CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    เมื่อคืนนี้ มีปาฏิหาริย์

    ฝนทำท่าจะตกมาหลายวันแล้ว ตอนกลางวันฟ้ามืด กลางคืนฟ้าแดง
             เสียงฟ้าร้องครืน ๆ เป็นระยะ บรรยากาศอึมครึมอย่างนี้มาเกือบอาทิตย์แล้ว แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีฝนสักหยดตกลงมาจากฟ้า

             เจ้าดำ เด็กมอมแมม ตัวดำสมชื่อ  ใช้ฟุตบาทแทนเบาะรองตูด มือข้างขวาถือถุงพลาสติก บรรจุกาวสีอำพัน ส่วนมือข้างซ้ายกำถุงใส่ลูกแก้วไว้แน่น

             เจ้าดำมันเป็นเซียนลูกแก้ว เด็กแถวนี้รู้ดี บางคนถึงกับไม่ยอมดีดลูกแก้วกับมัน ก็เพราะความเซียนของมันนี่แหละ



             คืนนี้ ฟ้ายังแดงก่ำ อากาศอบอ้าว ใคร ๆ ก็เดือดร้อนกันทั้งนั้น แต่ไอ้ดำมันนั่งดมกาว ไม่เดือดร้อนอะไร ในโลกสมมุติของมัน มันนั่งอยู่บนปุยเมฆ อากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย สบายจนมันยิ้มออกมาที่มุมปาก



             มันตัวเหม็นสาบ ผมแดงแห้งกรัง เสื้อสีมอที่เดาไม่ถูกว่าผ่านการซักครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ มันไม่เคยรู้ว่าพ่อ แม่ของมันเป็นใคร ตั้งแต่จำความได้ ยายก็เลี้ยงมันตลอดมา

             แต่ถ้ามันได้ยินใครด่าพาดพิงถึง พ่อ แม่ของมัน มันจะโกรธเป็นฝืนเป็นไฟ และพุ่งเข้าใส่ทันที แม้ว่าตัวของมันจะโตเท่าลูกหมาก็ตาม



             เจ้าดำ มันรัก พ่อ แม่ของมัน แม้จะไม่รู้ว่าพ่อ แม่ของมันเป็นใครก็ตาม

             พ่อ แม่ของมันเสียอีก ที่เอามันมาทิ้งไว้กับยาย โดยไม่เคยมาดูดำ ดูดีอะไรมันแม้แต่น้อย



            นอกจากพ่อ แม่ ยาย และลูกแก้วทั้งหมดของมัน สิ่งที่เจ้าดำมันรักอีกอย่างก็เห็นจะมีแต่กาวเหลือง ๆ ใส ๆ นี่แหละ เพราะทุกครั้งที่มันสูดดม มันเหมือนอยู่โลกใหม่ โลกที่ตัวมันหอมฟุ้ง ใส่เสื้อผ้าใหม่ และมีพ่อ แม่ อยู่ข้าง ๆ มัน



             ดำมันอายุแปดขวบแล้ว มันไม่ได้เรียนหนังสือ มันเคยได้ยินคนอื่นบอกว่า ถ้ามันไม่เรียนหนังสือจะโดนจับ เพราะผิดกฎหมาย พอมันถามยาย ยายบอกมันว่าถ้ามันโดนจับเมื่อไหร่ ให้ตำรวจเขามาจับยายด้วย

             “อย่างน้อยเอ็งกับข้าก็คงไม่อดตายล่ะวะ” ยายว่าอย่างนั้น



             ครืน...เสียงฟ้าคำรามอีกแล้ว



             ตีสี่ สี่สิบนาที

             หวานเดินลงจากแท็กซี่ เธอเพิ่งเลิกงาน แต่ละวัน เธอจะโดนกอด โดนจูบ โดนมอบความเป็นผัว จากผู้ชายมากหน้าหลายตาที่เธอขี้เกียจแม้แต่จะถามชื่อ ชีวิตเป็นอย่างนี้ตั้งแต่อายุ 16 จนตอนนี้ เธออายุ 20 เข้าไปแล้ว

             หวานมองรถแท็กซี่วิ่งห่างออกไปอย่างไม่สบอารมณ์

             จ่ายเงินให้เเม่งแท้ ๆ จะส่งกูให้ถึงที่ก็ไม่ได้

             คนขับแท็กซี่ปฏิเสธที่จะไปส่งเธอที่หน้าคอนโดฯ ด้วยเหตุผลที่ว่าซอยมืดและเปลี่ยวมาก แถมยังเคยมีข่าวฆ่าชิงทรัพย์แท็กซี่อยู่บ่อยครั้ง

             “พี่กลัวหนูเป็นนกต่อหรือไง”

             “เออ กลัว”

             แล้วเธอก็ต้องมาเดินกลัวอยู่คนเดียวในซอยเปลี่ยวนี้ ก็เพราะมันทั้งเปลี่ยว ทั้งมืด ทั้งเงียบ แถมยังต้องผ่านตลาดที่ป่านนี้ไม่รู้จะมีพวกเด็กดมกาว เหลืออยู่อีกหรือเปล่า

             เธอถึงได้นั่งแท็กซี่เข้ามา ไม่อย่างนั่นจะเสียเงินเรียกมาทำสากอะไร

             เดินไปแต่ละก้าว ก็พยายามคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ปลอบใจตัวเองไปเรื่อยเปื่อย



             ใจนึกถึงแขกคนสุดท้ายของคืนนี้ ไอ้แก่โสโครกคนนั้น แก่จนหนังเหี่ยว เหนี่ยงยาน ดันสะเออะอยากจะเอาอีก เธอเสียเวลาใช้ปากปลุกปล้ำอยู่กับไส้เดือนของไอ้แก่นั่นอยู่ครึ่งชั่วโมง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุดท้ายไอ้แก่นั่นก็ต้องทำอะไร ๆ ของมันเองไปตามเรื่องตามราว



             ดึกขนาดนี้อากาศยังอบอ้าวเหลือเกิน ตัวเหนียวเหนอะหนะไปหมด คิดถึงอ่างอาบน้ำที่คอนโดฯ เหลือเกิน พอถึงห้องจะนอนแช่ให้ฉ่ำไปเลย  

             ท้องฟ้าแดงก่ำ เสียงฟ้าร้อง ดังเป็นระยะ

             ฝนเฮงซวย รอกูถึงห้องแล้วค่อยตกนะโว้ย

             เธอสบถในใจ



             วิทย์ นอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะอากาศร้อน แต่เป็นเพราะพรุ่งนี้ถึงกำหนดที่เขาต้องเอาเงินไปจ่ายให้โต๊ะบอล  เขาเสียพนันบอลร่วม 70,000 บาท

             ทั้งเนื้อทั้งตัว รวมเงินที่ยืมเพื่อน ขโมยพ่อแม่ ก็ยังมีแค่ไม่กี่พัน

             นี่คือเหตุผลที่เขาเดินออกจากบ้านกลางดึก คืนนี้เขาต้องหาเงินให้ได้

              เขาพกเครื่องมือทำมาหากินมาด้วย นั่นคือมีดหัวตัด ที่นอนนิ่งสงบอยู่ในกระเป๋าเป้ วิทย์สะพายกระเป๋าไว้ด้านหน้าเพื่อหยิบอาวุธของเขาให้สะดวกขึ้น



             ในความมืดเขายังมองไม่เห็นใคร…

             เขาภาวนาขออย่าให้มีใครขัดขืนเลย เขาแค่อยากได้เงิน แต่ไม่อยากฆ่าใคร

             นอกจาก จะจำเป็น...



             วิทย์เดินผ่านคอนโดฯ สูง มันดูดีมากสำหรับชุมชนโกโรโกโสแบบนี้ เขาก้าวขายาว ๆ ต้องการจะไปถึงปากซอยให้เร็วที่สุด พลางคิดในใจว่าต้องปล้นสักกี่คนถึงจะได้เงินครบ



             ครืน...ครืน...ครืน...เสียงฟ้าคำราม

             อย่าตกนะมืง...

             เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นจนพื้นดินสั่นสะเทือน ประกายฟ้าแลบสว่างวูบวาบทั่วท้องฟ้า

             วิทย์มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา เขารีบโดดเข้าไปหลบหลังลังใส่น้ำแข็ง มือรูดซิบกระเป๋าเป้ออก แล้วล้วงเข้าไปกำด้ามมีดหัวตัดเล่มนั้นไว้แน่น



             เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นจนพื้นดินสั่นสะเทือน ประกายฟ้าแลบสว่างวูบวาบทั่วท้องฟ้า

             ท่ามกลางท้องฟ้าแดงก่ำ และเสียงฟ้าแลบฟ้าร้อง บางสิ่งร่วงลงมาจากฟ้า ส่งประกายวับวาว ดังดวงดาวตกลงมาจากฟากฟ้า ทว่าตกมาเป็นจำนวนมากมายหลายล้านดวง หากเป็นดวงดาวจริง ท้องฟ้าก็คงแทบไม่เหลือดาวไว้ให้ใคร ๆ ได้เชยชม

             เสียงฟ้าผ่าปลุกเจ้าดำ งัวเงียตื่นขึ้นมา มันแหงนหน้ามองฟ้า นัยน์ตาของมันเบิกกว้าง

             “ดาวตก” มันรำพึงออกมาเบา ๆ

             หวาน เงยหน้ามองท้องฟ้า ภาพเบื้องหน้าแม้จะดูงดงาม แต่เธอขนลุกชันไปทั่วตัว

            อะไรวะนั่น

             หวานกระโดดเข้ามาหลบ ในหลังคาของตลาด ภายในตลาดเสียงดังกัมปนาท ราวกับฟ้าถล่ม

             วิทย์สะดุ้งสุดตัว เมื่อวัตถุพวกนั้นกระแทกกับหลังคา

            นั่นมันอะไรกันวะ



             เพชรทั้งนั้น เพชรจำนวนมหาศาลกำลังร่วงลงมาจากฟ้า

             ไอ้ก้อนที่เจ้าดำมองเป็นดาวตก ไอ้สิ่งที่หวานกระโดดหนี

             ฝนตกลงมาเป็นเพชร...

             เพชร จำนวนมากมายมหาศาล เกลื่อนกราดอยู่บนถนน  

             อยู่แทบเท้าพวกเขาทั้ง 3 คน มากมายราวก้อนกรวด



             เวลาผ่านไปไม่กี่นาที แต่ยาวนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ เสียงฟ้าถล่มจึงสงบลง ขณะนี้ ดำ หวาน และวิทย์ ได้รับรู้แล้วว่า นอกจากตนแล้วยังมีผู้อื่นอยู่ภายใต้หลังคาตลาดแห่งนี้

             แต่ไม่มีใครสนใจซึ่งกันและกัน ทั้งสามคน ยืนตะลึงตาค้างกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า



             ไม่มีการทักทาย ไม่มีการปรึกษา

             วิทย์ รูดซิบเปิดกระเป๋าเป้กว้างสุด หยิบมีดหัวตัด โยนทิ้งไป แล้วโกยเพชรใส่กระเป๋า

             เจ้าดำ มองถุงลูกแก้วในมือ มันเทลูกแก้วทิ้งอย่างไม่แยแส และยัดเพชรจนอัดแน่นถุง

             หวาน ถอดเสื้อสายเดี่ยวออกอย่างไม่อาย เธอมัดเสื้อจนกลายเป็นถุง และทำเหมือนกับอีกสองคน คือยัดเพชรใส่ให้ได้มากที่สุด



             ทั้งสามคน แยกย้าย กลับบ้านใคร บ้านมัน



             เมื่อถึงคอนโดฯ หวานไม่ได้นอนแช่น้ำในอ่างอย่างที่ตั้งใจ

             เธอขนกระเป๋าจากห้องพัก ลงมาเก็บเพชร อย่างไม่ลืมหูลืมตา จนคนอื่น ๆ เริ่มตื่นและลงมาเก็บบ้างนั่นแหละ เธอจึงเดินกลับไปขึ้นห้อง

             เธอเปิดโทรทัศน์ดูข่าว ผู้สื่อข่าวกำลังยืนอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

              “สวัสดีครับ ท่านผู้ชน เป็นยังไงกันบ้างครับ กับปรากฏการณ์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลกเลยก็ว่าได้นะครับ

               ...ฝนตกเป็นเพชรครับท่านผู้ชม เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นยินดีจริง ๆ นะครับ ฝนตกลงมาเป็นเพชรทั่วทั้งประเทศไทยเลยครับ”

                   

             หวาน ดูภาพในทีวี แล้วก็ขำเพราะผู้สื่อข่าวเองก็พยายามเก็บเพชรที่ร่วงตามพื้นอยู่ตลอดเวลา และภาพในทีวีก็สั่น ๆ ไหว ๆ เธอเดาว่า ตากล้องเองก็คงจะอยากที่จะเก็บเพชรพวกนี้บ้าง

             หวานมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเธอ 4 กระเป๋า ภายในมันอัดแน่นไปด้วยเพชรทั้งนั้น เธอกำลังคิดว่าจะทำยังไงดีกับ เพชรทั้งหมดที่เธอมี

             เธอคิดว่าเลิกขายตัวสักทีก็ดีเหมือนกัน



              “...ท่านผู้ชมครับ ขณะนี้มีรายงานด่วนแจ้งเข้ามาครับ ว่ากลุ่มประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจโลก ไม่ยอมรับว่าเพชรที่ร่วงลงนี้มีมูลค่าครับ

              ...ตอนนี้มีประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลของเราแล้วนะครับ ว่าประเทศของเรายอมรับแล้วว่า เพชรในประเทศไทยทุกเม็ดจะกลายเป็นหินไม่มีค่า ไม่มีราคาแม้แต่บาทเดียว”

             สิ้นเสียงประกาศ หวานปิดโทรทัศน์แล้ว เข้านอน

              สิ่งที่อยู่ในความคิดเหลือเพียง คืนนี้จะต้องรับแขกกี่คน



             สายของวันนั้น มีบางคนเห็นเจ้าดำเดินดมกาวพลาง หาลูกแก้วของมันพลาง



             หลายวันจากนั้น มีบางคนได้อ่านข่าวเด็กหนุ่มถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิต ในข่าวไม่ได้ระบุว่าสาเหตุการฆาตกรรมว่าเกิดจากอะไร ระบุเพียงว่าเด็กหนุ่มคนนั้น ชื่อ วิทย์



             และจากวันนั้นถึงวันนี้ ยังไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกเลย...

    จากคุณ : CU. - [ 12 ม.ค. 48 22:44:01 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป