CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ผิดหรือเปล่า !

    .                   ดิฉันได้แต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งดิฉันรักเขามากและคิดว่าเขาก็รักเขามากเช่นเดียวกัน
    เขาเป็นคนไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน  ดิฉันไม่เคยเห็นเขามองใครเลยนอกจากดิฉัน
    แต่ใครเล่าจะรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร

                       หลังจากเราแต่งงานกันเราได้แยกครอบครัวมาปลูกบ้านอยู่กันตามลำพัง เมื่อมีภาระต้องผ่อน
    ชำระบ้านที่ปลูกกับธนาคารทำให้เราต้องช่วยกันทำงาน  เรื่องงานบ้านของดิฉันจึงไม่ได้ทำ เพราะเหนื่อย
    จากการทำงานมามากแล้ว ดิฉันจึงต้องจ้างเด็กรับใช้เพื่อดูแลบ้าน  ดิฉันไม่จ้างคนรับใช้ผู้ชายเพราะกลัวว่า
    จะถูกทำร้ายหรือปล้นจึงจ้างเด็กรับใช้ผู้หญิง  ซึ่งสิ่งที่ดิฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยก็ได้เกิดขึ้น

                       วันหนึ่งดิฉันกับสามีออกไปทำงานพร้อมกันเหมือนกับเช่นทุกวันซึ่งเขาจะขับรถไปส่งดิฉันที่
    ที่ทำงานก่อนแล้วก็จะขับไปทำงานต่อและตอนเย็นก็จะขับรถมารับดิฉันที่ที่ทำงานเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน
    บังเอิญดิฉันเอางานกลับไปทำที่บ้านแต่ลืมเอามาจะโทรไปหาสามีก็เกรงใจจึงขึ้นแท็กซี่กลับมาเอาเอง  ดิฉัน
    จึงได้พบกับสิ่งที่ดิฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดกับครอบครัวที่ดิฉัน  ดิฉันเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปหยิบ
    เอกสารที่ลืมไว้เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ได้พบกับภาพอันบาดตาบนเตียงของดิฉันระหว่างเด็กรับใช้ผู้หญิงกับ
    สามีของดิฉันบนเตียงที่เรานอนร่วมกันในสภาพเปลือยเปล่า ทั้งคู่ตกใจมากเพราะคงไม่คิดว่าดิฉันจะกลับมา

                       วันรุ่งขึ้นดิฉันก็ต้องทำงานหนักขึ้นเพราะต้องทำงานบ้านด้วยเนื่องจากการเลิกจ้างเด็กรับใช้
    ส่วนสามีก็รับปากกับดิฉันว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก  ดิฉันเชื่อ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาจนแต่งงานกัน
    เขาไม่เคยทำอะไรที่จะส่อถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้นนี้เลย  จึงคิดว่าน่าจะเป็นการให้ท่าของเด็กมากกว่าเพราะ
    ความอยากจะเป็นคุณนาย  ความสุขในครอบครัวก็กลับมาใหม่  เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ซึ่งดิฉันนึกว่า
    คงไม่มีความสุขใดเท่านี้อีกแล้ว

                       สิบปีต่อมาดิฉันกับสามีก็ยังไม่มีลูกด้วยกัน  เคยไปหาหมอหลายครั้งก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น  
    วันหนึ่งเพื่อนหญิงของดิฉันโทรมาบอกว่าเขากำลังจัดงานวันเกิดให้ลูกสาวคนเล็ก  ความจริงเขาชวนฉัน
    ไปบ้านหลายครั้งเพื่อจะแนะนำให้รู้จักกับสามีของเขาแต่ดิฉันก็ไม่เคยว่างเลยสักที  บังเอิญวันนั้นงาน
    ไม่มากเลยมีเวลาแวะไปหาเพื่อน  แต่แล้วดิฉันกลับคิดว่าที่จริงแล้วดิฉันไม่ควรไปงานวันเกิดลูกของเพื่อนเลย

                       ดิฉันไปบ้านเพื่อนโดยโทร.ถามทางไปตลอด   อ้อลืมบอกไปว่าดิฉันได้ซื้อรถอีกคันหนึ่งเพื่อสามี
    ดิฉันจะได้ไม่ต้องคอยเทียวไปเทียวมา  คือต่างคนต่างขับรถไปทำงานเอง  เมื่อไปถึงงานกำลังเริ่มพอดี  ดิฉัน
    จอดรถหน้าบ้านพร้อมกับกดกริ่งหน้าประตูรั้วเพื่อให้เพื่อนออกมาเปิดรับ  แต่คุณคงไม่เชื่อหรอกว่าดิฉันเจอ
    กับอะไร  คนที่เปิดประตูรับคือสามีของดิฉันเอง  เขาผงะด้วยความตกใจ พร้อมกับอุทานชื่อดิฉันออกมา
    แต่ก่อนที่ดิฉันจะพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังแว่ว ๆ ตามหลังออกมา  "เพื่อนดิฉันมาแล้วหรือคะ"
    ตามด้วยหน้าเพื่อนได้โผล่ประตูตามออกมา พร้อมกับลูกที่อุ้มออกมาด้วย  "อ้าว เธอรู้จักสามีฉันแล้วหรือ
    เราอยู่ด้วยกันมาตั้งห้าปีแล้วหล่ะ แต่ฉันไม่กล้าบอกใครเพราะเราไม่ได้จดทะเบียนกัน"  ดิฉันถึงกับพูดไม่ออก
    ก้อนสะอื้นมันดันขึ้นมาจนจุกแน่นไปหมด  พอกันทีชีวิตคู่

                       ดิฉันขับรถออกมาจากที่นั้นโดยไม่พูดอะไรและไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น  หลังจากวันนั้นดิฉันก็ไม่ได้เจอ
    กับเขาอีก  "สามีตัวดีของดิฉัน"    ดิฉันคิดว่าคงไว้ใจผู้ชายไม่ได้อีกแล้วขนาดว่าได้ขนาดนี้แล้วก็ยังทำกับดิฉันได้
    แต่ดิฉันก็อยู่คนเดียวไม่ได้นาน

                       วันหนึ่งในสองสามปีถัดมา  สามีของดิฉันก็กลับมาพร้อมกับคำขอโทษและขอให้ยกโทษให้
    เขาบอกว่าเขาเลิกกับเพื่อนของดิฉันแล้วเพราะจับได้ว่าเธอมีชู้  ส่วนลูกสาวเพื่อนเอาไปด้วย  เขาอ้อนวอนขอคืนดี
    เขาบอกว่าเขาสำนึกผิดแล้ว  ซึ่งเขาได้พยายามทำตัวดีอยู่เป็นเวลาถึง 1 ปีเต็ม  แล้วเขาก็ทำตัวดีจริงโดยเขาไม่เคย
    มองผู้หญิงอื่นอีกเลย  ดูเหมือนกับว่าดิฉันก็ได้ให้อภัยกับเขาแล้ว  เขาดีใจมากเขาเฝ้ากล่าวขอบคุณดิฉันไม่
    ขาดปากแต่ซึ่งก็น่าจะแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ไม่ดีได้สิ้นสุดไปจากชีวิตคู่ของเราแล้ว  แต่กลับเป็นว่าบางอย่าง
    กำลังจะจบสิ้นลงจริง ๆ

                       หลังจากเรากลับมาคืนดีกันดิฉันก็ทำกับข้าวให้เขาทุกวันทั้งตอนเช้าและหลังกลับเลิกงาน  บางครั้ง
    เราก็จะลาพักร้อนพร้อมกันเพื่อไปเที่ยวต่างจังหวัด  ระยะหลังสุขภาพเขาทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ ผอมลง  ทานน้อย
    ไปให้หมอตรวจหลายครั้งก็ไม่พบสาเหตุ  เขาเป็นอย่างนี้มาเป็นเวลาถึงสิบปี  ในที่สุดเขาก็จากไปด้วยอาการอัน
    สงบ  หมอลงความเห็นว่าหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวาย   ดิฉันไม่มีน้ำตาให้แม้แต่หยดเดียว เพราะดิฉันเคยเสีย
    น้ำตาให้กับเขามามากแล้ว  แม้เขาจะกลับตัวได้จริง ๆ ก็ตาม แต่ในใจดิฉันก็ยังจำเรื่องที่เขาทำกับดิฉันได้
    ตลอดเวลา

                       ความตายของเขาไม่ได้ทำให้ดิฉันรู้สึกดีขึ้นเลย กลับยิ่งทำให้ดิฉันไม่สามารถสงบใจลงได้
    เพราะทุกครั้งที่ดิฉันนอนหลับ ดิฉันจะฝันถึงเขาอยู่เสมอ ความฝันของดิฉันอาจเป็นเพราะความรู้สึกบาปในใจ
    ของดิฉันเองหรือวิญญาณของเขาก็ยากที่จะเดา ดิฉันฝันเห็นใบหน้าเศร้าๆของเขา พร้อมคำพูดตัดพ้อซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า


    "เธอไม่น่าทำกับฉันเลยๆ ๆ ๆ"


                       และนี่แหละคือสาเหตุที่ดิฉันจะต้องเล่าให้ใครสักคนฟัง ความจริงแล้วเขาไม่ได้ป่วยตายเองหรอก
    ดิฉันเป็นคนทำเองคือทุกครั้งที่ดิฉันทำอาหารหรือเอาน้ำให้เขาดื่มดิฉันจะไม่ลืมที่จะใส่ยาฆ่าแมลงให้เขากินด้วย
    ในปริมาณเพียงหนึ่งหยดเล็ก ๆ น้อยจนไม่รู้สึกถึงสีและกลิ่น ซึ่งแม้แต่การตรวจทางการแพทย์ก็ไม่สามารถตรวจได้
    ดิฉันได้ใส่ให้เขากินทุกวันทุกวันพร้อมกับเฝ้าดูแลเขาอย่างเป็นห่วงเป็นใยเป็นเวลาถึง 10 ปี จนกระทั่งเห็นเขา
    ตายไปต่อหน้า ดิฉันเฝ้ามองอาการเขาที่ทรุดลงไปเรื่อย ๆ บางครั้งก็คิดที่จะเลิกทำ แต่ภาพสะเทือนใจในอดีต
    ที่เขาทำกับดิฉันก็ยังตามหลอกหลอนดิฉันอยู่ตลอดเวลา ดิฉันจึงยังคงใส่ยาให้เขากินต่อไปเรื่อย ๆ
    พร้อมกับดูวาระสุดท้ายของเขา  ด้วยใจอันสงบ


    คุณคิดว่าดิฉันผิดหรือเปล่า ?
    .
    .

    จากคุณ : มาตาปิตุรักษ์ - [ 19 ธ.ค. 47 02:28:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป