CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    เจ้าชายหิมะ ตอนที่ 10

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3164381/W3164381.html

    ตอนที่แล้ว

    ==========  


    Pearly  Dantean

    ห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่นัก  มีแสงสว่างรอดผ่านจากช่องด้านบนได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น  จึงทำให้ห้องมืดสลัว  และดูอับ ๆ พื้นปูด้วยฟางแห้ง  มีเตียงเก่า ๆ ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง  มีผนังอยู่เพียงสามด้าน  ด้านที่เหลือประกอบด้วยไม้เป็นซี่ ๆ เรียงกันเป็นกรงขังดีดีนี่เอง

    หญิงสาวเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องขัง  สมองครุ่นคิดอย่างหนัก  เกิดคำถามขึ้นมาอย่างมากมาย  คำพูดของชายหนุ่มคนนั้นจะเชื่อถือได้หรือไม่  คนที่ลอบเข้ามาหาเธอเมื่อสามวันก่อน   เธอควรทำตามที่เขาบอกหรือไม่   แต่เธอไม่มีทางเลือกเอาเสียเลย  หากทุกคำพูดที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง   เธอควรอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือเขา  ที่สำคัญเธอไม่สนใจว่าเธอจะหนีรอดออกจากที่นี่ได้หรือไม่   ขอเพียงเธอได้มีโอกาสแก้แค้นให้พ่อแม่ของเธอ   เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว   เหลือวันนี้อีกเพียงวันเดียว  เธอจะต้องเข้าพิธีเซค์แล้ว  เธอจะทำอย่างไรดี?

    มองดูไม้เล็กแหลมคมสามอันที่เขาให้ไว้ติดตัวเพื่อใช้ยามจำเป็น  โดยเฉพาะเมื่อพบหัวหน้ากบฎริกเกอร์  แล้วรีบเก็บซ่อนอาวุธดังกล่าวเอาไว้ทันที  เมื่อได้ยินเสียงโซ่ตรวนดังขึ้นจากการไขกุญแจประตูเหล็กด้านบน   เสียงรองเท้าและการเดินหนัก ๆ ลงบรรไดหิน  เสียงนั้นดังใกล้เข้ามา  กุญแจโซ่ขนาดใหญ่หน้าห้องขังของเธอถูกไขให้เปิดออก  ร่างยักษ์ของโจรหน้าตาดุดันโผล่หน้าเข้ามา

    “ข้าได้รับคำสั่งให้มาพาเจ้าไปตรวจร่างกาย  และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  เพื่อรอเข้าพิธีเซค์ในวันพรุ่งนี้”  สิ้นเสียงกร้าว  เธอถูดฉุดกระชากลากตัวไปทันที

    หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว   หญิงสาวถูกเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ขมุกขมอมและเต็มไปด้วยฝุ่นและขี้ดิน  เป็นชุดสีขาวสะอาดตา  ความงามของวัยสาว  ผิวพรรณอันผุดผ่อง  ทำให้เธอกลายเป็นหญิงงามในพริบตา

    ดวงตาคู่งามนั้นสะดุจเล็กน้อยเมื่อถูกนำตัวมาตรวจร่างกาย  เธอจำได้เขาคือคนที่ลอบเข้าไปพบเธอในห้องขังเมื่อสองวันก่อน  ที่แท้เขาเป็นหมอในค่ายโจรนี่หรอกหรือ?  แสงสว่างทำให้มองเห็นใบหน้าอันอ่อนโยนและความคมเข้มบนใบหน้าชายหนุ่มชัดเจน

    “โปรดนำมือของเจ้าออกมาวางข้างหน้า”  เสียงสุภาพที่เอ่ยขึ้น  ทำให้หญิงสาวแปลกใจ  ในความแตกต่างของกิริยาหมอโจรหนุ่ม  ที่แตกต่างจากโจรคนอื่นโดยสิ้นเชิง  

    ทั้งคู่สบตากันครู่หนึ่งราวกับกำลังอ่านใจของกันและกัน

    ซีนิธสังเกตสีเล็บทุกนิ้วของเธอเป็นเป็นมันเงาวับ และเป็นสีชมพูระเรื่อ  แสดงถึงสุขภาพโดยรวมของเธอสมบูรณ์ดี   แล้วยกมือแตะข้อมือของหญิงสาวแผ่วเบาด้วยความสุภาพเผื่อจับดูชีพจรการเต้นของหัวใจ   และตรวจเบื้องต้นส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจนเสร็จเรียบร้อย

    “สุขภาพของเจ้าแข็งแรงดี  ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง  ทำอะไรด้วยสติ  อย่าตื่นเต้นตกใจจนเกินไป”  สองประโยคสุดท้ายราวกับจะบอกบางสิ่งบางอย่างอยู่นัย ๆ

    “ขอให้เจ้าเชื่อข้านะ”

    สาวน้อยพยักหน้ารับ

    วันใหม่เดินทางมาถึง  บริเวณพิธีเซค์ผ้าสีขาวถูกขึงจนตึงล้อมรอบเป็นรูปสี่เหลี่ยม  โต๊ะยันต์พิธีตั้งอยู่ด้านหน้าของกระโจมสีขาวซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก  มีทางเข้าออกได้อยู่เพียงทางเดียว  ทหารโจรรายล้อมอยู่ด้านนอกของผ้าสีขาวเป็นพันนาย  เมื่อดวงตะวันเคลื่อนตัวมาตรงศรีษะ เป็นเวลาฤกษ์ดีที่สุดที่จะประกอบพิธี

    กระถางไฟถูกจุดขึ้นหมายถึงพิธีกรรมเริ่มต้นขึ้นแล้ว  เสียงสวดมนต์ร่ายคาถาเสียงต่ำ ๆ ประสานเสียงกันดังคลอตลอดเวลาของเหล่านักพรต  เพิ่มความขลังและศักดิ์สิทธิ์   เมฆหมอกสีเทาทะมึนเริ่มเคลื่อนตัวมาบดบังดวงอาทิตย์ให้หม่นมัว  ลมพัดแรงจนใบไม้เอนลู่ไหวไปเป็นทางเดียวกัน  เสียงลมอื้ออึงอล  หวีดหวิว  และเสียงใบไม้เสียดสีกันปะปนกับเสียงร้องโหยหวนของปิศาจดังกึกก้องทั่วสารทิศ  ท้องฟ้าปรากฎสายฟ้าแลบแปลบปลาบ   รอบนอกของพิธีเกิดฝนตกหนักอย่างบ้าคลั่ง  

    บรรดาระดับหัวหน้าโจรยืนเข้าแถวหน้ากระดานขนาบข้างซ้ายขวาลดหลั่นกันตามฐานะ  หัวแถวด้านขวาปรากฏร่างของหนุ่มใหญ่  ขุนโจรวาร์เดอร์หัวหน้าโจรฝ่ายขวายืนนิ่งด้วยความสงบเมื่อมองจากภายนอก  แต่ในใจเต็มไปด้วยความเป็นห่วงกังวลในตัวบุตรชายยิ่งนัก

    หัวหน้ากบฏริกเกอร์ยืนนิ่งมองสาวน้อยในชุดสีขาวถูกนำเข้ามาในปรำพิธี    เมื่อเดินมาใกล้ถึงโต๊ะยันต์พิธีศักดิ์สิทธิ์  ทหารโจรสองคนปล่อยมือจากแขนของหญิงสาว   ก่อนถอยหลัง  โค้งคำนับให้หัวหน้ากบฎอย่างนอบน้อม  แล้วหันหลังเดินออกไป

    “เจ้าชื่ออะไร”  เสียงอันทรงพลังเอ่ยถาม  

    ชายหนุ่มใหญ่อยู่ในชุดขาวสะอาจตาเช่นกัน  บุคลิกน่าเกรงขาม ผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่า  หยักโศกเล็กน้อย  เพิ่มความคมเข้มของใบหน้าอันหล่อเหลา  รอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากทำให้เขาดูมีเสน่ห์  ดวงตาคมเข้มสีนิลที่ไม่เคยครั่นคร้ามหวาดกลัวต่อสิ่งใดคู่นั้น  แฝงความเลือดเย็น และร้ายลึกซ่อนอยู่ข้างใน  ถึงแม้เขาจะมีอายุเกือบ 60 ปี  แต่ยังดูหนุ่มมากและเต็มไปด้วยพละกำลังความแข็งแกร่ง

    หญิงสาวพยายามมีสติ  แม้จะยังอดตื่นเต้นไม่ได้  ได้ยินเสียงเต้นรัวของหัวใจของตัวเองดังอยู่ตลอดเวลา  

    “ข้าชื่อเพอลี่  แดนเทียน์”  

    มหาโจรหนุ่มใหญ่สบตาของเด็กสาวอยู่ครู่หนึ่ง   เธอรู้สึกแปลกเหมือนสูญเสียการควบคุมตนเอง  หลังจากสบตาคมเข้มที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจคู่นั้นแล้ว  ราวกับตกอยู่ใต้มนต์สะกด

    หนุ่มใหญ่ยื่นมือขวาออกมาข้างหน้า

    สาวน้อยวางมือของตนเองลงบนฝ่ามืออันใหญ่โตของบุรุษตรงหน้า  เขาสัมผัสมือของเธอแผ่วเบา พาเดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์  ความรู้สึกเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นที่เธอรับรู้ความเป็นตัวของตัวเองได้  นอกนั้นไม่อาจฝืนความต้องการของบุรุษชุดขาวข้างกายได้เลย

    “ซีนิธ…ท่านเตรียมพร้อมแล้วใช่มั้ย….??”  ความรู้สึกเลือนลางที่หลงเหลือน้อยนิดเหมือนเป็นเพียงเส้นด้ายบางเบาแห่งความกังวลใจ

    พิธีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว……..

    ============  





    เจ้าชายแรร์เน็สได้แต่ยืนมองเจ้าหญิงเดินจากไป  เมื่อเธอพยายามบอกความต้องการของตนเองว่าควรแยกทางกันตรงนี้  เขาเข้าใจผิดหรือเปล่า…?  อยากให้เป็นเพียงการเข้าใจผิดเท่านั้น   แต่ทำไมเธอถึงพยายามยืนยันความต้องการของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า  ความรู้สึกหนึ่งบอกตัวเองว่า  เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะรั้งเธอเอาไว้   เกิดคำถามขึ้นในใจมากมาย  ไม่เข้าใจตัวเอง  ทำไมถึงรู้สึกไม่อยากให้เธอจากไปอย่างนี้  แต่ไม่อาจพูดถ้อยคำเพื่อรั้งให้เธออยู่…และเดินทางไปด้วยกันอย่างที่ใจคิด   แต่ที่ทำได้คือ  การหันหลังเดินจากเธอมา  ตามที่เธอต้องการ  

    เจ้าชายเริ่มรู้สึกแปลก ๆ  ความรู้สึกนั้นไม่อาจรู้ได้ว่าเรียกว่าอะไร  แต่เป็นความรู้สึกดี  รู้สึกสบายใจ  ที่ได้อยู่ใกล้เธอ   และความรู้สึกนี้ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าหญิงดวงตาสีเขียวสดใส   ด้วยเกรงว่าอาจจะไม่สามารถควบคุมความรู้สึกนี้ได้  ความรู้สึกที่ว่า  ไม่อยากให้เธอจากไป  มันรู้สึกแย่ในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก  จึงตัดใจให้เธอเดินจากไป…

    “เจ้ามีหน้าที่ต้องคอยดูแล  และปกป้องคน ๆ หนึ่ง”  เสียงของบิดาดังขึ้นมาในหัวสมอง

    นั่นสิ!  เธอเป็นผู้อ่านคาถา  หากถูกฝ่ายมืดจับตัวไป  ความหายนะต้องอุบัติขึ้นบนโลกนี้แน่  ทำไมข้าถึงลืมคิดถึงข้อนี้นะ  

    อีกความคิดหนึ่งเริ่มให้เหตุผล  ที่ควรแก่การยอมรับอย่างรวดเร็ว

    และที่จริงแล้ว   เขาต้องมาฆ่าผู้อ่านคาถา  เป็นความผิดของเขา  ที่ไม่อาจตัดใจฆ่าเธอได้ลง  เขาต้องรับผิดชอบหากสิ่งใดจะเกิดขึ้นหลังจากนี้  เจ้าชายหันหลังกลับ  เดินกลับไปทางเดิมทันที  


    “แรร์เน็ส………………..”  เจ้าชายรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของเจ้าหญิงเฟรนรี่จากที่ไหนสักแห่ง   เงยหน้ามองท้องฟ้ากว้าง  หันซ้ายหันขวา  ราวกับจะค้นหาแหล่งที่มาของเสียง  แม้จะรู้ดีว่าขณะนี้เขาและเธออยู่ห่างไกลกันเป็นกิโล   แต่ทว่า…ทำไมถึงได้ยินเสียงของเธอ  และสัมผัสได้ถึงคลื่นเสียงนั้นบ่งบอกความตกใจกลัว  และต้องการความช่วยเหลือจากเขา  

    สมองยังไม่ทันสั่งอะไร  เท้ากลับไวกว่าความคิด  เจ้าชายผมเทารีบวิ่งไปอย่างรวดเร็วราวสายลมกรด  มุ่งหน้าไปตามเส้นทางเดิมที่เดินแยกจากเธอมา  ต้นไม้สองข้างทางลู่เอนไปทางเดียวกันตามแรงความเร็วของการเคลื่อนที่ของเจ้าชาย  

    “แรร์เน็สช่วยข้าด้วย!!” เสียงเจ้าหญิงยังคงร้องตะโกนให้ได้ยิน  ยิ่งทำให้หัวใจของเจ้าชายร้อนรน

    โจรสิบกว่าคนวิ่งไล่ตามหลังเจ้าหญิงเฟรนลี่มาติด ๆ   เมื่อเจ้าชายผมเทาวิ่งมาถึง  รีบคว้ามือเจ้าหญิงพาวิ่งไปทันที  ด้วยคิดว่าการปะทะกันอาจมีการบาดเจ็บล้มตาย  ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจ้าชายเลยที่จะเอาชนะสมุนโจรชั้นต่ำเหล่านั้น  แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวน้อยคนนี้  กลับรู้สึกไม่อยากประหัตถ์ประหารชีวิตของใครหากไม่จำเป็นจริง ๆ

    วิ่งมาได้ซักพักใหญ่  เมื่อเหลียวหลังยังเห็นเหล่าโจรยังวิ่งตามมาอย่างไม่ลดละ   แต่หนทางหนีเริ่มลาดชันขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเป็นทางขึ้นเขา   เจ้าหญิงรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน  ขาหมดแรงจนวิ่งไม่ไหว

    “แรร์เน็ส…”  เจ้าหญิงรั้งมือเจ้าชายไว้  ก้มตัวลงต่ำพลางหอบหายใจถี่ ๆ มือข้างหนึ่งจับหัวเข่าของตัวเองไว้แน่น ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความเหน็ดเหนื่อย  

    “ข้า…ไป…ไม่…ไหว…แล้ว…”  เจ้าหญิงพูดสลับกับการหายใจเข้าออกแรง ๆ

    บุรุษผมเทาหันกลับมามองอาการเหนื่อยล้าของเจ้าหญิง  รู้ดีว่าเธอคงไปไม่ไหวอีกแล้ว  หันกลับไปมองพวกโจรที่ยังได้ยินเสียงเอะอะโวยวายตามมาอยู่ไม่ไกลนัก  หันซ้ายหันขวามองหามุมหลบภัย  มองเห็นพุ่มไม้หนาข้างหน้าผา  น่าจะเป็นมุมหลบภัยที่ดี  พวกโจรคงไม่สังเกตเห็นและต้องวิ่งเลยไปอย่างแน่นอน  คิดดังนั้นแล้ว  จึงรีบจูงเจ้าหญิงเข้าไปหลบในพุ่มไม้หนานั้น  

    ทุกอย่างก้าวต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง  เนื่องจากเป็นเพียงไหล่เขาแคบ ๆ ริมหน้าผาเท่านั้น  หากพลาดพลั้งต้องตกหน้าผาตายสถานเดียว  บริเวณนั้นยังระเกะระกะด้วยเถาวัลย์เรื้อยระโยงระยางอย่างยุ่งเหยิง  มือขวาเลือกยึดจับเถาวัลย์ที่ดูมั่นคงและเหนียวแน่น  เมื่อได้ที่เหมาะแล้วจึงนั่งลงซ่อนตัวอยู่หลังใบไม้หนา ๆ นั้น  มือของเจ้าหญิงจับมือของเจ้าชายแน่นด้วยความกลัว  ก้มหน้าซบกับต้นแขนแข็งแรงของบุรุษหนุ่มผมเทา  พยายามไม่มองลงไปเบื้องล่าง  

    เสียงฝีเท้าโจรดังใกล้เข้ามาทุกที  ทั้งคู่ต่างนิ่งงันอยู่ในความเงียบ  และช่วยกันภาวนาให้เหล่าโจรวิ่งผ่านเลยไป  โชคเข้าข้าง  โจรวิ่งเลยไปอย่างที่เจ้าชายคาดการไว้   ทั้งคู่รอจนเสียงฝีเท้าโจรวิ่งไกลออกไปทุกที ๆ  รอจนแน่ใจจึงค่อย ๆ ขยับตัว เดินออกมาจากไหล่เขาแคบ ๆ นั้น  

    ทันใดนั้น!

    เท้าข้างหนึ่งของเจ้าหญิงกลับสะดุจรากไม้  แล้วลื่นลงจากไหล่เขานั้น  มือของเจ้าหญิงคว้าตัวเจ้าชายไว้ได้ทัน  แต่กลับเป็นการดึงให้ทั้งคู่ไถลตกลงมาจากหน้าผาอย่างรวดเร็ว  มือของเจ้าชายยึดเถาวัลย์ไว้แน่น  ทั้งคู่จึงยังไม่ถึงกับดิ่งพสุธาลงสู่เบื้องล่าง  แต่ทว่ามือของเจ้าชายนั้นครูดกับเถาวัลย์จนได้แผลถลอกปอกเปิดไม่น้อย   เท้าของเจ้าชายแรร์เน็สพยายามแตะแหง่นหินที่บังเอิญยื่นออกมาตามหน้าผาไว้เพื่อผ่อนน้ำหนักที่เจ้าชายต้องแบกรับทั้งตัวเขาเองและตัวของเจ้าหญิง

    “เจ้าห้ามปล่อยมือนะ  เฟรนลี่  จับข้าไว้ให้แน่น ๆ นะ”  จ้องหน้าเจ้าหญิงเฟรนลี่ที่กำลังกอดเอวเจ้าชายอยู่  แล้วปล่อยมือข้างที่เหลือจากตัวเจ้าหญิง  เพื่อใช้อีกมือช่วยยึดเถาวัลย์ไว้อีกข้างหนึ่งเผื่อผ่อนน้ำหนักที่หนักอึ้งขึ้นทุกขณะ

    เจ้าหญิงแหงนหน้ามองหน้าเจ้าชายแห่งเรียว

    “….ข้าสร้างปัญหาให้กับเจ้าอีกแล้ว…”  

    นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เจ้าหญิงคิดแยกทางกับเจ้าชายก่อนหน้านี้   น้ำตารื้นขึ้นมาคลอดวงตาคู่งามนั้นไว้  มองมือของเจ้าชายที่เกร็งยึดเถาวัลย์เอาไว้แน่น  เส้นเอ็นอันเกิดจากการเกร็งข้อมือปูดโปนไปหมด  เลือดสีแดงกำลังไหลรินลงมาจากฝ่ามือที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากเถาวัลย์  แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากที่ต้องโหนห้อยต่องแต่งสองคนเช่นนี้

    “เฟรนลี่…เจ้าอย่าคิดโง่ ๆ นะ”  

    เจ้าชายมองดวงตาของเจ้าหญิงราวกับรู้สิ่งที่เจ้าหญิงคิดจะทำ  แต่ยังไม่ทันคิดอะไรต่อ  เถาวัลย์ดังกล่าวกลับขาดผึงลงทันที  ไม่อาจต้านทานน้ำหนักของทั้งคู่ไว้ได้   ทั้งสองล่วงหล่นลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว    แต่เนื่องจากเถาวัลย์มีความคดเคี้ยวพันกันยุ่งเหยิงกับเถาวัลย์เส้นอื่นที่ไม่เป็นอิสระจากกันอย่างเด็ดขาด  ทำให้ทั้งคู่เลื่อนลงมาหยุดห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศอีกครั้ง

    ทั้งสองคนต่างแทบหยุดหายใจ  หัวใจเกือบหยุดเต้นกับนาทีวิกฤตก่อนหน้านี้  แล้วหายใจออกเบา ๆ อย่างโล่งอก  พักเหตุการณ์น่าหัวใจวายไว้ก่อนชั่วระยะเวลาหนึ่ง  ค่อยรู้สึกหายใจได้ทั่วท้องขึ้น

    “ถ้าท่านเพียงคนเดียวคงเอาชีวิตรอดได้  ข้า…ไม่อาจเป็นตัวถ่วงของเจ้าอีกต่อไป  ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง  ข้าจะไม่ลืมเจ้าเลย  แรร์เน็ส…”

    มือสองข้างของเจ้าหญิงเริ่มหมดกำลังลงเรื่อย ๆ  กอดเจ้าชายไว้ไม่ไหวอีกแล้ว

    “เฟรนลี่!!  เจ้าต้องไม่ปล่อยมือนะ!!”  เจ้าชายตะโกนเสียงลั่น  แต่ไม่ทันขาดคำ  มือทั้งสองข้างของเจ้าหญิงปล่อยมือจากร่างของเจ้าชาย  ดิ่งลงสู่เบื้องล่างตามแรงดึงดูดของโลกทันที

    “เฟรนลี่!!”  เสียงเจ้าชายตะโกนก้องหุบเขา

    รวดเร็วกว่าความคิดนึก   เสี้ยววินาทีนั้น  เจ้าชายปล่อยมือจากเถาวัลย์ทันทีเช่นกัน  รีบกระโจนตามลงไป  ชั่วพริบตาคว้าร่างบางนั้นไว้ได้ทัน  กอดร่างในอ้อมแขนแน่น  เอาตัวเองกันร่างของหญิงสาวเอาไว้  หากต้องกระทบกระแทกสิ่งใด  ร่างของเขาจะคอยเป็นเสมือนเกราะที่คอยปกป้องคุ้มครองจากอันตราย



    แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 47 01:08:52

    แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 47 00:17:45

    แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 47 00:11:15

    จากคุณ : ริเศรษฐ์ - [ 23 ธ.ค. 47 00:08:14 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป