ความคิดเห็นที่ 1 ตอนนี้มีรายการพิเศษที่เขาเปิดขึ้นมาเพื่อรับบริจาค  นั่งดูอยู่ อันนี้ของสวิส ฯ ค่ะ ทีวีทางนี้ที่เปิดถ่ายตลอด ก็จะมีของ ซีเอ็นเอ็น  เอ็นทีวีของเยอรมันที่เปิดพิเศษสำหรับภัยคลื่นยักษ์ ช่องอิตาลี ก็มีตลอด ช่องออสเตรียเช่นกัน ฝรั่งเศสด้วย อืม บอกมาเล่น ๆ อย่างนั้นแหละ ให้คิดกันเองนะว่า คนเขาสนใจกันขนาดไหน ตอนนี้คนจัดรายการเขาบอกว่า ที่สวิสฯ ทีวีช่องนี้ที่นัทตี้ดูอยู่เนี่ย เขาได้รับบริจาคถึงขณะนี้ได้ตั้ง 105 ล้านฟรังค์แล้ว อู๊ย แบ่งให้ไทยหนึ่งในสี่ก็พอใจแล้วจ้า จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 6 ม.ค. 48 04:22:48 ]

ความคิดเห็นที่ 2 yes,swiss  correct  money  untill  now  105  million จากคุณ : ....CH::::: (GROSSI) - [ 6 ม.ค. 48 06:54:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 นั่นสิครับ ไม่รู้ว่าเงินบริจาคนี่เขาแยกกันระหว่างคนทั่วไปกับที่รัฐบาลจัดสรรให้หรือเปล่า แล้วที่ท่านนายกฯ ไม่รับนี่ ทั้งสองอย่างหรือเปล่า ผมก็ไม่ได้อยู่เมืองไทย ดูข่าว cnn เขาย้ำว่าให้บริจาคเป็นเงินจะสะดวกกว่าเป็นของ ก็เลยบริจาคเป็นเงินไปเหมือนกัน สงสัยคงไม่ได้ถึงมือคนไทย จากคุณ : Just My Opinion - [ 6 ม.ค. 48 07:48:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เฮ้  โกรสซี่ อยู่เมืองไหนอ่ะ? ติดตามข่าวเหมือนกันด้วย อืม ดีจัง ยินดีที่รู้จัก อย่างน้อยก็เดินอยู่ในถนนเดียวกันนะ เอ แต่ว่าไม่เคยเห็นชื่อนี้นา ตอบมาหน่อยสิ อยากรู้ จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 6 ม.ค. 48 07:54:23 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อย่าว่าแต่คนไทยต่างประเทศไม่เข้าใจเลย ผมอยู่เมืองไทย ผมยังหาสาเหตไม่ได้เลยว่า ตอนแรกไม่เอาหมอต่างประเทศมาช่วย(บางแห่ง) พอต่อมา มีอาสาสมัครมาก็ยินดีรับ แต่เป็นอาสากู้ภัย พอในที่สุด เกือบสัปดาห์ถึงรู้ว่า ตรวจดีเอ็นเอไม่ทัน จีนก็จะขอช่วย เมื่อเช้าฟังหมอพรทิพย์ แน่ใจเลยว่าไม่ทัน ไม่เกี่ยวกับการบริจาค แต่ในที่สุดก็ต้องพึ่งต่างประเทศอยู่ดี ทำไมไม่จัดการเสียแต่แรก พอจวนตัวแล้วค่อยรับ การช่วยเหลือ หรือว่า การช่วยเหลือนี่แบ่งโซนประเทศด้วยก็ไม่ทราบ ผมก็งงๆ เหมือนกัน จากคุณ : xmantree - [ 6 ม.ค. 48 08:24:05 A:61.91.119.218 X: TicketID:074839 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อืม... มีน้องที่ทำงานคนนึง... มาทำงานช้า เพราะญาติเสีย... หายไปอีกสาม... น้องเค้าได้แต่ยิ้มๆเหมือนไม่รู้จะว่าอย่างไรดี.. หนูก็ได้แต่อึ้งๆไป...พูดได้แค่ "พี่เสียใจด้วย" ความสูยเสียมันมากเกินกว่าที่จะปฏิเสธความช่วยเหลือจริงๆด้วยอ่ะค่ะ... -"- จากคุณ : p_jung - [ 6 ม.ค. 48 08:25:24 A:210.246.68.74 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ่า..... ผมเห็นด้วยกับนายกครับ...เนื่องจากว่าความช่วยเหลือต่างๆ ที่มาจากนอกมักจะมีอะไรแถมมาด้วยเสมอ ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆครับ คนในประเทศยังจัดการได้ครับ ที่เป็นหนี้ที่พึ่งล้างไปหมดก็มาจากการเข้ามาช่วยเหลือคล้ายๆแบบนี้ ผมอาจคิดไม่เหมือนคนอื่นต้องของโทษด้วยครับ นี่เป็นความคิดเห็นส่วนบุคลลครับ จากคุณ : เปรตเวหา - [ 6 ม.ค. 48 08:27:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ่ะนะ ตอนนี้ยังงง ว่าทำไมบอกว่าเงินไม่พอ ในขณะที่เงินบริจาคมีตั้งเยอะ...เอ...ไม่รู้มัวยึกยักอะไรกันอยู่ง่ะ จากคุณ : รวยระรินกลิ่นชา - [ 6 ม.ค. 48 09:09:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Just my opinion เรื่องเงินบริจาคจะแยกหรือไม่แยกไม่รู้จ้ะ แต่มันก็ไม่สำคัญอะไรนักนี่ ในเมื่อท่านหมายถึง "เงินช่วย" ไม่ว่าจะบริจาคมาจากรัฐหรือประชาชน มันก็คือกัน ฟังก่อนนะ ไอ้เรื่องนี้มันเกิดมาเมื่อสองสามวันที่แล้วจ้ะ ที่บอกว่า ฟังแล้วแทบตกเก้าอี้น่ะ นัทตี้ฟังเอาจากที่ฝรั่งนักข่าว มันบอกว่า ทางไทยไม่ต้องการสิ่งของจำเป็นบริจาคแล้ว เพราะมีเหลือเฟือ แต่ว่าต้องการถุงใส่ศพ และ นายกฯ บอกว่า ทางไทยไม่ต้องการเงินบริจาค  นายกฯ ของไทยบอกว่า ให้เอาไปช่วยเหลือประเทศทีประสบหายนะ และ เดือดร้อนเถิด นี่ไง ที่นัทตี้ว่า มันเป็นสปีริต ที่นายกฯ พูดออกมาโดยไม่ทันได้คิด โดยนัทตี้เดาว่า(เดาจ้ะ) ในขณะที่นายกฯ ได้พูดออกไปเนี่ย เพราะเห็นชะตากรรมบ้านเราว่า ไม่ลำบากแสนสาหัส ถึงกับต้องแย่งอาหารกัน เหมือนในศรีลังกา หรือ อินโดฯ เรามีตรงนั้นพร้อม ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น เฉพาะคนในประเทศช่วยกันเองก็เหลือแหล่ หันไปดูเพือนบ้านสิ แม่ง ประชาชนมันเอง ยังไม่ช่วยกันเล้ย แถมมีสงครามศาสนาบ้าบอกันเข้าไปอีก( เบื่อว่ะ ไอ้พวก ปสด. บ้าศาสนาเนี่ย) นายกฯ เขาก็เลยพลอยเศร้าและสงสารไปด้วยก็เป็นได้ จึงทำให้พูดแบบนั้นออกมา   อันนี้ไง ที่นัทตี้มองเห็นว่ามันคือ "สปีริต" ในความคิดส่วนตัวของนัทตี้น่ะ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้านิ่งไว้เสียไม่ดีกว่าเหรอ? นัทตี้หมายความว่า ใช่มันคือสปิริต น้ำใจนักกีฬา แต่ว่ามันไม่ถูกกาละเทศะไง จะว่ามันร้ายแรง ก็ไม่ร้ายนะ จะว่าไม่ร้ายแรงก็ไม่ได้ เหมือนกัน เอางี้นะ เรามาคุยกันเล่น ๆ สองคนดีกว่า เถียงกันเล่น ๆ ก็ได้ ตามความคิดคุณแล้วกัน นัทตี้ไม่โกรธหรอก เขียนออกมาได้ตามใจ คืองี้ สมมติว่านัทตี้เนี่ยก็เป็นคนทำงานหากินไปวัน ๆ เนี่ยแหละ และ คุณน่ะ เป็นคนธรรมดาว่างั้นเถอะ แต่ถึงกระนั้น นัทตี้ก็ไม่เคยได้ไปรบกวนอะไรคุณ อาจไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ที่นี่วันหนึ่ง เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาโดยที่ไม่ใช่ฝีมือมนุษย์   แล้วนัทตี้ไม่เหลืออะไรเลย เหลือแต่ตัวกับหัวใจ ที่นี่คุณเนี่ยเกิดความสงสาร คุณก็ทนดูไม่ได้ ก็เอาสตางค์มายื่นให้นัทตี้เนี่ย หนึ่งร้อย เอาเสื้อผ้ามาให้ และเงินซื้ออาหาร  คุณว่านัทตี้จะปฏิเสธหรือว่ารับดีล่ะ? ถึงตัวนัทตี้เป็นหัวหน้าครอบครัวเองจะหยิ่ง ไม่เอาของใคร แต่เวลานี้ลูกล่ะ ผัวล่ะ ? จะกินอะไรกัน จริงไหม ? นอนยังต้องนอนข้างถนนเหมือนขอทานเนี่ย นี่ไง ที่นัทตี้ว่า หัวหน้าครอบครัวน่ะ ถึงจะหยิ่งอย่างเสืออย่างไร ก็ต้องละความหยิ่งอันนี้แล้วล่ะ เพราะคนในครอบครัวน่ะเขามันเล็กกว่าเรา หวังว่าคงเข้าใจนะ แล้วเปรียบเทียบดูเอาเอง เอ้าบอกใบ้ให้หน่อยหนึ่งว่า ให้นายกฯ เป็นหัวหน้าครอบครัวคนนั้นแล้วกัน ประเทศไทยเป็นบ้านหลังหนึ่ง ประชาชนคือลูกสมาชิกในครอบครัว อีกอย่างคนเรามีความเห็นแก่ตัวทุกคนไป สังเกตดูเวลาเด็ก ๆ เล่นกันสิ มีใครบ้างที่ไม่อยากเป็นพระเอกเป็นไอ้มดแดง   จากเด็กเนี่ยแหละ จะบอกได้ทันทีว่าสันดานดิบของคนเนี่ยเป็นยังไง เด็กมันไม่โกหกหรอก ที่นี่เมื่อโตขึ้น การเห็นแก่ตัวเนี่ยจะปรากฏออกมามากน้อยอย่างไร มันก็ขึ้นอยู่กับการสั่งสอน และ สถานการณ์ด้วย อย่างยามคับขัน มีใครบ้างที่แบ่งปันให้เพื่อนบ้านก่อนที่จะเอาไว้กินใช้เองในครอบครัว นี่ไงที่นัทตี้ไม่เข้าใจ คุณรู้จักประเทศ ลิกเทนสไตน์ไหม ? มันเป็นประเทศบ้านพี่เมืองน้องของสวิสฯ แต่เขาปกครองด้วยระบบเจ้าอยู่น่ะ วันนี้นัทตี้อ่านหนังสือพิมพ์ ต้องยอมรับว่า ได้ประณามด่าแม่งตรงนั้นแหละ หนังสือพิมพ์นี่แฉะไปด้วยน้ำลายของนัทตี้ที่กระเด็นเพราะอ้าปากด่าเต็มไปหมด จะไม่ให้ด่าได้ยังไงล่ะ ? คิดดูสิว่า เจ้าครองนครองค์ใหม่เนี่ย(เพิ่งได้เป็นเจ้าสักปีหนึ่งได้มั้ง) บริจาค 15000 ฟรังค์ ในขณะที่ประชากรบริจาคมากกว่าท่านเสียอีก หนังสือพิมพ์เขาบอกว่า ท่านน่ะเอาไปซื้อของแอนติกที่ต้องประมูล ท่านได้มาในราคา 41 ล้านฟรังค์เมื่ออาทิตย์ก่อน หนังสือพิมพ์เองยังเอามาลงให้ชาวบ้านเขาหัวเราะกันเล่นเล้ย เมื่อวันที่ 15 สิงหาหรือ 16 สิงหาหว่า ? ช่างมันเถอะนะ มันเป็นวันตายของปู่ของเจ้าองค์นี้แหละ เขาจัดงานยิงพลุกันทุกปี ปีละเป็นล้านมั้ง ปีนี้นัทตี้พาลูกข้ามไปดูพลุกับเขาด้วยที่ ฟาดุส โอ๊ย พลุส๊วยสวย จุดกันให้กระหึ่มไป เพราะเป็นปีพิเศษที่ท่านขึ้นครองราชย์ปีแรกไง เงินทองท่านน่ะ มีเหลือเฟือ หนังสือพิมพ์น่ะลงว่า ท่านมีตั้ง 6-7 ล้านล้านฟรังค์เชียวนะ แล้วบริจาคแค่เนี้ย มันน่าหัวเราะไหมล่ะ อีกอย่างตอนนี้นัทตี้จับตาดูพวกแขกซาอุฯ ดูสิว่าจะใจถึงไหม ? ก็มีบ้างประปราย ไม่อยากบอกว่า คนศาสนาเขาเหมือนกันที่ตาย ไม่อยากให้เอาศาสนามาเกี่ยวข้องหรอกนะ แต่ว่า คิดดูสิ ว่าปีหนึ่ง ๆ คนไทยมุสลิมเราเดินทางไปเมกกะกันปีละเท่าไหร่?  ขายน้ำมันได้ปีละเท่าไหร่ ? อินโดฯ ล่ะ ก็มุสลิม   ศรีลังกาก็มีมุสลิม เนี่ยน่ะ ไอ้คนรวยมหาศาลเนี่ย สู้พวกเรา ๆ ไม่ได้หรอก ถ้าเทียบกันเป็นเปอร์เซนต์ของรายได้ตัวต่อตัวและเปอร์เซนต์ของการบริจาคตัวต่อตัว จะว่านัทตี้ประสาทแด๊กก็ได้ เงินก็ไม่ใช่ของตัวเองสักหน่อย แต่จับผิดชาวบ้านเขา หมั่นไส้ว่ะ เวลาอ่านเจอดาราดัง คนดังว่า อีนั่นซื้อสร้อยเพชรให้หมาใส่ ไอ้นั่นซื้อวิลล่าหลังทีสิบ ไม่ได้อิจฉานะ แต่อ่านแล้วสมเพชความคิดคนเหล่านั้นต่างหาก (คิดดูดี ๆ นะ พวกเขาสามารถทำอะไรที่เป็นประโยชน์ให้แก่โลกนี้ได้ตั้งหลายอย่าง  แต่ก็ไม่คิดจะทำ) เพราะเหตุนี้ นัทตี้จะไม่ค่อยได้รู้จักดารานักร้องเท่าใดนัก คือว่าอ่านแล้วมันไม่ประเทืองปัญญา แต่คนไหนที่ทำประโยชน์ นัทตี้นั่นสรรเสริญเขาในใจนะว่า คนแบบนี้สิเป็นคนจริง อย่างหมอสวิสคนหนึ่ง ชือเบอัด ริกเนอร์ เป็นหมออยู่ที่กัมพูชา คนนี้นัทตี้รักเขานะ รักทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักตัวจริง เป็นฮีโร่ในใจเลย (แก่แล้วจ้า) อย่างแม่วิคตอเรีย กับเจ้าแบ็คแฮมนั่น ร้อยพันก็ไม่ได้เท่าเศษหนึ่งส่วนสิบของหมอเลย นัทตี้หมายถึงเรื่องน้ำใจต่างหากจ้ะ เอ้า นี่นัทตี้ก็เขียนคุยมาด้วยตั้งยาวแล้ว คือว่ามันยังไม่ง่วงน่ะ หาเพื่อนคุยแก้บ้าไปงั้นเอง ฮิฮิ จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 6 ม.ค. 48 09:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หลังจากเกิดเรื่องพี่สาวและดิฉันได้ทำเรื่องขอเงินบริจาคจากเพื่อนร่วมงานชาวอเมริกัน และที่ทำงานจะให้อีกเท่านึงของเงินบริจาค  เราทำทุกทาง มีข้าวของอะไรก็นำออกมาประมูล  นำออกมาขายเพื่อให้ได้เงินบริจาคเพราะมองเห็นว่าประเทศไทยน่าจะต้องการเงินเพื่อทำอะไรหลายอย่าง  หลายครอบครัวสูญเสียผู้นำ เด็กกำพร้ากว่าสามร้อยชีวิต  นอกจากนั้นเรายังต้องตั้งระบบเตือนภัยอีกหลายแห่ง   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์  แล้วมีหรือที่เราจะนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้  บริจาคเป็นของก็ไม่ต้องการ  พอบริจาคเป็นเงินก็ว่าไม่จำเป็นอีก  ศูนย์กลางที่ขอรับเงินบริจาคจากเพื่อนต่างชาติอย่างดิฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหน  กลัวคนอื่นเขาจะคิดว่าประเทศไทยไม่ลำบาก  แล้วมาขอเงินบริจาคทำไม จากคุณ : ติณณ์ - [ 6 ม.ค. 48 09:33:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Xmantree   นั่นสิ นี่ก็งง เหมือนกัน P-Jung  พี่ก็เสียใจด้วยจ้ะ มันไม่ใช่แค่ชีวิตคนที่รักเสียไปเท่านั้น  คนอยู่หลังก็ใจเสีย บ้านช่องทรัพย์สินก็สูญเสีย อาชีพก็สูญเสีย นั่นสิ พี่เสียใจกับน้องเขาด้วยจริงๆ เปรตเวหา   อะไรล่ะที่จะสูญเสียไป ถ้าเรารับความช่วยเหลือจากต่างประเทศน่ะ อธิบายให้กันอ่านบ้างสิคุณ ไม่เข้าใจจ้ะ รวยระรินกลิ่นชา  เหรอ บอกว่าเงินไม่พอเหรอ ? เอาไปให้ใครกู้อีกหรือเปล่า? หนี้สูญอีกแน่ ๆ จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 6 ม.ค. 48 09:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 I've heard from the news yesterday, interviewed Australia's Foreign Minister -- he said the Thai government mentioned what it needed now was not financial assistance but technical assistance i.e. medical teams, forensic experts, etc. It seems to be understandable. จากคุณ : Emma - [ 6 ม.ค. 48 09:40:17 A:128.250.230.249 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 ติณณ์  จริงอย่างที่คุณว่าด้วย  คุณบอกออกมาได้ตรงเป๊ะ ไอ้คำที่นัทตี้ไม่อยากจะว่าซะด้วย จริง ๆ คือ คนต่างชาติเขาเสียหน้าตรงนั้นน่ะ เขาถึงได้ว่าเราหยิงผยองไง ถูกต้องที่สุด ตรงที่สุด การที่คุณทำเรื่องขอรับบริจาคเนี่ย นอกจากคุณจะโดนทั้งขึ้นแล้ว ยังโดนล่องอีกด้วย คิดดูสิ ว่าการที่ท่านนายก ฯ ประกาศออกมาแบบเนี้ย เราเสียหน้าไหม ในการที่เป็นตัวตั้งตัวตีขอรับบริจาค คนที่เขารู้ เขาอาจจะมองเราผิด ๆ ไป หาว่าเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ฉวยโอกาสในทำนองนั้น นี่ไง ที่นัทตี้ไม่กล้าทำ จะเล่าให้ฟังแล้วกันว่า วันเกิดเหตุน่ะ เรายังไม่รู้ มารู้วันจันทร์ นัทตี้ก็โทรบอกทางเมืองไทยให้จัดการเอาเงินเราส่งไปช่วยพวกเขาก่อน ที่นี่นัทตี้อยู่ทางนี้ ก็คิดว่า จะสะสมเงินเรี่ยไรเงินจากคนที่รู้จักไม่ว่าฝรั่งหรือไทย ให้ช่วยกันหย่อนลงกล่อง ทีนี่ นัทตี้โทรไปชวนเจ้าของร้านไทย ที่นัทตี้ซื้อของประจำ สนิทกัน บอกถึงความประสงค์ของเราว่า อยากทำแบบนี้ จะยอมเสียค่าส่งเองด้วย ส่งไปเข้าในบัญชีธนาคารเมืองไทยเช่นธนาคารออมสิน หรือธนาคารอื่น ที่แจ้งเบอร์ไว้ในหัวข้างบนกระทู้ของพันทิพเนี่ย ที่นี่ เจ้าของร้านเขาเตือนสติว่า ถ้าอยากจะทำบุญ อยากจะบริจาค ก็ทำของเราไปคนเดียว ไม่ต้องไปชวนคนอื่นด้วย นัทตี้ถามว่า ทำไมล่ะ ? ช่วย ๆ กันส่งเข้าไทยโดยตรงดีกว่านะ พี่เขาบอกว่า อย่าเลย เพราะว่าคนบางคนเขาอาจจะโมเม ว่าเราได้ทีหลัง หาว่าเราเอาเข้ากระเป๋า นั่นไงที่ทำให้นัทตี้ได้คิด ว่าอย่าดีกว่า เพราะคนมันร้อยพ่อพันแม่ จิตว่างบ้าง ไม่ว่างบ้าง ปนเปกันไป โอเค นัทตี้ร่วมเงินไปกับทางสวิสฯ ที่เขารับบริจาคดีกว่า สบายใจกว่ากันเยอะเลยนะ ลูกสาวสามีทำงานไปรษณีย์ ถ้าเราให้เขาไปร้อยฟรังค์เขาเอาไปบริจาคในนามเขา แต่ว่าจากร้อยฟรังส์จะกลายเป็นด็อบเบิ้ล คือสองร้อยฟรังส์ ไปรษณีย์เขาให้เพิ่มขึ้นเท่าตัว เฉพาะพนักงานที่บริจาค เราทำอย่างนั้นดีกว่านะ สบายใจดี นัทตี้รู้สึกเห็นใจคุณมาก ที่อุตส่าห์มีน้ำใจและเป็นตัวตั้งตัวตี แต่ขอให้คุณอย่าท้อใจเลยนะ ไว้คราวหน้าจำไว้เป็นบทเรียน ถึงเราจะบริสุทธิ์ใจและคิดว่าไม่แคร์ปากคนก็ตาม แต่มันก็รบกวนใจเราอยู่เนืองๆ ไม่ใช่เหรอ ? ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ทำผิดสักหน่อย นะ คราวหน้าถ้าชาติต้องการเมื่อไหร่ ? เราคนที่อยู่ต่างประเทศก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน อย่าไปเรียไรใครเขาเลย ถ้าอยากส่ง ก็ส่งของคุณกับพี่สาวแค่สองคนพอ คนอื่นช่างหัวมัน ของอย่างนี้น้ำใจค่ะ จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 6 ม.ค. 48 10:00:12 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เอ็มม่า  ขอบคุณค่ะที่บอกมาว่า รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเรียให้สัมภาษณ์อย่างไร แต่ทางยุโรปไหงต้องการแค่ถุงใส่ศพ และ ไม่ต้องการเงินล่ะ ?อืม นี่ถ้า คามิเรย์ (รัฐมนตรีของสวิสฯ) ไม่ลงไปเองเมื่อวันก่อนนั้น  ทางนี้คงบื้อกันอยู่นาน ว่าไทยไม่ต้องการ อืม เรามาดูข่าวของแต่ละประเทศกันดีกว่าว่ามันเป็นยังไงกันต่อไป จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 6 ม.ค. 48 10:11:48 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อคืนคุณสรยุทธถามคำถามนี้ในรายการทางช่อง 9 นายกตอบว่าความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติถือเป็นทรัพย์สินเหมือนกันในทางธุรกิจ นายกต้องการแสดงให้ต่างชาติเห็นว่าประเทศเรามีความมั่นคงทางการเงิน และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ยอมรับความช่วยเหลือทางด้านความรู้ ที่ไทยไม่มี ดู ๆ จำมาได้แค่นี้เพราะง่วงนอนอ่ะ แต่นายกตอบได้ดีทีเดียว การรับเงินบริจาคมา คงมีเงื่อนไขติดมาด้วย ซึ่งอาจเสียเปรียบเรื่องการต่อรองกับต่างชาติในหลายเรื่องในอนาคตน่ะ จากคุณ : ผ่านมาคุย - [ 6 ม.ค. 48 10:46:13 A:203.155.120.31 X: TicketID:009674 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมเองอยู่เมืองไทย ยังคิดเหมือนน้านัทเลย อะไรจะหยิ่งขนาดนั้น แต่สำหรับคนอย่างทักษิณ ท่านมองอะไรข้ามช็อตเสมอ รอดูกันต่อไป แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 48 10:50:55 จากคุณ : ณัฐกร - [ 6 ม.ค. 48 10:47:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ฟังในข่าวเหมือนกัน  งงเหมือนกัน  แต่ก็ฟังแล้วก็ได้แต่เฉย   เพราะคิดว่ายุคนี้  จะมีคนกลุ่มหนึ่ง ตระกูลหนึ่ง มักจะทำอะไร พูดอะไรแล้วไม่น่าเกลียดเสมอ   ทำไงได้ แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 48 10:58:08 จากคุณ : วังวน - [ 6 ม.ค. 48 10:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คืออย่างนี้ครับคุณนัทตี้ ที่คิดว่าเงินบริจาคประชาชนกับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลน่าจะแตกต่างกัน เนื่องจากเหตุผลที่ท่านนายก รวมทั้งฝ่ายสนับสนุนในกระทู้ต่างๆให้ไว้ (ตย.เช่นคุณ #15) ก็คือกลัวสิ่งที่ตามมา คือเมื่อติดหนี้บุญคุณกันแล้วเขาอยากให้ทำอะไรก็ต้องทำ อำนาจการต่อรองต่าง ๆ ก็ลดลง ส่วนเรื่องศักดิ์ศรี หรือสปิริตของคนจนผู้ยิ่งใหญ่นั้น อาจเป็นแค่ให้ฟังดูดีเท่านั้น ตามเหตุผลดังกล่าวผมเลยคิดว่าถ้าเป็นเงินบริจาคจากคนธรรมดาทั่วๆไป ก็คงไม่ต้องกลัวเงื่อนไขแบบนี้ ที่สำคัญคือส่วนนึงมันมีเงินผมอยู่ด้วยสิ จะว่าเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ก็อยากให้เงินจำนวนนี้ส่วนหนึ่งกลับไปเมืองไทยด้วยน่ะครับ จากคุณ : Just My Opinion - [ 6 ม.ค. 48 11:32:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผ่านมาคุย   ตามตำราโหวงเฮ้ง ปากท่านนายก ฯ เราน่ะเขาเรียกว่า ปากพ่อค้า และท่านก็เป็นพ่อค้าจริง ๆ เรื่องหน่วงเหนี่ยวใจให้คนมาซื้อหาของท่านนั้น เป็นยอดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น นัทตี้ไม่สงสัยเหมือนกันว่า ทำไมท่านถึงได้โน้มน้าวใจคนฟังได้ขนาดนั้น ถ้าเราจะมาถกเถียงกันเล่น ๆ เอางี้นะทำความตกลงกันก่อนว่า นัทตี้นั้นเป็นคนเปิดเผย และ ฟังความคิดเห็นของคนอื่นมากที่เดียว ใจกว้างมากเรื่องนี้ และ ไม่เคยโกรธใครด้วย ในกระทู้นัทตี้นี้ คุณบอกออกมาได้เลยจากใจ นัทตี้ก็บอกออกจากใจ ไม่มีงี่เง่าเหมือนใครด้วยน่ะ คืออยากจะบอกว่า วิจารณ์ให้เต็มที่ เพราะมันคือความคิดใช่ไหม คุณมีหัวของคุณ นัทตี้มีหัวของนัทตี้นะ ตกลงไหม? เอาล่ะ ที่นี้เรามาเข้าเรื่องกัน เอาความเห็นของนัทตี้ก่อนนะว่าคิดยังไง? นายกบอกว่า ความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติถือเป็นทรัพย์สินเหมือนกันในทางธุรกิจ อันนี้ขอตอบว่า เห็นด้วย  แต่นัทตี้มีคำว่า "แต่" แต่การที่จะให้นักลงทุนต่างชาติเนี่ยมั่นใจ ไม่ใช่การทำลักษณะนี้ การที่จะให้นักลงทุนต่างชาติมั่นใจ ต้องปราบไอ้พวกหนักแผ่นดินสามสี่จังหวัดภาคใต้ให้หมดสิ้นซากสิ นั่นถือว่าเป็นการให้ความมั่นใจ แน่นอนยิ่งกว่าแน่นอน ประเทศไหนมีสงคราม ประเทศไหนมีจราจลภายในประเทศ  คิดเล่น ๆ นะว่าถ้าตัวเราเองนั้นเป็นนักลงทุน จะเข้ามาลงทุนไหม ถ้าเป็นนัทตี้ คงไม่นะ ไอ้กรณีคลื่นยักษ์เนี่ย ไม่ใช่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ มันเป็นภัยธรรมชาติ ที่ไม่มีใครคาดคิดต่างหาก ในเมื่อเขาต้องการช่วย ก็ปล่อยให้ช่วยสิ ไม่ได้ไปขอร้องนี่หว่า การที่ออกมาประกาศโป้งว่า ไทยไม่ต้องการเงินช่วยเหลือ เพราะมีเหลือเฟือแล้วจากคนในชาติที่ร่วมใจกัน   แล้วเร่งเก็บกวาดขยะ ให้นักท่องเที่ยวลงไปอาบแดดเล่นน้ำกันได้อย่างนั้นน่ะ  คุณเห็นอะไรในนั้นบ้างล่ะ  ต่างประเทศเขามองอย่างไรล่ะ เขามองว่า ทางไทยพยายามทำทุกอย่างที่จะปั๊มเงินให้ได้มากที่สุดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แล้วอย่างนี้แปลว่ามั่นคงไหม มั่นใจได้ไหม? ไอ้หนังสือพิมพ์ทางนี้ มันเอารูปชาวต่างชาติฝรั่งด้วยกันเองมาลง แล้วเขียนตัวหนังสือตัวโตว่า " pervers ? Ferien am Todes Strand " แปลว่า ไอ้ทุเรด (ศ ศาลา) ? พักผ่อนที่ชายหาดแห่งความตาย  ไอ้คำแรกเลยน่ะ หมายถึงพวกที่บ้าระห่ำ พวกโรคจิต มันเป็นคำด่าว่ารุนแรงเหมือนกัน ในรูปมีไอ้คนพวกนี้ยืนเต๊ะจุ๊ยถือเบียร์กันคนละขวด นุ่งกางเกงอาบน้ำ ที่หนังสือพิมพ์ทางนี้ด่าฝรั่งด้วยกันเองเนี่ย คุณลองตีความหมายให้ดูหน่อยสิ ว่านี่คือความรู้สึกที่ว่ามั่นใจของต่างชาติใช่ไหม? แต่อย่าลืมว่า อีกประการหนึ่งที่คนต่างชาติเขามองนั่นคือ "มนุษยธรรม"ต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวกับความมั่นคงมั่นใจสักนิด ไอ้ที่หนังสือพิมพ์เขาว่านั่นหมายถึง "กาละเทศะ" ด้วยนะ อีกอันคือ ต้องการให้ต่างชาติเห็นว่า ประเทศเรามีความมั่นคงทางการเงิน นั่นก็เหมือนกัน อย่างที่นัทตี้ยกตัวอย่างมาให้อ่าน อีกประการหนึ่ง ถ้าอยากมีความมั่นคงทางการเงิน คงไม่ใช่ออกมาในรูปของความหายนะที่มาจากธรรมชาตินะ ที่เขาจะเห็นว่าเรามั่นคงในทางการเงินขนาดไหน เขาดูรัฐบาลด้วยต่างหาก คุณรู้ไหมว่า ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีคอรัปชั่นมากที่สุดเป็นอันดับที่เท่าไหร่ เขาจัดอันดับกันออกมาแล้ว แต่นัทตี้ไม่ได้ใส่ใจเก็บข้อมูลอันนั้นไว้ การที่รัฐบาลเอาเงินไปใช้โน่นใช้นี่ ในทางที่ถูกที่ควรก็โอเค ไม่ใช่ว่า จะเอาออกมาให้คนยากจนกู้ไปซื้อมอเตอร์ไซด์หรือมือถือ ชาวบ้านน่ะเขาอยู่ของเขามามีความสุขดีอยู่แล้ว ดันเอาเงินไปแจกเสียอีก ที่นี่แทนที่จะทำให้ชาวบ้านมีความสุขมากขึ้น เพราะได้เกินปัจจัยสี่มา คนที่ไม่เคยคิดฟุ้งซ่านก็ฟุ้งซ่าน ซื้อมันดะ ผลสุดท้ายเป็นหนี้ กลุ้มไหม กลุ้มนะ ครอบครัวก็ไม่ปกติสุขเหมือนเดิม ถ้าอยากจะให้ต่างชาติเห็นความมั่นคงเรื่องการเงินตรงนั้น นัทตี้ว่า ค่อย ๆ ใช้หนี้เขาไปเรื่อย ๆ ดีกว่า ไม่ต้องฮวบฮาบหรอก จะมั่นคงหรือไม่ เขาก็ดูคนในประเทศด้วยเช่นกัน เรื่องของกำลังซื้อ ไม่ใช่ว่าซื้อผ่อนมาแล้ว ก็ไม่มีปัญญาจ่ายคืน ต้องให้ทางร้านมาริบของไป นัทตี้เปรียบเทียบกันง่าย ๆ ให้เห็นระดับชาวบ้านนะ เรื่องยอมรับความรู้จากต่างชาติ ที่ไทยไม่มี  โอเค อันนั้นดี แต่คนไทยเรามันนิสัยเสีย ได้มาก็เอามาทั้งดุ้น ดัดแปลงไม่เป็น ที่จริงน่ะ คนไทยเรามีการปรับตัวได้เก่งกว่าชาติอื่น เหมือนน้ำน่ะ จะเปลี่ยนให้ไปอยู่ในภาชนะรูปร่างแบบใดก็เป็นแบบนั้น ถึงจะเปลี่ยนยังไง น้ำก็ยังคงเป็นน้ำอยู่นั่นเอง ภาชนะนั้นก็คือสิ่งที่ต่างชาติสอนให้  น้ำคือคนไทยที่ถูกสอน ส่วนไอ้เรื่องที่ว่า ถ้ารับเงินมาแล้วคงติดเงื่อนไขด้วย นัทตี้ว่าไม่หรอก เพราะมันเป็นเงินบริจาค คำว่า บริจาคแปลว่า ให้ทาน ทำบุญโดยที่ไม่หวังผลประโยชน์ ให้ด้วยใจ ให้ด้วยสงสาร อะไรแบบนี้ต่างหาก มันต่างจากคำว่า "กู้" มากนะ ตอนนี้ ทั่วโลกไม่ได้คิดว่า เขาต้องช่วยเพื่อผลประโยชน์ ใช่อาจจะมีอยู่ในความคิด แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่ คิดดูนะว่า  คนต่างชาติที่เข้ามาตายในไทยน่ะ เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ มากกว่าประเทศเพือนบ้านเสียอีก คนของเขา เขาต้องเข้ามาช่วยเหลืออยู่แล้ว อย่างน้อยก็ได้ศพกลับไป การที่เราดำเนินความสะดวกให้เนี่ย หรือว่าพยาบาลขั้นต้นที่คนต่างชาติเหล่านั้นถึงกับออกปากชมเชยเนี่ย นัทตี้ว่ามันที่สุดของที่สุดแล้วนะ มันมองดูเหมือนว่า นายก ฯ ช่วยต่างชาติเพราะหวังผล (ซึ่งแน่นอน ว่าคนพวกนี้จะต้องกลับมาอีก) จากในสายตาของนัทตี้นั้น เหมือนกับว่า เขาช่วยต่างชาติให้ดีทุกอย่าง ให้พร้อมทุกอย่าง แต่คนไทยเราตาดำ ๆ ล่ะ มีการช่วยเหลือระยะยาวขนาดไหน การที่คน ๆ หนึ่งตายได้หนี่งหมื่นบาท มันจะกินได้กี่วัน เขาสูญเสียเท่าไหร่ ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน อาชีพ ความรู้สึก คนไทยที่มีชีวิตรอดนั้นต่างหาก ที่ต้องช่วยพวกเขา อย่างน้อยให้เขาสามารถยืนได้ตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ก็อย่างที่นัทตี้เขียนไว้ข้างบนกระทู้แรกเลยว่า คนเรามันลืมกันง่าย ตอนที่เกิดเหตุการณ์ใหม่ ๆ เนี่ย ใคร ๆ ก็กระตือรือร้นจะช่วย  แต่พอสักเดือนสิ คุณจะรู้เลยว่าเหมือนถูกทอดทิ้ง เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง นี่ต่างหากที่นัทตี้กลัว กลัวมีโจรผู้ร้ายเพิ่มมากขึ้น กลัวความเครียดที่คนเหล่านั้นได้รับ แล้วยังไม่ได้รับการบำบัด นัทตี้หมายถึง อย่างน้อยก็ช่วยพวกเราเรื่องอาชีพ ที่อยู่อาศัย ปัจจัยสี่น่ะ มันไม่ใช่จะบำบัดได้ทั้งหมดจากใจ แต่ว่าของเหล่านี้มันก็บำบัดได้  มันทำให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้นไง เข้าใจไหมเอ่ย เขาเหล่านั้น อาจจะคิดสั้น ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือ นั่นไงที่มันเกี่ยวโยงเข้าเป็นวัฏจักรของความไม่มั่นคงของประเทศที่คุณบอกเล่ามา อย่าไปกลัวอะไรทั้งนั้นตอนนี้ รับเงินมาเถอะ ไม่น่าอาย ถ้าเป็นเรื่องผูกพันธ์ จะโง่ทำไม ถามกันก่อนสิ ว่ามีข้อผูกพันธ์ไหม ก็เล่นกันซื่อ ๆ ไป เมื่อประชาชนในประเทศกินดีอยู่ดีตามอัตภาพ  ต่างชาติเขาก็มากันเอง นัทตี้คิดว่าต่างชาติตอนนี้เขานึกถึง "มนุษยธรรม" มากกว่าสิ่งใดทั้งหมดในตอนนี้นะ แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 48 12:43:51 จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 6 ม.ค. 48 12:36:17 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ณัฐกร จ้ะ รอดูกันต่อไป วังวน อืม รอดูต่อไปไงล่ะน้อง Just my opinion  เคยเห็นพวกแต่งตัวดี แต่ไม่มีเงินในกระเป๋าไหม นั่นแหละ นัทตี้ไม่ใช่คนจำพวกนั้นด้วยสิ นัทตี้ชอบโทรม ๆ แต่มีเงินตุงกระเป๋า ไม่แคร์หรอกนะ ถ้าใครจะไม่กล้าเดินเฉียดเข้าใกล้  ปลอดภัยดีเสียอีก คุณว่าไหม ? แล้วดีมาก ทีคุณยอมรับว่าเห็นแก่ตัว อืม เหมือนนัทตี้เปี๊ยบเลย เรื่องนี้ยอมรับว่าเห็นแก่ตัวมาก ๆ เงินตูต้องช่วยประเทศตูสิ เนอะ จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 6 ม.ค. 48 12:50:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วยกับคุณเปรตเวหาครับ  หากผมเป็นนายกฯ ผมก็คงไม่รับเงินช่วยเหลือ จากต่างชาติเหมือนกันครับ  เอาละโอเค.. เรื่องที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัตินั้น มันเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นและเป็นงานที่ต้องทำกันต่อเนื่องไปในระยะยาว  แต่ ผมว่าประเทศไทยเรานั้นมีศักยภาพเพียงพอที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยร่วมชาติได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินบริจาคจากชาติอื่นๆ  และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก นำความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินที่ประเทศไทยได้รับนั้นไปเปรียบเทียบกับ ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันเช่นอินโดฯ ศรีลังกา จะเห็นได้ว่าเราโชคดีกว่าเขามาก   ของเขาคนตายเกือบยกเมือง ตึกรามบ้านช่องถล่มพังราพนาสูร  หากจะบูรณะกัน ก็แทบจะเรียกได้ว่าต้องสร้างเมืองใหม่กันเลย  ในขณะที่ของเราเปรียบเทียบกับเขาแล้ว เป็นการซ่อมแซมสิ่งปรักหักพังและหาทางจัดระเบียบกันใหม่มากกว่า  การกล้าจะ แสดงน้ำใจปฏิเสธความช่วยเหลือจากต่างชาติทางด้านการเงินในขณะนี้  บ่งให้ เห็นถึงความเป็นผู้ที่เข้าใจในสถานภาพของตนเองและมีน้ำใจเป็นธรรมต่อชาติอื่นๆ ที่ประสบภัยพิบัติเดียวกันและต้องการความช่วยเหลือมากกว่าเรา  ถึงใครจะไม่เข้าใจ ในขณะนี้และดูไปว่าเราหยิ่งจองหอง  แต่เมื่อเวลาผ่านไป  เหตุการณ์มันสงบลงแล้ว และหันมามองดูด้วยสายตาวิเคราะห์เขาคงจะเข้าใจได้เอง และเราอาจจะได้รับ ความนับถือมากขึ้นก็เป็นได้ อีกประการ  หากรัฐบาลของเรายอมรับความช่วยเหลือทางด้านการเงินจากต่างชาติ นั่นจะกลายเป็นความผูกพันต่อเนื่องไปในอนาคตแน่ๆ  เพราะฉะนั้นการที่จะรับความ ช่วยเหลือใดๆ โดยไม่จำเป็นนั้นเป็นสิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยง  และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐบาลชุดนี้กำลังจะหมดวาระหน้าที่ลงในไม่ช้า  การจะสร้างภาระหรือข้อผูกพันที่ อาจจะมีผลกระทบในระยะยาวให้รัฐบาลใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้ามาบริหารประเทศนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำครับ  (แต่สิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งใหม่สำหรับการเมืองไทยก็ว่าได้ จึงไม่มีใครค่อยเห็นกัน เพราะที่ผ่านๆ มาส่วนใหญ่พอใกล้จะไปก็ ‘ทิ้งทวน’ กันทั้งนั้น   ยิ่งเป็นเงินก้อนโตเบิกได้ไวจ่ายคล่องๆอย่างนี้  มันง่ายต่อการงาบและเขมือบดีนักแล) ผมเข้าใจว่าที่นายกฯ พูดให้สัมภาษณ์ว่าไม่รับเงินต่างชาตินั้น  เป็นการพูดในฐานะ ผู้แทนรัฐบาล  ซึ่งก็คงจะไม่ได้หมายความว่าหากมีภาคเอกชนหรือองค์กรการกุศลต่างๆ มีเจตจำนงจะช่วยเหลือกันจริงๆ แล้วรัฐบาลคงจะปิดกั้นตัวเองไม่ยอมรับใดๆ ทั้งสิ้น และหากมีคนไทยในต่างแดนจะรวมกลุ่มจัดตั้งกันขอรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือชาวไทย ที่ประสบทุกข์ได้ยาก  ผมก็ว่าน่าอนุโมทนาอยู่ไม่น้อย  และไม่เห็นจะเป็นเรื่องน่าอาย อะไรตรงไหน  คนที่เขาให้นั้นเขาคงไม่จะคิดเล็กคิดน้อยก่อนให้หรอกครับว่ามันไม่เห็น จะเดือดร้อนหรือจำเป็นทำไมต้องมาขอ  เพราะคนที่คิดอย่างนั้นเขาก็คงไม่ให้ตั้งแต่ต้นแล้ว ยกเว้นในกรณีที่ต้องให้หลีกเลี่ยงไม่ให้ไม่ได้จริงๆ ก็คงจะให้อย่างเสียไม่ได้ (คงจะไม่ต้อง ยกตัวอย่างประกอบนะครับ)..  จะว่าไป  ผู้ที่ทำการเรี่ยไรขอรับบริจาค  ก็เท่ากับคุณ ทำบุญไปแล้วด้วยแรงกายอีกทั้งแรงใจ  เพราะคุณต้องเผชิญหน้ากับคนที่มีความคิดเห็น แตกต่างกับคุณหลายรูปแบบหลากประเภท และจะมีคนประเภทเดียวเท่านั้นที่เห็นใจ และเข้าใจนั่นก็คือคนที่บริจาคให้มานั่นเอง พวกที่ไม่คิดจะให้  อธิบายให้ปากหัก เขา(หรือมัน) ก็ไม่คิดจะให้หรอก  - - ว่าไหม? จากคุณ : Luv2GivButNotTek - [ 6 ม.ค. 48 13:44:05 A:138.217.83.218 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 ก็มาแสดงความคิดเห็นเหมือนกันแต่เล่าว่านายกพูดไงก่อนดีกว่า    ทางช่อง 9 นะ  รายการถึงลูกถึงคน              "การที่ไม่รับเงินช่วยเหลือนั้นเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ชาวโลกได้เห็นว่าเรานั้นมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะยืนบนชาตัวเราเองได้  ไม่ต้องพึ่งคนอื่น  เป็นการสร้างความมั่นใจและหากเราสามารถสร้างความมั่นใจกลับมาได้  เงินทุนต่างชาติจะตามเข้ามาเอง  เราจึงขอรับความช่วยเหลือด้านวิชาการเท่านั้น"                 นี่เป็นที่จับใจความได้  นะที่จริงยาวกว่านี้และมีการยกตัวเลขเงินทุนสำรองบวกเงินที่เราให้ต่างประเทศกู้มากล่าวอ้าง                 ส่วนที่ว่าน่ารับไหม   ต้องดุก่อนว่ายอดบริจาคเรามีเท่าไหร่  เพราะหลายบัญชีที่เปิดรับก็ทะลุ 200  ้ล้านไปหลายที่  และถ้ามีพอก็ไม่ควรรับด้วยหลายเหตุผล  ทั้ง สปีริต  ความเหมาะสม  และภาพพจน์                               แต่ถ้าไม่พอก็ไม่ควรตัดโอกาสตัวเองเพราะคนที่เดือดร้อนมิใช้นายกที่ต่อให้ซึนามิถล่มบ้านแก่ ๆ ก็เฉย ๆ จึงควรประเมินเงินบริจาคในประเทศรวมทั้งงบประมาณที่จัดไว้ว่าพอแก่การแก้ไขหรือเปล่า               ส่วนเรื่องการรับเงินจะมีภาระผูกพันธ์หรือไม่  ผมว่าไม่นะ  อย่างแรกเงินนี้มาจากการให้ความเหลือด้านมนุษยธรรม  ไม่ใช้ความช่วยเหลือแง่เศรษฐกิจที่จะขอมีภาระผูกพันธ์ได้  ซึ่งหากใครให้เช่นนั้นโดนด่าจากประชาคมดลกตาย               2.  เงินส่วนใหญ่ที่เขาบริจาคก็จะบริจาคผ่าน UN  และให้จัดแบ่งอีกครั้ง  เพราะแต่ละชาติมีหน้าที่ส่งเงินบำรุง UN  เหมือนภาษี  ทีนี้ถ้าสใครบริจาคเงินก็จะไม่ต้องส่งเงิน  เป็นการได้หน้าไปในตัวด้วย  หลายประเทศจึงทำโดยบริจาคเงินมากกว่า  เหมือนออสเตเลียที่เคยบริจาคเงินสร้างสะพานไทย-ลาวไง   ดังนั้นจึงเป็นการทีไม่สามารถสร้างภรระอะไรขึ้นมาได้  นอกจากบุญคุณ               3.เงินที่บริจาคโดยตรงจากแต่ละประเทศที่ขอเรี่ยไรจากประชาชนทั่วไป  อันนนี้ยิ่งไม่ต้องคิดถึงภาระผูกพันอัไรเลยเพราะเป็นการให้ด้วยใจกุศลอยากช่วยเหลือ                  ก็เลยคิดว่าควรรับหรือไม่นั้น  นายกก็อาจจะถูกแต่คงให้คำตอบเร็วไปควรประเมินให้รอบครอบเสียก่อน  พอแก่พูดออกมาเร็วก็อาจทำให้เสียประโยชน์และดูเหมือนแก่จะมองแง่เศรษฐศาสตร์หรือเศรษฐกิจอย่างเดียวที่จะเรียกความมั่นใจกลับมาโดยเร็วแต่ไม่สนใจสิ่งที่อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงผู้ประสบภัย จากคุณ : Jack o'lanturn - [ 6 ม.ค. 48 14:22:07 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ได้ยินข่าวแบบนั้น ก็สงสัยเหมือนกัน แต่ได้ฟังรายการถึงลูกถึงคนเมื่อคืนแล้ว พอจะเข้าใจบ้าง นายก ต้องการสร้างความมั่นใจให้กับต่างชาตินั่นเอง และหลังจากรู้ข่าวว่าอินโด และศรีลังกา โดนหนักกว่าเรามาก สมควร ที่จะแบ่งปันความช่วยเหลือที่ได้รับมา ไปให้บ้างแล้วล่ะ ผู้ประสบเคราะห์กรรมในบ้านเรา โชคดีกว่าพวกนั้นเยอะเลย จากคุณ : ป้าเอม - [ 6 ม.ค. 48 14:59:36 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าคุณเป็นพนักงาน บริษัทฯ จะเข้าใจครับ บริษัทฯ ต้องรักษาภาพความมั่นคงทางการเงิน นายกฯ ไทยก็เช่นกัน บางครั้ง ก็แยกไม่ออก ตัวเองเป็นนายกฯประเทศจนๆ หรือ CEO บริษัทฯ ใหญ่ การเงินแข็งแกร่ง จากคุณ : โต - [ 6 ม.ค. 48 16:33:54 A:203.148.243.114 X: TicketID:004821 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เอางี้นัทตี้ตอบรวมเลยดีกว่า คุณ โต  ป้าเอม คุณ Jack o`lanturn     Luv2Giv.... อุ๊ยชื่อภาษาอังกฤษนี่ยุ่งยากชะมัด แป้นพิมพ์เยอรมันค่ะ คืองี้ที่ตอบรวม ๆ เพราะมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ใช่ไหม? ไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือ พนักงานบริษัท หรืออะไรก็ตามที แต่ถ้าคุณเข้าใจคำว่า "บริจาค" ว่าแปลกันตามความหมายว่าอย่างไร คุณจะคงไม่ต้องรั้งรอดูหรอก คำว่า บริจาค หมายถึง การให้ทาน การช่วยเหลือ การเสียสละวัตถุไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ เงินหรือแม้แต่น้ำใจ โดยไม่มีการบังคับ ไม่มีการผูกพันธ์ นั่นต่างหากคือนิยามของคำว่า "บริจาค" มันผิดกับคำว่า "กู้ยืม" น่ะ คนไทยเราเอามาใช้กันว่า "เครดิต" ไปเสียนี่ เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า อย่างที่คุณแจ็ค จากคคห ที่ 22 บอกมานั่นถูกต้องเป๊ะ ไม่ต้องอธิบายกันยืดยาวอีก ถ้านายกฯ หยุดคิดสักนิดก่อนตอบคำถาม นั่นจะยิ่งได้ประโยชน์เข้าไปใหญ่ ขึ้นไปอ่านกันที่ คคห 22 แล้วกัน เขาเขียนไว้ได้โดนใจมากที่สุด อีกอย่างก็อย่างนัทตี้ว่าไว้ข้างบนเหมือนกันที่ คคห 19 นัทตี้บอกว่า คนไทยน่ะเหมือนน้ำ เปลี่ยนไปภาชนะไหนก็รูปทรงแบบนั้น คิดกันให้ดีสิ ไอ้พวกที่เก่งเศรษฐศาสตร์   การเงินการบัญชี  ตัวใหญ่ตัวโตทั้งหลายในบ้านเราเนี่ยจบด๊อกฯ เมืองนอกมาก็เยอะ แต่จบมานานเท่าไหร่แล้วล่ะ จบกฏหมายบ้าง จบบ้าบออะไรไม่รู้บ้าง เอามาใช้กับบ้านเราได้ไหม ? โลกนี้มันเปลี่ยนไปมากแล้ว ยังมามัวงมโข่งเป็นไดโนเสาร์อยู่อย่างที่เรียนมาเมื่อยี่สิบสี่ สิบปีเหรอ ? มีการส่งเข้าคอร์ดกันบ้างหรือเปล่า นั่นสิ บอกตรง ๆ น่ะ ว่าบางครั้งจะเอาแบบฝรั่งเขา ลอกเขามา ไม่ดูสักนิดว่า อากาศบ้านเรายังไง ไม่ดูสักนิดว่าแบ็คกราวด์วัฒนธรรมของไทยนั้นเข้ามามีส่วนในการคิดของคนไทยแค่ไหน มันเปลี่ยนกันไม่ได้ง่าย ๆ หรอก ไม่ดูว่า การเมืองเขาเล่นกันยังไง ใช่ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย แต่เรื่องราวการตัดสินต่าง ๆ คนใหญ่ ๆ โต ๆ เขาถามคนในประเทศบ้างไหม ได้ร่วมออกเสียงออกความคิดกับเขาบ้างไหม รัฐบาลเขาฟังเราไหม มันหลายเรื่องนะ มาตรฐานของชีวิตคนไทยเป็นยังไงบ้าง? นัทตี้ว่า ถ้าจะทำให้เห็นว่ามั่นคง และ น่ามั่นใจในต่างชาติล่ะก้อ ทำให้ไอ้พวกใต้สามสี่จังหวัดนั้นให้สิ้นซากไปดีกว่า มองคนอย่ามองด้านเดียว ไม่ได้บอกให้ระแวง แต่บอกว่าให้ระวังตัวไว้เท่านั้นเอง  เวลาเจ็บจะได้ทำใจได้ หันไปมองจีนสิ ว่าเขาทำอย่างไร ? จากคอมมูน ฯ กลายเป็นตลาดค้าส่งไปได้ ศึกษากันดูหน่อยเป็นไร ? จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 6 ม.ค. 48 17:53:45 ]

ความคิดเห็นที่ 26 รอจนพันทิพเปิดให้ใช้งานได้ มีเรื่องอยากจะเล่าให้อ่านกัน ทีวีภาคข่าวของทางนี้ เขาสัมภาษณ์คนไทยที่สูญเสีย คนรายงานข่าวเขากล่าวนำว่า ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะได้ช่วยเหลือชาวต่างชาติเป็นอย่างดี แต่ว่าขณะนี้คนไทยพื้นที่อีกแสนกว่าชีวิตก็แทบไม่มีความหวัง คนที่ได้รับความเสียหาย จะมาลงชื่อและได้รับเงินคนละ 2000 บาท อยู่ใต้ผ้าพลาสติก มีเสื่อรองนั่ง เรือที่ทำมาหากินพัง(ฉายภาพให้ดูด้วย) ชายไทยคนที่เขาสัมภาษณ์นั้นบอกว่า เขานั้นมีอาชีพประมง พร้อมกับพาเดินไปดูซากเรื่อที่เขาเคยเป็นเจ้าของ ชายคนนี้บอกว่า รายได้ตกวันล่ะ 37 ฟรังส์ ถ้าโชคดีจับสัตว์น้ำได้เยอะ(คนข่าวถาม) แต่วันไหนโชคไม่ดี เขาก็ได้ไม่ถึงครึ่ง ตัวเขาเองนั้นมีคนที่อยู่ในครอบครัวด้วยกัน ห้าชีวิต นักข่าวถามว่า จะหนีไปอยู่ที่อื่นไหม เขาตอบว่า ไม่แน่นอน ถึงคลืนมาถล่มอีกกี่ครั้งเขาก็ยังคงจะอยู่ที่เดิมของเขา การที่นักข่าวต่างชาติเอาภาพนี้มาลงเนี่ย คิดกันดูแล้วกันว่า มันเหมือนกับการกระชากหน้ากากที่แท้จริงของไทยไหม มันเหมือนกับการเอาหน้านะ ช่วยคนต่างชาติมากกว่าคนในชาติเราเอง หนังสือพิมพ์ทางนี้ก็ลงว่า คนไทยเนี่ยสามัคคีกันจริง ๆ พวกเขาที่รอดตายมาได้กลับบ้านเมืองตัวเองก็ให้สัมภาษณ์กันแบบนั้น   แต่ว่า ตอนนี้คนที่รอดตายมาเนี่ย เขาสงสารคนไทยที่ร่วมประสบเหตุการณ์กับเขามากกว่า เพราะคนเหล่านั้นลำบากมากกว่าพวกเขาที่รอดตายมาแล้วและได้กลับบ้านเมืองมาแล้ว มีผู้ชายคนหนึ่ง ยังอยู่โรงพยาบาลทางนี้ เขาและเมียรอดมาได้ เขาเล่าว่า ตอนน้ำมานั้นเขาล้มไปแล้วเหมือนถุงหนัก ๆ (ตัวใหญ่มาก ฝรั่งผู้ชายคนสวิส) ความรู้สึกสุดท้ายคือ ผู้หญิงไทยตัวเล็ก ๆ แต่เรี่ยวแรงเธอมากเหลือเกิน ได้ฉุดกระชากเขาขึ้นมาให้พ้นความตาย นักข่าวถามว่า แล้วรู้สึกยังไง เขาว่า ใน 36 ชั่วโมงแรกที่เขาอยู่ที่นั่น เขาได้รับการดูแลและช่วยเหลือดีมาก คนไทยดีกับเขามาก เขาเป็นหนี้บุญคุณชีวิต เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ นักข่าวถามว่า แล้วคิดว่าจะกลับไปอีกไหม เขาตอบว่า แน่นอน เขาต้องกลับไปอีกแน่ เขาประทับใจคนไทยจ้ะ ก็พอสัมภาษณ์คนนี้จบก็เป็นการสัมภาษณ์คนไทยข้างบนที่นัทตี้เล่าไป ตอนนี้ปิดรับบริจาคกันไปแล้ว แต่ยังมีคนโทรเขามาทั้งวันเหมือนเมื่อวาน(เมื่อวานจัดงานรับบริจาคโดยเฉพาะ) คนที่รับโทรบอกเมื่อนักข่าวถามว่า มีคนโทรมาบริจาคทั้งวัน ถามเรื่องการขอเป็นบุตรบุญธรรมกันมาก็มาก เรียกว่า เขารับโทรทั้งวัน เป็นไง ถ้าคุณเป็นคนไทย จะรู้สึกอย่างไร ถ้าถามความคิดนัทตี้น่ะ คงตอบได้ว่า เหมือนกับประชาชนชั้นสองนิ ต่างชาติเขาแท้ ๆ ที่จะขอบคุณเรา เราต่างหากที่มีบุญคุณ พวกเขานั้นตอบแทนบุญคุณต่างหาก คิดกันในแง่ของความเป็น "มนุษย์" บ้างเถอะ อย่ามัวเอาแต่ "หน้าตา" กันอยู่เลย ในเมื่อพวกเราได้นั่งในที่แห้ง สบายเนื้อสบายตัว เราก็ควรจะสงสารคนที่เขานั่งที่เปียก บ้างไม่ได้เชียวหรือ ? จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 7 ม.ค. 48 03:00:38 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมอ่านในงานเขียนของนิติภูมิ ในไทยรัฐน่ะครับ ผู้คนในอินโดนีเซีย และศรีลังกายังไม่ได้รับการเหลียวแลเลย พวกมุสลิม ก็ช่วยแต่พวกมุสลิม พวกคริสต์ ก็ช่วยแต่พวกคริสต์ ทำให้มีหลายๆ ส่วน ไม่ได้รับการช่วยเหลือ ในบ้านเรา คนบาดเจ็บ คนสูญเสียมีเยอะ การดูแลจากภาครัฐ ยังไม่ทั่วถึงหรอกครับ เพิ่งผ่านมาได้ ยังมีคนที่ขาดอีกเยอะครับ นายกก็บอกว่า ถ้าใครอยากจะช่วย ก็ยินดี แต่ถ้าเป็นไปได้ ไม่ได้อยากได้เป็นเงิน อยากได้เป็นความรู้มากกว่า อันนี้ผมฟังตอนนายกให้สัมภาษณ์ช่องไอทีวี คืนวันที่ 6 ตอนสามทุ่มครึ่งนะครับ จากคุณ : january w-inds (กริชครับผม) - [ 7 ม.ค. 48 03:34:35 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ส่วนตัวแล้วคิดว่า เงินที่คนทั่วโลกบริจาคกันมาเป็นน้ำใจเนี่ย รับไว้ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร แต่เงินที่รัฐบาลประเทศต่างๆจัดสรรให้เนี่ย เป็นเรา เราก็ไม่ อยากรับนะ รับมาแล้วมันคาใจน่ะ เราว่า ส่วนที่บอกว่า ใครให้อะไรมาก็รับไว้เถอะน่ะ ขอบอกว่าไม่เห็นด้วยอย่างมากค่ะ เราเองก็เคย มีคนให้เก้าอี้มา รับเอาไว้ ไปๆมาๆใช้ก็ไม่ได้ใช้ แถมยังต้องเสียค่าทิ้งเองอีกเป็นพัน เนี่ย ถึงไม่เห็นด้วยกับการรับดะ รับแหลก ถึงคนให้จะหวังดีก็ตาม อีกอย่าง อ่านตรงนี้แล้วงงๆนิดๆด้วยค่ะ ที่คุณนัตตี้บอกว่า อันดับต่อไป คือ อาชีพการงาน ที่จะเปลี่ยนเป็นเงินด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองนะ คนไทยดี ๆ น่ะ เขามีความหยิ่งนะท่าน ถึงจนแต่เขามีความหยิ่ง มีศักดิ์ศรีที่ต้องการยืนด้วยตัวเอง นอกจากไอ้พวกคนไทยที่มันเหลือเดน มักง่าย และขี้เกียจนั่นแหละ ที่ต้องพึ่งคนอื่นเขาตลอด อ่านแล้วขัดๆกับการที่อยากให้รับเงินช่วยเหลือของต่างชาตินะคะ ตกลงว่าจะอยากให้รับหรือยังไงกันแน่เอ่ย ส่วนเรื่องเรี่ยไรเนี่ย เราคิดว่า แค่บอกๆไปว่าจะมีการบริจาคอย่างงี้ๆ ใครมีจิตศรัทธาก็ว่ากันไป คงไม่ถึงกับต้องไปโน้มน้าวใจอะไรกันหรอกค่ะ ทำบุญน่าจะทำด้วยใจกันมากกว่า แล้วไอ้ที่คนนั้นรวย คนนี้รวย แต่บริจาคแค่นี้แล้วเอามานินทาด่าว่ากันเนี่ย (เห็นในห้องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับนักเทนนิสชื่อดัง) เราไม่เข้าใจเลย คนเราทำบุญมันอยู่ที่ใจ จริงอยู่ที่บางคนน้ำใจมีน้อย แต่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะไปด่าว่ากันเลยนะคะ สุดท้ายไอ้ที่ว่าจบด็อคมาจากเมืองนอกตั้งเยอะตั้งแยะนั้น ตอนจบใหม่ๆ ทุกคนมีไฟในตากันทั้งนั้นแหละค่ะ ว่าจะเอาไอ้ที่เรียนมา มาทำให้ประเทศดีขึ้น แต่มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นนะคะ กลับมาเจอระบบราชการ มาเจออุปสรรคต่างๆ ท้อใจกันไปซะเยอะ เข้าใจว่าคุณนัตตี้เป็นคนมองโลกในแง่ดี มองอะไรตรงๆ เล่นอะไรซื่อๆ อย่างงี้เล่นการเมืองไม่ได้แหงๆ อิอิ (แซวเล่นนะคะ) จากคุณ : TSURUGI - [ 7 ม.ค. 48 03:54:40 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เป็นคนไทยในต่างแดนเหมือนกันครับ  บริจาคหลายหนแล้วด้วยครับ และ ไม่ได้ชอบการตัดสินใจทุกครั้งของคุณทักษิณ แต่ ครั้งนี้เห็นด้วยทีเดียวครับ และ อีกกระทู้เรื่องนี้ที่ชาวพันทิปโต๊ะเฉลิมไทยถกกันไว้ได้ดีในประเด็นนี้ครับ  ที่ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3213820/A3213820.html (ถ้าสมาชิกจะช่วยทำลิงก์ก็จะขอบคุณมากครับ) จากคุณ : ต่างแดนเหมือนกันครับ - [ 7 ม.ค. 48 04:46:17 A:12.75.205.66 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอเพิ่มเติมครับ   ผมเข้าใจว่าคุณทักษิณไม่ได้ปฏิเสธองค์กรบริจาคที่ไม่ใช่ระดับรัฐบาลนะครับ เพียงแต่ไม่ขอบริจาค"เงิน"ระดับรัฐบาลครับ เข้าใจดีว่าไม่ต้องการ "string attached"ระดับรัฐครับ เท่าที่สัมผัสมา เพื่อนๆระดับบุคคล หรือองค์กรที่ต่างแดนนี้ ก็ได้รวมกันบริจาคให้กับ องค์กรหรือมูลนิธิในไทยครับ ให้มากและให้ง่ายอย่างเต็มใจด้วยครับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จากคุณ : ต่างแดนเหมือนกันครับ - [ 7 ม.ค. 48 05:04:46 A:12.75.205.66 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 มองได้หลากหลายมุมครับป้า 1. ใกล้เวลาเลือกตั้งแล้วครับป้า ภาพพจน์ภายนอกอาจจะไม่ดีนัก แต่ภาพพจน์ภายในได้ใจคนไทยไปอีกอื้อ (มองแบบนี้กัดฟันพูดว่าไม่รับเชียวแหละครับ) 2. เงินให้เปล่าส่วนใหญ่จะกำหนดข้อแม้และอิทธิพลในการจัดซื้อจัดจ้างพ่วงมาด้วยเสมอๆ อันนี้ขัดกับสไตล์การทำงานที่ผ่านมาของท่านนายกครับ รับไม่ได้ 3. สภาพทีวีที่ถ่ายๆออกมาแม้จะดูไม่ดีในสายตาชาวต่างชาติแต่รับรองว่ามันฟังดูธรรมดาเหลือเกินสำหรับชาวบ้านธรรมดาในไทยยุคหลังไอเอมเอฟ (มองในแง่นี้ต่างชาติดูไม่ดีแต่รับรองว่าคะแนนเสียงส่วนใหญ่ไม่รู้สึกครับ ดิสเครดิตได้แต่ไม่ลดคะแนนเสียงครับ) 4. ทีวีในประเทศก็ถ่ายสภาพความเสียหายและพ่วงต่อด้วยความช่วยเหลือจากภาครัฐ(ที่ผมฟังยังไงมันก็น้อยเสียเหลือเกิน) ตอนนี้ต้องให้ภาพออกมาดูดีที่สุดสำหรับคนในประเทศครับ วันแมนโชว์ระบบซุปเปอร์ซีอีโอของแกเลย มะวานก็บังคับคนที่ดูฟรีทีวีฟังแกพูด 40 นาทีรวด 5. ผมอคติต่อระบบที่ท่านนายกใช้ครับดังนั้นอ่านความเห็นของผมแล้วต้องมองในแง่บวกบ้าง ด้านชั้นเชิงทางการทูตท่านนายกเราไม่ค่อยมีอยู่แล้วดังนั้นอย่าแปลกใจถ้าแกจะพูดอะไรตรงๆแบบไม่รักษาน้ำใจ 4 ปีมานี้ก็ทะเลาะกะเพื่อนบ้านแทบจะหมดทั้งอาเซียนอยู่แล้ว เหลือแต่ฟิลิปินส์กะเวียดนาม มองในแง่ดีแกก็พูดให้คนในประเทศเข้าใจง่ายดีแต่แกคงลืมไปว่าคนฟังจริงๆคือคนต่างชาติ 6.  มุมมองจากกระทู้กบฎฯคุณสื่อศิลปผู้เขียนบอกว่า เกือบ 20 ปีที่แล้วพายุเกย์เข้าระบบสื่อสารล่มหมดต้องใช้วิทยุสมัครเล่นรายงานออกมาจากพื้นที่ถึงสภาพความเสียหายที่แท้จริง 6 ชม. หลังพายุถล่ม ปีนี้ระบบสื่อสารพัฒนาไปไกลมากแต่เอาเข้าจริงกว่าจะรู้สภาพความเสียหายที่แท้จริงก็ยังต้องวิทยุสมัครเล่นอยู่ดี เราไม่ได้วางระบบอะไรเลยทั้งๆที่เคยมีประสบการณ์จากภัยธรรมชาติมาก่อนหน้านี้แค่ยังไม่ทันข้ามรุ่นคน ไม่รู้จะโทษใครดี 7. แม้ผมจะอคติกับทักษิณแค่ไหนแต่กรณีนี้ผมก็เห็นด้วยที่ไม่รับความช่วยเหลือจากต่างชาติในแง่การเงิน แต่ก็ควรจะประกาศก่อนหน้านี้นานแล้ว แล้วควรจะวิงวอนให้เค้าไปช่วยประเทศที่หนักกว่าโดยเฉพาะอินโดพ่วงไปด้วยเพื่อกระชับความสัมพันธ์หลังกรณีติมอร์ 8. เข้าใจครับว่าเสียน้ำใจ แต่การรับเงินมาแม้จะเป็นการบริจาคก็แสดงออกถึงภาพที่ไม่ดีของประเทศ เรายังต้องอยู่กันอีกนานในเวทีโลก มองข้ามช๊อตยาวๆ เป็นประเทศผู้บริจาคไม่ได้ก็อย่าให้ถึงกับต้องเป็นประเทศผู้รับบริจาคเลยครับ เรายังลากกันไปได้เรื่อยๆ ก็ลากกันไป ลำบากมากบ้างน้อยบ้างก็ลากกันไป ประเทศเรากว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ไม่ใช่ง่าย ไม้หมดป่าไปเท่าไหร่ ดีบุกหมดไปกี่เหมือง เหงื่อชาวนารวมกันพอจะเป็นทะเลสาบเล็กๆได้แล้วมั้ง เรายังพอมีทางครับ ต้องกระเสือกกระสนด้วยตัวเองไปก่อน ความช่วยเหลือด้านเทคนิค อย่างทีมกู้ภัยหรือทีมผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆให้ภาพที่ออกมาดีกว่ามากครับ  อย่างไต้หวันก็เป็นประเทศแรกๆที่ส่งทีมกู้ภัยมา ด้วยเหตุผลที่ว่าคราวแผ่นดินไหวใหญ่ที่ประเทศเค้าเราก็ส่งทีมกู้ภัยไปช่วย มาคราวนี้เราซวยเค้าส่งทีมเค้ามาช่วยบ้าง สลับกัน บรรยากาศอย่างนี้ดีกว่าการให้ความช่วยเหลือทางการเงินครับ มังดูเคียงบ่าเคียงไหล่กันมากกว่า (งานนี้ผมให้ทักษิณ 8 เต็ม 10 เลย หัก 2 เพราะ 1.อคติ กะ 2. ระบบโทสับมือถือของบริษัทแกล่มไม่เป็นท่าทั้งๆที่น่าจะเป็นส่วนสำคัญสำหรับการติดต่อ  อิอิอิ) จากคุณ : คนเดินดินกินข้าวแกง - [ 7 ม.ค. 48 05:09:08 ]

ความคิดเห็นที่ 32 http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3213820/A3213820.html จากคุณ : ลิปิการ์ - [ 7 ม.ค. 48 07:02:31 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คิดว่าไม่ใช่เรื่องของการแสดงสปิริตอย่างเดียว มันมีอะไรหลายๆ อย่างที่เราต้องมองให้ไกล ดังความคิดเห็นที่ 7 , 21 ,28 , 29 , 30 ได้แสดงเอาไว้ค่ะ :) อีกอย่างหนึ่งคือ เงินที่ทุกท่านในต่างแดนได้บริจาคมานั้น ขอให้ถึงมือผู้ที่ประสบภัยจริงๆ เถอะ ชาติไหนๆ อย่าไปคิดมากเลย เพราะทุกคนล้วนแต่น่าสงสาร และต้องการความช่วยเหลือ ด้วยกันทั้งนั้น จากคุณ : โคอาร่า - [ 7 ม.ค. 48 09:16:01 A:10.0.153.141 X:203.130.143.243 ]

ความคิดเห็นที่ 34 พออ่านความเห็นของหลาย ๆ ท่าน  รวมทั้งกระทู้ที่คุณอ้อมยกมาแล้ว วีคิดว่า  ปัญหาทั้งหมดเกิดจาก   นายกฯ เป็นคนคิดเร็ว พูดเร็ว ไม่ทบทวนถึงผลหลาย ๆ ด้านให้ดีเสียก่อนพูด การไม่ขอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลต่างประเทศ (ไม่ใช่เงินบริจาคจากภาคเอกชน) คงด้วยเหตุผลที่หลายท่านกล่าวมาจริง ๆ แต่การพูดสื่อความหมายออกมา โดยเฉพาะพูดกับสื่อมวลชน จะต้องชัดเจน แจ่มแจ้ง คำนึงถึงผลกระทบที่สื่อมวลชนจะกระจายข่าวออกไปด้วย จากคุณ : วังวน - [ 7 ม.ค. 48 09:20:54 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เอ...นายกบอกว่าไม่เอาเงิน แต่ขอเป็นเทคโนโลยีที่เมืองไทยไม่มีไม่ใช่เหรอค่ะ ถ้านายกขอเป็นพวกเทคโนโลยีที่เมืองไทยไม่มี ก็คิดว่า น่าจะดีก่วานะค่ะ เพราะคนไทยด้วยกันก็บริจาคทั้งเงินและสิ่งของกันแล้ว ถ้าเราได้เทคโนโลยีดีๆจากหลายๆประเทศมาช่วยก็คงจะดีกว่า (จริงมะค่ะ) จากคุณ : oreocream - [ 7 ม.ค. 48 09:35:06 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ไม่ได้อ่านความเห็นทุกกระทู้นะคะ ตามความเข้าใจของตัวเอง คิดว่านายกฯปฏิเสธเงินที่มาจากรัฐค่ะ จะได้ลดปัญหาผูกพันกัน แต่ก็บอกไปตามตรงว่าเรายังอ่อนด้านเทคนิคต่างๆ อยู่ ขอรับความช่วยเหลือทางด้านนี้ดีกว่า เงินบริจาคจากประชาชน ถ้าโอนเข้ามาได้ คงไม่มีปัญหาอะไรค่ะ เพราะสิ่งนี้มาจากความตั้งใจจริง อินเดียเองก็โดนหนักค่ะ หนักกว่าเรา นั่นก็ปฏิเสธความช่วยเหลือเหมือนกัน (ได้ยินว่าส่งเงินช่วยประเทศอื่นด้วย) เพราะเขาต้องการแสดงให้เห็นว่าเขาดูแลตัวเองได้ เหมาะที่จะเป็นสมาชิกถาวรสภาความมั่นคงได้ พี่นัทตี้คงต้องมองประเด็นการเมืองนิดนึงน่ะค่ะ ตอนนี้พี่ทำด้วยใจ ส่งมาเถอะ มันถึงแน่ เพราะยังมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะ ตอนนี้เร่งสร้างที่อยู่อาศัยกันแล้ว เหตุคราวนี้ ได้อาสาสมัครและหน่วยงานเอกชน ช่วยเยอะมาก รอหน่วยงานของรัฐอย่างเดียว ทำไม่ไหวค่ะ (เพราะต้องรอเจ้านายใหญ่กันหมด เหอๆ) ข่าวที่ได้ยินมา ไม่มั่นใจว่าจริงหรือไม่ นายกบริจาคเงินส่วนตัว 2 ล้าน เครือข่ายโทรศัพท์ใหญ่บอกจะแบ่งค่าโทร เดือนมกราแต่ละครั้งให้ 6 สตางค์ น่าจะได้ 120 ล้าน ชักเนื้อมากกกกกกก หุๆ จากคุณ : scottie - [ 7 ม.ค. 48 11:40:22 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ตามที่ดูข่าว เห็นนายกฯ ออกมาพูดเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ อย่างที่หลาย ๆ ความคิดเห็นบอกมาค่ะ ถ้าวิเคราะห์ทางการเมืองด้วย จะเห็นว่านายกฯ เราบอกไม่เอาเงิน แต่เราก็ไม่ได้ปฏิเสธความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ เพราะถ้าลองเปรียบเทียบไปแล้ว ประเทศอื่น ๆ ที่จนกว่าเรา อย่างอินโดฯ ศรีลังกา หรืออินเดีย เขาคงต้องการมากกว่าเราค่ะ นายกฯ เลยกล่าวเช่นนั้น เพื่อหมายถึง ให้เอาไปช่วยประเทศอื่น ๆ ที่ลำบากกว่าเราแทนค่ะ โดยส่วนตัวไม่ได้บริจาคให้ไทยโดยตรง แต่ให้ผ่านทางเยอรมันค่ะ เขาก็คงนำไปแจกจ่ายให้ประเทศต่าง ๆ เองแหล่ะค่ะ ตอนนี้รู้แต่ว่า เยอรมันบริจาคหกร้อยหกสิบล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้ง ๆ ที่คนเยอรมันเองก็ตกงานมาก แต่ยังเป็นรองจากออสเตรเลียซึ่งบริจาคให้มากกว่าไปแล้วค่ะ จากคุณ : รสา รสา - [ 7 ม.ค. 48 14:40:27 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คุณกริช นัทตี้รับรู้แค่สวิสฯ ประเทศเดียวก็เหลือเฟือแล้ว หน่วยกาชาดส่งไปอยู่โน่นตั้งยี่สิบสามสิบคน เครื่องบินลำเลียงไปจากทางนี้ไม่รู้อีกกี่ลำ ตั้งแต่วันเกิดเหตุ อาหาร เสื้อผ้า ยา ก็ไปจากนนี่ นอกจากนี้ยังมี อเมริกา ส่งไปให้อีกเป็นจำนวนมาก เยอรมันก็บรรทุกของให้ไป สวิส ฯ ได้แต่ส่งทีมไปช่วยไทยนิดหน่อย ค้นหาคนของเขา และตอนหลังก็ไปอยู่ไทยเพื่อช่วยเหลือไม่กี่คน เพิ่งอ่านหนังสือพิมพ์ทางนี้จบหมาดๆ นะ มาดูกันว่า ทางนี้เขาวางแผนกันอย่างไร กับเงินบริจาคที่ได้ เอางี้ นัทตี้อ่านหนังสือพิมพ์วันนี้เมื่อกี้นี้เอง จะแปลให้อ่านแล้วกัน อาจจะไม่สละสลวยนัก หัวข้อเขาว่า " ทำอย่างไรกับเงินที่ได้รับบริจาค" เบิร์น.  มากกว่า 114 ล้านฟรังค์ ที่ได้รับบริจาคมา . จะเกิดอะไรขึ้นกับเงินนั้น ? Blick (ชื่อหนังสือพิมพ์) จะตอบคำถามที่สำคัญนั้น ถาม มีการจัดระบบอย่างไรกับเงินบริจาค ? ตอบ เงินบริจาคที่ได้รับมา จะเข้าองค์กรที่ทำการช่วยเหลือต่อไป- ในขณะนี้ก็ประมาณ 30 . ที่ต้องก่ารเงินช่วยนั้น  ต้องมีโครงการณ์ที่จะทำยื่นมาด้วย จากเงินที่ได้รับบริจาคนั้นไม่ได้ให้กันง่าย ๆ จะมีการพิสูจน์อย่างถูกต้องด้วย โครงการไหนได้รับการยอมรับ จะมีการออกเงินจากองค์กรช่วยเหลือเศษหนึ่งส่วนห้า   ในส่วนองค์กรช่วยเหลือใหญ่ ๆ ที่มี คาริตัส(Caritas) เฮ็กส์  (Heks ) และกาชาดสวิส ฯ  Schweizer  Rotes  Kreuz(SRK) จะได้รับเงินที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์นี้ ในแต่ละที่จะได้ประมาณ 10-20ล้านฟรังค์ ถาม องค์กรช่วยเหลือจะได้รับเงินโดยตรงจากที่บริจาคมาเป็นจำนวนเท่าไหร่? ตอบ  คาริตัส 2.2 ล้าน กาชาด 4 ล้าน เฮ็กส์  ห้าแสน ถาม ในเขตส่วนไหน ที่องค์กรช่วยเหลือเข้าไปช่วย? ตอบ  คาริตัส ที่ศรีลังกา อินเดีย และ อินโดนีเซีย กาชาด ที่ศรีลังกา และ อินเดีย เฮ็กส์  ที่อินเดียในเมือง ทามิล นาดู (Tamil Nadu) และอินโดนีเซีย เกาะ นีอัส ( Insel Nias) ถาม เมื่อไหร่จะเริ่มการช่วยเหลือขั้นแรก? ตอบ คาริตัส เมื่อ 26 ธันวา กาชาด  28 ธันวา เฮ็กส์ 26 ธันวา ถาม สิ่งที่จะช่วยเหลือมีอะไรบ้าง? ตอบ ขั้นแรกเลย เราช่วยเหลือเรื่อง น้ำ ยา อาหาร และ เตนท์ ต่อมา ก็บ้าน เรือ  ตาข่ายดักปลา ที่เราจะช่วยเหลือ อันสุดท้ายคือ การช่วยเหลืออื่น ๆ ที่ทำให้มันเหมือนเดิม (เขาหมายถึงว่า การสร้างเมือง หรือสร้างให้มันดีขึ้นมาเหมือนเดิม ให้เป็นอย่างเก่า ให้เป็นแบบก่อนหน้าที่จะเกิดหายนะ) ถาม นานแค่ไหน ที่จะอยู่ช่วย ? ตอบ หลาย ๆ ปีทีเดียว ถาม  แล้วองค์การช่วยเหลือเหล่านี้ มอบเงินให้กับรัฐบาลหรือเปล่า ? (รัฐบาลประเทศที่จะช่วยเหลือมั้ง เขาไม่ได้บอกมาว่า รัฐบาลประเทศไหน บอกเพียงว่า รัฐบาล) ตอบ  ไม่  เรามอบให้แต่องค์กรช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เท่านั้น ถาม แล้วคนสวิสฯ ที่เจอหายนะครั้งนี้ จะได้รับงินด้วยหรือเปล่า ? ตอบ คาริตัส  เฮ็กส์   ไม่นะ กาชาด จะเรียกว่าได้รับก็ไม่โดยตรงเท่าไหร่  เพราะเรก้า(Reka) ก็เป็นของกาชาด. ( เรก้า เป็นหน่วยงานที่มีเครื่องบินสำหรับไปรับคนป่วยสวิส ฯ ไม่ว่าจะอยู่แห่งไหนในโลกก็ตาม  เป็นเครื่องบินพยาบาล คนที่นี่จะเป็นสมาชิกกันทั้งครอบครัว  ปีหนึ่งเสียค่าสมาชิกแค่ 70 ฟรังค์) จบแล้วจ้า แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 48 17:36:28 แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 48 17:33:48 จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 7 ม.ค. 48 17:15:22 ]

ความคิดเห็นที่ 39 TSURUGI   ที่นัทตี้บอกว่า เขาให้มาก็รับไว้เถอะนะ นั่นนัทตี้หมายถึงเงินค่ะ เงินที่เขาบริจาคมาน่ะ ไม่ใช่ว่าสิ่งของเครืองใช้ แล้วไอ้ที่ว่า คนไทยเราถึงจนอย่างไรก็หยิ่ง นอกจากไอ้พวกเหลือเดน มักง่าย ขี้เกียจ...... นัทตี้หมายถึงว่า คนที่เขาทำอาชีพประมงน่ะ เขาต้องการยืนอยู่ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาเองค่ะ เขาคงไม่โยกย้ายที่อยู่แน่นอน ต่อให้สูญเสียเมียลูก ทรัพย์สินนอกกายก็เถอะ นัทตี้หมายความว่า คนพวกนี้ถ้าเราช่วยเขาให้เครื่องมือทำกินเขา ก็เท่ากับเป็นการช่วยเหลือที่ยืนยาว เขาคงสู้ต่อไปด้วยตัวเขาเอง  ถ้าไม่มีเครื่องมือหากิน แล้ว เขาจะทำอย่างไรกันล่ะ ถ้าคิดสั้นขึ้นมาคงไม่มีโจรเต็มบ้านเต็มเมืองเหรอ? มันอาจจะเป็นการช่วยที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่ว่าทีเดียว แล้วจบกันไป เขาก็หากินของเขาเองไม่ต้องไปห่วงอะไรอีก   อย่างน้อยการที่เขาสูญเสียทุกอย่าง มันก็หนักหนาพอดูแล้ว ถ้าช่วยให้เขามีอาชีพ มันก็เป็นการให้กำลังใจอย่างหนึ่ง มันทำให้เขามีใจที่จะคิดลุกขึ้นมาต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่เหรอ ส่วนที่ว่า นัทตี้ว่าไอ้พวกเหลือเดนนั้น นัทตี้หมายถึงไอ้พวกเลว ๆ ที่ไม่รู้จะทำอะไรไปมากไปกว่าก่อกวนให้เกิดเหตุไม่สงบในไทย หรือไอ้พวกหากินกับศพ หรือว่า พวกฉวยโอกาส แบบนี้ต่างหาก คนขี้เกียจก็เยอะแยะไปบ้านเรา ที่วัน ๆ ได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ ไม่ได้รู้จักทำอะไรให้มีประโยชน์ เพื่อเสริมสร้างรายได้ให้ตัวเอง  บ้านเรา ในน้ำมีปลา ผักพืชออกเยอะแยะไป หามาปลูก หามาทำเข้าสิ มัวแต่นั่งให้ชาวบ้านเขาช่วยตลอดก็ไม่ไหว ไอ้พวกมักง่ายก็นี่ไง พวกขโมยมันดะไป หยิบฉวยเอาของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง  ตอนนี้มีเยอะที่หยิบของจากศพ พวกโลภ ไม่รู้จักหากินด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองค่ะ ส่วนเรื่องนักเทนนิสไทยนั้น ก็สมควรให้ชาวบ้านเขาด่านะ  นัทตี้ก็ได้อ่าน ที่พ่อเขาออกมาต่อกรปกป้องลูกชายว่าทำถูกแล้ว แถมอ้างค่าใช้จ่ายจิปาถะเยอะแยะไป ถามสักคำว่า มันขัดกันไหม ? ในการที่มันเนี่ยซื้อรถได้คันละ 18 ล้าน มันคงจนมากเลยสินะ แล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงกับคนในชาติ ในแผ่นดินที่มันเกิดเนี่ย มันช่วยแค่นี้เหรอ ? มันไม่ใช่ว่าแค่เรื่องเงิน คุณเข้าใจไหม ? มันมองดูขัดกันไง มันทำให้คนอื่นเห็นว่า น้ำใจเขานั้นมีมากขนาดไหน  มันแสดงให้เห็นความเห็นแก่ตัวยังไงล่ะ มีการออกมาท้าทายด้วยว่า อยากรู้ว่าใครจะบริจาคมากกว่ามัน นัทตี้ก็ไม่อยากจะออกมาบอกหรอกว่า เงินที่นัทตี้บริจาคไปนั้น มากกว่ามันเป็นหลาย ๆ เท่า ไม่ใช่นัทตี้คนเดียว ลูกสาวนัทตี้เนี่ยล่ะเพิ่ง 9 ขวบ ได้เห็นภาพในทีวี เขาสลดใจถามว่า หม่าม๊าเราจะช่วยเขาได้ไหม? นัทตี้ว่า ได้ลูก เขาถามว่า ช่วยยังไงล่ะ ? นัทตี้ว่า ให้เป็นเงินดีกว่าเพราะเราอยู่ไกล หนูไม่ต้องให้หรอก หม่าม๊าบอกให้ทางไทยโอนเงินผ่านธนาคารออมสินไปให้แล้ว ลูกสาวบอกว่า หนูอยากช่วยด้วย หนูจะช่วยอีก แล้วเขาหายไปสักพัก หิ้วเอากระป๋องออมสินมาให้ แล้วบอกว่า หนูยกให้หมดเลย  นัทตี้ถามเขาว่า แน่ใจนะ ไม่เสียดายนะ เขาบอกว่า ไม่เสียดายหรอก หนูเก็บได้ใหม่  เราเอามานับได้ สองร้อยกว่าฟรังส์ ที่เหลือนัทตี้สมทบไปอีกจนครบ 500 ฟรังส์ พอดีลูกสาวสามี(กับเมียเก่า) เขาทำงานไปรษณีย์ทางนี้ เขาโทรมาถามว่า ทางบ้านนัทตี้เป็นไง แล้วนัทตี้เลยเล่าให้เขาฟัง เขาบอกว่า ทางไปรษณีย์ทีสวิส ฯ เขารวบรวมเงินเหมือนกัน และ ถ้าเป็นพนักงานที่ปณ. นั้นบริจาค   ปณ. จะเพิ่มให้อีกเท่าตัว เช่นนัทตี้ช่วยไป 500 ในนามของลูกสาวสามี ก็จะได้เพิ่มอีกเท่ากลายเป็น 1000 ฟรังส์ เรานัดให้เขามา และ เอาเงินให้ไป คิดดูง่าย ๆ นะว่านี่เป็นเด็ก 9 ขวบที่ไม่มีรายได้อะไร นัทตี้เองก็ลาออกจากงาน ตอนนี้ทำงานส่งหนังสือพิมพ์เล่น ๆ  เฉพาะวันจันทร์และพฤหัส แค่สองหนต่ออาทิตย์ ส่งครั้งหนึ่งได้เงินแค่ 25+8 ฟรังค์ บางครั้งก็มีวันพุธเพิ่มขึ้นมาอีก แต่ไม่ประจำ  เงินที่ได้มันน้อยกว่าที่เราเต็มใจให้ไปเสียอีก ญาติพี่น้องเราก็ไม่มีอยู่ทางนั้น ทุกคนสบายดี แต่นั่นมันคือ จากใจไง เต็มทีไง  และยังไม่ได้รวมกับที่โอนให้ไปจากธนาคารเมืองไทยอีก 5000 บาท โทรให้น้อง ให้เพื่อนสนิทออกไปให้อีก กลับไปเมืองไทย ปีหน้าโน้น แล้วค่อยใช้ เรียกว่าเป็นหนี้กันข้ามปี เราไม่ได้ต้องการเอาหน้า ไม่มีรายชื่อของเราเป็นผู้บริจาค นอกจากเพื่อนที่เอาไปทำให้ 5000 นัทตี้บอกว่า ให้ใส่ชื่อเพื่อนไปไม่เป็นไรหรอก เหมือนกัน เขาดันเอาชื่อนัทตี้ไปใส่ ใบเสร็จอยู่กับเขา เขาเล่าว่า ธนาคารคนเยอะมาก(หลังเกิดเหตุได้วันสองวัน) เพราะจะปิดช่วงปีใหม่ แต่ว่าเขาก็ได้รับการบริการอย่างรวดเร็ว เพราะไปบริจาค เขาเล่าว่า ตอนที่ธนาคารประกาศชื่อนัทตี้ให้ไปรับนั้น ตัวเพื่อนเองขนลุก น้ำตาคลอทีเดียว มันเป็นความปิติ เพื่อนภูมิใจในตัวนัทตี้มาก ที่ไม่ลืมแผ่นดินเกิด ฟังแล้ว เราก็อยากจะทำดีต่อไป มีกำลังใจต่อไป ใช่ไหม? ไม่ใช่คนบ้ายอ แต่ว่ามันเกิดความปิติในใจเราต่างหาก นัทตี้ถึงได้บ้าเลือดขึ้นมาเรื่องนี้ไง ว่าทำไมไม่รับเงินช่วย อีกเรื่องคือว่า เรื่องด๊อกฯ ทั้งหลายที่เรียนจบกลับมา แล้วคุณบอกว่า สายงานมันไม่ง่าย ระบบไม่ง่ายขนาดนั้น นั่นสิ ระบบมันเอื่อยเฉื่อยไง  ยังมีการคอรัป เข้าไปอีก เช้าชามเย็นชาม สารพัด เรื่องนี้นัทตี้เข้าใจเช่นกัน ว่ามันทำให้เราท้อ  บางทีไปขัดแข้งขาตัวใหญ่เข้าก็เด้ง ได้ง่าย ๆ  เรื่องนี้ต้องแก้กันอีกนานนะ อีกอย่างคือ ไอ้ตัวใหญ่ ๆ ระดับหัวหน้าเนี่ย มักจะไม่ฟังความเห็นของใคร ถือว่า ตูใหญ่ คนเรามีผิดพลาดได้ ถ้าไม่ตั้งใจก็โอเค แต่มันกลับไม่ฟัง เอาตัวเองเป็นที่ตั้งนั่นปะไร มันถึงได้เป็นแบบนี้ ตอนที่มันทำพลาด แต่มันก็ไม่ผิด ไอ้คนผิดคือคนที่รับคำสั่งมันมาทำต่างหาก นัทตี้เข้าใจนะ คนเราเจอแบบนั้นย่อมท้อธรรมดา นี่ไงที่นัทตี้ถึงได้อพยพโยกย้ายกันกลับมา เพราะว่าไปติดต่อราชการที่ไร ไม่มีเลยที่จะไม่มีเรียกใต้โต๊ะ ยกตัวอย่างที่เจอมา คือ ที่ตรวจคนเข้าเมือง สถานฑูต และ ศุลกากรดอนเมือง แต่ไอ้คนแบบนี้อย่าหวังเลยว่า นัทตี้จะยอมให้ ไม่หรอก ถึงต้องเสียค่าแท็กซี่ไปกลับเป็นร้อยรอบยังดีกว่าให้มัน เสียเวลาไปทั้งวัน นั่นก็ยังไม่ได้คิดนะ  เบื่อระบบค่ะ ถ้าจะให้นัทตี้เล่นการเมือง สงสัยตีกันตายค่ะ อย่าดีกว่า ขอเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ นี่แหละ  คือมีความอดทนไม่เพียงพอ แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 48 18:23:58 จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 7 ม.ค. 48 18:22:17 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ทำกับข้าวก่อน แล้วจะเข้ามาใหม่ จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 7 ม.ค. 48 18:24:23 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ต่างแดนเหมือนกัน  โอเค นัทตี้จะเข้าไปดูนะ ขอบใจมาก คนเดินดินกินข้าวแกง  จ้ะ น้าก็จะพยายามเข้าใจแล้วกัน ตอนนี้ก็คิดได้แล้วว่า ประเทศไทยไม่ได้เป็นของเราคนเดียว(สามีเขาเตือนสติ)  งั้นน้ารอดูต่อไปดีกว่า ลิปิการ์   ขอบใจจ้ะ ที่เขียนลิงก์ไว้ให้เข้าไปดูง่าย ๆ โคอาร่า   จ๊ะขอให้เงินให้ถึงผู้ประสบภัยจริง ๆ เถอะ คิดไว้อย่างนั้นเหมือนกัน ในตอนแรก แล้วประเทศตูล่ะ? นี่ไง ที่มันกวนความรู้สึก คือยอมรับว่าใจมันวางเฉยไม่ได้ไง ยังทำใจไม่ได้ ที่เห็นเขาเอาไปช่วยที่อื่นที่ไม่ใช่ประเทศเรา เห็นแก่ตัว ๆ จ้ะ วังวน เออนะ พี่ก็ว่าอย่างนั้น ว่านายกฯ พูดเร็วไปหน่อย ต้องคอยดูกันต่อไป Oreocream  ก็โอเคนะ ว่าถ้าเอาเรื่องเทคโน ฯ จากต่างประเทศมา แต่ที่มันติดใจอยู่ที่ว่า คนไทยก็บริจาคกันเหลือเฟือแล้วเนี่ย อยากถามว่า บริจาคกันก็แค่ตอนเกิดเหตุใหม่ ๆ แล้วถ้ามันเป็นระยะยาวต่อไปล่ะ  ปล่อยพวกเขาให้ต่อสู้กันเองเหรอ? มันเป็นสัญชาตญาณของคนน่ะ ที่ว่า เมื่อเกิดอะไรขึ้นทันทีทันใด จะเกิดอาการกระเหี้ยนกระหือ ที่จะเข้าไปช่วยเหลือ เข้าไปแบ่งเบา ช่วยกันอย่างดีที่สุด พอหลังจากนั้นล่ะ เวลาผ่านไป มันก็หมดความกระตือรือร้นตรงนั้นแล้วไง หันไปดูที่ Bam ที่แผ่นดินไหวปีที่แล้วสิ จนป่านนี้ก็ยังมีสภาพหักพังเหมือนเดิม คนทั่วโลกเขาลืมกันไปแล้วไง ? นั่นไง ตัวอย่าง เนี่ยกลัวมันจะเป็นอย่างนั้นน่ะ สก็อตตี้  ถ้ามันเป็นได้อย่างที่บอกมาก็โล่งใจนะ  องค์การโทรศัพท์ ของทางนี้ก็หักเงินจากค่าโทรเหมือนกัน ก็โอเค รสา รสา  อืม พี่ก็ทำใจอยู่เนี่ย ว่าเงินที่ให้รวมไปกับทางเนี่ย ตกไปอยู่อินโด อินเดีย และศรีลังกา หมด ที่จริงไอ้ที่มันยากจน ๆ กันเนี่ย เพราะว่าคนในชาติมันไม่ดีกันเองต่างหาก มีปัญหาสงครามศาสนาบ้าบอกันด้วยนี่ คนไทยเรา(สามสี่จังหวัดภาคใต้) มันน่าจะดูไว้เป็นตัวอย่างน่ะ จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 7 ม.ค. 48 19:07:58 ]

ความคิดเห็นที่ 42 นั่นซิพี่ NATTI เงินคนไทยที่บริจาคจากต่างประเทศถูกคนไทยตัดสินว่าไม่ควรรับมาช่วยพี่น้องของเราเพราะหน้าตา เอาเข้าไปประเทศนี้ เอ แล้วมีพี่คนหนึ่งนะครับ อันนี้เราถกกันเพื่อความรู้และเหตุผลที่บอกว่าอินเดียซึ่งจนและประสบภัยเหมือนกันแต่มากกว่าก็ไม่รับเงินบริจาค อยากบอกว่าข้อมูลเก่าหรือเปล่า หรืออาจติดภาพลักษณ์ลำบากของอินเดีย ความจริงตอนนี้ประเทศอินเดียเศรษฐกิจพัฒนากว่าเราแล้ว รวยกว่าด้วยมั้ง ไม่เชื่อลองหางบประมาณแผ่นดินเขามาดูซิเขามีมากกว่าเรา และแรงงานมีฝีมือเขาก็มากกว่า มากจนล้น ยกตัวอย่างด้านซอฟแวร์ที่พัฒนาติดอันดับโลกจนประเทศหนึ่งขอทำ FTA เพื่อลดภาษีซอฟแวร์ซึ่งมีกี่ไม่บริษัทที่ได้ประโยชน์โดยเอาผักผลไม้ที่เขาก็ผลิตได้ไปแลก จากคุณ : Jack O'lanturn - [ 7 ม.ค. 48 20:18:48 A:61.90.118.37 X: ]

ความคิดเห็นที่ 43 Jack O`lanturn  เออว่ะ ปลงซะเถอะ พี่ว่า ไว้รอให้ไทยเงินไม่พอก่อนดีกว่า บางทีเขาอาจจะขอร้องให้พวกเราที่อยู่ต่างแดนช่วยเหลือก็ได้ อย่างผ้าป่าช่วยชาติของหลวงตามหาบัวน่ะ พี่ว่าก็ไม่เลวเหมือนกัน ตอนนี้พี่มีความคิดใหม่แล้ว สวดมนต์แล้วแต่ว่ามีเวลา เอากระป๋องออมสินเปล่า ๆ มาตั้งไว้ สวดมนต์เสร็จ กรวดน้ำ(ในหนังสือสวดมนต์เขามีเขียนไว้ด้านหลัง) แล้วเอาเงินเราใส่กระป๋องนั่นไว้ เวลาพวกเรากลับเมืองไทย ก็เอาไปทำบุญซะ อะไรก็ได้ สบายใจกว่ากันเยอะเลย ตอนนี้ให้คนในชาติเขาช่วยกันไปก่อน ไว้ลำบากกันจริงๆ แล้วเราค่อยช่วยดีไหม ? อยากให้น้องเข้าไปอ่านหนังสือพิมพ์ไทยในนี้สักหน่อย หลาย ๆ ฉบับน่ะ อ่านแล้วปลง เขาว่าสร้างบ้านให้คนที่ประสบภัยแล้ว 900 หลัง บางอันบอก 1000 หลัง เอาแน่ไม่ได้ และบ้านที่เขาเรียกน่ะ มันมีเนื้อที่ใช้สอยในบ้านแค่ 22 ตารางเมตร มีห้องน้ำในตัว  คิดกันง่าย ๆ ว่า 22 ตารางเมตรแล้วกัน เท่ากับ 4 คูณ 5 เมตร รวมห้องน้ำเข้าไปกับพื้นที่นั้นด้วยหรือเปล่า และ ให้อยู่บ้านล่ะกี่คน อืม ถ้าอยู่กันคนสองคนก็พอได้นะ ห้ามเอาอะไรเข้าไปตั้งอีกเป็นเด็ดขาด  แค่ตู้เสื้อผ้าก็เต็มแล้ว ครัวก็คงทำกันกลางดินนอกบ้านนั่นแหละ อีกหน่อยก็กลายเป็นสลัม ไอ้บ้านไหนที่ผัวเมียยังมีชีวิตอยู่ แล้วมีลูกด้วยเนี่ย เวลาที่พ่อแม่ทำอะไรกันตามธรรมชาติมนุษย์ เด็กมันอาจจะตื่นขึ้นมาเห็นก็ได้ อุ๊ย ไม่อยากคิดต่อไปว่ะ ว่ามันจะเป็นยังไงกันต่อไป โทษที ที่เขียนความคิดของพี่เสียยาว คือว่าตัวเองน่ะ เป็นคนชอบคิดย้าวยาวไง  ไอ้ความคิดมันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้   รอจ้ะ รอดูกันต่อไป จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 7 ม.ค. 48 21:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 44 กระทู้ใหม่ ที่คุณแจ๊ค เขียนค่ะ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3219205/W3219205.html แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 48 02:14:59 แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 48 02:12:11 จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 8 ม.ค. 48 02:10:16 ]

ความคิดเห็นที่ 45 พี่เข้าใจคนละประเด็นกับหนูแล้วค่ะ เพราะหนูไม่ได้จะเจาะจงว่าต้องบริจาคให้ทางไทยเท่านั้นน่ะค่ะ คือหนูมองว่าถ้าเราบริจาคทางนี้แล้ว เขาคงเอาไปเฉลี่ยให้ประเทศต่าง ๆ เองแหล่ะค่ะ อย่างเช่นประเทศที่ดูในข่าวแล้วน่าสงสาร ก็มีอินโดฯ กับศรีลังกาค่ะที่เห็น ๆ นะคะ ดังนั้นหนูคงไม่ต้องทำใจอะไรเหมือนพี่นะคะ หนูอาจจะมองคนละมุมกับพี่ค่ะ คือเราทำบุญ เราสบายใจที่ได้ทำ จบแล้วค่ะ ถ้าพี่อยากทำให้เพื่อประเทศไทย ก็ถูกแล้วที่พี่บริจาคที่ไทยค่ะ แต่ถ้าพี่บริจาคที่นี่ ก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า เขากระจายให้ไปตามประเทศต่าง ๆ ค่ะ บางครั้งก็เข้าใจว่าคนเรายังรักพวกพ้องนะคะ เรื่องของ Discrimination เป็นเรื่องที่มีมาแต่โบราณกาล และคงไม่มีวันจบสิ้นค่ะ จากคุณ : รสา รสา - [ 8 ม.ค. 48 14:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 46 รสา รสา พี่ไม่ได้เข้าใจผิดจ้ะ ก็กระทู้ที่รสาเขียนไว้นะ มันแจ่มแจ้งดีแล้ว ว่าบริจาคผ่านเยอรมัน ไม่ได้เจาะจง พวกนั้นเขาเอาไปจัดการแจกจ่ายกันเอง มันแจ่มแจ้งดีแล้ว พี่เข้าใจแล้ว แต่ที่พี่เขียนว่า พี่กำลังทำใจอยู่เนี่ย หมายถึงพี่น่ะคิดยังไงพี่ก็เขียนไปอย่างนั้น ว่าพี่พยายามไม่คิดไง พยายามคิดว่า ชาติไหนก็ได้ อะไรแบบเนี้ย ทั้งที่ความตั้งใจของพี่คือ ช่วยไทยจ้ะ อย่างที่พี่ยกตัวอย่างศรีลังกา อินโดฯ ขึ้นมากันเนี่ย เพราะว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ   คนศรีลังกามันก็คนชาติเดียวกัน มันยังฆ่ากันเองเลย สงครามศาสนาบ้าบอ ยืดเยื้อไม่จบสิ้น พี่อาจจะอคติกับคนศรีลังกาที่อพยพมาอยู่ที่นี่นะ แต่ว่ามันคือเรื่องจริง เข้าลักษณะเดียวกับ ยูโก ฯ หวังว่าคงเข้าใจ ไม่งั้นก็กริ๊งมา  คืนนี้ก็ได้ เพราะนอนดึก จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 8 ม.ค. 48 15:22:40 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คนอินเดีย ยิ่งแล้วใหญ่ค่ะ ใช้คนวรรณะต่ำ เช่น วรรณะจัณฑาล ขนศพค่ะ ได้ค่าแรงแค่วันละยี่สิบบาทเองค่ะ คนที่ไหนจะอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเขา เราถือว่าส่งกำลังใจเต็มที่แล้วค่ะ ถ้าเรามัวแต่คิดมาก เราเองแหล่ะค่ะจะไม่สบายใจเปล่า ๆ มาช่วย ๆ กันส่งแรงใจดีกว่าค่ะ อย่าไปเกี่ยงชาติไหนเลยค่ะ ผูกพัน ไม่ต้องมี ธ์ นะคะ ส่วนกฎหมาย ใช้ ฎ.ชฎา สะกดค่ะ ช่วงนี้นอนเร็วค่ะพี่ สามสี่ทุ่มก็ป๊อก(เด้ง)ไปแล้วค่ะ ก็เลยตื่นเช้า ตีสี่ตีห้าน่ะค่ะ บางวันก็ตื่นมาตั้งแต่ตีสามค่ะ มันดีกว่านอนดึกตีสองตีสาม แล้วตื่นสาย หรือนอนเช้าแล้วตื่นเที่ยงน่ะค่ะ นั่งอ่านหนังสือเช้ามืด อากาศแจ่มใสดีค่ะ (ฝึกเอาไว้เล่น ๆ เพราะเวลากลับไทย ต้องออกจากบ้านก่อนหกโมงเช้าน่ะค่ะ) แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 48 17:57:35 แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 48 16:21:57 จากคุณ : รสา รสา - [ 8 ม.ค. 48 16:16:43 ]

ความคิดเห็นที่ 48 น้องรสา ถ้าสมมุติว่าใครมีญาติพี่น้อง ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ แล้วได้เข้ามาอ่านความเห็นของน้อง คงจะรู้สึกเสียใจอย่างทุกข์ทรมานยิ่งกว่าเดิมแน่เลย จากคุณ : ป้าเอม - [ 8 ม.ค. 48 17:26:10 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เข้ามาอ่านค่ะ.. คิดว่า..การกระทำของนายกฯ คงมีเหตุผลที่มาที่ไป.. และสามารถมองได้หลายด้าน..มีทั้งผลดีและไม่ดีก็ได้.. ได้แต่หวังว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ช่วยทำให้ไทยอยู่รอด และเป็นประโยชน์กับประเทศอย่างแท้จริง.. ดูข่าวแล้วเศร้าเหมือนกันค่ะ..บางทีก็นั่งน้ำตาร่วงอยู่คนเดียว.. ขอไว้อาลัย..และขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต และขอให้เหตุการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว.. จากคุณ : คิมมี่ (*CriMy*) - [ 8 ม.ค. 48 18:52:49 ]

ความคิดเห็นที่ 50 แหะๆ อยากให้คุณรสาเข้ามาลบบรรทัดที่ 7-8-9 ออกค่ะ อ่านแล้วสะเทือนใจ หัวอกเขาหัวอกเรานะคะ ถึงพี่นัทตี้ "ถ้าเป็นเรื่องผูกพันธ์ จะโง่ทำไม ถามกันก่อนสิ ว่ามีข้อผูกพันธ์ไหม ก็เล่นกันซื่อ ๆ ไป" โคอาร่าว่าตามมารยาทแล้ว ถามไม่ได้นะคะ ถ้าถามนี่ คนให้จะยิ่งเสียน้ำใจและความรู้สึกมากขึ้นไปอีก การปฏิเสธดังที่ท่านนายกได้พูดไว้นั้น ถือว่าเป็นการถนอม น้ำใจกันดีแล้วค่ะ มองให้ไกลของโคอาร่าในที่นี้ หมายรวมไปถึง ความมั่นคงของชาติด้วยค่ะ ( ไม่สามารถบรรยาย ออกมาเป็นข้อเขียนได้ แต่พอจะเข้าใจค่ะ ) จากคุณ : โคอาร่า - [ 8 ม.ค. 48 20:37:22 A:202.57.183.83 X: ]

ความคิดเห็นที่ 51 แหะๆ อีกนิดนึงค่ะ คือโคอาร่าก็เป็นคนเชื่อเรื่องกรรมเวรนะคะว่ามีจริง แต่ในบางกรณี โคอาร่าก็คิดว่ามันเกิดจากความประมาท และความไม่รู้ค่ะ โคอาร่าเองเคยเป็นนะคะ เวลาที่เรารู้สึกเป็นทุกข์มากๆ หรือได้รับความเสียหาย ก็มักจะปลอบใจตัวเองว่า มันเป็นเรื่องของกรรมเวร แต่เมื่อหวนนึกทบทวนอย่าง ละเอียดแล้ว ถึงได้พบว่ามันเกิดจากความประมาทค่ะ ทั้งนี้อาจจะเกิดจากตัวเราเองประมาท และผู้อื่นประมาทก็เป็นได้ หุหุ ไปแล้วค่ะ พ่อตามไปออกกำลังกาย เห็นเราเล่นเน็ตทีไร โดนด่าทุกที :( จากคุณ : โคอาร่า - [ 8 ม.ค. 48 20:54:10 A:202.57.183.83 X: ]

ความคิดเห็นที่ 52 Phuket marriage goes ahead A British couple will go ahead with plans to get married in Phuket, unfazed by the trail of destruction unleashed by killer tidal waves that hit the popular Thai island. Marc Singleton, 43, a motoring consultant and his fiancee Lucinda Semark, 35, flew to Phuket from Singapore for their Wednesday wedding at Cape Panwa Hotel on the southeastern tip of the island which was relatively unscathed by the tidal waves. "It's going ahead as planned. They will enjoy a Thai style wedding in the morning with monks, then go to Phang Nga bay on a speedboat, sail on a traditional Chinese junk, and come back for cocktails and fireworks here at the hotel," a guest relations manager told AFP. "They've brought a lot of friends," he said, adding that hotel staff were working hard to raise the spirits of everyone at the resort. "Apart from the fact that many people are sitting by the beach instead of swimming, everything seems fine," Singleton told Singapore's Straits Times newspaper. "Just being here, you wouldn't know disaster had struck the west coast," he said. http://www.timesonline.co.uk เงินช่วยเหลือ กี่หมื่นล้านครับ? รับเงินช่วยเหลือเมื่อไหร่ .. ประเทศไทย จะกลายเป็น Capital of Disaster ทันที ถึงเวลานั้น .. ความเสียหาย กี่หมื่นล้านครับ รอบๆข้างเราหนะ มีแต่เสือหิว ที่จะคอยขยุ้มคอหอยเราอยู่  ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอกันอย่างที่ไม่น่าเชื่อ  ชนิดที่ว่า .. คนที่อยู่ไกลไปครึ่้งโลก ไม่เข้าใจง่ายๆหรอกครับ ..  ไม่แต่เฉพาะคุณนัตตี้หรอกครับ ... พี่สะใภ้ผมเอง อยู่ที่ฝรั่งเศส ยังไม่เข้าใจเลย ว่า เพื่อนบ้านกันแท้ๆ เราลำบากขนาดนี้ เขายังจะซ้ำเติมอีกเหรอ  คุณนัตตี้ครับ .. ขนาดกบถใน Aceh เขายังหยุดยิงเลยนะครับ!!! จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 8 ม.ค. 48 21:17:05 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ไม่ได้อ่านกระทู้ครบทุกความเห็นนะคะ แต่อยู่ต่างแดนและได้ยินนายกสัมภาษณ์ ทางทีวีเหมือนกัน ส่วนตัวแล้วเข้าใจเรื่องที่นายกปฏิเสธความช่วยเหลือด้านการเงินนะคะ คงเหมือนกับความเห็นคนอื่นๆ ที่เขียนไว้ข้างบนน่ะค่ะ และเท่าที่ฟังนายกตอบมะวันไม่รู้สึกว่า หยิ่งจองหองอะไรเลยค่ะ อย่างมีตอนหนึ่งที่ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งถามว่า คอลิน เพาเวลล์ ไปดูความเสียหายที่เมืองไทย ประเทศไทยคาดหวังอะไรบ้าง ((ฟังคำถามแล้ว ไม่ชอบเลย เหมือนกับว่าเรารอคอยความหวังจะให้เขามาช่วยอย่างเดียวงั้นแหละ)) แต่นายกตอบดีมากนะคะ ท่านตอบว่า "เราไม่ได้คาดหวังอะไรเลย นอกจากความเข้าใจ" ถ้าลองตอบว่า เราคาดหวังเงินมาช่วยฟื้นฟูประเทศ คงเข้าล็อคเลยล่ะค่ะ ท่านก็มีขอความช่วยเหลือนะคะ คือขอให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวภูเก็ตอีก และขอความช่วยเหลือทางด้านทีมผู้เชี่ยวชาญ คิดว่าแค่นี้ก็เป็นการขอที่มากพอแล้วสำหรับ ประเทศไทย ในขณะที่ศรีลังกาและอินโดนีเซีย เขาโดนเยอะกว่าเรามาก เรื่องเงินเขา คงขาดแคลนมากกว่าเราน่ะค่ะ   นอกจากไทยแล้ว อินเดียนั่นยิ่งกว่าเราซะอีก เขาปฏิเสธความช่วยเหลือทุกอย่างเลยค่ะ เห็นในข่าวที่นี่บอกว่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศอินเดียที่จะก้าวไปเป็น ซูเปอร์เพาเวอร์ในภูมิภาคน่ะค่ะ แต่เพื่อนๆ มะวันที่เคยไปอินเดีย เขาบอกว่าอินเดียคน ยากจนเยอะกว่าเราอีกอ่ะ... จากคุณ : มะวัน - [ 9 ม.ค. 48 16:14:16 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ สำหรับทุกความเห็น จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 9 ม.ค. 48 17:02:27 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ก่อนอื่นเข้าไปลบออกแล้วนะคะ ขอบคุณทั้งป้าเอมและคุณโคอาร่าที่ทักท้วงมาค่ะ ที่เขียนไป ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ อยากให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้ระวังเรื่องของกรรมกันไว้บ้าง จะได้รีบเร่งทำความดีกันเข้าไว้ตอนที่ยังมีโอกาสน่ะค่ะ จากคุณ : รสา รสา - [ 11 ม.ค. 48 22:06:59 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ป้าเขาคงเหงาเน้อ เขียน มายาวมาก ผม ok นะ กับการไม่รับเงินช่วยเหลือ เอาไปให้คนที่เดือดร้อนกว่าเราดีกว่านะ จากคุณ : pp - [ 1 ก.พ. 48 11:44:19 A:172.16.24.190 X:203.156.190.5 TicketID:085540 ]