้ตายเถอะ!
แล้วค่อยคุยกันใหม่ เขาพูดแบบนี้แล้วก็วางสายไป
โอ๊ยยย หนูยีเครียดน้า นึกว่าคุยม้วนเดียวจบ ที่ไหนได้ ต้องมามีต่อม้วนสองอีกหรอ ไม่ไหวแล้วนะ
.
แล้วก็เลยโทรไปหากานต์ค่ะ เพราะรู้ว่ากานต์รอหนูยีอยู่แน่ๆ พอโทรไปกานต์ก็รีบพูดมาว่า
หนูยี หนูยีทำใจดีๆนะ ฟังแล้วก็ต้องยิ้ม ทั้งๆที่เครียดนั่นล่ะ
หนูยีไม่ได้เป็นไรจ้ะ ไม่ต้องห่วง แต่น้ำเสียงไม่ไปในทางเดียวกันเลย
หนูยีอย่าโกรธกานต์นะ กานต์บอกเรื่องหนูยีให้หนอนฟังแล้ว บรรยากาศตอนนั้นเครียดมากเลย กานต์ไม่รู้จะทำไง เลยบอกหนอน หนูยีมีไรบอกหนอนมันได้เลยนะ กานต์เป็นห่วง กานต์อยู่ไกลทำอะไรไม่ได้เลย
ได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกสบายใจแล้วค่ะ จะร้องไห้ ดูสิคะ กานต์น่ารักขนาดไหน ถึงเราสองคนจะไม่เคยเห็นหน้ากัน ไม่เคยพบกันเลยสักครั้ง แต่เราสองคนก็เป็นห่วงเป็นใยกันและกัน มิตรภาพที่ดีที่เก็บได้จากถนนนักเขียน
แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 47 19:41:38
จากคุณ :
หนูยี
- [
15 ธ.ค. 47 19:38:11
]