CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    .... ใครจะรู้ ....

    วันจันทร์เป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง
    หนูยีตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียอย่างทุกเช้า   เพียงแต่ว่า เช้าวันนี้หนูยีตื่นสายเท่านั้นเอง  
    หนูยีทำทุกอย่างเป็นปกติ  อาบน้ำ แปรงฟัน  แต่งตัว ...ไม่รีบร้อน  เพราะว่าเช้านี้มีเรียนตอน 9.30 น.  พอทานข้าวเสร็จ ก็เตรียมตัวออกจากบ้าน  
    หนูยีเดินออกจากบ้านประมาณ 8.20 น.  

    ใครจะรู้ว่าวันปกติธรรมดาที่ดูจะเหมือนทุกวัน  จะไม่ใช่วันธรรมดาเหมือนทุกวัน






    “กึก...กกก...กกก    กึก..กกก...กกก...    กึก...กกก...”  


    เสียงโทรศัพท์มือถือของหนูยีสั่นกึกๆอยู่ในกระเป๋า   ไม่รู้ว่ามันสั่นมานานเท่าไหร่แล้ว  เพราะว่าหนูยีปิดเสียงเปิดระบบสั่นแทน  เพราะขณะนั้นหนูยีกำลังเรียนคาบเช้าอยู่   หนูยีจับโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู   ขึ้นชื่อว่า “K”     เป็นสายเรียกเข้า     น้องชายหนูยีโทรมา ??   โทรมาทำไมหว่า..


    หนูยีมองซ้ายมองขวา  แล้วก็ก้มหน้ามุดใต้โต๊ะ  แอบรับโทรศัพท์ขณะที่อาจารย์หันหน้าเข้าหากระดานเพื่ออธิบายเนื้อหาบทเรียนในวันนี้


    “ฮัลโหล..มีอะไร...”  


    “ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์!!”      เสียงน้องชายที่ส่งมาตามสายดีกว่าเสียงตะโกนหน่อยเดียว  น้ำเสียงของเคนี่ดูเครียดบวกกับหงุดหงิดมากเลยค่ะ  ตอนนั้น คิดแต่ว่า  สงสัยจะโทรมาถามหาของที่หนูยีเก็บแล้ว เจ้าตัวหาไม่เจอ ก็เลยหงุดหงิด


    “ก็กำลังเรียนอยู่” หนูยีพูดตามสายไปด้วยเสียงกระซิบ


    “ตอนนี้อยู่ไหนละ”    เสียงยังไม่ลดดีกรีความเครียดลงเลยค่ะ


    “อยู่ในมหาลัยแล้วเค  มีไรหรือเปล่า เจ๊กำลังเรียนอยู่”      แล้วก็มีเสียงกุกๆกักๆดังขึ้นเหมือนกับเสียงส่งโทรศัพท์ต่อ  สักพักก็กลายเป็นเสียงของหม่าม้าแทนค่ะ


    “ฮัลโหล   ยี  ตอนนี้หนูอยู่ไหนนะ”    เสียงหม่าม้าดูเครียดไม่แพ้กันกับเสียงน้องชายถามเข้ามา


    “อยุ่มหาลัยค่ะหม่าม้าตอนนี้ยีกำลังเรียนอยู่  มีไรหรือเปล่าค่ะ”    


    “รถไฟใต้ดินมันชนกันลูก  ข่าวบอกว่าคนบาดเจ็บขนาดกระดูกทิ่มปอด   แม่กลัวว่าหนูจะอยู่ในรถขบวนนั้น”   น้ำเสียงตอนนี้ของหม่าม้าลดดีกรีความร้อนรนลงแล้วค่ะ


    “รถชนกัน  ไม่ใช่รถไฟตกรางหรือค่ะหม่าม้า”  


    “ไม่ใช่ลูก   รถชนกันเลย ตกลงหนูปลอดภัยใช่ไหม”  


    “ใช่ค่ะหม่าม้า   เดี๋ยวเลิกเรียน ยีโทรกลับนะคะ ตอนนี้เรียนอยู่”  ...แล้วหม่าม้าก็วางสายไป





    รถไฟใต้ติดชนกัน!!    ก็ไหนหนูยีได้ข่าวว่ามันแค่ตกรางไง   ไหงกลายเป็นรถไฟชนกันไปได้.....
    มาคิดย้อนดู...หนูยีรอดมาได้ไงนี่????




