CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    =[+] ฉิกจับอิด [+]= นิยายจีนร่วมแต่งแนวทดลอง : ตอนที่ 69 "แฉความ โค่นมังกร"

    "เจ้าคือ...!!

    "ฮั่นตง!!!!" เหวินเหม่ยชิงร่ำร้องพลางผุดลุกขึ้นอย่างมีความหวังเต็มเปี่ยม เวลานี้ดวงตาของหญิงสาวยังเปิดเผย และซื่อตรงยิ่งนัก เนื่องเพราะมิได้ปิดบังซ่อนเร้นความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายเลย

    ...ดวงตาของนางฉายแววรักระคนยินดีอย่างเด่นชัด...

    "ทะ… ท่านมาแล้ว..." นางค่อยๆกล่าวด้วยเสียงตื้นตันสั่นเครือ

    "ฮั่นตงหรือ?!!..." หลี่เฉินเชียงทวนคำ เหลียวหน้ามองเจ้าสำหนัหันซานทีหนึ่ง ดูเซียนแพทย์เทวะทีหนึ่ง

    ขณะนั้นร่างค่อนข้างเตี้ยของเซียนแพทย์เทวะกลับค่อยๆ ยืดยาวออก ส่วนลำตัวที่ขยายกว้างไปด้านข้างก็หดเข้าอีกหลายส่วน จากรูปร่างสันทัดออกไปทางเจ้าเนื้อ แปรเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่ สง่าผ่าเผย

    ใบหน้าที่ปรากฏเค้าความชราภาพค่อยถูกปาดออกเผยให้เห็นโครงหน้าหล่อเหลา ที่แฝงความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว

    เป็นฮั่นตง!!!

    หัวหลินไต้ซือที่ทรุดนั่งอยู่บนพื้นปรากฏสีหน้ายินดีจนยากระงับ จื่ออิงซึ่งนั่งข้างๆทั้งรู้สึกเหนือความคาดหมาย ตื่นเต้น และร้อนรน ส่วนพวกหันซานนั้นเล่าก็มีทั้งมึนงง และเจ็บแค้น

    ฮั่นตงหันไปสบตากับเหวินเหม่ยชิง…
    ดวงตาของทั้งสองประสานนิ่งเป็นหนึ่งเดียว คล้ายจะถ่ายทอดเป็นคำพูดนับร้อยนับพันที่นอกจากคนทั้งสองแล้วคงมิมีผู้ใดสามารถเข้าใจ

    เบื้องหน้าคนรักซึ่งห่างกันเนิ่นนานฮั่นตงเพียงกล่าวออกมาคำเดียวว่า "ข้าพเจ้ามาแล้ว...."

    คำพูดนี้มิได้มีคำใดเลยที่หวานจนหยดย้อย หรือว่าแสดงความห่วงใยจนลึกซึ้ง
    แต่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและนุ่มนวล

    นุ่มนวลเสียจนทำให้เหวินเหม่ยชิงอดมิได้ที่จะต้องหลั่งน้ำตาออกมา…

    ศิษย์หันซานหลายคนขยับกระบี่ในมือคิดจู่โจมทำร้ายฮั่นตง ล้างแค้นให้ซือไถ้กล้วยไม้ขาวผู้เป็นอาจารย์ ทว่าเมื่อเห็นปฏิกริยาของเหวินเหม่ยชิงที่มีต่อมันแล้วก็ได้แต่ชะงักงันอยู่ด้วยความสงสัย

    ทันใดนั้นเอง เสียงคนผู้หนึ่งก็ดังขึ้น

    "นึกว่าผู้ใด! ที่แท้ก็เจ้าฆาตกรหนีคดีนี่เอง”  ฮั่นตงเลิกคิ้วหันไป ปราฏว่าผู้พูดเป็นจื่ออิงเอง

    อาจเพราะเจ้าสำนักบู๊ตึ้งเห็นว่าตนมีความสำคัญน้อยลงทุกทีจึงชิงร้องว่า “เฮอะ! เจ้ามาก็ดีแค้นของอาจารย์ข้าจะได้ชำระเสียที!!!"

    "หุบปาก!!!!!" เสียงตวาดดังประหนึ่งฟ้าร้องดังขึ้น

    จื่ออิงสะท้านทั้งร่างจนต้องถอยกายไปด้านหลังกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง เสียงตวาดนี้กลับแฝงพลังยุทธสูงส่งแรงกล้า

    ผู้ตวาดนั้นมิใช่ฮั่นตง

    เป็นหลี่เฉินเชียง!

    แต่ประมุขของฉิกจับอิดเหตุใดช่วยเหลือฮั่นตงเหล่า?

    "คนเยี่ยงเจ้ายังมิคู่ควร" หลี่เฉินเชียงกล่าวเย็นชาโดยมิได้มองจื่ออิงเลย กิริยาเช่นนี้ยิ่งทำให้จื่ออิงรู้สึกอัปยศขึ้นไปอีก

    ผู้ยิ่งใหญ่แห่งฉิกจับอิดหันไปทางฮั่นตง จับจ้องอีกฝ่ายด้วยประกายตาคมกล้ายิ่งนัก ด้วยการมองเยี่ยงนี้หากเป็นผู้ขวัญอ่อนน่ากลัวคงต้องแตกตื่นถึงขั้นเสียสติหรือไม่อย่างน้อยก็ต้องกระสับกระส่ายมิสบายใจเป็นแน่

    ทว่าฮั่นตงมิใช่คนเหล่านั้น ดังนั้นมันเองเวลานี้ก็กำลังจับจ้องมองหลี่เฉินเชียง

    “อากู๋เล่า?” หลี่เฉินเชียงถาม

    “อากู๋ ของท่านประมุข ได้สิ้นชีพ ภายใต้เงื้อมมือเกี่ยมฮุ้น ไปนานแล้ว” มือปราบหนุ่มกล่าว “เป็นข้าพเจ้าที่สวมรอยแทน เข้ามาในพรรคของท่าน”

    หลี่เฉินเชียงฟังดังนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าบ้าง นึกถึงการทรยศของเกี่ยมฮุ้นคงมีเบื้องหลังจึงร้องว่า “เจ้าเกี่ยวอะไรกับเกี่ยมฮุ้น!?”

    “ไม่เกี่ยว ข้าเพียงฉวยโอกาสจากการกระทำของเขา” ฮั่นตงตอบเรียบๆ

    เจ้าสำนักฉิกจับอิดพิจารณาดูก็เห็นว่าอีกฝ่ายมิใช่ชนชั้นธรรมดา ควรแกล้งยั่วให้คายข้อมูลออกมามากที่สุดก่อนจะสยบลงด้วยกำลัง

    คิดดังนั้นเขาจึงแค่นเสียงคราหนึ่ง "เฮอะ… ฮั่นตงเอย คนร่ำลือว่าเจ้าเป็นสุภาพบุรุษ นึกมิถึงเราดีกับเจ้าไม่น้อย ยามเจ้าตกเป็นผู้ต้องหาหลบหนีทางการ มิใช่เราหรือที่ให้ที่พำนักแก่เจ้า ทั้งยังวิ่งเต้นจนมิมีผู้ใดกล้าเอาผิดกับเจ้า
    เหตุใดเจ้าจึงทรยศต่อเรา ทั้งยังทำร้ายเหวินคังจนบาดเจ็บ เวลานี้ก็มาก่อกวนแย่งผู้หญิงกับเราอีก นี่หรือจอมยุทธอายุเยาว์ที่ผู้คนร่ำลือกันว่าดีพร้อมทั้งพลังฝีมือ และการวางตัว เจ้ามันก็เป็นแค่คนเนรคุณคนเท่านั้น!!!"

    มันมั่นใจว่าคำพูดนี้ต้องทำให้ฝ่ายธรรมะที่สับสนอยู่เกิดความรู้สึกในแง่ลบกับฮั่นตงมากขึ้น และทำให้มือปราบหนุ่มต้องหวั่นไหวบ้าง

    หากฮั่นตงไม่เพียงไม่หวั่นไหว มิหนำซ้ำมันซึ่งโดยปกติเป็นคนสำรวมเคร่งขรึม กลับเผยรอยยิ้มออกมา…

    รอยยิ้มนั้นมิได้กว้างขวางเหมือนหลี่เฉินเชียง และมิได้นุ่มนวลดุจดอกไม้แรกแย้มดุจเหวินเหม่ยชิง แต่เมื่อรอยยิ้มของมันปรากฏขึ้น ก็บันดาลให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่น และสนิทสนมอย่างประหลาด

    "ประมุขหลี่ ท่านเลิกเสแสร้งเถิด… เราท่านต่างรู้ดีว่าข้าพเจ้ามิได้ต้องโทษจริงๆ หากแต่ปะปนเข้าพรรคท่านด้วยจุดประสงค์อื่น คำที่ว่าข้าพเจ้าเป็นคนอกตัญญูมิรู้คุณคน จงอย่าได้กล่าวจะประเสริฐกว่า มิเช่นนั้นผู้ที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางจะตำหนิท่านได้ว่าโง่เขลาเบาปัญญา" ฮั่นตงว่า

    หลี่เฉินเชียงชะงักอยู่เนิ่นนานจึงแสร้งยิ้มแย้มให้ฮั่นตง กล่าวตอบโต้อีกฝ่าย

    "นึกมิถึง ที่แท้เจ้าล่วงรู้แต่แรกว่าเราระแวงเจ้า ยังกล้ามายังพรรคของเรา แค่ความกล้าของเจ้าก็ยากยิ่งจะหาผู้ใดเสมอเหมือนแล้ว!" ผู้ยิ่งใหญ่แห่งฉิกจับอิดกล่าวชมเชย

    "ขอบคุณ" ฮั่นตงกล่าวเสียงเรียบอีกครั้ง

    ประมุขฉิกจับอิดค่อยๆเปลี่ยนท่าทีเคร่งขรึมสำรวมกล่าวว่า

    "ก็ได้… เราแม้นทราบว่าเจ้าเข้ามาในพรรคเราเพราะมีจุดประสงค์ แต่ก็ยังปล่อยเลยตามเลย เนื่องเพราะเราชื่นชมในพลังฝีมือ และไหวพริบปฏิภาณของเจ้านึกมิถึงเจ้ากลับทำร้ายคนของเรา เวลานี้ก็ยังคิดขัดขวางเรา"

    ฮั่นตงยังคงยิ้มแย้ม กล่าวตอบโต้กลับไป

    "ที่ท่านยินยอมรับข้าพเจ้าเข้าพรรค ทั้งที่ทราบว่าข้าพเจ้ามีจุดประสงค์นั้น มิใช่ว่าท่านชื่นชมข้าพเจ้าดอก แต่เป็นเพราะเมื่อข้าพเจ้าเข้าพรรค ท่านย่อมสามารถควบคุมบงการข้าพเจ้าได้อย่างใกล้ชิด ท่านสามารถใช้สอยข้าพเจ้าให้ไปทำงานต่างๆ แก่ท่าน เบี่ยงเบนให้ข้าพเจ้าห่างไกลไปจากความลับทั้งหลายที่ท่านซ่อนเร้นได้ และยังมีเหตุผลสำคัญที่สุดอยู่อีกข้อ นั่นคือ..."

    "เจ้าว่ามา" หลี่เฉินเชียงกล่าวเสียงเรียบ ทว่าใบหน้ากลับทอประกายอำมหิตอย่างรุนแรง

    "ท่านถือตนเองเป็นยอดฝีมือในยอดฝีมือ อีกทั้งฉลาดหลักแหลม ศักดิ์ฐานะก็มิธรรมดา ตลอดชั่วชีวิตเคยชินกับการอยู่เหนือผู้อื่น ให้คนนอบน้อมศิโรราบ ดังนั้นเมื่อท่านได้ยินชื่อเสียงข้าพเจ้าจึงเห็นข้าพเจ้าเป็นของท้าทาย คิดอยากเสริมความมั่นใจแก่ตนเองโดยสยบข้าพเจ้าลงให้ได้!!!”

    เว้นนิดหนึ่งกล่าวต่อ

     "ด้วยเหตุผลข้อหลังนี้ แม้ท่านทราบว่าข้าพเจ้ามีจุดประสงค์อื่นก็ยังยินยอมเดินพันดูสักครา ใช่หรือไม่?”

    หลี่เฉินเชียงนิ่งเงียบ บางคราการนิ่งเงียบก็เป็นการยอมรับประการหนึ่ง!!!

    หลายๆอย่างกระจ่างออกมาแล้ว พวกชาวยุทธฝ่ายธรรมะที่เคยสงสัยฮั่นตง บัดนี้กำลังค่อยๆเปลี่ยนแปลงความคิดไปในทางดี ยังหลงเหลือเพียงความระแวงว่าทำไมมือปราบหนุ่มต้องปลอมตัวเป็นเซียนแพทย์เทวะ และเหตุใดรอจนบัดนี้จึงค่อยเปิดเผยตัว

    ฮั่นตงมิได้ไขความนี้ให้กระจ่าง มีเพียงเหวินเหม่ยชิงที่เข้าใจความนัยมากกว่าทุกคน …

    นางทราบว่าคนรักของนางกำลังทำหน้าที่จารชนอยู่ การเปิดเผยตัวเป็นการเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง แทบจะเท่ากับความตายทีเดียว

    และในสถานการณ์ซึ่งฉิกจับอิดกำลังได้เปรียบนี้ ความจริงยังมิใช่กำหนดเวลาที่มันสมควรเปิดเผยตัวออกมาอย่างยิ่ง

    …หากเพราะเพื่อความปลอดภัยของนาง ฮั่นตงกลับมิคำนึงถึงทุกสิ่งยอมกระทำผิดหลักการถึงสองครั้ง
    คราวก่อนมันยอมเสี่ยงลงมือต่อซิเหวินคัง จนไม่อาจใช้ชื่อเก่าทำงานในฉิกจับอิดได้อีก ต้องล่าถอยไปปลอมกายเป็นเซียนแพทย์เทวะ และครั้งนี้เพราะเพื่อนางที่ถูกบีบคั้นจนหมดสิ้นหนทาง ฮั่นตงก็ยังยอมสลัดคราบเซียนแพทย์เทวะเพื่อช่วยเหลือนางเช่นเดิม

    "ฮั่นตงเอย เพื่อข้าพเจ้า ท่านกลับทุ่มเทมิใช่น้อย" เหวินเหม่ยชิงพึมพำเสียงเบา

    ขณะเดียวกันประมุขฉิกจับอิดกำลังมีอารมณ์แปรปรวน บทสนทนาที่มันตั้งใจจะทำให้พวกหอห้ากระบี่โกรธแค้นฮั่นตงยิ่งขึ้น กลับกลายเป็นการเปิดโอกาสให้ฮั่นตงได้แก้ตัว และเป็นการเผยธาตุแท้ของตัวมันเอง
    มันค่อยๆตระหนักว่า ฮั่นตงไม่แน่ว่าฉลาดกว่ามัน แต่เป็นคนแรกที่อ่านมันทะลุ และ สามารถฉกฉวยช่องโหว่จากนิสัยของมันได้

    หากในอารมณ์อันหลากหลายของหลี่เฉินเชียง มีอารมณ์หนึ่งเป็นความปิติยินดี

    มันยินดีที่สามารถพบคู่ต่อสู้ซึ่งอาจต่อกรกับมันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อในที่สุด!!!

    …บางทีคนผู้หนึ่งเมื่อขึ้นถึงระดับของมันแล้ว จะหามิตรผู้รู้ใจก็ยากยิ่ง แต่จะหาศัตรูผู้เท่าเทียมกันยังยากยิ่งกว่า…

    แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 47 03:10:47

    จากคุณ : ทีมแต่งนิยาย - [ 16 ธ.ค. 47 22:33:26 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป