เรื่องสั้นเฉพาะกิจ : จนกว่าเราจะพบกันอีก
หมู่ดาวโศกสลดระทดท้อ ทอดแสงระยิบดาดพราวไปทั้งท้องน้ำยามค่ำ ทว่าประกายระยับล้อคลื่นดั่งเคย กลับหมองหม่น คล้ายใครไปโปรยดอกไม้สีซีดให้กลาดเกลื่อนเพื่อเตือนใจ ให้แสงดาวทั้งนั้นล่องลอยอ้อยอิ่งอาลัย ให้กับหัวใจและจิตวิญญาณที่พลัดพราก
คลื่นเอื่อยราวรั้งแรงไว้ไม่อยากเคลื่อนเข้าหาฝั่ง หรือจะรู้สึกผิดกับแรงหนุนส่งอันถั่งท้นล้นทะลักทำลายก่อนหน้า หาดทรายไม่กล้าสะท้อนแสงจันทร์นวลดังเก่า เพราะเศษซากประดามียังกระจัดกระจายเกลื่อน สนและพร้าวถอนรากเอนค้อมคล้ายจะช่วยสอดส่องเสาะหา สักร่าง
ซึ่งนอนคอยคนรักใต้ซากปรัก
ล่วงเข้าคืนที่ห้ากว่าจะได้รับความช่วยเหลือ ความหิวโหยโรยแรงพอประทังไปได้ด้วยความหวังหนึ่งเดียว
เธอไม่มีวันจะกลับหลังอำลาตราบใดที่ยังไม่ได้รู้ข่าวคราวจากผม
แม้เราจะทะเลาะกันนิดหน่อยก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายผละไปจากคลื่นอารมณ์แรงร้าย เพื่อหวังให้สวรรค์ใต้ทะเลช่วยเห่กล่อม แนวประการังงดงามสมบูรณ์ พร้อมฝูงปลาและสัตว์น้ำนานาสารพัดช่วยกันย้ำเตือน ให้หวนรำลึกนึกถึง ความรักและความห่วงใยซึ่งมีให้กันมาตลอดหลายปี น้ำใสช่วยชโลมหัวใจให้เย็นชื่นคลื่นความหลังค่อยเข้าคลี่คลายความขุ่นข้อง พร้อมกับคลื่นใต้น้ำที่ขับเคลื่อนเก็บงำแรงกำลังมหาศาลไว้ใต้ผืนผิวราบเรียบ
ผมอาศัยติดรถใครคนหนึ่งกลับมายังที่เคยพัก ตลอดทางนั้นทำให้ตระหนักแน่ว่าขนำน้อยบังกะโลกลางบ้านอันชาวพื้นที่ปลูกไว้เป็นรายได้เสริมเล็กน้อยนั่นคงจะทลายราบ เดือนหงายใกล้เต็มดวงเป็นแสงเดียวซึ่งเอื้อเฟื้อให้เงาร่างเหลือคณานับท่อมทอดสายตาและดุ่มเดินโดดเดี่ยว ไม่สนใจใครนอกจากการเหลียวหาคนที่รัก ก็ต่างคนต่างมากันทั้งนั้นจึงไร้ญาติขาดมิตร
กว่าจะถึงที่หมายหน่วยกู้ภัยก็ถอนกำลังไปเกือบหมด ที่ยังรีรอรั้งท้ายเกาะกันเป็นกลุ่มเล็กๆ กระจายกันไกลๆ ล้วนตั้งอกตั้งใจกราดไฟฉายไปตามกองไม้ ก้มๆ เงยๆ ช่วยกันงัดง้างรื้อค้น บ้างได้กระเป๋าเป้ บ้างได้กระเป๋าเดินทางเป็นกำนัลแรงกาย หลังจากที่ตลอดวันได้มาช่วยกันมัดห่อผูกพันซากเน่าหนอนบวมอืด
เรือนพักของเราคงค่อนข้างแข็งแรง จึงเพียงแต่ล้มราบเกาะกองกันอยู่ได้ ร่องรอยการถูกเก็บกู้ยังปรากฏ ผมโล่งอกที่บริเวณนี้ไม่ถูกทิ้งค้างวันค้างคืนกว่าจะมีใครสักคนเข้ามาค้นหาช่วยเหลือผู้รอดชีวิต กระทั่งเกือบค่อนดึกนี่นอกจากกลุ่มพวกสวมชุดมูลนิธิไม่กี่คน แล้วก็ยังมีใครต่อใครอีกมากที่ยังเดินหากันให้เห็น แม้จะดูอ่อนระโหยโรยแรง และมีเพียงแสงจันทร์ช่วยส่องทาง พวกเขาทั้งหมดก็ยังวนเวียนกันอยู่ตามที่ตนมาพัก
เราคงคิดเหมือนกันคือ เมื่อไม่เหลือหนทางใดให้สื่อสารส่งหาถึงกันได้แล้ว การกลับมายังที่สุดท้ายที่ได้พบได้พูดคุยกัน คงจะเป็นที่หมายที่มั่นที่เหมาะสมที่สุดเพื่อรอคอยให้ใครคนนั้นกลับคืนมา
อีกนานกว่าผมจะได้รู้ว่าพวกเขาไม่เหลือเศษสิ่งสัมภาระอะไรของเราสองคนไว้ตรงนี้เลยสักชิ้นเล็กๆ แม้ป้ายไม้บอกชื่อบ้าน ชมชเล ซึ่งติดตรึงอยู่กับเสาเอนจะยืนยันว่านี่คือเรือนพักของเราแน่นอน แต่ผมก็ยังพยายามจะไปค้นหาที่กองซากใกล้เคียง หมายใจว่าอย่างน้อยจะไม่มีชื่อบ้าน ชมชเล ซ้ำกันสองหลัง
หมู่บ้านเล็กๆ นี้มีแนวหาดกว้างเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ยามน้ำลดผืนหาดจะทอดตัวออกไปในทะเลไกลลิบ เราเลือกพักกันที่นี้นอกจากเพราะราคาย่อมเยาแล้วก็เพราะ เธอสามารถจะลุยน้ำออกไปได้ไกลๆ จนคนที่อยู่บนฝั่งจะเห็นเหมือนกับว่าเงือกน้อยทรงสะคราญกำลังแอบขึ้นมาชมชีวิตบนพื้นโลก ที่รักของผมว่ายน้ำไม่เป็นทั้งที่ผมรักการดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจ ทำเลนี้จึงช่วยบรรเทาความแง่งอนลงไปได้บ้าง ยามที่ผมจะข้ามไปเกาะน้อยที่เห็นลิบตาเพื่อใช้เวลาช่วงเช้าดำดูป่าประการังซึ่งสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แล้วกลับมาเล่นล้อคลื่นจนบ่ายถึงเย็น และหลายครั้งที่เราเคยพาผ้าผืนเดียวลงไปลาดรับสองร่างให้ดื่มด่ำกับวิมานรักที่บรรจงร่วมกันสร้างขึ้นกลางหาดทรายขาวสะอ้าน
ซากเรือนหลังสุดท้ายกลายเป็นของแม่ลูกชาวต่างชาติ ลูกน้อยร้องไห้จ้าในอ้อมกอดแม่ เจ้าหนูคงขวัญหายหาพ่อซึ่งไม่รู้ไปอยู่เสียที่ไหน
ผมทิ้งตัวลงอย่างหมดเรี่ยวแรง หรือเธอจะทิ้งผมไปแล้ว มันนานเกินไปหรือไรกับเวลาอันแสนสั้น หากพวกเขาไม่กลัวคลื่นลูกหลังกระหน่ำซ้ำ ผมคงกลับมาได้เร็วกว่านี้ แต่ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะตัดใจลา ผมทอดสายตาไปตรงปลายหาด ตรงที่สองเราเคยกอดก่ายใต้เพ็ญจันทร์ ท่ามกลางเงาระเกะระกะนั่น เสียงอันคุ้นเคยลอยมากับสายลม
..กระแสคลื่น
ไยเจ้าจึงพัดกลืนห้วงความฝัน
กว่าจะได้ชิดชื่นทั้งคืนวัน
.ไยจึงก้าวมากักกั้นให้พลันทลาย
..
.อยู่ไหนหนอ
.คนที่รัก..ที่เฝ้ารอ..ที่สูญหาย
รู้บ้างไหมใจดวงนี้ก็วางวาย
ทั้งเปลี่ยวเปล่าร้าวดายทั้งอาดูร
.
น้ำเสียงแผ่วเศร้าสะท้อนสะท้านเข้าไปในอก ความอดกลั้นพลันมลายเพราะความตื้นตันท้นทะลักออกมาจากความหวังอันริบหรี่ ผมปาดม่านน้ำตาพร่าเลือนทิ้งไม่ไยดี เพ่งมองไปยังที่มาของโศลกสลด
ขณะที่ร่างนั้นเคลื่อนช้าๆ ไกลออกไป ผมยาวปลิวสยายสะบัดล้อกับแสงดาว ชุดขาวพลิ้วบางดูเหมือนจะส่งแสงเรื่อเรืองในความมืด ผมผุดลุกแล้ววิ่งตามออกไปพร้อมกู่ตะโกนสุดเสียง
ปริม!!!
..ปริม!!!
..ผมเอง
ผมเอง
ผมกลับมาแล้ว
.ปริม!!
ปริม
หยุดก่อน
รอผมด้วย!!!
ผมพุ่งไปข้างหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มี ลมทะเลคงพาเสียงผมกลับขึ้นฝั่งมากกว่าจะเจียดส่วนน้อยหนึ่งส่งไปให้เธอได้ยิน กว่าผมจะยุดข้อมือเธอไว้ได้ เราก็ลุยน้ำลงมาถึงครึ่งแข้ง แววไร้ชีวิตเมื่อแรกที่หันกลับ เปี่ยมประกายขึ้นมาอีกครั้ง
วี
รวีของปริม
.ในที่สุดก็กลับมาหาปริมแล้ว
.. เธอซบสะอึกสะอื้นไห้กับอกกว้างของผม
ปริมกำลังจะทำอะไร
..ปริมไม่รักผมแล้วหรือ พร้อมกระซิบถามที่ข้างหู ผมกอดกระชับทั้งร่างที่รักแนบแน่น ลูบเรือนผมแผ่วเบา เหมือนอย่างที่เราทำทุกครั้งยามปลอบประโลมใจให้กันและกัน
รักสิ
เพราะรักวีนี่ไงล่ะ ปริมถึงจะตามวีไป วี
.วีหายไปไหนมา
เราจูงมือกันกลับขึ้นมาช้าๆ ถ่ายทอดความรู้สึกที่มีทั้งหมดผ่านให้แก่กัน ในยามยากการสัมผัสเพียงแผ่วเบาย่อมดีกว่าคำพูดร้อยพัน เราสบตากันอย่างรู้ความหมาย รักแท้ถูกพิสูจน์ความจีรังยั่งยืนกลางผืนทราย เราพากันนั่งลงบนฟูกเก่าที่เกยอยู่กับกองไม้ เธอมองหน้าผมตรงๆ อีกครั้งก่อนจะเริ่มเรื่องร้ายแรงที่พบผ่าน
ปริมรู้ว่าวีไม่หนีไม่ไหนหรอก ปริมแกล้งงอนไปอย่างนั้นเอง คิดดูสิ..จะไม่ให้น้อยใจได้ยังไง ปริมอุตส่าห์ไปหาซื้อหมึกซื้อปลามาแต่เช้า กะว่าสายๆ จะปลุกให้วีตื่นขึ้นมาชิมน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรใหม่ แล้ววีกลับมาเห็นว่าสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ เราไม่ได้กินกันอย่างนี้ทุกวันนี่นา
..พอวีปึงปังไปแล้ว ปริมก็เลยออกไปเล่นน้ำที่ชายหาด แดดใสน้ำสวยอย่างทุกวันนั่นแหละ กำลังไล่ช้อนปลาการ์ตูนที่พลัดมาก็พอดีน้ำลดฮวบลงไปไกลลิบ จนปลาเล็กปลาน้อยค้างตื้นกันเกลื่อนหาด
เห็นพวกชาวบ้านบนหาดเขากู่เรียกกวักมือโบกมือกระโดดโลดเต้นก็ไม่นึกว่าจะมีอะไร
แล้วจู่ๆ น้ำก็รี่กลับขึ้นมา
.ใช่ไหม ผมสอดคำขึ้นเพราะความตื่นเต้น
ใช่
.น้ำขึ้นเร็วมาก จนปริมตกใจทำอะไรไม่ถูก
.กว่า
กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็มีคนมาพาไปที่โรงพยาบาล ในใจห่วงอยู่แต่วีรู้ไหม ปริมไม่กินไม่นอนเลยนะ เฝ้าแต่ตามหาวี คอยดูว่าเขาจะพาวีเข้ามาเมื่อไหร่ จนพ่อแม่ปริมมารับ ปริมก็ยังไม่ยอมกลับ วีรู้ไหม
.ปริมหนีเขามารอวีที่นี่ตั้งแต่สองวันก่อน ที่นี่มันน่ากลัว..น่ากลัวจะตายไป
ผมดึงเธอที่รักเข้ามากอดไว้กับอกอีกครั้ง พร่ำเรียกขวัญเบาๆ ทำไมจะไม่รู้ว่าเธอรักผมแค่ไหน และผมก็รู้แล้วว่าผมรักเธอมากไม่แพ้กัน
ลมทะเลเริ่มกรรโชกแรง ทางพร้าวสะบัดใบเกรียวกราว ความเงียบสงัดรอบกายกลายเป็นความวังเวง แม้จะมองไม่เห็นซากร่างของใครแล้ว แต่การเก็บกู้ก็ดูเหมือนจะยังไม่ล่วงเลยขุดค้นลงไปยังบ่อน้ำใช้ หรือกองสิ่งก่อสร้างใหญ่ๆ สองเราต่างสั่นสะท้านไปตลอดร่าง ความรู้สึกบางอย่างที่ติดค้างมาตั้งแต่วันที่ถูกคลื่นยักษ์ถล่มกำลังพยายามคลี่คลายตัวเอง
วีเจอสองแม่ลูกนั่นหรือยัง ที่ครอบครัวเขาพักถัดจากเราออกไปหน่อย ปริมเงยหน้าขึ้นถามด้วยแววหวั่นวิตก
เจอแล้ว คนแม่ไม่พูดไม่จา ลูกก็ร้องไห้จ้า
ผมตอบเรียบๆ สกัดกั้นความรู้สึกแปลกๆ นั้นไว้เต็มที่
เขามาเก็บศพคนพ่อไปได้เมื่อวาน เพิ่งจะลอยกลับมา น้ำเสียงสั่นเครือไม่ชวนให้สบายใจขึ้นเลย แต่สองแม่ลูกนั่นยังหากันไม่เจอ ปริมพยายามปลอบอย่างไรก็อย่างที่วีว่า คนแม่ไม่พูดไม่จา คนลูกก็เอาแต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้นตลอดเวลา
แสงไฟฉายกราดมาที่เรากำลังนั่งซบอิงกันอยู่ เสียงพูดคุยยุยงผลักไสแฝงแววหวาดหวั่น
เอ็งไปหงายที่นอนนั่นดูซิ เผื่อเจออะไร เสียงแหบๆ ออกคำสั่ง
ถ้า
ถ้าไม่เจอของ แล้ว..แล้วเจอแต่คนอีกล่ะลูกพี่ คนรับคำสั่งถามกลับลนลาน
เถอะวะ
เราช่วยเขามามากแล้ว เขาไม่มาหลอกมาหลอนอะไรหรอกน่ะ
ไอ้มิ่งเอ็งก็ช่วยมันอีกคน
เราสองยอมลุกจากที่นอน ถอยออกมายืนดูหน่วยกู้ภัยปฏิบัติภารกิจพิเศษยามมืดมิดเงียบๆ ปริมสะกิดกระซิบผมเบาๆ
พวกกลุ่มนี้แหละที่ช่วยพาปริมไปโรงพยาบาล วีบอกพวกเขาทีสิว่าตรงนี้ไม่เหลือของมีค่าอะไรอีกหรอก พวกชาวบ้านเขาเข้ามาหากันได้กันไปตั้งแต่วันแรกๆ แล้ว
ปล่อยให้เขาหากันไปเถอะน่า
ขืนเราไปสุ่มสี่สุ่มห้ากับเขาเข้า เราจะเป็นอันตราย ยืนดูอยู่เงียบๆ นี่น่ะดีแล้ว ผมให้ความเห็นด้วยความไม่ประมาท ยกมือเย็นชืดของเธอขึ้นมาจูบเบาๆ ปริมจึงเบียดร่างเข้าสนิทชิดกับอ้อมอกแนบซบและนิ่งมองแต่โดยดี
พวกนั้นผละไปอย่างหัวเสีย เพราะลูกไล่คนหนึ่งเกิดอาการขวัญหนีดีฝ่อขึ้นมากะทันหัน ชี้โบ้ชี้เบ้โหวกเหวกโวยวายไม่เป็นภาษา เพื่อนร่วมกลุ่มตะโกนว่าผีเข้าๆ แล้วคนที่ท่าทางเป็นหัวหน้าก็ปลดพระเครื่องทั้งพวงสวมสวบ จนคนโดนผีเข้าร้องกรี๊ดๆ อยู่สองสามครั้งก่อนจะล้มฟุบลงไป
คล้ายลมจะหอบเสียงร่ำไห้โหยหวนขึ้นมาจากใต้ทะเล น้ำค้างฟ้ากลางคืนประโปรยความชุ่มชื่นให้แก่ความระทมหม่นหมองได้เพียงน้อยนิด จันทร์หลบลับหลังเมฆอีกคราว จนทั้งบริเวณสงัดเหงาวังเวง
คนค้นหาชุดสุดท้ายจากไปแล้ว พร้อมกับคำพร่ำพูดถึงเรื่องลี้ลับพิสดารของความรักความผูกพันและรอยอาลัย พวกที่เหลืออยู่ยังล้วนวนเวียนร่ำไห้ห่วงหากันอยู่ในความมืดมิด
ที่นี่น่ากลัวเหลือเกินวี
เราไปจากที่นี่กันเถิดนะ ปริมเอ่ยทำลายความอาดูรซึ่งเริ่มเข้าเกาะกุมครอบงำจิตใจของเราทั้งคู่
เราจะไปที่ไหนกันเล่าปริม ผม
ผมก็ห่วงแต่ปริมถึงตามมาถึงที่นี่ได้ คำสารภาพของผมมิได้เสแสร้งให้เกินเลยไปแม้เพียงสักน้อยนิด
แล้วตอนนี้วีอยู่ที่ไหน วีรู้ใช่ไหมว่าเขาพาวีไปไว้ที่ไหน
ความหวาดหวั่นปรากฏวี่แววให้เห็นในน้ำเสียงนี้ ที่รักของผมเงยหน้าขึ้นมาสบตา หยาดน้ำพราวล้อเอ่ออยู่ในดวงตาคู่สวย
ไม่
ผมไม่ทันได้ตามไป
ผมห่วงปริม พอขึ้นมาถึงฝั่งผมก็ตรงมาที่นี่เลย
.ปริม
.ผม
.เราคงจะไม่พรากจากกันอีกหรอกนะ ใช่ไหม ผมถามในสิ่งที่หวั่นใจที่สุด พร้อมกับกอดกระชับสิ่งสุดท้ายในชีวิตไว้ในวงแขนแนบแน่น
วีรู้ไหมว่าปริมกำลังจะลงไปตามหาวีที่โน่น
. เธอชี้มือไปยังเงาดำของเกาะแก่ง
.เขาให้เวลาปริมไว้ถึงแค่คืนนี้ วี
วีรู้ไหมว่าคุณลุงคุณป้าเพิ่งมาที่นี่เมื่อตอนเย็น
.ท่านมาลา นิมนต์พระมาบังสุกุล เพราะตัดใจได้แล้ว
ใคร
พ่อกับแม่ผมน่ะหรือ
. คำถามผมชะงักค้าง ความสับสนประเดประดังเข้ามาจากทุกสารทิศ มันรุนแรงยิ่งว่าคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้ามาในวันนั้น เนื้อตัวผมเหมือนถูกกรีดยับไปทั้งร่าง ความเจ็บปวดรวดร้าวของสำนึกสุดท้ายผุดขึ้นมาอีกครั้ง มันซ้ำเติมความบอบช้ำของหัวใจที่แหลกสลายอย่างไม่ปรานี
หมายความว่า
.ผม
.ปริม
.เรา
ใช่
เราทั้งคู่นี่แหละวี..เราทั้งคู่ เหมือนกับผู้คนอีกมากมาย วี
ปริมขอโทษในสิ่งที่ปริมทำผิดพลาดหรือเอาแต่ใจมาทั้งหมด ปริมรู้แล้วว่าวีรักปริมมากแค่ไหน และปริมก็รู้แล้วว่าปริมรักวีไม่น้อยไปกว่ากัน
..จนกว่าเราจะพบกันอีกนะวี
.จนกว่าเราจะพบกันอีกครั้ง
..ไม่ว่าเมื่อไหร่ ปริมขออธิษฐานว่าขอให้ได้รักกับวีอย่างนี้ทุกชาติภพ
.นะวี
.จนกว่า
จนกว่าเราจะพบกันอีก
เธอยิ้มให้กับผมอย่างคนที่สุขสมหวังที่สุดในชีวิต คำมั่นสัญญาสุดท้ายที่เอ่ยออกมา ทำให้ผมรู้ชัดว่ามันจะดำรงคงอยู่ตราบนิจนิรันดร์
ร่างบาง..เบา..ค่อยเลือนราง
สุดท้าย อากาศในอ้อมกอดก็คลายตัว ผมไม่ได้ลดมือลงจากความโดดเดี่ยวเดียวดายที่เหลือ ปล่อยให้ลมทะเลพัดผ่านร่างโปร่ง เสี้ยวหนึ่งของความสิ้นหวัง
..
ผมรู้สึกได้ถึงความเหน็บหนาวจับขั้วหัวใจ
.
หมู่ดาวโศกสลดระทดท้อ ทอดแสงระยิบดาดพราวไปทั้งท้องน้ำยามค่ำ ทว่าประกายระยับล้อคลื่นดั่งเคย กลับหมองหม่น คล้ายใครไปโปรยดอกไม้สีซีดให้กลาดเกลื่อนเพื่อเตือนใจ ให้แสงดาวทั้งนั้นล่องลอยอ้อยอิ่งอาลัย ให้กับหัวใจและจิตวิญญาณที่พลัดพราก
*********************************
ปล. รวมไว้อาลัยแด่ความสูญเสียด้วยคนครับผม
ปล.๒ เรื่องสั้นเรื่องนี้อาจไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้
ปล.๓ ถึงนายน้ำลายบูด ชั้นเขียนให้แกแล้วนะเว้ย...ไม่เข้ามาอ่านหละก้อ..มีบล็อกเมล์แหงมๆ
แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 48 21:44:27
แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 48 17:56:38
จากคุณ :
SONG982
- [
8 ม.ค. 48 17:52:27
]