... ... ...
ยามเช้าอันสุขสงบของหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งในเมืองหยางโจว
ภายในกระท่อมน้อย บุรุษ ดรุณี คู่หนึ่งมักนั่งบนโต๊ะกลางลานบ้าน เพื่อสัมผัสความร่มรื่นจากธรรมชาติ และหาความสำราญโดยการหัวร่อต่อกระซิกกันตามประสาคู่รักแรกรุ่น
ณ ที่นี้ ดอกเหมยยังคงงดงามอ่อนไหว สายลมยังคงลูบไล้แผ่วเบา เปลวแดดยังอ่อนละมุนนำความอบอุ่นนุ่มนวลแก่จิตใจของผู้อาศัยเสมอมา
ทว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ บรรยากาศภายในกระท่อมน้อยกำลังแปรเปลี่ยนไปแล้ว
แปรเปลี่ยนจากความสนิทสนมกลมเกลียว เป็นการทุ่มเถียงวิวาท!
"ท่านมิต้องกล่าวมากความ เรื่องครานี้มิว่าอย่างไรข้าพเจ้าจักติดตามไป ท่านมิมีสิทธิอันใดมาห้ามปรามข้าพเจ้า!" หลี่ซังซังตะโกนเสียงดัง
อย่างไรก็ตามนางก็อดที่จะนึกหวั่นใจมิได้ เพราะเสี่ยวซาผู้ปกติมักโอนอ่อนต่อนาง เวลานี้กลับมีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง
มันมิเคยมองนางด้วยสีหน้าเช่นนี้มาก่อน...
จากนั้นเสี่ยวซาก็ค่อยๆเอ่ยเป็นคำช้าๆชัดๆ "ซังเอ๋อ ก่อนหน้านี้เจ้ากล่าวห้ามปรามเรามิให้ติดตามข้องแวะกับพวกขอทานเหล่านั้น ซ้ำยังบอกว่ามิให้ยุ่งเกี่ยวเรื่องผู้อื่น เหตุใดเวลานี้จึงคิดจะติดตามข้าไปด้วยเล่า?"
หลี่ซังซังก้มศีรษะลงเล็กน้อย ในใจของหญิงสาวเต็มไปด้วยความคิดนานัปการ
...จะให้นางกล่าวออกมาได้อย่างไรว่าสาเหตุที่แท้จริง คือนางเป็นห่วงกลัวอีกฝ่ายเป็นอันตราย ชีวิตของนางในเวลานี้ไม่มีทั้งบิดา และมารดา ญาติสนิทเพียงคนเดียวก็กลับกลายเป็นศัตรูที่สังหารพ่อแม่ หากต้องขาดเสี่ยวซาไปอีกคน นางจักมิเหลือผู้ใดแล้ว
แต่เสี่ยวซาก็มีเหตุผลของมันเช่นกัน ชีวิตมันนอกจากเตียหงี คนที่สามารถเรียกเป็นผู้มีพระคุณได้มีเพียงหลวงจีนหัวหลิน เวลานี้เมื่อท่านกำลังตกอยู่ในอันตราย มันจักนิ่งดูดายได้อย่างไร?
เด็กสาวย่อมไม่อาจโต้แย้งเหตุผลของเสี่ยวซาได้ หากคิดว่าอย่างน้อยตนเองต้องไปร่วมเป็นร่วมตายกับมันถึงที่สุด
นางเป็นห่วงมันเหลือเกิน แต่ด้วยความที่ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจมาแต่น้อย ทำให้นางแสดงความรักไม่เป็น สุดท้ายเพียงเชิดปากน้อยๆ กล่าวอย่างดื้อดึงว่า "ไม่รู้ละ! ท่านไปช่วยผู้มีพระคุณของท่าน ข้าพเจ้าก็...เอ่อ... ไปหาพี่ฮั่นก็แล้วกัน!"
และโดยมิตั้งใจ วาจานี้ได้จำเพาะกระตุ้นอารมณ์ของเด็กหนุ่ม มันขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าวว่า "ซังเอ๋อ เจ้าไฉนทำตัวเยี่ยงเด็กทารก ไม่มีอะไรยืนยันว่าพี่รองจะอยู่แถวนั้น อาจบางทีเวลานี้เขาอาจเดินทางไปหาท่านตุลาการอยู่ก็เป็นได้"
หลี่ซังซังขยี้เท้า กล่าวตอบโต้เสียงดัง "หอห้ากระบี่ยกกำลังต่อกรกับพรรคเรา! แม่นางเหวินคนสวยย่อมต้องไปด้วย มิแน่นักพี่ฮั่นอาจเป็นห่วงติดตามนางก็เป็นได้ ดังนั้นข้าพเจ้าจะไปหาเขา!"
จากนั้นนางเอามือปิดปากคล้ายรู้สึกตัวว่าพูดผิด นางแม้นประกาศตนว่าไม่ใช่คนของฉิกจับอิดแล้ว แต่ยามกระทันหันก็ยังหลุดปากออกมาว่า พรรคเรา อยู่ดี ทั้งนี้เนื่องเพราะเวลาสิบกว่าปี นางซังเติบโตมากับพรรคฉิกจับอิด อยู่ๆ จะให้สลัดทอดทิ้งออกไปคงมิใช่เรื่องง่ายดาย
"หากเป็นเช่นนั้นจริงเสร็จเรื่องราวแล้ว ข้าจะนำ 'พี่ฮั่น' ของเจ้ากลับมาเอง เจ้าไม่ต้องไปหรอก" เสี่ยวซากล่าว
หลี่ซังซังฟังดังนั้นระลึกได้ว่าเสี่ยวซาเคยไม่พอใจที่นางเรียกหาฮั่นตงอย่างสนิทสนม จึงกล่าวว่า "มิได้ดอก ข้าพเจ้าเป็นห่วงกลัว 'พี่ฮั่น' จะเป็นอันตราย คงมิอาจทนทานต่อไปอีกแม้เพียงชั่วยามแล้ว" เด็กสาวจงใจเน้นคำ พี่ฮั่น ด้วยน้ำเสียงยียวน
เสี่ยวซานั้นแม้ฟังออกว่าอีกฝ่ายจงใจก่อกวน แต่ยังอดมีโทสะมิได้ ...ใช่มันรักหลี่ซังซัง แต่กิริยาของนางในวันนี้ทำให้เด็กหนุ่มควบคุมอารมณ์ได้ลำบากยิ่ง
"ข้าจะพูดอีกเพียงครั้งเดียว อย่างไรก็มิให้เจ้าติดตามไปเด็ดขาด..." เสี่ยวซาค่อยๆกล่าวอย่างยากเย็น
"เฮอะ! เจ้ามิพาไป ข้าพเจ้ามิมีปัญญาไปเองหรือ? อย่าลืมว่าข้าพเจ้าใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมากว่าสิบปี มิว่าจะเป็นภูเขา แม่น้ำ ลำธาร หรือกระทั่งต้นไม้แม้สักต้น ข้าพเจ้ายังจดจำได้ ยังต้องกลัวคนโง่เยี่ยงเจ้ามินำพาไปด้วย?" เด็กสาวกล่าวพลางเชิดปากน้อยๆ ของนางสูงขึ้น
"ถ้าเช่นนั้นเจ้าไปของเจ้า เราไปของเรา พวกเราสองคนต่างคนต่างเดิน!" เสี่ยวซาตวาดก้องในที่สุด ความโกรธของผู้มักไม่โกรธย่อมน่ากลัวเป็นพิเศษ
หลี่ซังซังได้ยินอีกฝ่ายหนึ่งกล่าววาจาเช่นนั้นก็สะดุ้ง แม้คิดจะตอบโต้ ทว่าเพียงสามารถอ้าปากโดยไร้วาจา ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกที่ลำคอของเด็กสาว น้ำตาสองสายใสกระจ่างดุจน้ำค้างยามเช้าไหลรินลงอาบแก้ม สุดท้ายกระทั่งเสี่ยวซายังมิต้องการนางอีกแล้ว...
"เจ้า...เจ้า...เจ้า ลอง กล่าวอีกครา!" นางฝืนใจกล่าวด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น
เสี่ยวซาเห็นอีกฝ่ายร้องไห้ก็รู้สึกผิด หากอย่างไรมันตระหนักดีว่าเมื่อกระทั่งหัวหลินไต้ซือซึ่งใต้หล้ายากยิ่งจะหาผู้ทัดเทียมยังตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง การไปครานี้ย่อมมีอันตรายใหญ่หลวงรอคอยอยู่
แล้วจะให้มันปล่อยคนที่มันรักที่สุดไปเสี่ยงด้วยได้อย่างไร?
เสี่ยวซาผินหน้าไปทิศทางอื่น จึงลุกขึ้นเดินออกจากบ้านน้อยโดยไม่กล่าววาจา หากชั่วครู่หลี่ซังซังซึ่งนั่งซึมอยู่ค่อยคิดได้ ...มันไม่อนุญาตเราไป หรือเรามิมีปัญญาไปเอง ดูทีใครจะถึงที่หมายก่อนกัน!!!!
ขณะจะลุกขึ้น พลันได้ยินเสียงผิดปกติที่ด้านหลัง จากนั้นร่างกายกลับชาด้านไร้ความรู้สึกเฉยๆ
นางแว่วเสียงเสี่ยวซากล่าวว่า "ถือว่าเราขอร้องเถิดซังเอ๋อ จุดเหล่านี้จะคลายออกเองเมื่อครบสองชั่วยาม เมื่อเราไปแล้วเจ้าจงรออยู่ที่นี่คอยแจ้งข่าวให้กับพี่ใหญ่กับพี่สามด้วย" ที่แท้เด็กหนุ่มใช้กำลังภายในอันลึกล้ำ จี้สกัดจุดมิให้เด็กสาวมีโอกาสเคลื่อนไหว
หลี่ซังซังนิ่งอึ้ง ความโกรธ ความอาย ความห่วงใยประดังเข้ามา "เจ้าโง่!!! รีบคลายจุดแก่ข้าพเจ้า!!! มิเช่นนั้นข้าพเจ้าจะแค้นท่านไปชั่วชีวิต!!!" นางร่ำร้องอย่างไร้ผล
... ... ...
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
20 ม.ค. 48 17:18:25
]