CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ให้หัวใจ...ตามหารัก (ตอนที่ 15)

    ธันว์วางปากกาที่ถูกหมุนไปหมุนมาในมือหลายต่อหลายรอบลงในที่สุด เขามาถึงซีแอตเทิลพร้อม ๆ กับธีรนา นึกเป็นห่วงน้องสาวว่าจะเดินทางไปยังที่เกาะได้อย่างไร แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มคุ้นตาของชายหนุ่มร่างสูงผมบลอนที่มารับ ธันว์ก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ขับรถที่ให้คนนำมาจอดทิ้งไว้ให้ตามไปอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งถึงบ้าน บ้านที่เขาเคยอยากจะเรียกมันว่า “บ้านของเรา” สำหรับเขากับใครบางคน แต่ภาพความสนิทสนมที่ชายหนุ่มผมทอง ตาสีฟ้านั้นแสดงออก ธันว์ก็ไม่อยากนึกภาพเลยว่า ช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่ สองคนนี้ได้สานสัมพันธ์กันไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว

    ดังนั้นคนที่ขับรถตามมาห่าง ๆ ก็ตัดสินใจไม่ลงไป ธันว์หักพวงมาลัยกลับไปยังทิศทางที่จากมา ขับรถข้ามฝั่งกลับไปยังซีแอตเทิล ยึดสำนักงานเป็นที่พักชั่วคราวมาหลายวันแล้ว

    ธันว์ถอนใจกับตัวเองอีกครั้ง เมื่อเสียงโทรศัพท์เบอร์ส่วนตัวดังขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือไปรับอย่างไม่เต็มใจนัก

    “ครับ”
    เขากรอกเสียงสั้น ๆ ลงไป ด้วยน้ำเสียงหน่าย ๆ และปลายทางก็ต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ นายธันว์ทำเสียงราวกับว่าอกหัก ทั้งที่เขาซะอีกคนอกหักตัวจริง ยังดูน้ำเสียงดีกว่าด้วยซ้ำ

    “อยู่หน้าออฟฟิศ เดินมาเปิดประตูหน่อย”
    วายุใช้น้ำเสียงเรียบ ๆ ก่อนจะตัดสายโทรศัพท์ แล้วยืนมองประตูกระจกที่ล็อคกุญแจไว้ เนื่องจากเป็นวันหยุดทำงาน วายุตัดสินใจบินมาจริง ๆ ตามคำบอกของพลีส ซึ่งบัดนี้คนเจ้าความคิดก็ยืนยิ้มหวานอยู่ข้าง ๆ เขานี่เอง

    สภาพของธันว์ที่หน้าตาเหมือนคนไม่ได้นอนมามากกว่าสอง สาม คืน เล่นเอาวายุแปลกใจ แต่ก็ไม่อยากเอ่ยอะไรออกไปต่อหน้าน้องสาว เขาสงสัยมาตั้งแต่ธันว์โทรกลับไปรายงานว่า น้องหนูถึงบ้านแล้วอย่างปลอดภัย แต่เมื่อคุยไปคุยมา เพื่อนรักกลับบอกว่าตัวเองนอนที่ออฟฟิศไม่ได้เข้าบ้าน

    “หวัดดีค่ะ”
    พลีสเดินเข้าไปกอดธันว์ เป็นการทักทาย และธันว์ก็กอดตอบหลวม ๆ เช่นกัน ก่อนจะพาวายุไปส่งที่บ้าน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักแห่งการเดินทางมาครั้งนี้ ระหว่างทาง ไม่มีคำพูดใด ๆ จากบุคคลทั้งสาม ต่างคนต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง วายุลอบมองเสี้ยวหน้าคนขับ ที่สีหน้าดูไม่ค่อยดีนักอย่างเป็นห่วง ส่วนธันว์ที่ลืมแม้กระทั่งเอ่ยถามเพื่อน ว่าจะมาที่บ้านเขาทำไม ก็หมกหมุ่นอยู่แต่กับการขับรถและความคิดตัวเอง ส่วนหญิงสาวคนเดียวในรถ ได้แต่มองชายหนุ่มสองคนข้างหน้าอย่างครุ่นคิด

    เสียงรถที่เข้ามาจอดหน้าบ้าน ทำให้สองสาวที่ยึดระเบียงเป็นที่นั่งประจำต้องหันมามองหน้ากัน อย่างอดสงสัยไม่ได้ และเมื่อคนนั่งข้างคนขับที่เปิดประตูออกมาก่อนใคร ก้าวลงมา ธีรนาก็อุทานเสียงเบา “พี่พัด”

    ลลนามองตามสายตาเพื่อน ร่างสูงที่สูงมาก ๆ ผิวออกเหลือง แต่ค่อนไปทางขาว เจ้าของดวงตาหวาน ๆ ที่สบขึ้นมาที่ระเบียงทันทีเช่นกัน และคนสองคนก็ทำราวกับว่า โลกนี้ไม่มีใครอีกแล้ว วายุไม่ได้รอเดินขึ้นบันไดมา เขามายืนอยู่ใต้ระเบียงที่พวกเธอนั่งพอดี ก่อนจะกระโดดตัวเกาะชายคา และโหนตัวขึ้นมาอย่างง่ายดาย เพราะความสูงที่ค่อนข้างมากของเจ้าตัว และลักษณะบ้านที่ระเบียงไม่สูงมากนัก

    ลลนามองคนสองคน คนตัวโตที่ยืนส่งยิ้มตลอดเวลา ตั้งแต่เห็นหน้าหวาน ๆ ที่บัดนี้ดวงตาเศร้าหมองเปลี่ยนเป็นประกายทันทีเช่นกัน ส่วนคนที่นั่งอยู่ก่อนก็เหมือนกับมีอาการทำอะไรไม่ถูก นอกจากนั่งมองเขาอย่างแปลกใจ แต่เต็มไปด้วยดีใจ คนที่รู้ตัวดีว่าเป็นส่วนเกิน ก้าวกลับเข้าไปในตัวบ้านอย่างรู้หน้าที่ และเมื่อเดินลงมาข้างล่าง เธอก็ยิ้มออกได้ทันที ก่อนที่มันจะจางหายไปในทันทีเช่นกัน

    ธันว์กับหญิงสาว ที่ลลนามั่นใจว่า เธอคนนี้สวยมาก ๆ ในอากัปกิริยา ที่สาวผมบลอนตาสีดำ นั่งบนที่เท้าแขนก้มหน้าลงคุยจนแทบจะติดกับธันว์ และสองคนที่นั่งอยู่ก่อนก็เงยหน้าขึ้นมองเธอพร้อมกัน

    ลลนายกมือไหว้ธันว์ ก่อนจะส่งยิ้มบาง ๆ ตามแบบไปให้สาวสวยข้างกายเขา ซึ่งพลีสก็ยิ้มร่าเริงกลับมาให้ทันทีเช่นกัน

    “ธันว์ จะไม่แนะนำหน่อยเหรอ”
    พลีสก้มหน้าลงกระซิบข้างหู ธันว์ส่งยิ้มนิด ๆ ไปให้ลลนา ยิ้มที่เธอคิดว่าช่างห่างเหินเหลือเกิน หรือว่าเวลาของเธอหมดลงแล้ว

    “นี่คุณพลีส น้องสาวนายวายุ ส่วนนี่ลลนา เพื่อนรักน้องหนู”
    ประโยคแรกเขาแนะนำพลีสก่อน และประโยคหลังก็แนะนำสาวน้อยที่ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี โดยการหลีกเลี่ยงภาพบาดตาบาดใจตัวเอง เดินเข้าครัว ไปจัดชุดกาแฟออกมารับแขก ตั้งแต่ธีรนากลับมาอยู่ที่บ้านกับเธอ ลลนาก็ส่งเหมยกลับไปยังสำนักงาน และเริ่มต้นทำงานบ้านเองทุกอย่างเช่นเคยอีกครั้ง

    “เด็กที่ธันว์เคยบอกว่ารับอุปการะไว้รึเปล่า”
    เสียงหวาน ๆ ที่แม้สำเนียงจะฟังยากนิดหน่อย แต่ก็พอจับใจความได้ ดังเข้ามาจนถึงในครัว ลลนาก้มมองแก้วกาแฟในมือ พยายามบังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้ ... ก็ทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าตัวเองไม่มีทางจะได้เป็นตัวจริงของเขา แล้วจะมาเศร้าซึม ทำไมล่ะ... เธอบอกตัวเองย้ำไปย้ำมา ราวกับว่าจะเตือนให้มันเข้าไปถึงหัวใจ

    *****

    “พี่พัดมาได้ยังไงค่ะ”
    ธีรนารู้สึกว่าตัวเองถามเสียงเบากว่าปกติออกไป และก็ไม่ได้สบตาคนที่ตอนนี้หย่อนตัวลงเคียงข้างเธอแล้วด้วย

    “มาตามหาหัวใจตัวเอง”
    คนตอบใช้น้ำเสียงอบอุ่น และมองดวงตานวลเนียน ที่บัดนี้เป็นสีดงระเรื่อนิด ๆ อย่างรู้สึกถึงความเป็นไปได้ที่มีมากขึ้น อย่างน้อยอาการตอบรับก็ไม่ใช่ความนิ่งเฉย กับรอยยิ้มราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “พี่พัดไม่โกรธน้องหนู”
    หลังจากนิ่งเงียบมานาน ธีรนาก็ตัดสินใจหันมาถามเขาตรง ๆ
    วายุสบตากับดวงตากลมโตที่มองเขาอย่างค้นคว้ากึ่งสงสัยนั้น ยิ้มกว้าง ๆ ให้ ก่อนจะส่ายหัว

    “ไม่เลยซักนิด พี่เข้าใจว่ามันเร็วไป สำหรับพี่ที่ผ่านอะไรมามาก อาจจะบอกตัวเองได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก ว่าน้องหนูคือคนที่พี่รัก และอยากจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต”
    ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ธีรนาก็เปลี่ยนสายตาจากคนตรงหน้า เป็นสนามหญ้าหน้าบ้านแทน

    “แต่สำหรับน้องหนูพี่คิดว่า พี่ควรให้เวลาศึกษากันมากกว่านี้อีกซักนิด อย่างน้อย ก็ให้น้องหนูมั่นใจว่า พี่คือคนที่ใช่ จริง ๆ”
    ความเงียบเข้ามารายล้อมรอบตัวทั้งสองอีกครั้ง เมื่อต่างก็ไม่มีใครยอมพูดอะไร แต่บรรยากาศเย็น ๆ รอบตัวกลับไม่ได้ทำให้หัวใจอุ่น ๆ สองดวงตอนนี้รู้สึกหนาวไปด้วยเลย

    “แต่พี่มีอะไรจะขอ”
    คราวนี้ธีรนา เงยหน้าขึ้นเอียงคอมองคนข้าง ๆ ทันที

    “อย่าบอกให้พี่เลิกรัก มันเป็นไปไม่ได้”
    น้ำเสียงอบอุ่น อ่อนโยนที่เขาใช้ บวกกับแววตาจริงใจ จริงจัง ที่ส่งผ่านมาทางสายตานั้น เล่นเอาคนที่ตั้งท่ามากมายมาตั้งแต่แรก ใจอ่อนยวบลงไปทันทีเช่นกัน ก็เธอเคยเรียนรู้มาแล้วนี่นา ว่าการทำให้เขาเจ็บ ก็มีค่าเท่ากับทำให้ตัวเองเจ็บตามไปด้วย

    ร่างบางที่นั่งอยู่ก่อน โผเข้าซบคนตรงหน้าทันทีที่เขาพูดจบ วายุสวมกอดคนที่โผเข้ามาหาหลวม ๆ รับฟังคำขอโทษที่พร่ำออกมา พร้อมกับน้ำตา ลูบศีรษะคนที่อยู่ตรงอกเขาอย่างปลอบโยน จนอาการสะอื้นค่อย ๆ จางลง

    “งั้นตอนนี้พี่ขออนุญาตจีบอย่างเป็นทางการนะครับ”
    วายุยิ้มหวานให้คนตรงหน้า ที่เงยหน้าขึ้นสบตาเขา แม้ว่าจะมีอาการเขินอายบ้างเล็กน้อย แต่ธีรนาก็สบตาเขาไม่ได้หลบ ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ และอาการหน้าเจือนลงทันทีของคนที่เพิ่งส่งยิ้มสดใสมาให้ ก็เล่นเอาเธออมยิ้ม ก่อนจะรีบพูดต่อ เพราะกลัวเขาจะเข้าใจผิดมากไปกว่านี้

    “มาถึงก็ขอมากมาย ใจคอจะไม่ให้น้องหนูขอบ้างรึไงค่ะ”
    ธีรนาส่งค้อนวงใหญ่แบบไม่จริงจังนักให้เขา และวายุก็ยิ้มกว้างออกมาได้อีกครั้ง

    “ได้เสมอครับ ถ้าเป็นหวานใจของพี่”
    คนช่างโมเม หาสรรพนามมาใช้เรียกเสร็จสรรพ และเมื่อไม่มีอาการปฏิเสธจากอีกฝ่าย เขาก็ถือว่าเป็นการยอมรับ

    “งั้น...”
    คนพูดทำท่าหยุดคิด เล่นเอาวายุแทบจะหยุดหายใจรอฟังเลยทีเดียว

    “พี่พัดช่วยบอกรักน้องหนูอีกทีได้มั้ย”
    คราวนี้คนที่พูดเบาราวกระซิบ ก้มหน้าลงมองแค่ชายเสื้อเขา วายุอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะรวบร่างบางตรงหน้าเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะกระซิบคำบอกเราแผ่วเบา ที่ข้างหู

    “พี่พัดรักน้องหนูนะครับ”
    และเมื่อจบประโยค เขาก็ขโมยหอมแก้มใส ๆ ที่แดงระเรื่อตลอดเวลานั้นไปหนึ่งที ก่อนจะถูกมือเล็ก ๆ ตีเข้าที่แขน อย่างไม่จริงจังนัก

    “เขาแค่ให้โอกาส ยังไม่ได้ตอบรับซักหน่อย อย่ามาฉวยโอกาสนะ”
    เมื่อหายจากอาการเศร้าหมอง ธีรนาก็กลับมาเป็นคนเดิมทันที และวายุก็อดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ เขาชอบเสียงแหง่ว ๆ ที่เหมือนลูกแมวขู่แบบนี้ชะมัด และก็ต้องนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง ห้ามใจตัวเองไม่ให้ก้มหน้าลงไปหอมแก้มบางใสนั่นอีกครั้ง

    แค่ได้โอกาส แค่ยังมีสิทธิ์ เขาก็พอใจแล้ว เพราะเจ้าตัวคนอนุญาต ไม่รู้ตัวเลยว่า แววตาที่มองมาหาเขานั้น ใส่ความรักบรรจุลงมาด้วยซะแล้วโดยที่ไม่รู้ตัว

    จากคุณ : น้องเล็ก - [ 5 ม.ค. 48 15:58:30 A:10.12.1.64 X:202.28.27.3 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป