บันทึกการแต่งงาน
1.
เช้าตรู่วันหนึ่งของฤดูหนาวปีที่แล้ว โฮเซ่และฉันนั่งอยู่ในสวนสาธารณะในมาดริด วันนั้นอากาศหนาวเย็นมาก ฉันคลุมตัวเองตั้งแต่ใต้ตาลงไปไว้ในเสื้อโค้ตตัวหนา โผล่แต่มือข้างเดียวออกมาโยนเศษขนมปังเลี้ยงนก โฮ่เซ่สวมเสื้อแจ็กเก็ตตัวเก่า กำลังขะมักเขม้นอ่านหนังงสือเกี่ยวกับการเดินเรือ
ซำเหมา คุณมีแผนยิ่งใหญ่อะไรบ้างสำหรับปีหน้า ? เขาถามฉัน
ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ หลังเทศกาลอีสเตอร์ฉันอยากไปแอฟริกา
มอร๊อกโคหรือ ? คุณเคยไปแล้วนี่นา โฮเซ่ถามฉัน
ไอร์จีเรียต่างหากล่ะที่เคยไป ปีหน้าฉันอยากไปทะเลทรายซาฮาร่า
โฮเซ่มีข้อดีมากอยู่ข้อหนึ่ง เรื่องใดก็ตามที่ซำเหมาทำ แม้คนอื่น ๆ จะหาว่าเป็นเรื่องบ้าบอคอแตก แต่สำหรับเขาจะดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นได้อยู่กับเขาก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกเหมือนกัน
เธอล่ะ ? ฉันถามบ้าง
หน้าร้อนผมจะออกทะเล กว่าจะเรียนจบ ปลดประจำการสักที ได้เวลาทำเรื่องที่ชอบแล้ว เขาประสานมือที่ท้ายทอย
เรือล่ะ ? ฉันรู้ว่าเขาอยากได้เรือลำเล็ก ๆ สักลำมานานแล้ว
พ่อของเฮซู่มีเรือใบลำหนึ่งให้พวกเรายืม ปีหน้าว่าจะไปดำน้ำ ที่ทะเล Aegean sea ในกรีก
ฉันเชื่อโฮเซ่ อะไรที่เขาพูดออกมา เขาทำได้เสมอ
เธอคาดว่าจะไปอยู่ซาฮาร่านานแค่ไหน ? จะไปทำอะไร ?
อย่างน้อยก็สักปีหรือครึ่งปีกระมัง ! ฉันอยากรู้จักทะเลทราย ฉันมีความปรารถนานี้ตั้งแต่ได้เรียนภูมิศาสตร์ตอนเด็ก ๆ แล้ว
พวกเราจะออกทะเลกัน 6 คน ผมนับรวมคุณเอาไว้แล้ว สิงหาคมกลับมาทันไหม ?
ฉันดึงเสื้อโค้ตลงจากจมูก มองเขาอย่างตื่นเต้น ฉันไม่รู้เรื่องบนเรือเลยนะ เธอจะให้ฉันรับหน้าที่อะไร ? น้ำเสียงดีอกดีใจ
เธอเป็นแม่ครัวควบตากล้อง นอกจากนั้นช่วยดูแลเรื่องเงินทองของฉัน ตกลงไหม ?
ฉันอยากไปสิ แต่กลัวว่าสิงหาจะกลับจากทะเลทรายไม่ทัน ทำอย่างไรดี ? อยากทำทั้งสองอย่างเลย นี่แหละหนอ ปลาก็อยากจับ อุ้งตีนหมีก็อยากกิน (สำนวนจีน)
โฮเซ่ชักจะไม่พอใจแล้ว พูดเสียงดังว่า รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว คุณก็ได้แต่วิ่งไปวิ่งมา ขนาดผมปลดประจำการแล้ว คุณก็ยังจะเดินทางคนเดียวอีก เมื่อไหร่เราจะได้อยู่ด้วยกันสักที ?
ที่แล้วมาโฮเซ่ไม่ค่อยจะบ่นฉันเท่าไหร่ ฉันมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ พลางก็โยนเศษขนมปังไปไกล ๆ เขาพูดจาเสียงดัง พวกนกกระจอกตกใจบินหนีไปหมดแล้ว
เธอต้องไปทะเลทรายให้ได้หรือ ? เขาถามฉันอีกครั้ง
ฉันพยักหน้าอย่างหนักแน่น ฉันรู้ดีว่าตนเองต้องการอะไร
ก็ดี เขาพูดงอน ๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ ปกติโฮเซ่จะพูดเยอะ น่ารำคาญ แต่เมื่อไหร่ที่มีเรื่องจริง ๆ เขาจะปิดปากเงียบสนิท
ปรากฏว่าเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ โฮเซ่ไปสมัครงานชิ้นหนึ่งอย่างเงียบเชียบ (หางานที่ต้องเดินทางไปทะเลทรายโดยเฉพาะ) เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ล่วงหน้าไปแอฟริกาก่อนฉันเสียอีก
ฉันเขียนจดหมายหาเขา เธอไม่น่าจะต้องไปทนลำบากลำบนที่ทะเลทรายเพราะฉันเลย อีกอย่างต่อให้ฉันไปถึง เวลาโดยส่วนใหญ่ฉันก็ออกเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยเปื่อย ไม่ค่อยจะได้เจอกับเธออยู่แล้ว ---
โฮเซ่ตอบจดหมายกลับมาว่า ผมคิดดีแล้ว จะมัดคุณไว้กับผมได้ มีเพียงวิธีเดียวคือแต่งงานกับคุณ มิเช่นนั้นจิตใจของผมไม่สามารถลดทอนความรู้สึกที่เจ็บปวดเช่นนี้ได้ หน้าร้อนปีนี้ เราแต่งงานกันเถิดนะ ? เนื้อความจดหมายถึงแม้จะเรียบง่าย แต่ฉันอ่านแล้วอ่านอีกเกือบสิบรอบ จากนั้นก็พับใส่กระเป๋ากางเกง ออกไปเดินเล่นบนถนนเกือบทั้งคืน เมื่อกลับมาฉันก็ตัดสินใจแล้ว
กลางเดือนเมษายนของปีนี้ ฉันเก็บข้าวของของตัวเอง คืนห้องพักที่มาดริด ออกเดินทางไปยังทะเลทรายซาฮาร่าอีกคน ขณะนั้นโฮเซ่พักอยู่ในหอพักของบริษัท ส่วนฉันพักอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ ... ทั้งสองที่ห่างกันเกือบร้อยกิโล แต่โฮเซ่มาหาฉันทุกวัน
ดีเลย ทีนี้ก็แต่งงานได้แล้ว เขาดีใจมาก หน้าตาสดใส
ตอนนี้ยังไม่ได้ ให้เวลาฉัน 3 เดือนก่อน ฉันยังต้องการไปดูโน่นดูนี่อีกแยะ เอาไว้กลับมาแล้วเราค่อยแต่งงานกัน ขณะนั้นฉันกำลังหาโอกาสให้ซาฮาราวี่ (ชาวพื้นเมืองซาฮาร่า) พาฉันข้ามทะเลทรายไปยังแอฟริกาตะวันตกอยู่
เรื่องนี้ฉันไม่ว่าอะไร แต่เราต้องไปถามเรื่องระเบียบการที่ศาล แล้วไหนจะเรื่องการเข้าสัญชาติของคุณอีก พวกเราตกลงกันแล้วว่าหลังแต่งงานฉันต้องการสองสัญชาติ
และแล้วพวกเราจึงไปถามที่ศาลท้องถิ่นว่าจะแต่งงานอย่างไร ท่านเลขาเป็นชายชราชาวสเปนที่มีผมขาวโพลนทั้งศีรษะ เขาพูดว่า จะแต่งงานหรือ ? เอ่อ พวกเราก็ไม่เคยทำ พวกคุณก็น่าจะรู้พวกซาฮาราวี่จะแต่งงานกัน เขามีขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีรีตรองของพวกเขาเอง เดี๋ยวผมไปตรวจดูตำรากฎหมายก่อน เขาดูตำราพลางพูดไปพลางว่า การแต่งงาน อ้อ นี่ไง --- อืม ต้องมีใบสูติบัตร ใบรับรองความเป็นโสด ใบอนุญาตพักพิงในประเทศ ใบอนุญาตจากศาล... เอกสารของคุณผู้หญิงท่านนี้ต้องส่งมาจากรัฐบาลจีนไต้หวัน ให้สถานทูตจีนประจำเมืองโปรตุเกสแปลและรับรอง รับรองแล้วต้องส่งมาให้สถานทูตสเปนในโปรตุเกสรับรองอีกที จากนั้นกระทรวงต่างประเทศสเปนส่งมาตรวจสอบอีกครั้งที่นี่ เมื่อตรวจสอบเสร็จสิ้นพวกเราจะติดประกาศเป็นเวลา 15 วัน จากนั้นก็ส่งไปติดประกาศที่ศาลท้องถิ่นในภูมิลำเนาเดิมของพวกคุณ คือมาดริดอีก....
ตลอดชีวิตฉันเกลียดที่สุดก็คือเรื่องกรอกแบบฟอร์มทำเอกสาร ได้ยินท่านเลขาสาธยายเสียยาวเหยียด ฉันก็เริ่มรำคาญก่อน พูดกับโฮเซ่เบา ๆ ว่า เธอดูสิ เรื่องมากขนาดนี้ น่ารำคาญ พวกเรายังจะแต่งกันอีกหรือ ?
แต่งสิ คุณอย่าเพิ่งพูดอะไรได้ไหม ! เขาตื่นเต้นมาก รีบถามท่านเลขาต่อไปว่า ไม่ทราบว่าอีกนานแค่ไหน พวกเราจึงจะแต่งงานกันได้ ?
เอ๊ะ ก็ต้องถามตัวพวกคุณเองสิ ! ถ้าเอกสารพร้อมเมื่อไหร่ก็ติดประกาศได้ ติดประกาศทั้งสองที่ก็ต้องหนึ่งเดือน นอกจากนั้นเดินเรื่องเอกสาร ส่งไปส่งมา --- ผมว่าประมาณ 3 เดือนคงเสร็จ ท่านเลขาค่อย ๆ บรรจงปิดตำราเล่มโตช้า ๆ
โฮเซ่ได้ยินเข้ารีบร้อนใจมาก เขาปาดเหงื่อไปทีหนึ่ง พูดกับท่านเลขาอย่างติด ๆ ขัด ๆ ว่า พอจะช่วยเร่งสักหน่อยได้ไหม เร็วกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือ ? พวกเราอยากรีบ ๆ แต่ง ยิ่งเร็วยิ่งดี พวกเราคอยไม่ได้แล้ว ---
ขณะนั้นท่านเลขานำตำราไปเก็บไว้บนหิ้ง หันมาเหล่ช่วงเอวของฉันอย่างรวดเร็ว ฉันรู้สึกได้ทันที ว่าเขาเข้าใจผิดคำพูดของโฮเซ่ รีบพูดว่า ท่านเลขาค่ะ ดิฉันจะช้าจะเร็วก็ไม่เป็นไรหรอก คนมีปัญหาคือเขาต่างหาก พูดจบก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ก็ทะแม่ง ๆ อีก จึงรีบหุบปาก
โฮเซ่กระตุกนิ้วฉันแรง ๆ ทีหนึ่ง พูดกับท่านเลขาว่า ขอบคุณครับ ขอบคุณ พวกเราจะรีบไปเดินเรื่องทันที ขอตัวก่อนครับ พูดจบก็ดึงฉันลงมาจากชั้นสามตัวแทบปลิว ฉันวิ่งตามพลางหัวเราะคิกคัก จนกระทั่งออกมานอกศาล พวกเราจึงหยุดวิ่ง
อะไรกันผมนะหรือมีปัญหา คุณพูดอะไรของคุณ หรือว่าผมท้อง เขาโมโหยกใหญ่ ส่วนฉันก็ขำกลิ้งเสียจนโต้ตอบอะไรเขาไม่ออก
จากคุณ :
beer87
- [
16 ม.ค. 48 15:02:18
]