CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ------------------- ความลับในจินตนาการ -----------------

    ความลับในจินตนาการ




                       เหมือนแสงกลางวันจะจัดจ้ากว่าเคย  จนเธอทั้งต้องก้มหน้าและหรี่ตาขณะเดินผ่านลานกว้าง

    ……ระหว่างสองประตู…….

    “เป็นอะไรไป   หรือว่า……”  

    น้ำเสียงประชดประชันตั้งท่าจะเหน็บแนมด้วยความเคยชิน แต่เธอไม่ได้โต้ตอบหรือกระทั่งจะชำเลืองแล  ความหวาดหวั่นในตอนนี้มันกลบลบความชินชาไปได้หมดสิ้น

    ทีแรกตั้งใจว่าจะต้องมั่นใจให้ได้มากกว่านี้  ตลอดเวลาตั้งแต่รู้ข่าวดีที่สุดในชีวิต  ก็มีท่าเหมือนว่าจะเข้มแข็งขึ้นอีกครั้ง  แต่คืนสุดท้ายนี่เองที่หัวใจกลับมาไหวยวบอีกคราว คล้ายกับว่าสองขาไม่สามารถจะแตะสัมผัสพื้นได้อีกต่อไป  ความเคว้งคว้างทับซ้อนเข้ามาในความรู้สึกไม่มั่นคง  เมื่อคืนเธอกลัวกระทั่งการลืมตื่น

    กลัวว่าฝันหวานจะล่อลวงไปไกลกว่าที่ควรรู้ควรเห็นควรยอมรับในโลกแห่งความเป็นจริง

    เธอสูญเสียความมั่นใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่หนอ  นึกย้อนไปเท่าไหร่ก็หาไม่เห็นจุดเริ่มต้น อาจเพราะมีจุดจบมาคอยหลอกหลอนก็เป็นได้  เธอจะโทษใครได้บ้างนอกจากตัวเองสำหรับสิ่งที่สูญหาย  ครอบครัวที่เคร่งครัดงั้นหรือ  หรือว่าโรงเรียนที่เข้มงวดไม่ต่างจากสถานกักกันกรุณาปรานีอะไรนั่น

    ตลอดคืนที่ผ่านมา ผ่านไปกับการย้อนมองหาอิสระและเสรี  เมื่อครั้งแรกที่มันมาเยี่ยมเยือน คือครั้งที่ก้าวออกจากบ้านพร้อมกับคำพร่ำรำพันฝันถึงอนาคตของชายคนรัก  โลกนี้กลายเป็นสีชมพูไปได้ง่ายดาย  ตอนนั้นข่าวฆ่ากันตายยังทำให้เธออมยิ้ม….จะฆ่ากันทำไม

    “…รักกันไว้เถิด…เราเกิดร่วมแดนไทย…จะเกิดชาติไหนๆ ก็ไทยด้วยกัน”

    ถ้าการยืนเคียงกันตะโกนร้องเพลงนี้ดังๆ กลางสะพานพระปิ่นเกล้า คือการแสดงออกถึงความมั่นใจสุดกู่แล้วละก็  นั่นก็คงเป็นครั้งเดียวของเศษเสี้ยวแห่งความสุข ที่ยังหลงเหลือเล็ดรอดอยู่ได้ในกองทุกข์หลังจากนั้นและตลอดมา

    ความรักทำให้ตาบอดสียังไม่พอ ยังทำให้โลกนี้เหลือเขาเพียงคนเดียวที่สำคัญ ที่เราจะมีกันและกัน ร่วมฝ่าฟันอุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นความผิดร้ายของชะตากรรมหรือบรรทัดฐานฉกรรจ์ที่สังคมสร้างขึ้น  ผู้ชายเลวๆ คนหนึ่งจึงได้รับการให้อภัย  เพราะเขาสอนให้เธอรู้จักรักที่แท้ แม้ว่าเขาจะไม่ยอมอยู่ร่วมสัมผัสชื่นชมมัน แต่เธอก็ยังเก็บความพอใจภูมิใจนั้นไว้กับตัวตลอดมา

    ความเชื่อในเรื่องชีวิตลิขิตเองที่เพาะบ่มด้วยกันมาตั้งแต่วันที่ตัดสินใจหนีตาม  กันเธอไว้จากความคิดที่จะกลับไปพึ่งพาพ่อแม่  เธอแน่ใจว่ามันไม่ใช่ความละอายแก่ใจ แต่ถึงวันนี้ก็ยังบอกไม่ได้เหมือนกันว่า เพราะอะไร

    แม้ในวันที่พ่อกับแม่จะเป็นฝ่ายมาเยี่ยมหา เธอก็ยังเป็นฝ่ายหลบหน้าและปฏิเสธเยื่อใย…

    แม้ในวันที่ตัดสินใจกักกั้นตนเองไว้ด้วยความองอาจด้วยยินดียิ้มสู้ความจริง พ่อกับแม่ก็ยังไม่มีทีท่าจะถอยหนี  เมื่อนั้นกระมังที่เธอรู้สึกว่ายังมีอะไรเหลืออยู่ในชีวิต นอกจากซากที่ยังหายใจยังรับรู้

    หน้ามือกับหลังเท้าคือการกล่าวอย่างสุภาพถึงสถานภาพการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่าง ความเข้มงวดของครอบครัว กับความเคร่งครัดของโรงเรียน กลับมาช่วยเธอได้มากเมื่อวางใจไว้ว่ากฎไม่ได้มีไว้สำหรับแหก คอกไม่ได้มีไว้ให้คิดหาหนทางกระโจนหนี  ไม่นานเธอก็ก้มลงเอาหน้ามือไปแตะกับหลังเท้าได้สำเร็จ  พร้อมตระหนักได้ว่าฟ้ากับเหวไม่ได้ไกลจากกันสักเท่าไหร่  เพราะตอนที่เธอหลับหูหลับตากระโดดจากหน้าผาลงไปนั้น มันเหมือนลอยอยู่กลางฟ้าได้นานพอกับระยะเวลาที่ดิ่งลงสู่เหวลึก

    แล้วเธอก็ตกลงมาที่นี่  ที่ที่หลายคนไม่ยอมทำใจก้มเอาหน้ามือมาแตะกับหลังเท้า

    เธอเกือบจะพอใจกับช่วงนิ่งของชีวิต เพราะหวังไว้ว่าจะได้ใช้ช่วงเวลานั้นทบทวนหาสาระในความทรงจำ  น้ำร้อนที่ผู้ใหญ่เคยอาบมาก่อน กลายเป็นน้ำทิพย์ในเวลาสาย  ความหวังที่จะกลับมาเชื่อฟังคำพ่อแม่อีกครั้ง กลายเป็นน้ำเย็นดับความร้อนรุ่มยามถูกก้ำเกิน ทั้งจากความคิดฝ่ายร้ายและคนอื่นภายนอกสำนึก

    ทว่าเพียงไม่นาน อาการนิ่งก็กลายเป็นความหงอและขี้ประจบในสายตาของคนพาล น้ำมิตรหรือน้ำจิตน้ำใจแท้-เทียมถูกแบ่งแยกได้ชัดแจ้งและรุนแรง  เธอยังคงอมยิ้มรับคำตักเตือนจากพ่อแม่ที่ให้  “รู้อยู่”  ทั้งที่แน่ใจว่า น้ำร้อนบ่อนี้พ่อแม่ไม่เคยอาบมาก่อนแน่  การรู้อยู่จึงเป็นการรู้จักยืนหยัดอยู่ให้ได้มากกว่าการยอมที่จะนิ่งเฉย

    อีกหลายปีกว่าจะผ่านความเป็นหน้าใหม่ สู่การเป็นลูกไล่ เลื่อนขึ้นเป็นคนสนิท จนมีใครๆ นับหน้าถือตาว่าเป็นคนเก่า  เธอไม่ได้สร้างความเกรงใจจากความเก๋า  ความเป็นเจ้าถิ่นหรือการมาก่อน  แต่เธอสร้างความเกรงอกเกรงใจได้จากการบอกกล่าวถ่ายทอดประสบการณ์และวิธีการคิดและการใช้ชีวิตให้สุขครบได้โดยไม่คิดราคาสินจ้างรางวัล

    และเวลาอันยาวนานอีกนั่นเองที่ช่วยพิสูจน์ว่า ความสงบสยบความเคลื่อนไหวได้อย่างไร เมื่อเธอรู้สึกสบายขึ้นจนพอจะบอกกับพ่อแม่ได้ว่าสบายใจดี  มารหัวใจชนิดใหม่ก็ปรากฏกายขึ้นทีละตัวสองตัว

    ตัวแรกเนรมิตปลูกบ้านแปลงเมืองจนแทบไม่เหลือเค้า มันทำให้เธอเห็นต่อหน้านี่แหละ แต่ไม่อนุญาตให้แตะต้อง  และก็คงจะขัดข้องใจเป็นที่สุดในวันที่มันอนุญาตให้เธอได้ลงสนามจริง เพราะมันอาจจะทำให้เธอกลายเป็นควายกลางกรุงได้ง่ายๆ

    อีกตัวเข้ามากล่อมประสาทว่าเศษเดนที่สังคมพิพากษาจะไม่มีวันได้ผุดเกิดเป็นตัวเป็นตน  หรือเงยหน้าสบตาใครๆ ได้อย่างสนิทใจอีกแล้ว  มันย่ำย้ำว่าบาปกรรมไม่ได้ชดเชยหรือหักล้างได้ด้วยการกระทำความดีหรือก้มหน้ารับผลแห่งการกระทำ ซ้ำยังกระซิบด้วยเสียงสากเสียดหูด้วยว่า นรกบนดินนั้นอยู่ในหัวใจเธอนั่นเอง

    แล้วอีกตัวก็มาในรูปที่จับต้องได้  มาในรูปของหน้าเก่าที่เวียนซ้ำ มาพร้อมกับการพร่ำบอกถึงน้ำจิตน้ำใจที่แห้งเหือด มันเข้ามาทุ่มเถียงกับตัวที่สองว่านรกบนดินนั้นไม่ได้อยู่ในตัวหรือหัวใจใครคนใด  นรกบนดินนั้นอยู่รอบตัวต่างหากเล่า  มันไปรู้ไปเห็นมาแล้วจนในที่สุดจึงเลือกที่จะกลับมาเล่าให้เพื่อนพ้องฟังนี่แหละว่า…

    …ความผิดร้ายของสามัญสำนึกในการเป็นสัตว์สังคมของมนุษย์นั้นน่ารังเกียจน่าชิงชังปานใด…

    ผู้หญิงซึ่งสำนึกได้ในความผิดพลาดของตนอย่างตัวเธอ ที่กำลังพยายามเพาะบ่มความมั่นอกมั่นใจในชีวิตและการตัดสินใจของตัวให้กลับคืนมา จึงยิ่งย่ำแย่เคว้งคว้างและหวาดกลัว  เธอนิ่งเงียบและงงงันไปอีกพักใหญ่ แม้พ่อกับแม่จะช่วยกันยืนยันว่า จะอย่างไรก็ยังรักลูกในไส้ไม่เสื่อมคลายโอนเอียงหรือเปลี่ยนแปลง

    “ช่างใครมันประไร ลูกมีพ่อมีแม่อยู่ทั้งคนจะกลัวอะไร”

    แล้วน้ำร้อนอีกบ่อที่พ่อแม่ไม่เคยได้สัมผัสแม้แต่ระไอระอุ ก็ทำให้เธอต้องส่ายหน้าด้วยความขยาดแขยง  พ่อแม่จะรู้อะไรดีกว่าเธอกว่าเพื่อนๆ เธอที่เหมือนถูกบังคับผลักไสให้กลับมาเล่าขานสืบทอดตำนานของตราบาป บ้างก็กลับมาพร้อมคราบน้ำตา บ้างก็กลับมาพร้อมกับการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน  ความหวังที่จะได้กลมกลืนกลับกลายเป็นความเคียดแค้นชิงชังไปอย่างน่าเสียดาย

    ความเชื่อถือในเพื่อนร่วมชีวิตทำลายความเชื่อถือในการมีชีวิตไปอย่างย่อยยับ

    เหล่านั้นยิ่งทำให้เธอวิตกกังวลอีกหนักหนา ภาวนาให้โลกในจอสี่เหลี่ยมแคบๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยคุณธรรมน้ำมิตรที่แท้ อย่างที่เห็นฉีกยิ้มกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน  แต่ก็ไม่มีสักเรื่องในละครน้ำเน่านี่นะ ว่าคนชั่วจะได้รับการให้อภัยหรือกระทั่งการเปิดโอกาสให้กลับเนื้อกลับตัว

    กว่าเธอจะรู้ตัวว่าก้าวพลาด ความหวังทั้งมวลก็แทบจะพังทลาย ความคิดที่ว่ามันคือเรื่องง่ายๆ ของการแลกเปลี่ยนและการชดใช้ มันกลับไม่ง่ายดั่งคิด ตราประทับทำท่าจะฝังรอยล้ำลึกโดดเด่นยิ่งกว่าการถูกนาบด้วยเหล็กร้อนไว้กลางแสกหน้า

    ข่าวที่น่ายินดีที่สุดแทบจะกลายเป็นความเลวร้ายอันอยากจะบินหนีไปเสียให้พ้น ตลอดเวลาที่ร่ำร้องหาและรอคอย กลับทำให้เธอรู้สึกจุกเสียดปวดมวนจนอยากจะสำรากอาเจียน  น้ำตาซึมเอ่อคลอ มึนชาตั้งแต่สองขมับจนถึงหลังใบหูจรดท้ายทอย  ความแปลกแยกตบตีกับความหวังเพื่อวันข้างหน้า ฝ่ายแรกมีท่าว่าจะชนะเพราะฝ่ายหลังร้างเวทีไปนาน

    เมื่อวาน…เธอได้คุยกับผู้ทรงสิทธิ์ตัวต่อตัว หน้ากากที่แต่ละฝ่ายสวมอยู่ดูสวยงามอย่างฉาบฉวย  ถ้อยคำปลอบประโลม ตักเตือนและให้กำลังใจจึงกลายเป็นเพียงลมปากไร้น้ำหนักเพราะไม่ได้แฝงเจือน้ำใจที่แท้  ต่างคนเพียงนั่งอยู่ในที่ของตัวแล้วทำหน้าที่ของตน  และตกปากรับคำกันไปมาตามแบบแผน  สำนึกอันใดระหว่างหัวใจสองดวงซึ่งกำลังสื่อสารกันอยู่นั้น เหมือนสถิตกันอยู่คนละภพภูมิ ถึงฝ่ายบัญญัติญัตติจะสรรคุณธรรมประการใดมาพูดจา  มันก็เพียงเหมือนน้ำตกจากฟ้า ที่ตกลงมาโลมดินแล้วเหือดหาย มากกว่าที่ใครจักกักเก็บไว้ดื่มกินใช้สอย

    ตอนเดินออกมาจากห้องนั้นเธอยังคิดติดตลก  ไม่ต้องถึงกับต้องต่อท่อน้ำฝนลงมาจากฟ้าหรอก แค่ช่วยบอกก็พอว่าจะโปรยสายบริสุทธิ์ลงมาเมื่อไหร่ตรงไหนกี่มากน้อย เธอจะได้รู้ได้เตรียมรับ ไว้ได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่กระเซอะกระเซ็นหกหายไปในที่อันเปล่าประโยชน์  

    ยิ่งคิดก็ยิ่งเข้าใจว่าน้ำฟ้าก็คงคล้ายกับน้ำคำของคน  หากเราไม่รู้จักการเก็บกักรักษาอย่างถูกวิธีทั้งน้ำฝนและน้ำคำ ก็จะไหลบ่าเข้าท่วมท้นอยู่ในชีวิต ใครว่ายน้ำไม่เป็นก็อาจจะต้องจมน้ำตาย ยิ่งใครหลงจมในน้ำคำก็จะยิ่งซ้ำร้าย เพราะก็อาจจะตายทั้งเป็นไปได้เหมือนกัน…

    ..ตายทั้งเป็น…ตายทั้งที่ยังหายใจ….

    เมื่อคืนการกล่าวร่ำอำลาเท่าที่แสงไฟฟ้าจะอำนวย กลายเป็นการกล่าวหาอนาคต  คำพูดของผู้ทรงสิทธิ์ผู้ไม่เคยอาบน้ำร้อนบ่อเดียวกับเธอ กลายเป็นการโกหกพกลม ปราศจากเหตุผลและไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง  แม้นเธอจะแยกแยะได้ว่าแต่ละคนที่ร่วมกันตั้งข้อกล่าวหานั้น มีทั้งพวกที่กลับมาโดยนิสัยพื้นฐานดั้งเดิม กับพวกที่ประสพกับนรกบนดินจริงๆ  พวกแรกนั้นพยายามยึดเหตุการกลับมาของพวกที่สองเป็นของตน ขณะที่พวกที่สองก็คิดว่าหากพวกตนมีนิสัยพื้นฐานอย่างพวกแรก ชีวิตก็คงไม่ต้องตกเป็นทาสของน้ำคำน้ำใจของคนอื่นง่ายดายขนาดนี้

    ในที่สุดก่อนการดับไฟ  การให้กำลังใจพร้อมกับการถอนหายใจของคนพูด ก็มางัดง้างถ่างดวงตาและห้วงสติของเธอไว้จนหลับไม่ลง

    เก้าปี  สิบเอ็ดเดือน  ยี่สิบเก้าวัน  กับอีกเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงในไม่กี่ก้าวข้างหน้านี่  มอบอะไรให้เธอมาบ้างนอกจากริ้วรอยแห่งวัย  จากสาวน้อยกลายเป็นสาวใหญ่ แถมยังอาจจะใจกล้านัยน์ตากร้าน  เธอจะเชิดหน้าอยู่ได้นานสักแค่ไหน  จะเดินหลังตรงตัวตรงได้เท่ากับขณะนี้หรือไม่  เธอจะกลายเป็นเดนไปในทันทีหรือเปล่าในสายตาใครๆ

    มือหนึ่งรั้งแขนไว้ให้หยุดอยู่ใต้เงาแคบๆ  ชุดใหม่เหม็นใหม่คลุ้งเพราะผ่านแดด  ชุดนี้แม่หามาให้เปลี่ยน….จะเปลี่ยนชีวิตต้องเปลี่ยนชุด  แม่ทำเหมือนว่าจะถอดภาพเก่าที่เคยเกิดขึ้นแล้วทิ้งไปได้เหมือน โยนชุดเก่าๆ ลงในถังขยะ  เธอแอบอาราธนาพระรอดบนอก คุณพระเสด็จไปอยู่ที่อื่นตลอดเกือบสิบปีเต็ม แต่เธอก็ยังหายใจได้อยู่ใจถึงวันนี้  จากนี้ไปสิ..พระรอดกลับขึ้นคอคล้องชัยมงคลได้ตลอดโดยไม่มีใครบังคับให้ถอดได้อีก  แต่เธอจะอยู่รอดไปได้สักแค่ไหน…ถ้าใครๆ ก็ไม่อยากให้เธอได้หลุดรอดออกไป   หรือถ้าใครคนนั้นรอให้เธอหลงรอดออกไปเสียที

    “เป็นอะไรไป…มีใครมารับหรือเปล่า…”  ผู้ทรงสิทธิ์ถามเสียงเรียบ ต่างจากอีกพวกที่ตั้งท่าจะขย่มข่มเหงวางอำนาจ

    เธอเพียงพยักหน้ารับน้อยๆ  ไม่แน่ใจ  

    ประตูเหล็กบานใหญ่สีแดงคล้ำเผยอออกอย่างยากเย็น  แสงจ้าสาดเข้ามาอย่างแรงร้าย  ในวิบตานั้นเธอรู้สึกไหววูบวิงเวียน  เซทรุดจนคนข้างๆ ต้องเข้ามาช่วยประคอง

    เธอยิ่งหวาดหวั่นขวัญหาย  ทำไมอากาศบรรยากาศข้างนอกมันถึงร้อนรุ่มอึงอลได้ถึงขนาดนี้  เธอเงยหน้าขึ้นสบตาประตูบานใหญ่  ทำท่าจะหันกลับไปหา…ไปแลลาชีวิตและกิจประจำวัน

    “ก้าวพ้นประตูออกไปแล้วอย่าหันกลับมามองนะ…โบราณเขาถือ…”  

    เสียงที่เคยตวาดแหวตลอดมากลับเจือแววเวทนา

    “…โน่นแน่ะ!!! ….ใช่พ่อแม่เธอหรือเปล่ายืนชะเง้ออยู่ที่รั้วนั่น….ไปแล้วไปลับนะไม่ต้องกลับมาอีก”

    แล้วเธอก็ถลาไปกราบยังแทบเท้าทั้งสองคนทั้งน้ำตานองหน้าและเต็มตื้นในหัวใจ………

    เสียงพวงกุญแจของผู้คุมดังเป็นจังหวะเข้ามาใกล้  ฉันเงยหน้าขึ้นมองอย่างเฉยเมย  เสียงประกาศถึงการเป็นอิสระ  แค่ดังผ่านหู เพราะฉันกลับก้มหน้าก้มตาอ่านบันทึกของพี่สาวคนหนึ่งที่กลับมายึดเรือนจำเป็นเรือนตาย

    แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 48 04:41:22

    แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 48 20:20:54

    แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 48 05:12:35

    แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 48 03:38:26

    จากคุณ : SONG982 - [ 14 ม.ค. 48 03:37:13 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป