CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    คุณค่ะ...ฉันรักคุณค่ะ (ตอนที่3)

    “แตงกวาตื่นเถอะ” แอมเขย่าตัวแตงกวาให้ตื่น

    “อะไร ยังเช้าอยู่เลย ขอนอนต่ออีกหน่อยนะ” หญิงสาวพูดด้วยความเคยชินก่อนจะซุกหน้าลงกับเบาะที่นั่งเพื่อลบแสงแดดที่ส่องเข้ามา

    “แตงกวาไม่ได้อยู่ที่บ้านนะ ตื่นเร็วเขาจะลงไปกินข้าวกันแล้วนะ ไม่หิวเหรอ” แตงกวารู้สึกตัวทันที พลางหันมายิ้มให้กับคนที่ปลุก

    “แหะ แหะ...ขอโทษทีนึกว่าอยู่ที่บ้าน” คนฟังได้แต่ส่ายศีรษะ ก่อนจะชวนกันลงจากรถเพื่อไปทานอาหารเช้าก่อนที่จะออกเดินทางต่อ

    หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารพร้อมกับจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็พากันขึ้นรถ และเมื่อขึ้นรถกันหมดแล้วกิจกรรมต่างๆบนรถก็เกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาเที่ยงทุกคนก็ลงจากรถไปทานอาหารอย่างเร่งรีบเล็กน้อยเนื่องจากเลยกำหนดการที่วางกันเอาไว้แล้ว และในที่สุดรถก็ได้มาจอดที่ทางเข้าหมู่บ้านซึ่งเป็นถนนดินลูกรัง รถใหญ่ไม่สามารถเข้าไปได้ ทุกคนจะต้องเดินเข้าไปพร้อมด้วยสัมภาระต่างๆที่เอามาด้วยอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ทางที่จะเดินก็ไม่ใช่ทางพื้นราบปกติแต่เป็นทางขึ้นเขาที่ชันเล็กน้อย ทำให้แตงกวาอดห่วงวิศวกรกิตติมศักดิ์ของค่ายนี้ไม่ได้ เธอเลยผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงเพื่อที่จะได้เดินข้างๆเขา

    “พี่หม่อนไหวมั้ยคะ” เธอถามเขา ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวข้างตัวก่อนจะตอบว่า “แล้วแตงกวาไหวมั้ยล่ะครับ ถ้าแตงกวาไหวพี่ก็ไหว”

    “มันไม่เหมือนกันค่ะ แตงกวาไหวพี่หม่อนอาจจะไม่ไหวก็ได้ เพราะพี่หม่อนไม่เคยมาออกค่ายแบบนี้นี่ค่ะ” หญิงสาวแย้ง

    “แตงกวาครับถึงพี่จะไม่เคยมาออกค่ายแบบนี้ แต่พี่ก็เคยเดินป่ากับเพื่อนๆนะครับ ทางแย่กว่านี้อีก ฉะนั้นแค่นี้สบายมาก” ชายหนุ่มบอกกับหญิงสาวที่เดินอยู่ข้างๆ

    “งั้นถ้าพี่หม่อนไหวก็โอเคค่ะ งั้นแตงกวาขอกลับไปเดินกับแอมต่อละกันนะค่ะ เดี๋ยวเขาจะหาว่าแตงกวาทิ้งเขา” พูดจบหญิงสาวก็เดินขึ้นไปหาเพื่อนของเธอ


    กว่าทุกคนจะเดินมาถึงหมู่บ้านก็บ่ายมากแล้ว เมื่อมาถึงวัฒนาประธานการออกค่ายครั้งนี้ก็ไปติดต่อกับผู้ใหญ่บ้านอย่างรู้หน้าที่ดี พอติดต่อเสร็จผู้ใหญ่บ้านก็พาทุกคนไปฝากเอาไว้ตามบ้านของชาวบ้านหลังละคนสองคน เพราะจำนวนของนักศึกษาที่มาค่ายครั้งนี้มีประมาณ 20 คน แต่บ้านของชาวบ้านที่พักได้นั้นมีแค่ 15 หลังเท่านั้น และในจำนวน 20 คนนี้ มีนักศึกษาหญิงแค่ 4 คน เมื่อทุกคนเอาสัมภาระเข้าเก็บที่บ้านพักแล้วก็ออกมารวมตัวกันที่ลานกลางหมู่บ้านเพื่อมาเตรียมรับประมารอาหารเย็นที่ชาวบ้านนำมาเลี้ยงต้อนรับ เมื่อทานกันเสร็จแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำเพราะผู้ใหญ่บ้านเตือนเอาไว้ว่าอากาศที่นี่ช่วงนี้เย็นมากถ้าจะอาบน้ำก็รีบอาบแต่หัววันจะได้ไม่เป็นไข้ อาบน้ำเสร็จแล้วทุกคนก็ออกมารวมตัวกันที่ลานกลางหมู่บ้านที่เดิมเพื่อที่จะประชุมเตรียมงานสำหรับวันพรุ่งนี้

    “มีใครไม่เข้าใจตรงไหนบ้างมั้ย” วัฒนาถามขึ้นเมื่ออธิบายงานสำหรับพรุ่งนี้จบ นายกอล์ฟชายหนุ่มหน้าทะเล้นยกมือขึ้น และเมื่อวัฒนาพยักหน้าเป็นคำอนุญาตเขาก็พูดว่า “พี่วัฒน์...ผมขอเสนอว่าเราควรจะแบ่งงานกันตอนนี้เลยครับ พรุ่งนี้จะได้เริ่มลงมือทำงานกันเลย” ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    “งั้นก็ 4 สาว อยู่ฝ่ายเตรียมเสบียงละกันนะ แล้วก็ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงานนะ แล้วก็...” วัฒนาแจกจ่ายงานให้กับทุกคนอย่างเสมอภาคกัน

    “มีใครจะแย้งอะไรมั้ย” วัฒนาถามขึ้นเมื่อแจกจ่ายงานจนหมด และเมื่อไม่มีใครถามต่อเขาจึงพูดต่อว่า “พี่ขอเตือนนะว่าค่ายนี้ปราศจากของมึนเมานะ แล้วก็อย่าทำอะไรที่เป็นการรบกวนชาวบ้านเขานะ เรามาอยู่แบบนี้เราก็ต้องทำตามเขา แล้วถ้ามีอะไรไม่สบายใจหรือว่ามีใครเป็นอะไรก็บอกพี่ได้นะ อ้อ! อีกอย่างนึงนะ อย่าปากเสียพูดอะไรพล่อยๆออกไปนะ เข้าใจมั้ย” ทุกคนพยักหน้ารับคำเมื่อวัฒนาพูดจบ

    “งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปแยกย้ายกันไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก”

    ทุกคนแยกย้ายกันไปตามบ้านของชาวบ้านที่ตนพักอยู่ แตงกวายังไม่เดินไปทันที หญิงสาวเดินเข้าไปหาพี่ชายของเพื่อนเธอที่กำลังเดินออกมากับวัฒนา แล้วก็พูดกับเขาว่า “พี่หม่อนถ้าไม่ไหวหรือเป็นอะไรก็บอกแตงกวาได้นะค่ะ”

    “ครับผม ไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอกครับ” ชายหนุ่มตอบรับพร้อมส่งรอยยิ้มให้กับเธอ

    “ไม่ห่วงได้ไงค่ะ ยัยเหมียวฝากเอาไว้ ถ้าพี่หม่อนเป็นไรไปละก็ แตงกวาแย่แน่เลยค่ะ ฉะนั้นรักษาตัวเองดีๆนะค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” พูดจบหญิงสาวก็เดินไปหาแอมที่ยืนรออยู่ไม่ไกล ทิ้งให้ชายหนุ่มรู้สึกน้อยใจนิดๆอยู่ในใจคนเดียว ‘โธ่! เราก็นึกว่าเป็นห่วงเราที่แท้ก็ยัยเหมียวฝากมา นี่ถ้ายัยเหมียวไม่ฝากเอาไว้ก็คงไม่มาสนใจเราล่ะสิ’ ชายหนุ่มสะบัดศีรษะไล่ความคิดแปลกๆนี้ออกไป วัฒนาหันมาเห็นเข้าพอดีเลยถามว่า “พี่หม่อนไม่สบายรึเปล่าครับ”
    ชายหนุ่มปฏิเสธแล้วก็ชวนเดินกลับบ้านพัก


    “อรุณสวัสดิ์ทุกคน เป็นไงเมื่อคืนนอนหลับสบายดีรึเปล่า” วัฒนาทักทายทุกคนที่มารวมตัวกันที่ลานของหมู่บ้านเพื่อที่จะรับประทานอาหารเช้า ทุกคนพยักหน้ารับพร้อมกันว่าหลับสบายดี แต่ก็บ่นพร้อมกันเช่นเดียวกันว่าอากาศหนาวมากในตอนกลางคืน

    “อากาศอย่างนี้แหละดี สูดเข้าไปลึกๆเพราะที่กรุงเทพฯน่ะหาแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ”

    “เอาล่ะมากินข้าวซะ จะได้มีแรงไปทำงาน” เมื่อทุกคนทานข้าวกันเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาตั้งแต่เมื่อคืน

    “พี่วัฒน์ระวังตัวด้วยนะค่ะ” แอมพูดกับวัฒนาก่อนที่เขาจะแยกไปหาผู้ใหญ่บ้าน

    “จ้า ไม่ต้องห่วงหรอก” วัฒนาตอบรับก่อนจะเดินแยกไป

    “แหม...เป็นห่วงแต่พี่วัฒน์นะ แล้วคนอื่นๆล่ะไม่ห่วงเหรอไง” แตงกวาเอ่ยออกมาเมื่ออยู่กันตามลำพังสองคน

    “บ้า...เราก็เป็นห่วงทุกคนนั่นแหละ” แอมพูดก่อนที่จะเดินหนีไปทางอื่น

    “จ้า...เราจะพยายามเชื่อละกันว่าแอมห่วงทุกคนเท่ากัน” พูดพร้อมกับเสียงหัวเราะทำให้แอมเขินหนักเข้าไปใหญ่


    “ใครจะเอาผ้าเย็นบ้างคะ” แตงกวากับแอมถามชายหนุ่มทั้งหลายที่กำลังง่วนอยู่กับการผสมปูนในมือของทั้งสองคนถือตระกร้าที่ใส่ผ้าชุบน้ำเย็นเอาไว้

    “เอาคร้าบ” นายกอล์ฟตะโกนออกมาเป็นคนแรก

    “เอ้า” แอมยื่นผ้าให้กอล์ฟ แต่กอล์ฟกลับยื่นหน้ามาหาแอมแทนที่จะเอามือรับ

    “เช็ดให้หน่อยดิ มือเลอะอยู่อ่ะ”

    “เรื่องมากจัง” แอมบ่นแต่ก็ยอมเช็ดหน้าให้นายกอล์ฟแต่โดยดี

    “พี่ภัทร์เอามั้ยคะ” แตงกวาถามชายที่มีใจเป็นหญิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

    “เอาแต่มือพี่เลอะอ่ะ แตงกวาเช็ดให้พี่หน่อยสิ” อีกฝ่ายดัดเสียงตอบ

    “ได้ค่ะ”

    “เช็ดเบาๆนะจ้ะ เดี่ยวหน้าพี่เป็นรอยหมด”

    “ค่ะ” แตงกวาตอบรับ

    เมื่อเช็ดให้ทั้งสองคนเสร็จหญิงสาวสองคนก็ต้องเช็ดหน้าให้กับคนอื่นๆที่เหลือในฝ่ายผสมปูนนี้จนกระทั่งมาถึงวัฒนากับท่านวิศวกรกิตติมศักดิ์

    “พี่วัฒน์เอาผ้าเย็นมั้ยคะ” แอมถามวัฒนาที่กำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มอีกคน

    “เอาก็ได้” พูดพลางยื่นมือที่มีฝุ่นปูนเกาะติดอยู่ออกมา

    “มือพี่วัฒน์เลอะ เดี๋ยวแอมเช็ดให้เอามั้ยคะ” หญิงสาวถามเขา

    “ไม่เป็นไรพี่เช็ดได้” พูดจบเขาก็เอาผ้าจากมือของแอมไปเช็ดที่หน้าอย่างรวดเร็วก่อนส่งคืนให้เธอ

    “แล้วพี่หม่อนล่ะจะเอาผ้ามั้ย” แตงกวาถามชายหนุ่มอีกคน

    “ก็ดีครับ”

    “มาเดี๋ยวแตงกวาเช็ดให้ มือพี่เลอะปูนอย่างนี้เช็ดหน้าเดี๋ยวก็สิวขึ้นหรอก เกิดหน้าพี่หม่อนพังขึ้นมายัยเหมียวเอาแตงกวาตายเลย” หญิงสาวพูดไปพร้อมกับเช็ดไปด้วย

    “แล้วอีกสองสาวล่ะ” วัฒนาถามขึ้นมา

    “อ๋อ ไปฝั่งงานไม้น่ะพี่วัฒน์ แหม...พี่ไม่ต้องกลัวพวกหนูอู้หรอก” แตงกวาย้อนกลับไป

    “ไปกันเหอะแตงกวา เดี๋ยวต้องเอาผ้าไปซักอีก” แอมบอกก่อนที่จะเดินออกมา

    “ไปก่อนนะพี่ เที่ยงแล้วก็อย่าลืมไปกินข้าวล่ะ” พูดจบก็เดินตามแอมออกไป


    “เป็นไรไปรึเปล่าแอม” แตงกวาถามขึ้นระหว่างนั่งล้างจานเมื่อสังเกตเห็นเพื่อนนั่งเงียบตั้งแต่กลับจากเอาผ้าไปให้ช่างปูนทั้งหลาย

    “เปล่าจ้า เราแค่กำลังคิดว่าเย็นนี้ชาวบ้านเขาจะทำอะไรมาให้กินน่ะ”

    “อะไร เพิ่งกินข้าวเที่ยงไปเองนะ คิดเรื่องมื้อเย็นแล้วเหรอ” แตงกวาแซว

    “ก็อาหารที่นี่อร่อย แล้วก็แปลกแบบที่กรุงเทพฯไม่มีให้กินน่ะสิ ก็เลยอยากรู้ว่าเย็นนี้จะได้กินอะไร”

    “อืมใช่ อาหารที่นี่อร่อยแบบธรรมชาติดีเนอะ หากินไม่ได้เลยในกรุงเทพฯน่ะ” แตงกวาเห็นด้วยกับเพื่อน

    “สงสัยต้องขอสูตรเขากลับไปทำที่บ้านแล้วล่ะ”

    “ใช่ แต่กลัวว่ากลับไปทำที่บ้านแล้วจะไม่อร่อยเท่าที่นี่น่ะสิ” หญิงสาวทั้งสองคนคุยกันไปเรื่อยๆจนล้างจานเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินไปช่วยงานเล็กๆน้อยที่พอจะทำได้ในฝั่งช่างปูน

    “โอ๊ย!” เสียงของวิศวกรกิตติมศักดิ์ดังขึ้นมา ทำให้หญิงสาวทั้งสองคนที่ทำงานอยู่แถวนั้นรีบวิ่งมาดู

    “พี่หม่อนเป็นอะไรไป” แตงกวาถามเขา

    “ก้อนอิฐตกใส่เท้าน่ะ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับค่อยๆนั่งลงกับพื้น

    “ตายแล้ว! เลือดไหลด้วย” ภัทร์ร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อมองไปที่แผลของชายหนุ่ม “พี่หม่อนเจ็บมากมั้ยฮะ”

    “ไม่มากหรอกครับ ภัทร์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” คนเจ็บบอกกับภัทร์

    “พี่วัฒน์พาพี่หม่อนไปล้างแผลก่อนเถอะค่ะ” แตงกวาบอกกับวัฒนาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

    “ได้ๆ ที่เหลือทำกันไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา” พูดจบก็เข้าพยุงชายหนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ๆให้ลุกขึ้นยืนแล้วพาไปที่บ้านของช้าวบ้านที่ใกล้ที่สุด

    “เดี๋ยวที่เหลือแตงกวาจัดการต่อเองได้ พี่วัฒน์ไปทำงานต่อเถอะ” หญิงสาวบอกกับวัฒนาเมื่อเขาพาคนเจ็บนั่งลงแล้ว

    “ได้แน่นะ ไม่ใช่แกจะทำให้พี่หม่อนเขาเจ็บมากกว่าเดิมนะ” วัฒนาถามอย่างไม่แน่ใจ

    “แน่สิพี่ก็”

    “งั้นก็ตามใจ พี่หม่อนระวังตัวเองไว้หน่อยก็ดีนะครับ ยัยนี่ยิ่งเอ๋อๆอยู่” พูดจบเขาก็เดินกลับไป

    “แตงกวาทำได้แน่นะ” คนเจ็บถามอย่างไม่แน่ใจ

    “ได้สิพี่หม่อน แค่นี้เอง อย่าไปเชื่ออะไรพี่วัฒน์มากเลย” แตงกวาบอกกับคนเจ็บ

    “โอ๊ย!” เสียงคนเจ็บร้องออกมา

    “อดทนหน่อยสิพี่หม่อน” พยาบาลจำเป็นบอกกับคนเจ็บ

    “ก็มือเบาๆหน่อยสิครับ พี่เจ็บนะ” คนเจ็บโอดครวญ

    “นี่ก็เบามือที่สุดแล้วนะ”

    “เสร็จซักที” คนเจ็บบอกเสียงอ่อยๆ

    “พี่หม่อนรู้ป่ะว่าพี่หม่อนเป็นคนแรกเลยนะที่แตงกวาทำแผลให้น่ะ” พยาบาลจำเป็นพูดออกมาอย่างภูมิใจ แต่คนเจ็บไม่รู้สึกภูมิใจด้วยเลย

    “โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่เนี่ย” คนเจ็บพึมพำเบาๆ

    “แล้วนี่พี่หม่อนเดินไหวมั้ยเนี่ย” หญิงสาวถาม

    “ไหวสิ แต่อาจจะเดินช้าหน่อยก็แค่นั้น”

    “แล้วพี่หม่อนจะไปทำงานต่อหรือว่าจะไปพักที่บ้านเลย”หญิงสาวถามต่อ

    “แค่นี้จิ๊บๆ ไม่ต้องไปพักหรอก” คนฟังได้แต่ส่ายหัวในความอวดเก่งของคนเจ็บ

    “แล้วแตงกวาจะคอยดูว่าจะเก่งไปได้สักกี่น้ำ”

    จากคุณ : @หนูเอ๋อ@ - [ 13 ม.ค. 48 15:51:20 A:168.120.26.80 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป