ซากุระในสายลมร้อน
พ.ไทยยืนวงษ์
ตอนที่ 44
ต้นเดือนพฤศจิกายน ยามเย็นอากาศหนาว ผู้คนไคลคลาตามบาทวิถี บนถนนมีแต่รถมอเตอร์ไซค์และจักรยาน ร้านค้าคึกคัก หยิบจับสินค้าจำหน่ายมือเป็นระวิง เด็กนักเรียนตัวน้อยในชุดขาวสวมหมวกแก๊ปเดินกลับจากโรงเรียนเป็นกลุ่มใหญ่ เสียงพูดคุยกับเสียงหัวเราะเคล้ากันเซ็งแซ่ หลายคนมีเสื้อกันหนาวสีสวย บางคนเลือกใช้เพียงผ้าพันคอไหมพรม นักท่องเที่ยวต่างชาตินั่งสามล้อถีบชมวิถีชีวิตชาวเว้ด้วยสายตาชมชื่น ส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปยังท่าเรือเพื่อลิ้มลองรสชาติอาหารท้องถิ่นกลางสายน้ำซงเฮืองในบรรยากาศสนธยา แม่ค้าสาวรุ่นขี่จักรยานเร่ขายดอกไม้สดที่บรรทุกมาเต็มตะกร้าหลังรถ สีสวยของดอกไม้กับลีลาอ่อนช้อยยามเคลื่อนย้ายไปตามถนน ทำให้นักท่องเที่ยวผู้ไม่เคยพบเห็นภาพแบบนี้ล้วนประทับใจ เธอจอดรถใต้ไม้ใหญ่เบื้องหน้าสวนสาธารณะ ไม่ทันไรก็เริ่มมีลูกค้าสองสามคนหยุดแวะอุดหนุน
จัตุรัสเล็กๆหน้าสวนสาธารณะ สนามหญ้าทอดตัวเป็นแนวตรงกลาง มีดอกไม้เล็กๆเสียดขึ้นมาตามขอบที่ติดกับพื้นคอนกรีตดูน่ารักถ่อมตัว ผู้คนมาเดินเล่นออกกำลังกาย สูดกลิ่นหญ้ากลิ่นไม้ใหญ่ หนุ่มสาวนั่งเคลียคลอบนม้ายาวมีพนักใต้ร่มสัตบรรณ พ่อค้าเร่ชูสินค้าเสนอไปทั่วพร้อมกับเอ่ยร้องโฆษณาเชิญชม ศิลปินแขนงต่างๆพากันมาสร้างสรรค์ผลงานตามถนัด จิตรกรเขียนภาพสีน้ำมันนั่งจดจ่อมือจับแปรงปาดป้ายลงกับผืนผ้าใบบนขาหยั่งตรงหน้า บางคนมีกล่องสีชอล์ควางข้างตัว เลือกสีที่ต้องการแล้วขูดขีดลงไปบนพื้นปูนนั้นด้วยท่าทางองอาจ ภาพงามวิจิตรค่อยๆสมบูรณ์ขึ้นทีละน้อยๆ คนแวะเวียนมาดูแล้วจากออกไป บ้างก็วางเศษสตางค์ลงบนภาพเสมือนค่าเข้าชม วัฒนธรรมตะวันตกท่ามกลางสายลมตะวันออกดูขัดแย้ง ดันทุรัง ทว่าก็มีกลิ่นอายอันน่ารักซุกซ่อนอยู่จนเกิดเป็นความลงตัวที่เคยชินเมื่อได้เห็นทุกวี่วัน
ด้านหลังหญิงสาวขายดอกไม้มีการแสดงดนตรี เสียงกีตาร์คลาสสิกพร่ำพรรณาความรักของสาวยิปซีนามคาร์เมนได้อย่างลุ่มลึกโหยหวน จากเนิบช้าอ่อนหวานผันกลายเร็วเร่งเร่าร้อน ผู้คนพากันรุมล้อมคึกคัก เคาะเท้าเข้าจังหวะกระฉับกระเฉงกับบทเพลงอันลือลั่นของจอร์จ บิเซท์ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลจมูกคมเป็นสันนั่งบนเก้าอี้สนามแบบพับได้ วางเท้าข้างซ้ายบนกล่องสีดำ กีตาร์อัลฟองโซ ปี 1970 ยกเฉียงทะมัดทะแมง ร่างผอมสูงซ่อนตัวในเสื้อไหมพรมสีดำกระชับตัว ใบหน้าจริงจัง สายตาหรุบต่ำมองเพียงโพลงเสียงราวกับเห็นโลกของตัวเองอยู่ในนั้น แม้จบเพลงแล้วตามด้วยเสียงปรบมือชื่นชม เขาก็ยังคงนั่งนิ่งเฉย ราวอึดใจใหญ่ค่อยปรับแต่งสายกีตาร์ก่อนเริ่มต้นเพลงต่อไปเหมือนคนไร้อารมณ์ ทว่าเสียงเพลงของมัวโร จูเลียนี ที่เปล่งออกมากลับสร้างบรรยากาศให้จัตุรัสนั้นอบอุ่น สง่างาม อวลด้วยกลิ่นอายแห่งศตวรรษที่สิบเก้า ท่ามกลางโบราณสถานเก่าแก่และสุสานจักรพรรดิมลังเมลืองริมฝั่งน้ำ ชาวเว้ไม่คุ้นกับดนตรีคลาสสิก แต่ก็เป็นนักฟังที่น่ารัก เบื้องหน้าหนุ่มน้อยมีทั้งผู้เฒ่า เด็กนักเรียน และบรรดาคนทำงานในชุดแต่งกายหลากหลายสีสัน มีบ้างที่ยื่นหน้าเข้ามาดูแล้วกลับออกไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่ส่วนใหญ่ก็พากันจดจ่อหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของทั้งเสียงเพลงและความนิ่งสงบของเขาจนต้องเฝ้ารอชมจนจบเพลง
ห่างออกไปไม่เกินยี่สิบก้าว เด็กหนุ่มสาวสองคนนั่งหันหน้าไปทางกลุ่มคนที่รุมล้อมนักดนตรี เฟืองกอดกล่องไวโอลินไว้ในอ้อมแขนทำหน้าไม่สู้ดี
เมื่อไหร่อาจารย์จะมานะ ทัน เลยเวลานัดไปตั้งชั่วโมงแล้ว
เหงวียน มินห์ ทัน ตัดผมเกรียนสั้น เขากลับจากโรงเรียนก่อนเฟืองเสียอีกเพื่อช่วยพ่อแม่รดน้ำผักกับขนสินค้าตามใบรายการไปส่งลูกค้าแทนพ่อ จากนั้นค่อยสะพายกีตาร์ขึ้นหลังปั่นจักรยานมาพบเด็กสาวที่หน้าจัตุรัสตามเวลาที่ตกลงกัน ร่างแกร่งกำยำดูอ่อนน้อมเพราะหลังค่อมคู้ บุคลิกเขาไม่ดีนัก ทว่าสายตาเล็กหยีมีประกายมุ่งมั่นตลอดเวลา นิ้วมือของเขาไม่เคยนิ่งเฉย ขยับไปมาราวฝึกกับอากาศ ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ทุกวินาที
เรามาลองซ้อมกันพลางๆก่อนเอามั้ย เฟือง เขากล่าวยิ้มๆ เด็กสาวส่ายหน้าไม่มั่นใจ
ไม่เอาหรอก ดูสตีเฟนสิ ดึงคนไปหมดเลย เราไม่กล้าเล่นแล้วล่ะ ทัน
เด็กหนุ่มมองตามสายตาเฟืองแล้วเห็นพ้องต้องกัน ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วได้แต่เฝ้ารอคนคนหนึ่งด้วยใจจดจ่อต่อไป
.............
แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 48 00:04:58
จากคุณ :
อันโตนิโอ
- [
9 ม.ค. 48 22:25:42
]