CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    Anything but Love - Chapter 10

    ขออนุญาตแสดงความเห็นนะคะ

    อย่างที่เคยบอกไว้แหละค่ะว่า ในตอนแรกนั้นนิยายเรื่องนี้
    ไม่ได้เขียนเพื่อจะโพสต์ ฉะนั้นมันจึงไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ
    ที่ลงในนี้

    คุณหมวก

    เพราะนี่ไม่ใช่บทละครทีวี หรือบทละครเวที
    มันจึงไม่ค่อยมีสิ่งที่เรียกว่า action มากนัก


    การที่ไม่มีเหตุการณ์ในบางตอน และดูเหมือนอุเหม่รำพึง
    รำพันกับตัวเองเป็นส่วนใหญ่นั้น ผู้เขียนมีเจตนาที่จะ
    ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวละครเอก และสัมพันธภาพของเธอ กับผู้อื่น เช่นพี่สาว และแฟนเก่า

    เพื่อทำให้ตัวละครมีมิติ และสิ่งนี้ก็จะโยงไปสู่เหตุการณ์ที่จะเกิดตามมา
    ทำให้การกระทำของเธอมีเหตุมีผลมากขึ้น

    ถ้าหากคุณเคยอ่านนิยายที่เป็นเล่ม
    คุณจะเห็นว่าบางครั้งไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
    คุณจะได้อ่านแต่ความนึกคิดของตัวละครอย่างเดียวก็มี

    นิยายเรื่องนี้มันก็อารมณ์นั้นแหละค่ะ

    ยังไงก็ขอบคุณสำหรับเม้นท์นะคะ

    ++++++++++++++++++++++++++++


    คืนถัดมา ฉันพยายามทำตัวให้เป็นปกติสุขเหมือนที่เคย
    จึงลุกขึ้นมาแต่งหน้า แต่งตัวเพื่อออกไป “ทำงานพิเศษ” อีกครั้ง

    ลูกค้าคนนี้เป็นโปรแกรมเมอร์ของบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง เขาชื่อตุลย์
    เรานัดพบกันที่ผับเปิดใหม่แห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท แม้กระนั้นเขาก็เคยมาที่นี่
    หลายครั้งแล้ว เขาบอกว่า “ผมชอบไปร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ คนยังไม่เยอะมาก
    แล้วที่นี่ก็ตกแต่งสวยดี”

    แสงไฟสลัวภายในผับออกโทนสีม่วง น้ำเงิน บริเวณเคาน์เตอร์
    ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยกระจกสี ผนังร้านทั้งสี่ด้านทำด้วยตู้ปลา
    เมื่อทั้งหมดนั่นสะท้อนกับแสงไฟ ทำให้บรรยากาศดูสวยงาม แปลกตา
    และการได้มองดูปลาว่ายวนในน้ำก็เพลินดี

    เรานั่งอยู่ในมุมที่มืดที่สุดของร้านซะด้วย เขาให้เหตุผลว่า
    “ผมไม่ชอบความวุ่นวาย”


    คุณตุลย์น่าจะอายุมากกว่าฉันสองถึงสามปี เขาใส่แว่นตา
    ที่เหมาะกับรูปหน้า แต่งตัวดี ท่าทางสำอางค์ และกลิ่นน้ำหอม
    ของเขาก็เร้าใจมาก ๆ อีกด้วย ดูยังไง ๆ ก็ไม่เข้าลักษณะคนที่น่าจะเป็น
    ลูกค้าของฉันได้เลย ไม่รู้ว่าผ่านการกลั่นกรองของเบนมาได้อย่างไร


    เขาสั่งเบียร์สองขวด ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะสร้างสรรค์บทสนทนา
    สนุก ๆ และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาดี นอกจากไถ่ถามเรื่องดินฟ้าอากาศ
    ไปเรื่อยเปื่อย

    “หมู่นี้ฝนตกเกือบทุกวันเลยนะคะ”

    เขาหัวเราะประเด็นลมฟ้าอากาศของฉัน

    “ผมชอบนะ อาจจะเป็นเพราะว่าผมเกิดตอนหน้าฝนก็ได้
    ถ้าฝนตกกลางคืน บางครั้งเปิดหน้าต่าง นอนฟังเสียงฝนตกก็เพลินดี
    แล้วคุณชอบมั้ย”

    “เหม่ชอบหน้าหนาวค่ะ แต่แย่หน่อยที่เดี๋ยวนี้มันมีหน้าหนาว
    อยู่แค่แป๊บเดียวในกรุงเทพฯ……”

    จากนั้นฉันไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี จึงได้แต่ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม
    คนเยอะเริ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฉันนั่งมองดูผู้คนที่เดินไปมา สลับกับยกแก้ว
    ขึ้นดื่มจนเบียร์หมด คุณตุลย์สั่งมาให้ฉันอีกขวด

    “ไปโมโหอะไร ใครมาหรือเปล่าครับ”

    ฉันตกใจเล็กน้อยที่รู้ว่าเขาสังเกตฉันอยู่ ฉันไม่ได้โมโหใคร
    แต่กำลังน้อยใจต่างหาก จากวันที่ได้พบกัน พี่โอมไม่เคยโทรกลับมาหาฉันเลย
    ไม่เลยสักครั้งเดียว ทำไมต้องคิดถึงคนที่ไม่เคยคิดถึงฉันเลยด้วย

    “เปล่านี่คะ” ฉันยิ้มให้เขา

    “คุณเหม่ รู้รึเปล่าว่าคุณยิ้มน่ารักดี”

    ฉันชะงักแก้วที่กำลังจะกระดกเบียร์

    “เหรอคะ ขอบคุณค่ะ” เบียร์ขวดที่สองของฉันหมดไปครึ่งขวดแล้ว

    เขาทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับฉัน แต่ไม่พูด
    และรอให้ฉันทัก

    “มีอะไรหรือเปล่าคะ”

    “คือ ผมถามได้หรือเปล่าว่า......” ทำท่าไม่มั่นใจอีกแล้ว
    ซึ่งมันดูขัดกับบุคลิกของเขาอย่างแรง

    “ถามว่าอะไรคะ”

    “ผมไม่มั่นใจว่ามันเหมาะมั้ยที่จะถามคุณ”

    ถ้าหากจะมายั่วให้ฉันอยากรู้มาก ๆ แล้วก็ทำเป็นเล่นตัวไม่ยอมพูด
    ออกมาสักที ฉันไม่หลงกลหรอกนะ

    “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่มั่นใจก็ไม่ต้องพูดก็ได้ จะไม่สบายใจเปล่า ๆ “

    คุณตุลย์นั่งนิ่ง ในสมองคงกำลังคิดหาทางไปว่าจะเอาไงต่อดี
    บางทีการสนทนากับคนประเภทนี้ก็สนุกดี เหมือนกำลังลับสมองประลองเชาว์

    จากคุณ : จีบี้ - [ 21 ม.ค. 48 11:28:10 A:210.86.215.137 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป