CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    เรื่องสั้นขนาดจู๋ ของ เจียวต้าย

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในสมัยที่สงครามโลกครั้งที่สองเข้มข้น มีเครื่องบินสี่เครื่องยนต์ของสัมพันธมิตร มาทิ้งลูกระเบิดในพระนครถี่ ๆ ทั้งกลางคืนกลางวัน ครอบครัวของผมก็อพยพไปกับครอยครัวของเพื่อนบ้าน ไปอย่ที่คลองสาม ลาดกระบัง ซึ่งยังเป็นทุ่งนาเวิ้งว้าง มองจากริมฝั่งคลองเห็นสถานีรถไฟลาดกระบังได้ชัดเจนไม่มีสิ่งก่อสร้างบดบัง จนสงครามใกล้สงบจึงกลับมาอย่ในกรุงเทพเช่นเดิม หลานชายของเจ้าของบ้านที่ผมอาศัยหลบภัยอย่นี้ ยังเป็นเด็กเล็ก พอสงครามสงบแล้วก็มาเข้าเรียนโรงเรียนเดียวกับผม เราเดินไปโรงเรียนพร้อมกัน เขาชื่อนายออด

    เมื่อจบโรงเรียนมัธยมแล้ว เขาก็ไปต่อวิชาครูจนสำเร็จ ครั้งแรกเขาเป็นครูโรงเรียนรษฎร์ ต่อมาสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลได้ เราก็คบกันอย่างสนิทแนบแน่น นายออดเป็นคนมีไหวพริบปฏิภาณไว เก่งภาษาไทย แต่งโคลงกลอนคล่องแคล่ว เคยไปงานบวชที่อยุธยา เขาสามารถบอกกลอนแปดปากเปล่า ให้นักร้องวงดนตรีไทย ร้องทำนองเพลงนางนาคอวยพรเจ้าภาพได้ยาวตั้งหลายบท เขามีนิสสัยที่เรียกกันเล่น ๆ ว่า รักธรรมชาติ ชอบเสียงเพลง เกลียดการดูถูกเหยียดหยามคนจน เขาไม่เอาเปรียบใคร แต่ก็ไม่ยอมเสียเปรียบใครเหมือนกัน และเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ใคร บางครั้งเขาจึงต้องโต้เถียงกับผ้อื่น ที่พยายามจะเอาชนะเขาจนเพื่อนฝูงอึดอัด แต่หลายครั้งเขากลับใช้คารมอันคมคาย แก้เรื่องที่ทำท่าว่าจะร้าย ให้กลายเป็นดีก็ได้เหมือนกัน แต่สำหรับเพื่อนสนิทแล้ว เขาเป็นคนร่าเริงแจ่มใส และมีอารมณ์ขันฟุ่มเฟือยเสมอ

    เราทั้งสองมีความสามารถในการกินเหล้า อย่างดุเดือดเข้มข้นไม่แพ้กัน แต่เมื่อเมาแล้วชอบมองโลกในแง่ดี ชอบต่อกลอน และร้องเพลงไทยเดิม ไทยสากล เรามีความสามารถในการถ่ายรูป ระดับสมัครเล่น ตามประสาคนชอบเล่นกล้อง มักจะอาสาไปถ่ายรูปในการทัศนาจร หรืองานบวช งานศพ และงานแต่งงาน โดยไม่คิดค่าจ้างเสมอ ขอให้มีเหล้ากินเป็นพอ

    จนกระทั่งหลายปีต่อมา เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี มีลูกหญิงสอง ชายหนึ่ง ซึ่งเป็นคนสุดท้องอายุแก่กว่าลูกชายคนโตของผมเพียงปีเดียว เราตั้งใจว่าจะเอาลูกเข้าเรียนอนุบาลในโรงเรียนเดียวกัน จะได้เป็นเพื่อนกันเหมือนพ่อ แต่ไม่สำเร็จเพราะเขาย้ายบ้านไปอย่กับแม่ยาย แถวบางกะปิเสียก่อน

    แล้วเขาก็ต้องจากเพื่อนไปอย่างน่าอนาจ ด้วยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากความคะนองของกระเป๋ารถสองแถว ที่ขับรถมาชนเขาข้างหลัง ในขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นรถสองแถวคันหน้า เพื่อไปสอนหนังสือในเช้าวันหนึ่ง เขามีอาการสาหัสมาก อวัยวะแตกหักเสียหายหลายแห่ง ทนหายใจอย่ได้ไม่ถึงเย็นก็หมดลม ผมได้เห็นหน้าเขาในห้องเก็บศพของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ไม่มีร่องรอยของความเจ็บปวดเหลืออย่เลย ผมจึงทำใจได้ เพราะถ้าเขายังเหลือชีวิตอย่ คงจะต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปอีกมากทีเดียว ผมยังจำเขาได้อย่จนถึงวันนี้

    ครั้งหนึ่งในงานแต่งงานของเพื่อนคนหนึ่ง ก่อนหน้านั้นนานมาก เจ้าบ่าวเป็นคนไทยเซื้อสายจีน ผมกับนายออดได้ไปเป็นช่างภาพในงานนั้น และมีเพื่อนเชื้อสายจีนด้วยกันอีกหลายคน ที่ช่วยต้อนรับแขก แจกบุหรี่ฝรั่งชื่อดัง ช่วยเอาพ่กันจิ้มหมึกจีนให้แขกเขียนอวยพร ลงบนแผ่นผ้าสีแดง และเดินแจกวิสกี้ประจำโต๊ะ กับช่วยในทุกเรื่องที่เจ้าบ่าวสั่ง

    เจ้าบ่าวกำชับกับเพื่อนที่มาช่วยงานทั้งหมดว่า พวกเราอย่าเพิ่งเมา เมื่อเลิกงานแล้วจะจัดโต๊ะจีนให้กิน เฉพาะพวกเจียวต้ายหนึ่งโต๊ะ เมื่องานนั้นยุติลงแขกทั้งหลายลากลับไปหมดแล้ว เพื่อนของเจ้าย่าวที่มาช่วยงานทั้งหมดร่วมสิบคน ก็กินโต๊ะที่เจ้าภาพจัดไว้ให้ แล้วก็กินกันไปจนเจ้าภาพพาเจ้าบ่าวไปส่งตัวเข้าหอแล้ว พวกเราก็ยังไม่เลิก กินกันไปจนเลยสองยาม

    ระหว่างที่กินยังไม่ทันจะเมา ผมกระซิบถามเพื่อนร่วมโต๊ะคนที่อย่ใกล้ ซึ่งมีเชื้อจีนว่า "เจียวต้าย" แปลว่าอะไร เขาบอกว่าหมายถึง "เพื่อนสนิท"

    คำนั้นจึงไม่เคยลบเลือนไปจากความทรงจำของผม เช่นเดียวกับนายออด ผ้เป็นเพื่อนสนิทของผม

    จนกระทั่งถึงขณะที่กำลังบันทึกอย่ใน พ.ศ.นี้.

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 16 ม.ค. 48 16:11:11 A:61.91.79.172 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป