. ดิฉันได้แต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งดิฉันรักเขามากและคิดว่าเขาก็รักเขามากเช่นเดียวกัน
เขาเป็นคนไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ดิฉันไม่เคยเห็นเขามองใครเลยนอกจากดิฉัน
แต่ใครเล่าจะรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
หลังจากเราแต่งงานกันเราได้แยกครอบครัวมาปลูกบ้านอยู่กันตามลำพัง เมื่อมีภาระต้องผ่อน
ชำระบ้านที่ปลูกกับธนาคารทำให้เราต้องช่วยกันทำงาน เรื่องงานบ้านของดิฉันจึงไม่ได้ทำ เพราะเหนื่อย
จากการทำงานมามากแล้ว ดิฉันจึงต้องจ้างเด็กรับใช้เพื่อดูแลบ้าน ดิฉันไม่จ้างคนรับใช้ผู้ชายเพราะกลัวว่า
จะถูกทำร้ายหรือปล้นจึงจ้างเด็กรับใช้ผู้หญิง ซึ่งสิ่งที่ดิฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยก็ได้เกิดขึ้น
วันหนึ่งดิฉันกับสามีออกไปทำงานพร้อมกันเหมือนกับเช่นทุกวันซึ่งเขาจะขับรถไปส่งดิฉันที่
ที่ทำงานก่อนแล้วก็จะขับไปทำงานต่อและตอนเย็นก็จะขับรถมารับดิฉันที่ที่ทำงานเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน
บังเอิญดิฉันเอางานกลับไปทำที่บ้านแต่ลืมเอามาจะโทรไปหาสามีก็เกรงใจจึงขึ้นแท็กซี่กลับมาเอาเอง ดิฉัน
จึงได้พบกับสิ่งที่ดิฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดกับครอบครัวที่ดิฉัน ดิฉันเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปหยิบ
เอกสารที่ลืมไว้เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ได้พบกับภาพอันบาดตาบนเตียงของดิฉันระหว่างเด็กรับใช้ผู้หญิงกับ
สามีของดิฉันบนเตียงที่เรานอนร่วมกันในสภาพเปลือยเปล่า ทั้งคู่ตกใจมากเพราะคงไม่คิดว่าดิฉันจะกลับมา
วันรุ่งขึ้นดิฉันก็ต้องทำงานหนักขึ้นเพราะต้องทำงานบ้านด้วยเนื่องจากการเลิกจ้างเด็กรับใช้
ส่วนสามีก็รับปากกับดิฉันว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ดิฉันเชื่อ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาจนแต่งงานกัน
เขาไม่เคยทำอะไรที่จะส่อถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้นนี้เลย จึงคิดว่าน่าจะเป็นการให้ท่าของเด็กมากกว่าเพราะ
ความอยากจะเป็นคุณนาย ความสุขในครอบครัวก็กลับมาใหม่ เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ซึ่งดิฉันนึกว่า
คงไม่มีความสุขใดเท่านี้อีกแล้ว
สิบปีต่อมาดิฉันกับสามีก็ยังไม่มีลูกด้วยกัน เคยไปหาหมอหลายครั้งก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
วันหนึ่งเพื่อนหญิงของดิฉันโทรมาบอกว่าเขากำลังจัดงานวันเกิดให้ลูกสาวคนเล็ก ความจริงเขาชวนฉัน
ไปบ้านหลายครั้งเพื่อจะแนะนำให้รู้จักกับสามีของเขาแต่ดิฉันก็ไม่เคยว่างเลยสักที บังเอิญวันนั้นงาน
ไม่มากเลยมีเวลาแวะไปหาเพื่อน แต่แล้วดิฉันกลับคิดว่าที่จริงแล้วดิฉันไม่ควรไปงานวันเกิดลูกของเพื่อนเลย
ดิฉันไปบ้านเพื่อนโดยโทร.ถามทางไปตลอด อ้อลืมบอกไปว่าดิฉันได้ซื้อรถอีกคันหนึ่งเพื่อสามี
ดิฉันจะได้ไม่ต้องคอยเทียวไปเทียวมา คือต่างคนต่างขับรถไปทำงานเอง เมื่อไปถึงงานกำลังเริ่มพอดี ดิฉัน
จอดรถหน้าบ้านพร้อมกับกดกริ่งหน้าประตูรั้วเพื่อให้เพื่อนออกมาเปิดรับ แต่คุณคงไม่เชื่อหรอกว่าดิฉันเจอ
กับอะไร คนที่เปิดประตูรับคือสามีของดิฉันเอง เขาผงะด้วยความตกใจ พร้อมกับอุทานชื่อดิฉันออกมา
แต่ก่อนที่ดิฉันจะพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังแว่ว ๆ ตามหลังออกมา "เพื่อนดิฉันมาแล้วหรือคะ"
ตามด้วยหน้าเพื่อนได้โผล่ประตูตามออกมา พร้อมกับลูกที่อุ้มออกมาด้วย "อ้าว เธอรู้จักสามีฉันแล้วหรือ
เราอยู่ด้วยกันมาตั้งห้าปีแล้วหล่ะ แต่ฉันไม่กล้าบอกใครเพราะเราไม่ได้จดทะเบียนกัน" ดิฉันถึงกับพูดไม่ออก
ก้อนสะอื้นมันดันขึ้นมาจนจุกแน่นไปหมด พอกันทีชีวิตคู่
ดิฉันขับรถออกมาจากที่นั้นโดยไม่พูดอะไรและไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น หลังจากวันนั้นดิฉันก็ไม่ได้เจอ
กับเขาอีก "สามีตัวดีของดิฉัน" ดิฉันคิดว่าคงไว้ใจผู้ชายไม่ได้อีกแล้วขนาดว่าได้ขนาดนี้แล้วก็ยังทำกับดิฉันได้
แต่ดิฉันก็อยู่คนเดียวไม่ได้นาน
วันหนึ่งในสองสามปีถัดมา สามีของดิฉันก็กลับมาพร้อมกับคำขอโทษและขอให้ยกโทษให้
เขาบอกว่าเขาเลิกกับเพื่อนของดิฉันแล้วเพราะจับได้ว่าเธอมีชู้ ส่วนลูกสาวเพื่อนเอาไปด้วย เขาอ้อนวอนขอคืนดี
เขาบอกว่าเขาสำนึกผิดแล้ว ซึ่งเขาได้พยายามทำตัวดีอยู่เป็นเวลาถึง 1 ปีเต็ม แล้วเขาก็ทำตัวดีจริงโดยเขาไม่เคย
มองผู้หญิงอื่นอีกเลย ดูเหมือนกับว่าดิฉันก็ได้ให้อภัยกับเขาแล้ว เขาดีใจมากเขาเฝ้ากล่าวขอบคุณดิฉันไม่
ขาดปากแต่ซึ่งก็น่าจะแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ไม่ดีได้สิ้นสุดไปจากชีวิตคู่ของเราแล้ว แต่กลับเป็นว่าบางอย่าง
กำลังจะจบสิ้นลงจริง ๆ
หลังจากเรากลับมาคืนดีกันดิฉันก็ทำกับข้าวให้เขาทุกวันทั้งตอนเช้าและหลังกลับเลิกงาน บางครั้ง
เราก็จะลาพักร้อนพร้อมกันเพื่อไปเที่ยวต่างจังหวัด ระยะหลังสุขภาพเขาทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ ผอมลง ทานน้อย
ไปให้หมอตรวจหลายครั้งก็ไม่พบสาเหตุ เขาเป็นอย่างนี้มาเป็นเวลาถึงสิบปี ในที่สุดเขาก็จากไปด้วยอาการอัน
สงบ หมอลงความเห็นว่าหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวาย ดิฉันไม่มีน้ำตาให้แม้แต่หยดเดียว เพราะดิฉันเคยเสีย
น้ำตาให้กับเขามามากแล้ว แม้เขาจะกลับตัวได้จริง ๆ ก็ตาม แต่ในใจดิฉันก็ยังจำเรื่องที่เขาทำกับดิฉันได้
ตลอดเวลา
ความตายของเขาไม่ได้ทำให้ดิฉันรู้สึกดีขึ้นเลย กลับยิ่งทำให้ดิฉันไม่สามารถสงบใจลงได้
เพราะทุกครั้งที่ดิฉันนอนหลับ ดิฉันจะฝันถึงเขาอยู่เสมอ ความฝันของดิฉันอาจเป็นเพราะความรู้สึกบาปในใจ
ของดิฉันเองหรือวิญญาณของเขาก็ยากที่จะเดา ดิฉันฝันเห็นใบหน้าเศร้าๆของเขา พร้อมคำพูดตัดพ้อซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า
"เธอไม่น่าทำกับฉันเลยๆ ๆ ๆ"
และนี่แหละคือสาเหตุที่ดิฉันจะต้องเล่าให้ใครสักคนฟัง ความจริงแล้วเขาไม่ได้ป่วยตายเองหรอก
ดิฉันเป็นคนทำเองคือทุกครั้งที่ดิฉันทำอาหารหรือเอาน้ำให้เขาดื่มดิฉันจะไม่ลืมที่จะใส่ยาฆ่าแมลงให้เขากินด้วย
ในปริมาณเพียงหนึ่งหยดเล็ก ๆ น้อยจนไม่รู้สึกถึงสีและกลิ่น ซึ่งแม้แต่การตรวจทางการแพทย์ก็ไม่สามารถตรวจได้
ดิฉันได้ใส่ให้เขากินทุกวันทุกวันพร้อมกับเฝ้าดูแลเขาอย่างเป็นห่วงเป็นใยเป็นเวลาถึง 10 ปี จนกระทั่งเห็นเขา
ตายไปต่อหน้า ดิฉันเฝ้ามองอาการเขาที่ทรุดลงไปเรื่อย ๆ บางครั้งก็คิดที่จะเลิกทำ แต่ภาพสะเทือนใจในอดีต
ที่เขาทำกับดิฉันก็ยังตามหลอกหลอนดิฉันอยู่ตลอดเวลา ดิฉันจึงยังคงใส่ยาให้เขากินต่อไปเรื่อย ๆ
พร้อมกับดูวาระสุดท้ายของเขา ด้วยใจอันสงบ
คุณคิดว่าดิฉันผิดหรือเปล่า ?
.
.
จากคุณ :
มาตาปิตุรักษ์
- [
19 ธ.ค. 47 02:28:56
]