CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    สารพันรักกับนางสาวตาหวาน ตอน เจ้าชายในฝันของสาวๆ (เรื่องสั้นส่งท้ายปีเก้าค่ะ)

    สารพันรักกับนางสาวตาหวาน ตอน เจ้าชายในฝันของสาวๆ (เรื่องสั้นส่งท้ายปีเก้าค่ะ)

    ตาหวานคือจริงของนางสาวตาหวาน ยุติยุทธ
    เธอเป็นลูกสาวคนสุดท้องของครอบครัวอันมีจะกินครอบครัวหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่
    พี่สาวคนโตของตาหวานชื่อแก้มเนียน ส่วนพี่ชายคนรองชื่อคิ้วเข้ม

    ลูกแต่ละคนก็มีลักษณะตามชื่อที่ตั้งให้ไม่มีผิดเพี้ยน
    แก้มเนียนมีแก้มที่เนียนใสสมชื่อ ผิวเธอขาวละเอียดอมชมพู
    ใครเห็นก็ต้องชมว่าน่ารัก ส่วนคิ้วเข้มก็คมเข้มสมกับเป็นทหาร

    แล้วตาหวานล่ะเป็นยังไง? แน่นอนล่ะว่าเธอมีตาที่สวยสมชื่อ
    เสียดายที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอมีดีแค่ที่ตา
    นอกนั้นมันดูไม่ค่อยได้เลยในความรู้สึกของหญิงสาว
    ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือดวงตาสวยๆ ถูกแว่นกรอบหนาบดบังไว้จนมิด

    ตาหวานเคยคิดจะใส่คอนแทคเลนส์อยู่เหมือนกัน
    แต่พอเห็นเขาสาทิตวิธีใส่เท่านั้นแหละเธอก็ต้องถอยกรูดออกมาจากร้านแทบไม่ทัน
    ไม่เอา ไม่ไหว ตายดีกว่าถ้าต้องใช้มือถ่างลูกตาเข้าไปหยิบเลนส์ออกมา
    ทางเดียวที่จะได้อวดดวงตาสวยๆ ให้คนเห็นคือรักษาด้วยเลเซอร์
    แต่นั้นก็ต้องรอให้เธออายุครบยี่สิบ ไม่ก็สายตาคงที่เสียก่อน
    ซึ่งก็ต้องรอไม่ต่ำกว่าหนึ่งปีครึ่ง

    ตอนนี้ตาหวานเป็นนักศึกษาปีหนึ่งคณะเภสัชศาสตร์
    เธอมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะต้องคิดค้นตัวยาที่สามารถทำให้คนเราเป็นคนดีให้ได้
    ถ้าสำเร็จยาจะถูกแจกจ่ายไปให้ผู้คนทั่วโลก
    เด็กแรกเกิดจะได้รับยาตัวนี้เพื่อป้องกันการเป็นคนเลว
    ไม่นานปัญหาอาชญากรรมและความวุ่นวายต่างๆ ก็จะหมดไปจากโลก
    โลกคงน่าขึ้นมากเลยทีเดียว
    ถ้าเทียบกับยุคในพระพุทธศาสนาก็คงใกล้เคียงกับยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย
    ที่คนเราทุกคนเท่าเทียมกันหมด
    เกริ่นมาแยะแล้วคงต้องพักเรื่องประวัติส่วนตัวของตาหวานเอาไว้ก่อน
    เธอไม่มีเวลาสำหรับการคิดเรื่องนี้แล้ว อีกชั่วโมงเพื่อนที่คณะจะมารับไปงานบายเนียร์
    ตอนนี้เธอยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย ทำไมอะไรๆ มันถึงได้วุ่นวายนักนะ

    การที่ใครสักคนหนึ่งจะแต่งสวยไปงานราตรีไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด
    ยิ่งเป็นคนที่ร้อยวันพันชาติไม่เคยคิดจะแต่งตัวอย่างตาหวานยิ่งเป็นวิบากกรรม
    โชคดีที่หญิงสาวมีเจ้าแม่ด้านความงามเป็นรูมเมท
    เจ้าหล่อนเลยมีคนช่วยแต่งเนื้อแต่งตัวให้

    “ขั้นแรกสุดต้องทำความสะอาดร่างกายเสียก่อนโดยการอบไอน้ำ
    นวดหน้าและหมักผม ต่อไปก็ต้องมาทาครีมบำรุง แต้มนั้นโป๊ะนี่จนทั่วทั้งตัว
    จากนั้นก็แต่งตัวแต่งหน้า แค่นี้เองง่ายจะได้”
    ลินลาศพูดย่อๆ ให้ฟัง ง่ายจะตายของเจ้าหล่อนน่ะใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งวันนะเจ้าคะ
    แค่ได้ยินตาหวานก็จะลมจับแล้ว
    ไม่เชื่อก็ลองดูวิธีแต่งหน้าแบบพอหอมปากหอมคอจากเจ้าแม่ลิลาศดูสิ  

    ก่อนแต่งหน้าต้องล้างหน้าให้สะอาด
    ตามติดมาด้วยการใช้โทนเนอร์ทำความสะอาดใบหน้า
    จากนั้นก็ทามอยส์เจอไรเซอร์กับโลชั่นกันแดด ตามมาด้วยการทารองพื้น
    ขั้นตอนนี้ต้องเกลี่ยรองพื้นให้ทั่วโดยการใช้ฟองน้ำ
    จากนั้นทาคอนซีเลอร์ (ครีมใช้ปกปิดรอยคล้ำใต้ตา)
    ต่อด้วยการโป๊ะแป้งฝุ่นโปร่งแสง เสร็จแล้วก็ทาแป้งพัฟตาม
    ต่อก็มาแต่งคิ้วให้ได้รูป เขียนให้ดูดีเสียหน่อยแล้วก็ปัดแก้ม
    จากหน้าก็มาที่ตากับปาก แต่งตาโดยใช้อายแชโดว์ ดัดขนตาให้งอน ปัดมาสคาร่าให้เรียบร้อย
    สุดท้ายที่ต้องแต่งคือปาก ก่อนทาลิปสติกให้ใช้ลิปกลอสทาบำรุงเสียก่อน
    เขียนขอบปากให้คมชักแล้วถึงจะลิปสติกได้ ขั้นตอนยุ่งยากน่าปวดหัวเสียเหลือเกินล่ะ  

    ตาหวานนั่งคอแข็งให้เพื่อนแต่งหน้าให้เกือบหนึ่งชั่วโมง
    คนถูกจับแปลงโฉมก็มีโอกาสลุกขึ้นมาส่องกระจก ร่างระหงมองหน้าตัวเองในกระจกแล้วต้องเบ้ปาก

    “ไม่จัดไปเหรอลิน” หญิงสาวท้วงเจ้าของผลงานเมคอัพบนหน้าเธอ

    “ไม่จัดหรอกตาหวาน งานกลางคืนมันก็ต้องแต่งแบบนี้แหละ
    เชื่อมือเค้าเหอะ ตัวเองไม่ชินมากกว่าเลยดูแปลก” ลินลาศพูดให้กำลังใจเพื่อน

    “อย่างกับกระเทยแน่ะ แต่งใหม่ให้มันอ่อนกว่านี้ไม่ได้เหรอ”
    ตาหวานพยายามแย้งแต่ไร้ผล เพื่อนสาวยังคงยืนยันคำเดิม
    ตาหวานเลยต้องยอมแพ้ ลองเชื่อเพื่อนสุดที่รักดูสักครั้งก็ได้

    ตาหวานแต่งตัวเสร็จช้ากว่าเวลาที่นัดเพื่อนไว้เล็กน้อย
    ยังไม่ทันได้ก้าวออกไปจากห้อง ลินลาศก็เรียกไว้
    เธอบอกว่ายังแต่งตัวไม่เสร็จ เล็บปลอมที่เตรียมไว้ยังไม่ได้ติดเลย

    “ไม่ต้องติดแล้วลิน เดี๋ยวจะไปไม่ทัน นายทัวร์รอแย่”
    ป่านนี้ยศกรคงจะนั่งรอรากงอกอยู่ด้านล่างแล้ว

    “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ทัวร์โทรมาบอกว่าจะมาช้า เพราะฉะนั้นนั่งนิ่งๆ เค้าจะติดเล็บให้
    สู้อุตส่าห์ลงทุนนั่งทำให้ตั้งนาน เป็นตายร้ายดียังไงก็ต้องติด

    “ทัวร์โทรมาตอนไหน ไม่เห็นรู้เรื่อง”  

    “ตอนตัวเองเข้าห้องน้ำ”
    ลินลาศตอบไปบรรจงติดเล็บไป มือหญิงสาวทำงานอย่างคล่องแคล่วว่องไวไม่แพ้มืออาชีพ
    แน่ล่ะก็มีน้าสาวเปิดร้านเสริมสวยนี่คะ ให้เสียชื่อน้าได้ยังไง  

    ลินลาศคือสาวหน้าหวานสุดเปรี้ยว สมกับที่เรียนนิเทศน์ศาสตร์
    เธอชอบแต่งตัวผิดกับตาหวานที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่
    จนมาอยู่ด้วยกันนี่แหละนิสัยมันถึงได้ถ่ายโอนกัน
    พักหลังลินลาศเปรี้ยวน้อยลงหน่อย ส่วนตาหวานหันมาสนใจเรื่องความงามของตัวเองมาอีกนิด
    สังเกตจากที่ลินลาสใส่กระโปรงยาวขึ้นหนึ่งเซนติเมตร
    กับการที่ตาหวานบอกว่าอยากจะลองแต่งตัวสวยๆ ไปงานราตรีกับเขาดูบ้าง

    พอลินลาศได้ยินคำว่าอยากสวยเท่านั้นแหละ เจ้าหล่อนก็ฉุดกระชากลากดึงเพื่อนไปหาซื้อชุดทันที
    ตาหวานแค่เปรยๆ เท่านั้น ไม่นึกว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้
    เห็นเพื่อนกระตือรือร้นก็เลยเกรงใจไม่กล้าขัด
    หน้าตาพื้นๆ อย่างเธอ จะสวยขึ้นมาได้สักแค่ไหนเชียว

    เรื่องหน้าตามันเป็นปมด้อยของตาหวานมาแต่ไหนแต่ไร
    เธอมีพี่สาวแสนสวยกับพี่ชายสุดหล่อ เลยมักถูกใครๆ เปรียบเทียบว่าเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ในหมู่พี่น้อง
    เธอปลงเสียแล้วกับเรื่องนี้ ใครจะว่ายังไงก็ปล่อยเขา
    เธอภูมิใจและพอใจในความเป็นตัวเธอ เกิดมาสมประกอบก็ดีแค่ไหนแล้ว
    จะมาใส่ใจอะไรกับแค่เรื่องหน้าตา

    ตาหวานแต่งตัวเสร็จตอนเพื่อนมารับพอดี ยศกรกระหืบหระหอบวิ่งมาหา
    ชายหนุ่มบอกว่าลืมของขวัญที่จะให้ทวดรหัสก็เลยต้องกลับไปเอาที่บ้านอีกรอบ

    “แท้นแทน…สวยมั้ยเอ่ย ฝีมือลินลาศบิวตี้นะเนี่ย”
    ลินลาศผายมือมาทางตาหวาน นายทัวร์เห็นแล้วรับรองต้องตะลึง

    “อืม รีบไปกันเถอะ” ยศกรพูดโดยไม่เหลือบมองดูหน้าเพื่อนสาวเลยสักนิด
    ทำเอาลินลาศหน้ามุ่ย หญิงสาวปราดเข้าไปยืนเท้าสะเอวขวางหน้าชายหนุ่มไว้
    แล้วบังคับให้ชมฝีมือการแปลงโฉมของเธอก่อนไป

    ยศกรจำใจต้องหันไปมอง รีบก็รีบยังต้องมาเสียเวลาทำอะไรแบบนี้อีก

    “เป็นไง” ลินลาศฉีกยิ้มหวาน ดวงตาเป็นประกายเพราะคาดหวังคำชมไว้สูงมาก

    ชายหนุ่มมองหน้าตาหวานแล้วไม่พูดอะไรสักคำ
    มองเสร็จก็กลับหลังหันพูดแค่ว่า ”ไปเร็ว” แล้วเดินลงไปหน้าตาเฉย

    “เดี๋ยวสิ!” ลินลาศแยกเขี้ยวใส่ จะชมจะติก็ไม่ว่าอะไรสักคำ

    ตาหวานเสียความมั่นใจไปมาก หญิงสาวเกิดอาการงอแงไม่อยากไปงานเสียอย่างนั้น
    ลินลาศเลยต้องออกแรงลากเพื่อนไปที่รถของยศกร
    ชายหนุ่มสตาร์ทเครื่องรถยนต์รออยู่แล้ว ปิดประตูปุ๊บก็ออกเดินทางได้ทันที

    “มั่นใจไว้ตาหวาน ตัวเองสวยมากๆ เลย”
    เสียงลินลาศตะโกนไล่หลังมาแว่วๆ กระนั้นตาหวานก็ยังไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ดี

    “ทัวร์เราเป็นไง บอกตามตรงก็ได้นะ” หญิงสาวตัดสินใจถามเพื่อน

    “สวย สวยมาก สวยจนแทบจำไม่ได้เลย” ยศกรออกปากชม
    แต่ทำมั้ยทำไมสีหน้าตอนชมมันถึงได้ดูไร้อารมณ์ชอบกล

    แม้จะวิตกว่าตัวเองจะดูประหลาด
    แต่ตาหวานก็ตัดสินใจเดินออกจากรถเข้าไปในงานอย่างมาดมั่น
    เธอถอดแว่นสายตาออกทำให้มองเห็นอะไรพร่ามัวไปหมด
    ทำแบบนี้แล้วมั่นใจขึ้นเป็นกอง เพราะไม่เห็นสีหน้าของคนที่มองมาว่าเป็นอย่างไร

    ในห้องจัดงานพลุกพล่านด้วยผู้คนมากมาย
    ไม่มีใครสนใจการแสดงบนเวทีเท่าใดนัก ส่วนใหญ่จะพูดคุยและถ่ายรูปกันเสียมากกว่า

    ตาหวานกับยศกรแยกกันเมื่อเข้าไปในงานได้ครู่หนึ่ง
    ต่างฝ่ายต่างแยกกันไปหายสายรหัสของตัวเอง
    ตาหวานหลงวนอยู่ในงานพักใหญ่ เธอมองเห็นอะไรไม่ชัดเอาเลย
    เวลาไม่มีแว่นนี่มันน่าหงุดหงิดใจเสียจริง
    ในที่สุดเธอก็หมดความอดทนต้องหยิบแว่นจากกระเป๋าถือมาสวม
    เห็นพี่รหัสของเธออยู่ด้านหลังนี่เอง ส่วนป้ารหัสกำลังถ่ายรูปอยู่อีกมุมห้อง

    “พี่ตั๊กขาเห็นพี่นามั้ยคะ ตาหวานมีของจะให้พี่เขา” หญิงสาวเดินเข้าไปหาพี่รหัส

    “ว้าว! สวยเชียวตาหวาน ใครแต่งให้เนี่ย เนียนมากๆ เลย”
    คนเป็นพี่ออกปากชมแทนการตอบคำถาม สักพักก็ฉุดแขนหญิงสาวไปถ่ายรูปอีกด้าน
    จัดแจงถอดแว่นตาน้องรหัสออกแล้วเที่ยวอวดใครต่อใครว่า
    “นี่น้องชั้นสวยเหมือนกันเลยว่ามั้ย?”

    “น้องเธอ ห๋า…ตาหวานเหรอเนี่ย สวยจัง ไม่น่าเชื่อเลยอย่างกับคนละคน”
    หญิงสาวพิจารณาอีกฝ่ายอย่างละเอียดละออ
    ปกติเห็นใส่แต่ชุดหลวมๆ ไม่นึกว่ารูปร่างจะได้สัดส่วนแบบนี้
    ชุดสีกุหลาบดูเข้ากันได้ดีกับผิวสีขาว ถึงจะไม่ขาวจัดแต่มันก็เนียนละเอียดดูน่าสัมผัส
    ผมที่เกล้าไว้เผยให้เห็นใบหน้าสวยได้รูป
    คนแต่งหน้าเข้าใจเติมสีสันให้ดวงตาคู่สวยกับริมฝีปากอิ่ม
    โดยรวมแล้วจัดว่าสวยสมบูรณ์แบบไร้ที่ติจริงๆ

    “สวยจริงเหรอคะพี่” ตาหวานตัดสินใจถาม ชักเริ่มเชื่อว่าตัวเองสวยจริง

    “สวยสิจ๊ะ คืนนี้ตาหวานสะดุดตาที่สุดเลยนะ หนุ่มๆ มองกันตาค้างเชียว
    คืนนี้หาเจ้าชายให้เจอนะจ๊ะ ซิลเดลเรลล่า”
    พูดพลางจ้องมองรองเท้าส้นแก้วที่หญิงสาวสวม

    รองเท้าคู่นี้ตาหวานยืมลินลาศมา
    เจ้าหล่อนบอกว่าเป็นรองเท้าที่ซื้อมาใส่ตอนแสดงละคร สงสัยจะเป็นละครเรื่องซิลเดอเรลล่า

    “เพราะรองเท้านี่เอง ตาหวานก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมใครๆ ถึงพากันเรียกตาหวานว่าซิลเดอเรลล่า”

    “เห็นใครหล่อๆ ก็สลัดส้นใส่เลยนะตาหวาน พี่อยากได้น้องเขยรหัสหล่อๆ “
    พี่รหัสหันมาสั่งหญิงสาว ท่าทางเป็นจริงเป็นจังเสียจนอดขำไม่ได้

    “จดเบอร์ลงส้นรองเท้าก่อนสลัดนะตาหวาน เขาจะได้ติดต่อได้” อันนี้ป้ารหัสสั่งมา

    “ถ้าสลัดแล้วพลาด เกิดคนอื่นเก็บได้แล้วจะทำไงล่ะ” ย่ารหัสตั้งคำถาม

    “ไม่เห็นยาก ก็เปลี่ยนแผนเอายาสลบให้เขากินเลยสิคะหนูขา
    เรียนเภสัชทั้งทีของแค่นี้สบายมาก เสร็จแล้วก็จัดการเลย ว้ายๆ…แค่คิดก็น่าลองแล้ว”
    ทวดรหัสให้คำแนะนำในฐานะผู้อาวุโส

    ห้าสาวหัวเราะกันใหญ่กับบทสนทนา คำแนะนำของบรรดาพี่ๆ ก็ดีอยู่หรอก
    แต่คงเป็นไปได้ยากเพราะว่าถ้าไกลเกินสองเมตรเธอจะไม่เห็นหน้าใครเลย
    แว่นตาถูกพี่รหัสยึดไว้ตั้งแต่ตอนถ่ายรูป
    พี่เขากลัวว่าเธอจะเอาแว่นมาใส่แล้วจะหมดสวยเลยยึดไว้ก่อน

    จากคุณ : ตารกา - [ วันสิ้นปี 15:52:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป