http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3164381/W3164381.html
ตอนที่แล้ว
==========
Pearly Dantean
ห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่นัก มีแสงสว่างรอดผ่านจากช่องด้านบนได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น จึงทำให้ห้องมืดสลัว และดูอับ ๆ พื้นปูด้วยฟางแห้ง มีเตียงเก่า ๆ ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง มีผนังอยู่เพียงสามด้าน ด้านที่เหลือประกอบด้วยไม้เป็นซี่ ๆ เรียงกันเป็นกรงขังดีดีนี่เอง
หญิงสาวเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องขัง สมองครุ่นคิดอย่างหนัก เกิดคำถามขึ้นมาอย่างมากมาย คำพูดของชายหนุ่มคนนั้นจะเชื่อถือได้หรือไม่ คนที่ลอบเข้ามาหาเธอเมื่อสามวันก่อน เธอควรทำตามที่เขาบอกหรือไม่ แต่เธอไม่มีทางเลือกเอาเสียเลย หากทุกคำพูดที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง เธอควรอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือเขา ที่สำคัญเธอไม่สนใจว่าเธอจะหนีรอดออกจากที่นี่ได้หรือไม่ ขอเพียงเธอได้มีโอกาสแก้แค้นให้พ่อแม่ของเธอ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เหลือวันนี้อีกเพียงวันเดียว เธอจะต้องเข้าพิธีเซค์แล้ว เธอจะทำอย่างไรดี?
มองดูไม้เล็กแหลมคมสามอันที่เขาให้ไว้ติดตัวเพื่อใช้ยามจำเป็น โดยเฉพาะเมื่อพบหัวหน้ากบฎริกเกอร์ แล้วรีบเก็บซ่อนอาวุธดังกล่าวเอาไว้ทันที เมื่อได้ยินเสียงโซ่ตรวนดังขึ้นจากการไขกุญแจประตูเหล็กด้านบน เสียงรองเท้าและการเดินหนัก ๆ ลงบรรไดหิน เสียงนั้นดังใกล้เข้ามา กุญแจโซ่ขนาดใหญ่หน้าห้องขังของเธอถูกไขให้เปิดออก ร่างยักษ์ของโจรหน้าตาดุดันโผล่หน้าเข้ามา
ข้าได้รับคำสั่งให้มาพาเจ้าไปตรวจร่างกาย และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อรอเข้าพิธีเซค์ในวันพรุ่งนี้ สิ้นเสียงกร้าว เธอถูดฉุดกระชากลากตัวไปทันที
หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวถูกเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ขมุกขมอมและเต็มไปด้วยฝุ่นและขี้ดิน เป็นชุดสีขาวสะอาดตา ความงามของวัยสาว ผิวพรรณอันผุดผ่อง ทำให้เธอกลายเป็นหญิงงามในพริบตา
ดวงตาคู่งามนั้นสะดุจเล็กน้อยเมื่อถูกนำตัวมาตรวจร่างกาย เธอจำได้เขาคือคนที่ลอบเข้าไปพบเธอในห้องขังเมื่อสองวันก่อน ที่แท้เขาเป็นหมอในค่ายโจรนี่หรอกหรือ? แสงสว่างทำให้มองเห็นใบหน้าอันอ่อนโยนและความคมเข้มบนใบหน้าชายหนุ่มชัดเจน
โปรดนำมือของเจ้าออกมาวางข้างหน้า เสียงสุภาพที่เอ่ยขึ้น ทำให้หญิงสาวแปลกใจ ในความแตกต่างของกิริยาหมอโจรหนุ่ม ที่แตกต่างจากโจรคนอื่นโดยสิ้นเชิง
ทั้งคู่สบตากันครู่หนึ่งราวกับกำลังอ่านใจของกันและกัน
ซีนิธสังเกตสีเล็บทุกนิ้วของเธอเป็นเป็นมันเงาวับ และเป็นสีชมพูระเรื่อ แสดงถึงสุขภาพโดยรวมของเธอสมบูรณ์ดี แล้วยกมือแตะข้อมือของหญิงสาวแผ่วเบาด้วยความสุภาพเผื่อจับดูชีพจรการเต้นของหัวใจ และตรวจเบื้องต้นส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจนเสร็จเรียบร้อย
สุขภาพของเจ้าแข็งแรงดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทำอะไรด้วยสติ อย่าตื่นเต้นตกใจจนเกินไป สองประโยคสุดท้ายราวกับจะบอกบางสิ่งบางอย่างอยู่นัย ๆ
ขอให้เจ้าเชื่อข้านะ
สาวน้อยพยักหน้ารับ
วันใหม่เดินทางมาถึง บริเวณพิธีเซค์ผ้าสีขาวถูกขึงจนตึงล้อมรอบเป็นรูปสี่เหลี่ยม โต๊ะยันต์พิธีตั้งอยู่ด้านหน้าของกระโจมสีขาวซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีทางเข้าออกได้อยู่เพียงทางเดียว ทหารโจรรายล้อมอยู่ด้านนอกของผ้าสีขาวเป็นพันนาย เมื่อดวงตะวันเคลื่อนตัวมาตรงศรีษะ เป็นเวลาฤกษ์ดีที่สุดที่จะประกอบพิธี
กระถางไฟถูกจุดขึ้นหมายถึงพิธีกรรมเริ่มต้นขึ้นแล้ว เสียงสวดมนต์ร่ายคาถาเสียงต่ำ ๆ ประสานเสียงกันดังคลอตลอดเวลาของเหล่านักพรต เพิ่มความขลังและศักดิ์สิทธิ์ เมฆหมอกสีเทาทะมึนเริ่มเคลื่อนตัวมาบดบังดวงอาทิตย์ให้หม่นมัว ลมพัดแรงจนใบไม้เอนลู่ไหวไปเป็นทางเดียวกัน เสียงลมอื้ออึงอล หวีดหวิว และเสียงใบไม้เสียดสีกันปะปนกับเสียงร้องโหยหวนของปิศาจดังกึกก้องทั่วสารทิศ ท้องฟ้าปรากฎสายฟ้าแลบแปลบปลาบ รอบนอกของพิธีเกิดฝนตกหนักอย่างบ้าคลั่ง
บรรดาระดับหัวหน้าโจรยืนเข้าแถวหน้ากระดานขนาบข้างซ้ายขวาลดหลั่นกันตามฐานะ หัวแถวด้านขวาปรากฏร่างของหนุ่มใหญ่ ขุนโจรวาร์เดอร์หัวหน้าโจรฝ่ายขวายืนนิ่งด้วยความสงบเมื่อมองจากภายนอก แต่ในใจเต็มไปด้วยความเป็นห่วงกังวลในตัวบุตรชายยิ่งนัก
หัวหน้ากบฏริกเกอร์ยืนนิ่งมองสาวน้อยในชุดสีขาวถูกนำเข้ามาในปรำพิธี เมื่อเดินมาใกล้ถึงโต๊ะยันต์พิธีศักดิ์สิทธิ์ ทหารโจรสองคนปล่อยมือจากแขนของหญิงสาว ก่อนถอยหลัง โค้งคำนับให้หัวหน้ากบฎอย่างนอบน้อม แล้วหันหลังเดินออกไป
เจ้าชื่ออะไร เสียงอันทรงพลังเอ่ยถาม
ชายหนุ่มใหญ่อยู่ในชุดขาวสะอาจตาเช่นกัน บุคลิกน่าเกรงขาม ผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่า หยักโศกเล็กน้อย เพิ่มความคมเข้มของใบหน้าอันหล่อเหลา รอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากทำให้เขาดูมีเสน่ห์ ดวงตาคมเข้มสีนิลที่ไม่เคยครั่นคร้ามหวาดกลัวต่อสิ่งใดคู่นั้น แฝงความเลือดเย็น และร้ายลึกซ่อนอยู่ข้างใน ถึงแม้เขาจะมีอายุเกือบ 60 ปี แต่ยังดูหนุ่มมากและเต็มไปด้วยพละกำลังความแข็งแกร่ง
หญิงสาวพยายามมีสติ แม้จะยังอดตื่นเต้นไม่ได้ ได้ยินเสียงเต้นรัวของหัวใจของตัวเองดังอยู่ตลอดเวลา
ข้าชื่อเพอลี่ แดนเทียน์
มหาโจรหนุ่มใหญ่สบตาของเด็กสาวอยู่ครู่หนึ่ง เธอรู้สึกแปลกเหมือนสูญเสียการควบคุมตนเอง หลังจากสบตาคมเข้มที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจคู่นั้นแล้ว ราวกับตกอยู่ใต้มนต์สะกด
หนุ่มใหญ่ยื่นมือขวาออกมาข้างหน้า
สาวน้อยวางมือของตนเองลงบนฝ่ามืออันใหญ่โตของบุรุษตรงหน้า เขาสัมผัสมือของเธอแผ่วเบา พาเดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ความรู้สึกเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นที่เธอรับรู้ความเป็นตัวของตัวเองได้ นอกนั้นไม่อาจฝืนความต้องการของบุรุษชุดขาวข้างกายได้เลย
ซีนิธ
ท่านเตรียมพร้อมแล้วใช่มั้ย
.?? ความรู้สึกเลือนลางที่หลงเหลือน้อยนิดเหมือนเป็นเพียงเส้นด้ายบางเบาแห่งความกังวลใจ
พิธีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
..
============
เจ้าชายแรร์เน็สได้แต่ยืนมองเจ้าหญิงเดินจากไป เมื่อเธอพยายามบอกความต้องการของตนเองว่าควรแยกทางกันตรงนี้ เขาเข้าใจผิดหรือเปล่า
? อยากให้เป็นเพียงการเข้าใจผิดเท่านั้น แต่ทำไมเธอถึงพยายามยืนยันความต้องการของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกหนึ่งบอกตัวเองว่า เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะรั้งเธอเอาไว้ เกิดคำถามขึ้นในใจมากมาย ไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมถึงรู้สึกไม่อยากให้เธอจากไปอย่างนี้ แต่ไม่อาจพูดถ้อยคำเพื่อรั้งให้เธออยู่
และเดินทางไปด้วยกันอย่างที่ใจคิด แต่ที่ทำได้คือ การหันหลังเดินจากเธอมา ตามที่เธอต้องการ
เจ้าชายเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ความรู้สึกนั้นไม่อาจรู้ได้ว่าเรียกว่าอะไร แต่เป็นความรู้สึกดี รู้สึกสบายใจ ที่ได้อยู่ใกล้เธอ และความรู้สึกนี้ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าหญิงดวงตาสีเขียวสดใส ด้วยเกรงว่าอาจจะไม่สามารถควบคุมความรู้สึกนี้ได้ ความรู้สึกที่ว่า ไม่อยากให้เธอจากไป มันรู้สึกแย่ในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก จึงตัดใจให้เธอเดินจากไป
เจ้ามีหน้าที่ต้องคอยดูแล และปกป้องคน ๆ หนึ่ง เสียงของบิดาดังขึ้นมาในหัวสมอง
นั่นสิ! เธอเป็นผู้อ่านคาถา หากถูกฝ่ายมืดจับตัวไป ความหายนะต้องอุบัติขึ้นบนโลกนี้แน่ ทำไมข้าถึงลืมคิดถึงข้อนี้นะ
อีกความคิดหนึ่งเริ่มให้เหตุผล ที่ควรแก่การยอมรับอย่างรวดเร็ว
และที่จริงแล้ว เขาต้องมาฆ่าผู้อ่านคาถา เป็นความผิดของเขา ที่ไม่อาจตัดใจฆ่าเธอได้ลง เขาต้องรับผิดชอบหากสิ่งใดจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เจ้าชายหันหลังกลับ เดินกลับไปทางเดิมทันที
แรร์เน็ส
.. เจ้าชายรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของเจ้าหญิงเฟรนรี่จากที่ไหนสักแห่ง เงยหน้ามองท้องฟ้ากว้าง หันซ้ายหันขวา ราวกับจะค้นหาแหล่งที่มาของเสียง แม้จะรู้ดีว่าขณะนี้เขาและเธออยู่ห่างไกลกันเป็นกิโล แต่ทว่า
ทำไมถึงได้ยินเสียงของเธอ และสัมผัสได้ถึงคลื่นเสียงนั้นบ่งบอกความตกใจกลัว และต้องการความช่วยเหลือจากเขา
สมองยังไม่ทันสั่งอะไร เท้ากลับไวกว่าความคิด เจ้าชายผมเทารีบวิ่งไปอย่างรวดเร็วราวสายลมกรด มุ่งหน้าไปตามเส้นทางเดิมที่เดินแยกจากเธอมา ต้นไม้สองข้างทางลู่เอนไปทางเดียวกันตามแรงความเร็วของการเคลื่อนที่ของเจ้าชาย
แรร์เน็สช่วยข้าด้วย!! เสียงเจ้าหญิงยังคงร้องตะโกนให้ได้ยิน ยิ่งทำให้หัวใจของเจ้าชายร้อนรน
โจรสิบกว่าคนวิ่งไล่ตามหลังเจ้าหญิงเฟรนลี่มาติด ๆ เมื่อเจ้าชายผมเทาวิ่งมาถึง รีบคว้ามือเจ้าหญิงพาวิ่งไปทันที ด้วยคิดว่าการปะทะกันอาจมีการบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจ้าชายเลยที่จะเอาชนะสมุนโจรชั้นต่ำเหล่านั้น แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวน้อยคนนี้ กลับรู้สึกไม่อยากประหัตถ์ประหารชีวิตของใครหากไม่จำเป็นจริง ๆ
วิ่งมาได้ซักพักใหญ่ เมื่อเหลียวหลังยังเห็นเหล่าโจรยังวิ่งตามมาอย่างไม่ลดละ แต่หนทางหนีเริ่มลาดชันขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเป็นทางขึ้นเขา เจ้าหญิงรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน ขาหมดแรงจนวิ่งไม่ไหว
แรร์เน็ส
เจ้าหญิงรั้งมือเจ้าชายไว้ ก้มตัวลงต่ำพลางหอบหายใจถี่ ๆ มือข้างหนึ่งจับหัวเข่าของตัวเองไว้แน่น ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความเหน็ดเหนื่อย
ข้า
ไป
ไม่
ไหว
แล้ว
เจ้าหญิงพูดสลับกับการหายใจเข้าออกแรง ๆ
บุรุษผมเทาหันกลับมามองอาการเหนื่อยล้าของเจ้าหญิง รู้ดีว่าเธอคงไปไม่ไหวอีกแล้ว หันกลับไปมองพวกโจรที่ยังได้ยินเสียงเอะอะโวยวายตามมาอยู่ไม่ไกลนัก หันซ้ายหันขวามองหามุมหลบภัย มองเห็นพุ่มไม้หนาข้างหน้าผา น่าจะเป็นมุมหลบภัยที่ดี พวกโจรคงไม่สังเกตเห็นและต้องวิ่งเลยไปอย่างแน่นอน คิดดังนั้นแล้ว จึงรีบจูงเจ้าหญิงเข้าไปหลบในพุ่มไม้หนานั้น
ทุกอย่างก้าวต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นเพียงไหล่เขาแคบ ๆ ริมหน้าผาเท่านั้น หากพลาดพลั้งต้องตกหน้าผาตายสถานเดียว บริเวณนั้นยังระเกะระกะด้วยเถาวัลย์เรื้อยระโยงระยางอย่างยุ่งเหยิง มือขวาเลือกยึดจับเถาวัลย์ที่ดูมั่นคงและเหนียวแน่น เมื่อได้ที่เหมาะแล้วจึงนั่งลงซ่อนตัวอยู่หลังใบไม้หนา ๆ นั้น มือของเจ้าหญิงจับมือของเจ้าชายแน่นด้วยความกลัว ก้มหน้าซบกับต้นแขนแข็งแรงของบุรุษหนุ่มผมเทา พยายามไม่มองลงไปเบื้องล่าง
เสียงฝีเท้าโจรดังใกล้เข้ามาทุกที ทั้งคู่ต่างนิ่งงันอยู่ในความเงียบ และช่วยกันภาวนาให้เหล่าโจรวิ่งผ่านเลยไป โชคเข้าข้าง โจรวิ่งเลยไปอย่างที่เจ้าชายคาดการไว้ ทั้งคู่รอจนเสียงฝีเท้าโจรวิ่งไกลออกไปทุกที ๆ รอจนแน่ใจจึงค่อย ๆ ขยับตัว เดินออกมาจากไหล่เขาแคบ ๆ นั้น
ทันใดนั้น!
เท้าข้างหนึ่งของเจ้าหญิงกลับสะดุจรากไม้ แล้วลื่นลงจากไหล่เขานั้น มือของเจ้าหญิงคว้าตัวเจ้าชายไว้ได้ทัน แต่กลับเป็นการดึงให้ทั้งคู่ไถลตกลงมาจากหน้าผาอย่างรวดเร็ว มือของเจ้าชายยึดเถาวัลย์ไว้แน่น ทั้งคู่จึงยังไม่ถึงกับดิ่งพสุธาลงสู่เบื้องล่าง แต่ทว่ามือของเจ้าชายนั้นครูดกับเถาวัลย์จนได้แผลถลอกปอกเปิดไม่น้อย เท้าของเจ้าชายแรร์เน็สพยายามแตะแหง่นหินที่บังเอิญยื่นออกมาตามหน้าผาไว้เพื่อผ่อนน้ำหนักที่เจ้าชายต้องแบกรับทั้งตัวเขาเองและตัวของเจ้าหญิง
เจ้าห้ามปล่อยมือนะ เฟรนลี่ จับข้าไว้ให้แน่น ๆ นะ จ้องหน้าเจ้าหญิงเฟรนลี่ที่กำลังกอดเอวเจ้าชายอยู่ แล้วปล่อยมือข้างที่เหลือจากตัวเจ้าหญิง เพื่อใช้อีกมือช่วยยึดเถาวัลย์ไว้อีกข้างหนึ่งเผื่อผ่อนน้ำหนักที่หนักอึ้งขึ้นทุกขณะ
เจ้าหญิงแหงนหน้ามองหน้าเจ้าชายแห่งเรียว
.ข้าสร้างปัญหาให้กับเจ้าอีกแล้ว
นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เจ้าหญิงคิดแยกทางกับเจ้าชายก่อนหน้านี้ น้ำตารื้นขึ้นมาคลอดวงตาคู่งามนั้นไว้ มองมือของเจ้าชายที่เกร็งยึดเถาวัลย์เอาไว้แน่น เส้นเอ็นอันเกิดจากการเกร็งข้อมือปูดโปนไปหมด เลือดสีแดงกำลังไหลรินลงมาจากฝ่ามือที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากเถาวัลย์ แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากที่ต้องโหนห้อยต่องแต่งสองคนเช่นนี้
เฟรนลี่
เจ้าอย่าคิดโง่ ๆ นะ
เจ้าชายมองดวงตาของเจ้าหญิงราวกับรู้สิ่งที่เจ้าหญิงคิดจะทำ แต่ยังไม่ทันคิดอะไรต่อ เถาวัลย์ดังกล่าวกลับขาดผึงลงทันที ไม่อาจต้านทานน้ำหนักของทั้งคู่ไว้ได้ ทั้งสองล่วงหล่นลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากเถาวัลย์มีความคดเคี้ยวพันกันยุ่งเหยิงกับเถาวัลย์เส้นอื่นที่ไม่เป็นอิสระจากกันอย่างเด็ดขาด ทำให้ทั้งคู่เลื่อนลงมาหยุดห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศอีกครั้ง
ทั้งสองคนต่างแทบหยุดหายใจ หัวใจเกือบหยุดเต้นกับนาทีวิกฤตก่อนหน้านี้ แล้วหายใจออกเบา ๆ อย่างโล่งอก พักเหตุการณ์น่าหัวใจวายไว้ก่อนชั่วระยะเวลาหนึ่ง ค่อยรู้สึกหายใจได้ทั่วท้องขึ้น
ถ้าท่านเพียงคนเดียวคงเอาชีวิตรอดได้ ข้า
ไม่อาจเป็นตัวถ่วงของเจ้าอีกต่อไป ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ข้าจะไม่ลืมเจ้าเลย แรร์เน็ส
มือสองข้างของเจ้าหญิงเริ่มหมดกำลังลงเรื่อย ๆ กอดเจ้าชายไว้ไม่ไหวอีกแล้ว
เฟรนลี่!! เจ้าต้องไม่ปล่อยมือนะ!! เจ้าชายตะโกนเสียงลั่น แต่ไม่ทันขาดคำ มือทั้งสองข้างของเจ้าหญิงปล่อยมือจากร่างของเจ้าชาย ดิ่งลงสู่เบื้องล่างตามแรงดึงดูดของโลกทันที
เฟรนลี่!! เสียงเจ้าชายตะโกนก้องหุบเขา
รวดเร็วกว่าความคิดนึก เสี้ยววินาทีนั้น เจ้าชายปล่อยมือจากเถาวัลย์ทันทีเช่นกัน รีบกระโจนตามลงไป ชั่วพริบตาคว้าร่างบางนั้นไว้ได้ทัน กอดร่างในอ้อมแขนแน่น เอาตัวเองกันร่างของหญิงสาวเอาไว้ หากต้องกระทบกระแทกสิ่งใด ร่างของเขาจะคอยเป็นเสมือนเกราะที่คอยปกป้องคุ้มครองจากอันตราย
แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 47 01:08:52
แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 47 00:17:45
แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 47 00:11:15
จากคุณ :
ริเศรษฐ์
- [
23 ธ.ค. 47 00:08:14
]