    ปกติแล้ว  หนูยีจะเดินทางไปมหาวิทยาลัยด้วยรถไฟใต้ดิน   โดยขึ้นจากสถานีพหลโยธิน(เซ็นทรัลลาดพร้าว)  ไปลงที่สถานีเพชรบุรี   โดยขึ้นรถตู้สายสะพานควายเพราะไม่ติดทางใต้สะพานเกษตร   จะใช้เวลาโดยประมาณ 1 ชม. นิดๆ   แล้วต่อรถไฟใต้ดิน ใช้เวลาเดินทางประมาณอีก 15 นาที ถึงจะไปถึงมหาวิยาลัย    ซึ่งเช้านี้หนูยีตื่นสายจริงๆค่ะ  กว่าจะออกจากบ้าน 8.20 น.    เดินมาป้ายรถเมล์แล้ว  รถตู้ที่จะไปทางเซ็ลทรัลลาดพร้าวไม่มีมาสักคันเลยค่ะ    เพราะว่าสายมากแล้ว  หนูยีเห็นรถตู้ไปทาง ศาลอาญา  ผ่านรัชดา  แยกอ.ส.ม.ท. กะเอาไว้ว่า  จะไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดินที่ศูนย์วัฒนธรรมแทน(สถานีเกิดเหตุรถไฟชนกัน)



    มาคิดดู....ถ้าเช้าวันจันทร์นั้น  เกิดมีรถตู้ผ่านเซ็นทรัลลาดพร้าว
    ลองคำนวณเวลาคราวๆแล้ว....        ขึ้นรถตู้ไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน....



    ...........   สงสัยอยู่ว่า...ขบวนที่เกิดเหตุรถไฟใต้ดินชนกัน ขบวนนั้น   จะมีหนูยีอยู่ในขบวนด้วยแน่ๆ.........



    คิดแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นจริงๆค่ะ....   ต้องบอกว่าพระเจ้าคุ้มครองมากๆ  เพราะถ้าเกิดมีรถขึ้นมา...

    ใครจะรู้....


    หนูยีตอนนี้อาจไปนอนอยู่โรงพยาบาล  เพราะบาดเจ็บสาหัสก็เป็นได้   ....



    แต่แค่นั้นยังไม่พอค่ะ....   ถึงจะไม่ได้ขึ้นรถตู้ไปลงเซ็นทรัล ...แต่ว่าหนูยีกะจะไปต่อรถไฟฟ้าที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม     ตอนนั้นเวลารถไปถึงศูนย์วัฒนธรรมประมาณ  9.15 น.


    ....  ใครจะรู้.....


    ถ้าหนูยีลงรถตู้ไปขึ้นรถไฟตอนนั้น....  
    รับรองเลยว่าขบวนที่หนูยีจะขึ้นรถไฟขบวนนั้น  คือขบวนที่เกิดอุบัติเหตุแน่ๆ     แต่หนูยีก็ไม่ได้ลงป้ายศูนย์วัฒนธรรมนั้น    



    ทำไมหนูยีถึงไม่ลงป้ายศูนย์วัฒนธรรมนะหรือค่ะ?  


    ก็เพราะว่า วันนั้นหนูยีรู้สึกแปลกๆ  เหมือนมีสังหรณ์บางอย่าง  บอกกับหนูยีเอาไว้ว่า.... วันนี้อย่าลงสถานีนี้เลย   ไปลงสถานีหน้าดีกว่า....  หนูยีก็เชื่อสังหรณ์ของตัวเอง....ตัดสินใจไปลงป้ายหน้าแทน

    ..................................................  

    ........... ............... ........... .........

    ........ ........... .......

    .......... ........... ............. ..........

    .......... ........ ........... ............





    .......... ............. ............ ...............

    .............................................. .......


    ก็ได้ !  ก็ได้!    

    หนูยีพูดความจริงก็ได้ ...

    จริงๆแล้วไม่ได้มีสังหรณ์อะไรหรอกค่ะ...พอดีกว่า...ถ้าใครพอจะรู้จักหนูยี  ก็คงจะรู้ว่า  หนูยีนั้นเป็นพวก...เออ...ออกจะเอ๋อนิดๆกับการเดินทาง...คือว่า  เดินทางนี้จะหลงบ่อยมาก   นั่งรถเลยป้ายก็บ่อย    ดูแผนที่นี้ไม่ได้เลย  เพราะดูทีไร  หลงทุกที....


    ครั้งนี้ก็เหมือนกันค่ะ...คือว่า ตั้งใจว่าจะลงสถานีศูนย์วัฒนธรรม   แต่ว่าหนูยีดันนั่งรถเลยป้าย...  มันก็เลยเป็นเรื่อง    เพราะรถมันเลยป้ายมาแล้ว  หนูยีก็คิดว่า  เลยมาแล้ว งั้นไปลงสถานีพระรามเก้าแทนแล้วกัน ....  


    แต่ก็ด้วยความไม่เคยลงแถวๆนี้นั่นละค่ะ    หนูยีก็ไม่รู้ว่าจะลงป้ายไหน    อาการเอ๋อกับการเดินทางก็กำเริบขึ้นมาเฉียบพลัน     ลงป้ายผิด!!    คือว่า  ลงก่อนถึงป้ายสถานี 1 ป้าย  หนูยีเลยต้องเดินไป  1 ป้ายรถเมล์เพื่อจะไปสถานีรถไฟพระรามเก้า นั่นละค่ะ...



    นี่ก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้หนูยีรอดปลอดภัย จากการที่จะต้องไปอยู่ในขบวนรถไฟฟ้าอุบัติเหตุนั่น

    ใครจะรู้   ใครจะคิดละค่ะว่า....  เพราะหนูยีเป็นพวกชอบนั่งรถไม่เลยป้าย  ก็ลงก่อนป้าย หรือพวกเอ๋อกับการเดินทางแบบนี้ จะทำให้หนูยีรอดปลอดภัยจากอุบัติเหตุ  

    ...  ใครจะรู้...    ว่าข้อเสียอย่างนี้  จะกลายเป็นข้อดีได้ในพริบตา    
    ...  ใครจะรู้...    จริงมะค่ะ...


    ตอนที่หนูยีไปถึงสถานีพระรามเก้า  กะจะไปรอขึ้นรถไฟที่ชานชาลา  เวลานั้นคนเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ  หนูยีก็ไม่ได้เอะใจ  แค่คิดว่า  ทำไมวันนี้คนถึงเยอะผิดปกติ   ไปยืนต่อแถวเข้าประตูแล้วตอนนั้น  แต่ว่าพอดีเพื่อนหนูยีมาจากไหนไม่รู้   เข้ามาสะกิดหนูยี   หันไปอีกที เจอเพื่อนที่คณะ  3  คน  ทักทายกันนิดหน่อย
    เพื่อนที่มาสะกิดหนูยีก็บอกว่า


    “เมื่อกี้อุ๊ยโทรมาบอกว่า  รถไฟใต้ดินตกราง”


    “รถไฟตกราง  แล้วเป็นไรมากหรือเปล่า”  หนูยีถาม


    “เห็นว่ามีคนเจ็บเล็กน้อย”    ตอนนั้นหนูยีไม่ได้คิดอะไรค่ะ  คิดว่า คงเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กน้อย  ไม่น่าจะน่ากลัว  
    พอดีกับที่สถานีประกาศเสียงตามสายมาว่า    รถไฟที่จะไปหัวลำโพงจะเข้าเทียบสถานีพระรามเก้าช้าหน่อย  
    เพื่อนหนูยีเลยชวนกันออกจากสถานี  เพราะทำท่าไม่ไว้ใจรถไฟเที่ยวอื่นๆ   ให้ขึ้นมานั่งแท็กซี่ไปมหาลัยแทน  เพราะว่าจากมหาวิทยาลัยกับพระรามเก้านี้ไม่ไกลกันมาก  .... วันนี้(วันจันทร์) หนูยีก็เลยไม่ได้ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินเลยค่ะ ....    


    มาคิดดู....ถ้าตอนเช้าเกิดมีรถไปเซ็ลทรัลลาดพร้าว....  หนูยีคงติดอยู่ในขบวนรถที่เกิดอุบัติเหตุนั้น
    มาคิดดู....ถ้าตอนเช้าหนูยีเกิดลงสถานีศูนย์วัฒนธรรม..หนูยีคงเจออุบัติเหตุขบวนรถไฟเข้าไปเต็มๆ...


    แต่หนูยีก็ไม่โดนอะไรสักอย่าง...      เล่าให้ใครต่อใครฟัง...ทุกคนบอกว่า...โชคดีแล้วที่ไม่โดน    แต่หนูยีรู้ว่า ไม่ใช่โชคดีหรอกค่ะที่ทำให้หนูยีไม่ได้ไปอยู่ในขบวนรถนั้น   แต่เพราะว่า พระเจ้าทรงคุ้มครองหนูยีต่างหาก   ไม่อย่างนั้นแล้ว...2  ครั้งนะคะ  ที่หนูยีเกือบจะไปโดนอุบัติเหตุ   ถ้าพระเจ้าไม่ทรงคุ้มครอง...ป่านนี้..หนูยีอาจได้กินของเยี่ยมที่โรงพยาบาลก็เป็นได้...



    เหตุการณ์ครั้งนี้  ทำให้หนูยีรู้อะไรดีๆเพื่อขึ้นอีกอย่าง....  


    หม่าม้ากับปะป๊าที่ห่วงหนูยีมากโทรศัพท์กันกระหน่ำ    คุณป้าบอกหนูยีหลังจากกลับมาจากมหาลัยแล้วว่า  ตอนที่หม่าม้าได้ข่าวว่า ..รถไฟใต้ดินชนกัน  แล้วปะป๊าลองคำนวณเวลาที่หนูยีออกจากบ้าน   คาดว่าหนูยีจะอยู่ในเหตุการณ์ณ์นั้น  ตอนนั้นหม่าม้าหน้าถอดสีไปเลย    


    ส่วนน้องชายหนูยี  หลังจากหนูยีกลับมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้วนั้น  ร้อยวันพันปี  น้องชายหนูยีไม่เคยกอดหนูยีสักครั้ง...วันนี้จู่ๆ ก็เดินเข้ามากอดหนูยี 1 ที .....   แล้วก็เดินจากไป..   ไม่พูดไม่จาอะไร  แต่ก็รับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่น้องชายคนนี้มีให้    ถึงแม้ว่าหนูยีจะทะเลาะกับน้องชายบ่อยๆ   ถึงแม้หว่าหนูยีจะชอบยึดทรัพย์น้องชายมาใช้     แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้ความห่วงใยของพี่น้องลดลงเลยแม้แต่น้อย....    แค่คิดก็รู้สึกน้ำตาซึมๆด้วยความดีใจ  


    ต้องบอกว่า ขอบพระคุณพระเจ้าจริงๆที่หนูยีได้เกิดมาในครอบครัวที่มีความรักความห่วงใยให้กันขนาดนี้...  

    ใครจะรู้....  

    ในที่สุด..หนึ่งวันที่ดูเหมือนธรรมดา  ก็กลายเป็นอีกหนึ่งวันที่น่าจดจำไว้ในหัวใจไปอีกนานแสนนาน.......  

    ... ใครจะรู้ ...



    แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 48 22:57:54

    จากคุณ : หนูยี - [ 18 ม.ค. 48 21:37:06 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป