บทที่ 2 .. สู่อิสระ
เรือประมงสีหม่นลอยลำขึ้นลงตามแรงคลื่นลูกแล้วลูกเล่า แสงแดดยามบ่ายทอแสงเจิดจ้า สะท้อนหาดทรายสีเหลืองอ่อนส่องประกายระยิบระยับตัดกับผืนน้ำสีฟ้าใส ไกลออกไปคือผืนฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ไร้ปุยเมฆมาบดบังฤดูร้อนมาถึงอีกแล้วสินะ ...
ปานวาดนั่งเอ้อระเหยอยู่ใต้ต้นมะพร้าวสูงชะลูดต้นหนึ่ง ลำต้นที่โค้งงอ โน้มเข้าหาทะเล ราวกับมันพิสวาสทะเลยังไงยังงั้น หญิงสาวนั่งพิงลำต้นเจ้าต้นไม้นั่นอยู่นาน ผมหนาหยักศก ยุ่งเหยิงไปตามแรงลมที่พัดกลิ่นทะเลมาปะทะใบหน้าและเนื้อตัว จนเหนียวเหนะหนะ เมื่อคืนเธอออกจากกรุงเทพฯ ที่แสนจะยุ่งเหยิงด้วยจิตใจที่สับสน มาตัวคนเดียว
ไอ้เจ้าบก. นรก ! หญิงสาวสบทในใจอย่างฉุนเฉียว
เพราะเจ้าบก.นั่นแท้ ๆ ทำให้เธออารมณ์เสีย จนระงับอารมณ์ที่ราวกับจะลุกเป็นไฟไม่ได้ ความที่เป็นคนเลือดร้อน หลังจากเธอก้าวออกมาจากห้องประชุมนั่น เธอฉะกับเจ้าบก.บ้าอีกหลายยก ก็ดันเรียกเธอเข้าไปคุยไม่ถูกเวลานี่ คนกำลังอารมณ์ร้อนจนจะฆ่าคนได้อยู่แล้ว ดันเรียกเข้าไปคุย แต่เธอก็สะใจมากที่พูดคำว่า ขอลาออก ออกไปได้ในที่สุด หนอยแน่ะ ให้เราทำคอลัมน์อะไรก็ไม่รู้ หวานด้วยรัก เลี่ยนอย่างนั้นเนี่ยนะ ประสาทจริง ๆ ลำพังชั้นกล้ำกลืนทำงานให้กองบก.ของที่นี่ก็จะแย่แล้วยิ่งต้องทำงานกับยัยลินดาจอมสตอนั่นน่ะ โอ๊ย! คิดแล้วมัน แค้นจริง ๆ ว่าเราแข็งเกินไปบ้างล่ะ ต้องทำที่มันซอฟลงบ้างล่ะ จะอ้วกปานวาดทำท่าพะอืดพะอมอยู่คนเดียวพอคิดถึงเรื่องนี้ทีไรเป็นเจ็บใจทุกที ก็อีตาบก.นั่นไม่เคยพูดจากับเธอดี ๆ เลยซักครั้งนับตั้งแต่เธอย้ายมาทำงานที่ Teenage แถมวางท่าเย็นชาใส่เธอน่าดูเก๊กชะมัด ไอ้หน้าอ่อนเอ๊ย
เอ้าคู๊น จะนั่งอีกนานมั้ยจะไปไม๊ค้าบเนี่ย
เสียงเจ้าหนุ่มคนขับเรือที่เธอว่าจ้างตะโกนเรียกให้เธอตื่นจากความคิดบ้า ๆ ของตัวเอง เธอลุกขึ้นโยนเป้ขึ้นบ่า อีกมือคว้าโน๊ตบุ๊ค คู่ชีพ เดินตรงไปยังเรือ ที่จอดอยู่ตรงท่าเรือโดยมีเจ้าหนุ่มหน้าคมเข้ม ยืนรออยู่
จะไปไหนครับคุณ
เธอกระโดดลงเรือจัดแจงหาที่นั่งเหมาะ ๆ ให้กับตัวเองพอได้แล้วก็หันมาถามเจ้าหนุ่มหน้าคมว่า
ไปเกาะ อืม เกาะพะงัน เอาหาดที่สงบ ๆ หน่อยนะ ชั้นอยากไปที่ๆ สงบ ๆ หน่อย
ได้ .... แต่คุณแน่ใจเหรอ พะงันเนี่ยนะ สงบ? เจ้าหนุ่มติดเครื่องเรือหันหัวเรือขนาดย่อมเบนออกสู่ทะเลสีฟ้าใสตรงหน้า
ทำไมล่ะ อย่างน้อยมันก็สงบกว่าสมุยละน่า ชั้นว่ามันต้องมีซักหาด หญิงสาวถามพร้อมออกความคิดเห็นของตัวเอง
Hi Season แบบนี้ไม่มีหรอก พะงันคนเยอะเหมือนสมุยนั่นแหล่ะ ที่นี่ไม่เหมาะ ถ้าอยากได้ที่สงบ ๆ
วิธีการพูดของเจ้าหนุ่มคนขับเรือสะกิดให้หญิงสาวหันหน้ากลับมามองอีกครั้ง
งั้นก็ช่วยแนะนำด้วยซิ คุณเจ้าถิ่น ... หญิงสาวนิ่งไปซักพักก่อนจะเอ่ย
ว่าแต่ จะหลอกพาชั้นไปขายหรึอเปล่าล่ะ ชั้นบอกไว้ก่อนชั้นน่ะลูกตำรวจนะยะ!
แสงแดดสะท้อนหาดทรายสีขาวละเอียดราวกับแป้ง จนปานวาดต้องหยีตา ควานหาแว่นกันแดดมาใส่ เธอพับขากางเกงยีนต์ขึ้นจนถึงเข่า กระโดดลงจากเรือ เดินลุยน้ำสีฟ้าใสขึ้นฝั่ง โดยมีเจ้าหนุ่มคนขับเรือคนนั้น แบกเป้กับโน้ตบุ้คตามหลังมา
เจ๋ง สวยมาก ดูสงบอย่างที่อยากได้เลย หญิงสาวตะโกนบอกกวาดตามองไปรอบ ๆ หาดทรายสีขาวทอดยาวเป็นวงรี ไม่ยาวมากนัก บริเวณหน้าหาด ไม่ค่อยมีโขดหินระเกะระกะเหมือนบางเกาะ บนฝั่งเธอเห็นบ้านพักหลังเล็ก ๆ เข้าใจว่าคงเป็นบังกะโลอยู่แค่ 6 - 7 หลังกระจายห่าง ๆ กัน เธอไม่เห็นสิ่งก่อสร้างอื่นอีก นอกจาก เรือประมง 2 - 3 ลำที่จอดหลบคลื่นลมอยู่บริเวณหน้าหาด
คุณ ไม่ผิดหวังแน่ จากที่นี่ถ้าคุณอยากไปสมุยก็แค่ 30 นาทีเอง เผื่อคุณอยากจะซื้ออะไรที่จำเป็นที่สมุยมีหมดแหล่ะ อ้อ ! เผื่อคุณอยากติดต่อกับใครก็ได้นะ พูดแล้วเจ้าหนุ่มก็ยกโน๊ตบุ๊คขึ้นมาเป็นเชิงสนับสนุนคำพูด
ที่นี่มีเครื่องปั่นไฟ สัญญาณมือถือก็.... คิดว่าน่าจะพอมีถ้าอากาศดี ๆ ชายหนุ่มพูดพลางครุ่นคิดเขาเดินมาสมทบกับเธอที่นั่งบนทรายนุ่ม ๆ รออยู่ พร้อมกับยื่นโน๊ตบุ๊คให้
เอาไปถือเองละกัน ของแพง ๆ แบบนี้ ไม่อยากถือไว้นาน ๆ น่ะคุณลูกตำรวจ เจ้าหนุ่มพูดเป็นเชิงเหน็บแนมเสร็จก็ผละเดินนำออกไปก่อน
ปานวาดค้อนประหลับประเหลือกก่อนจะเดินตามเจ้าคนขับเรือคนนั้นตรงไปที่บ้านหลังหนึ่ง ข้างหน้าด้านนอกจัดเป็นเคาน์เตอร์บาร์เล็ก ๆ มีป้ายทำจากไม้ฝานเป็นแผ่นบาง ๆ เขียนว่า INFORMATION รอบ ๆ บาร์ เต็มไปด้วยโมบายเปลือกหอย ห้อยระย้าเต็มไปหมด ด้านซ้ายมือของเคาน์เตอร์ มีป้ายขนาดใหญ่ทำจากขอนไม้ เขียนไว้ว่า บุหลัน บังกะโล " ตรงบริเวณรอบ ๆ หน้าบ้าน มีเก้าอี้กับโต๊ะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ 2-3 โต๊ะ
นี่ไอ้น้อง เอ็งได้เปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ เนี่ย
เปอร์เซ็นต์อะไรเหรอ เจ้าหนุ่มหันมามองพร้อมกับทำหน้างง ๆ
อ้าว ก็ค่าพาลูกค้ามาที่นี่ไง หญิงสาวชี้ไปที่ ป้าย บุหลัน บังกะโล นั่น
อ๋อ เจ้าหนุ่มลากเสียงยาวเป็นเชิงเข้าใจ
อันที่จริงนะ ผมจะบอกให้ที่นี่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก มีคนจองตลอด โดยเฉพาะสุดสัปดาห์ เจ้าของที่นี่เค้าไม่อยากให้เกาะนี้กลายเป็นตลาดนัด ก็เลยสร้างบ้านแค่นี้ อย่างวันศุกร์ที่จะถึงนี่ก็มีคนจองเกือบเต็มแล้ว ถ้าคุณไม่มาวันนี้ก็หมดสิทธิ์ น้ำเสียงบ่งบอกว่าภูมิใจในความสวยงามของเกาะนี้ทำให้หญิงสาวทำสีหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้วเธอยืนมองเจ้าหนุ่มจัดการเปิดลิ้นชักหยิบสมุดขึ้นมา 1 เล่ม เพื่อบุ๊คห้องพักให้กับเธอ ปานวาดแจ้งความประสงค์ของเธอตามที่คิดเอาไว้นับตั้งแต่เห็นเกาะนี้ครั้งแรก
ไม่มีกำหนด ได้มั้ย มีคนจองรึยัง? ท้ายประโยคเธอถามอย่างไม่แน่ใจ
ได้เสมอ ผมเก็บหลังนี้เอาไว้ให้คุณเลยละกัน ปกติ หลังนี้เอาไว้ให้คนสนิท ๆ เค้ามาพักกันน่ะ แต่เค้าไม่ได้มานานแล้ว ถ้าเค้ามาผมค่อยไล่คุณละกัน เจ้าหนุ่มแกล้งหยอกเธอ
ปากดีเหมือนกันนี่เรา แล้วเค้าไม่ว่าเอาเหรอ ปานวาดรู้สึกกันเองมากขึ้น จึงชวนคุย
ไม่ว่าหรอก อะไรเป็นเงินเป็นทองก็ต้องรับไว้ก่อน
เจ้าหนุ่ม หยิบกุญแจให้พลางว่า
อยู่หลังสุดท้ายซ้ายมือเลยครับ เดี่ยวผมเดินไปส่ง
ไม่เป็นไร เดี๋ยวเดินไปเอง หญิงสาวบอก
ว่าแต่ว่านะ ท่าทางคุณคงจะไม่ถามใช่มั้ย ว่า นี่ นายน่ะชื่ออะไร ไม่เป็นไรผมบอกเองก็ได้ ผมชื่อ ฟิน มีอะไรเรียกใช้ได้เสมอนะคุณลูกตำรวจ ช่วงนี้ผมมาช่วยพ่อแม่ทำงาน
ปานวาดหันกลับมามองค้อนเจ้าหนุ่มที่ชื่อฟิน พร้อมกับทำสีหน้าสงสัยสุดขีด ก่อนจะยิงคำถาม
นายคนขับเรือ นายเป็น .. ลูกชายเจ้าของที่นี่เหรอ
ฮื๊อ ... เปล่า ฟินปฏิเสธ
พ่อกับแม่ ผมเค้าเป็นคนดูแลที่นี่ จริง ๆ เจ้านายเค้าอยู่กรุงเทพฯน่ะ
อ๋อ ชั้นก็ว่ายังงั้นแหล่ะ หน้าไม่ค่อยให้เท่าไหร่ พูดเสร็จก็มองเจ้าหนุ่มหัวจรดเท้าอย่างหน้าหมั่นไส้
ผมดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ ฟินก้มมองตัวเองทำหน้าแหยๆ " มิน่า .. คุณถึงคิดว่าผมจะพาไปขาย "
ปานวาดหัวเราะออกมาได้ มองเจ้าหนุ่มตรงหน้าที่บัดนี้ทำตัวเก้ ๆ กัง ขาดความมั่นใจไปชั่วขณะ
ไม่หรอก ชั้นพูดเล่น ไปงั้นแหล่ะ คนเราไว้ใจกันง่าย ๆ ได้ที่ไหนกัน นายดูดี เกินกว่าจะเป็นแค่คนขับเรือด้วยซ้ำ เออ ไอ้น้อง แล้ว
ปกติทำอะไร
ผมว่าผมบอกคุณแล้วนี่ ว่าผมชื่อ ฟิน เขาทำหน้ามุ่ยท้วงเธอก่อนตอบคำถาม
ผมเรียนจบแล้ว ก็เลยมาช่วยพ่อกับแม่ก่อน ยังไม่รู้จะทำอะไร คิดถึงพ่อแม่
เรียนจบที่ไหนล่ะ หญิงสาวถามอย่างอยากรู้ จบกรุงเทพฯ เหรอ นาย.... ฟิน
เปล่า กรุงเทพตั้งแต่โตมายังไม่เคยไปเลย ผมจบที่สงขลาน่ะ
ปานวาดทำตาโต จ้องมองเจ้าหนุ่มจนเจ้าตัวชักเขินที่โดนจ้องตรง ๆ
นายไม่เคยไปกรุงเทพ ฯ เลยเหรอ
เคยซิ เคยอยู่ตอนเด็ก ๆ พอจบม.ต้นผมก็ตามแม่มาเรียนที่สงขลา ก่อนที่แม่จะย้ายมาที่นี่น่ะ
ดีจัง ดีมากเลย หญิงสาว ทำหน้าดีใจอย่างมากมาย ฟินถึงกับอึ้งไปเลย ไม่เคยเข้ากรุงมันหน้าดีใจตรงไหนว่ะ ยัยนี่แปลกดีแฮะ!
ปานวาดเหวี่ยงเป้ใบใหญ่ที่เธอสะพายมาด้วย เข้าไปในบ้านพัก จัดการวางโน๊ตบุ๊ค ไว้บนโต๊ะอย่างนุ่มนวล บ้านหลังนี้ขนาดกระทัดรัดในแบบที่เธอชอบพอดี เธอเดินมาหยุดยืนตรงระเบียงหน้าบ้าน สายลมเอื่อยๆ ยามบ่ายพัดมาปะทะใบหน้า โมบายเปลือกหอยส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊งเบา ๆ แสงแดดสาดส่องกระทบทรายสีขาว ๆ เป็นประกายระยิบระยับ น้ำทะเลยามนี้ส่องประกายน่ามองมาก ตรงหน้าบ้านมีเปลยวนผูกติดกับต้นไม้ 2 ต้นอยู่ เธอเดินลงบันได 2 - 3 ขั้นนั่น ตรงไปยังเปล หญิงสาวเอนตัวนอนลงไปอย่างผ่อนคลาย รู้สึกสบายใจขึ้นมาก หวนคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เธอทำอะไรรุนแรงไปหรือเปล่านะ ? ไม่หรอก ... เธออดทนมานานแล้วต่างหาก ตั้ง 3 เดือนเชียวนะที่ทำงานให้ Teenage โดยสงบปากสงบคำ แม้ว่าการทำงานกับยัยลินดา พีอาร์ ดัดจริตนั่น จะทำให้เธอหงุดหงิดแค่ไหน เธอก็ยังไม่ระเบิดอารมณ์ออกมา เพราะว่าอยากกลับไปทำงานที่ Alternative หรอกนะ ถึงต้องทำตัวให้ป้า เห็นว่าเธอเป็นผู้ใหญ่พอ การจะคุยกันมันจะได้ง่ายขึ้น อีกอย่างทำงานที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดอย่างน้อยเพื่อนร่วมงานอย่าง จิว ก็ทำให้รู้สึกว่าเธอไม่ใช่ตัวประหลาดในกองบรรณาธิการ อะไร ๆ มันกำลังจะดีแท้ ๆ เชียว ถ้าไม่ใช่ไอ้บก. จอมเก๊กนั่น จะไม่หาเรื่องให้ทำคอลัมน์ งี่เง่า ๆ พอปฏิเสธก็ว่า แถมยังว่ากระทบถึงหนังสือเล่มเก่าที่เคยทำอีก ความอดทนที่เคยทำมาสิ้นสุดกันแค่นั้น ถ้าจะบังคับกันแบบนี้ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว หญิงสาวนิ่งคิดมองออกไปสุดสายตาอากาศดีจนเธอเริ่มเคลิ้มนัยน์ตา พริ้มลง....
..................................................................
จากคุณ :
ละอองทรายและไอแดด
- [
7 ม.ค. 48 08:45:42
A:unknown X:unknown, 202.28.62.68
]