CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    จริง ๆ แล้ว เรื่องนี้ตลกนิดหน่อย..

    ลมหนาวโชยซ้ำมาอีกครั้ง..น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของมันแล้ว
    ฝนตก..อากาศฉ่ำ..จมูกคัด..จามฟืดดดดดดดดด
    แอร์ไม่ต้องเปิด..อากาศหนาวจนต้องห่มผ้า..แต่ไหงเหงื่อมันออก
    เลยต้องเปิดพัดลม..ส่ายหน้าไปมา..
    ลำคอเหมือนกลืนหมากฝรั่งเข้าไป..ติดค้างอยู่อย่างนั้น
    แค่นลมแรง ๆ เพื่อไล่มันออกมา..กระเด็นออกมาที่โคนลิ้นหน่อยเดียว..จำต้องกลืนลงไปอีกครั้ง
    เสียงพูดกลายเป็นเสียงเป็ด..จำเสียงตัวเองไม่ได้..ใครโทรฯ มานึกว่าโทรฯผิดร่ำไป
    นอนดิ้นไปมาอยู่บนเตียง กว่าจะลุกขึ้นมาทำอะไรได้..โหย..ทานยาเข้าไปเป็นกิโล
    ดีหน่อยที่น้องดาวมาเยี่ยม..ทำให้โลกสว่างไสวขึ้นหน่อยหนึ่ง
    น้องดาว..ปิ๊งป่อง..ถูกต้อง น้องดาว น้องสาวของเพื่อนผมไง..นายด้วงคนนั้น
    (จริง ๆ แล้วเขาชื่อดวง แต่จมูกของเขาโด่งจนเหมือนตัวด้วง)
    เธอมาเยี่ยม พร้อมกับซื้อขนมมาฝาก
    ป๋าว..ไม่ได้ฝากผม แต่ฝากเจ้ามะเขือ..น้องชายของผม..ที่ตอนนี้ขึ้นปอสองไปแล้วนะนี่
    แต่ไม่เห็นตัวจะโตขึ้นซักนิด..
    สงสัยมัวแต่เล่นเกมส์..มัวแต่ทำปากเสียก่อกวนพี่ชาย
    เด็กแก่แดดคนนี้..ทำไม๊ทำไม..มีแต่คนชอบนักก็ไม่รู้
    “ทำไมไม่ซื้อของฝากพี่?”
    “อ้าว..คนไม่สบายกินได้ด้วยรึ?” น้องดาวย้อนถาม
    ผมมองตาหยี ๆ คู่นั้นอย่างค้นหา(ลูกกะตา)
    “ยิ่งไม่สบายสิยิ่งต้องกินให้มาก ๆ”
    “ไอ้ติมเนี่ยนะ”
    “ช่าย..พี่ชอบไอ้ติม”
    “ไหนบอกว่าเจ็บคอ?”
    “ยิ่งเจ็บต้องยิ่งกินของเย็น ๆ จะได้หายเร็ว ๆ”
    น้องดาวหัวเราะ..หน้าเธอกลม ผิวเธอขาว เกลี้ยงเกลาราวก้นเด็ก
    ปากเธอแดงแป๊ด..
    “ตำราไหนล่ะนี่?”
    ผมไม่ตอบ..น้องมะเขือเดินเกร่ถือไอ้ติมถ้วยนั้นเฉียดมาพอดี..
    “เข็ม..แบ่งพี่มั่งฮี่”
    เขามองหน้า..ตักไอ้ติมใส่ปาก..
    “พี่เข็มกินไม่ได้..ไม่สบายห้ามกินของเย็น ๆ”
    “ใครบอก?”
    “แม่”
    “แม่ไม่อยู่..งั้นพี่กินได้..”
    “ไม่..”
    “ไม?”
    “ก็พี่ดาวเขาให้เข็ม ไม่ได้ให้พี่..”
    “แต่พี่ดาวมาเยี่ยมพี่..พี่ก็ต้องมีสิทธิกินได้”
    “ไม่”
    “ไม?”
    “หมดแล้ว”
    ดาวหัวเราะ
    ++++

    น้องดาวคนนี้..ผมเคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับเธอไว้สักสองสามตอน
    พี่ ๆ อยากอ่าน โปรดเซิร์ทหาได้ตามสบาย
    ผมไม่อยากทำลิงก์ เพราะผมไม่อยากโลยิ่น
    เหตุที่ไม่อยากโลยิ่น เพราะผมลืมพาสแหวด
    การลืมพาสแหวด..ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ ของเด็กหนุ่มใจแนวอย่างผม
    ใคร ๆ เขาก็เรียกผมเด็กแนวนี่นา..
    +++

    เด็กแนวในความหมายของผม..หมายถึงแนวเทือกเขาถนนธงชัย
    อันเป็นชื่อภูเขาที่ทอดยาวแบ่งประเทศสองประเทศให้ออกจากกัน
    โปรดอย่าถามว่าระหว่างประเทศอะไรกับอะไร เพราะผมจำไม่ได้
    จำได้แต่เพียงว่าประเทศหนึ่งในสองนั้นต้องเป็นประเทศไทยแน่ ๆ
    ก็ประเทศไทยมีทั้งพี่เบิร์ดธงชัย และพี่ธงชัย ประสงค์สันติ
    น้องร้องชื่อดังคับประเทศนั่นไง
    +++

    เด็กแนวคนนี้ หลังจากหักอกตัวเองให้กับ “ดาว” นางฟ้าในใจผมคนนั้นไปแล้ว
    และหลังจากที่ถูกพี่ ๆ บ่นว่ากันตึมว่า..ผมไม่รักดาวจริง..ไปแล้ว
    ก็กลายเป็นหนุ่มรูปงามเสน่ห์แรงโชยไกลกว่าเดิม
    ราวกลับจะหาอะไรอื่นมาทดแทนพื้นที่ว่างของหัวใจ
    ผมมีผู้หญิงมากมายเข้ามาในชีวิต
    แต่ละคน..สวยสะเด็ดทั้งน้าน
    อิ๊..
    ++++

    น้องดาวก็เป็นอีกคน..ที่ผมเปิดรับเข้ามาในชีวิต
    ดูเธอจะดีใจ..อ๊ะ..ผมเข้าข้างตัวเองไปเหรอ?
    ดีใจสิ..เธอโทรฯหาผมตั้งแต่เช้าจรดเย็น
    ไม่เว้นแม้ก่อนนอน
    พอรู้ว่าผมไม่สบาย..เป็นไข้หวัดไก่(อ่อน) เอ้ย ไข้หวัดใหญ่
    เธอก็มาเยี่ยมแทบทุกวัน
    วันไหนเธอมีเรียนเช้า..บ่ายเธอก็จะมานั่งอยู่ใกล้ที่นอน
    วันไหนเธอมีเรียนบ่าย..ผมยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ..เธอก็มาทำอะไรก่อกแก่กอยู่ที่โต๊ะหนังสือของผม
    “ทำไร?”
    “การบ้านค่ะ”
    “ทำไมไม่ทำที่บ้านล่ะครับ..ดาวไม่ต้องมาเยี่ยมพี่ทุกวันก็ได้..”
    น้องดาวหันขวับมา..ตายิบหยีนั้นยังอุตส่าห์ส่งประกายใสแน๋วเต้นระยับให้เห็นได้
    “ก็เราเป็นแฟนกันนี่นา..แฟนกันก็ต้องดูแลกันสิ..ยิ่งตอนไม่สบายนี่ยิ่งต้องอยู่ใกล้ ๆ”
    ผมยิ้มฝืด ๆ
    ในสมองพยายามนึกให้ออกว่าผมไปตกลงเป็นแฟนของเธอตั้งแต่เมื่อไร
    “เอ่อ..”
    น้องดาวหัวเราะขัดขึ้นมา คงเห็นสีหน้าของผมเข้า
    “ดาวพูดเล่นน่ะพี่เข็ม..ทำหน้าเป็นโดนฉีดยาไปได้..ดาวแค่อยากมาคุยกับพี่..เพื่อไม่ให้เสียเวลาก็เลยเอาการบ้านมาทำที่นี่ซะเลย..”
    ยิ่งได้ยินอย่างนี้..ยิ้มผมยิ่งฝืดหนักขึ้น
    หัวอกผู้ชายรูปหล่อ..มันหนักอย่างนี้นี่เอง
    เฮ้อ...
    +++++

    สาวอีกราย...อยู่ต่างมหาลัยฯ
    เราได้พบกันโดยบังเอิญ เธอเป็นพี่ของเพื่อนนายดอกมะเขือ
    ผมเจอเธอที่โรงเรียนของนายมะเขือ เธอมาประชุมแทนผู้ปกครองเหมือนผม
    เธอใส่ชุดนักศึกษา เธอไม่ทาปาก เธอไม่ทาหน้า
    เสื้อของเธอไม่รัดติ้วจนกระดุมปริ
    ผมของเธอไม่มีสีอื่นเจือปนนอกจากสีดำ
    เธอยิ้มสวย ยิ้มทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ยิ้ม ดวงตาของเธอคล้ายยิ้มได้ตลอดเวลา
    ผิวเธอขาว ไม่ใช่ขาวเผือก หากเป็นขาวแบบคนเหนือ
    คือขาวผ่อง
    ว๊าว..ซาเป็คเรยนะนั่น
    อิ๊อิ๊อิ๊..
    ++++

    “พี่เข็มชอบพี่เอื้องเหรอ?”
    นายดอกมะเขือหมายถึงเธอคนนั้น
    “รู้ได้งัย..”
    “พี่กำลังจะงับหัวเขาอยู่แล้ว..”
    ผมหุบปากที่กำลังอ้านั้น
    “นายรู้จักเธอได้ไง?”
    “ก็พี่เอื้องเป็นพี่สาวอ้าย..อ้ายเป็นเพื่อนมะเขือ”
    “เด็กผมสั้นตาแป๋วนั่นน่ะเหรอ?”
    “ช่าย..มะเขือเกือบจีบเป็นแฟนแล้ว..”
    “แล้ว?”
    “อ้ายดุไปหน่อย”
    “ดุยังไง?”
    “ชอบกัด”
    “กัดใคร?”
    “กัดตุ้มเม้ง”
    “ตุ้มเม้ง?”
    “ลูกหมา..ของแม่ครัว”
    “เฮ่ย..”
    “กัดที่หูจนร้องเอ๋งเรย..อ้ายบอกหมั่นเขี้ยว”
    ผมหัวเราะ
    “มะเขือเลยกลัว..อ้ายเคยบอกหมั่นเขี้ยวมะเขือ”
    “ไปทำอะไรเธอเข้าล่ะ?”
    “ไม่ได้ทำ..เธอบอกเห็นแก้มมะเขือแล้วหมั่นเขี้ยว..”
    ผมดูที่แก้มแดงเกือบยุ้ยของเขา..น่าหยิกน่ากัดจริง ๆ
    “ถ้าเป็นพี่..พี่ยอมให้เธอกัดไปแล้ว..”
    มะเขือมองหน้าผมด้วยสายตาแปลก ๆ
    “พี่หมายถึงอ้ายหรือพี่เอื้อง?”
    ผมไม่ตอบ..เพราะรู้สึกตัวแล้วว่าจะทำให้น้องเสียเด็ก
    เลยได้แต่หัวเราะ
    อิ๊อิ๊อิ๊..
    ++++

    โอกาสหนึ่ง เราได้คุยกันจนได้
    เอื้องนั่งรอน้องสาวของเธอ อยู่ใต้ต้นหูกวาง
    ส่วนผมนั่งรอน้องชาย อยู่ใต้ต้นหูแพะ(มีไหมนี่?) ใกล้ ๆ กัน
    น้องของเราทั้งสองกำลังไปเข้าคิวรับใบเกรด
    เธอนั่งอ่านชี๊ท..ผิวแก้มที่ขาวใสกำลังแดงพอดี ๆ
    อากาศก็เป็นใจ..เย็นสบายมาหลายวันแล้ว
    ทำใจให้กล้า..ไม่เห็นแปลกที่ผู้ปกครองจะคุยกันในเรื่องของเด็ก ๆ
    เช่นว่า “เป็นไงครับ..ค่าเทอมที่นี่แพงไปไหม?”
    หรือ “ผมว่าครูประจำชั้นของน้องเราหน้าตาแปลก ๆ นะครับ ดูเหมือนครูไหวใจร้ายยังไงม่ายรุ”
    ขณะกำลังอ้าปาก..เธอก็พูดขึ้นมาก่อน
    “ไม่มีประโยชน์หรอกนะ..ถ้าคุณคิดว่าจะมาจีบฉันง่าย ๆ”
    ผมอ้าปากค้าง..
    “คุณก็รู้ว่าฉันมีแฟนอยู่แล้ว..ต่อให้คุณหล่อกว่านี้ รวยกว่านี้..ฉันก็ไม่สนใจ..”
    ก้อนน้ำลายถูกกลืนลงคอ
    “และอีกอย่าง..ฉันก็รู้ว่าคุณก็มีแฟนอยู่แล้ว..คุณอย่าทำเรื่องให้มันวุ่นวายไปกว่านี้เลย..”
    เธอพูดขณะก้มหน้าก้มตา..เสียงที่ออกมาเต็มไปด้วยอารมณ์ขึ้งเครียดเป็นอย่างยิ่ง
    “เอ่อ..” ผมต้องออกเสียงบ้าง
    “คุณกำลังเข้าใจผิดอะไรไปหรือเปล่าครับ?”
    เธอเงยหน้าอย่างรวดเร็ว..สายตามองผมด้วยความตกใจ
    “อะ..อะไรคะ?”
    “ก็เรื่องที่คุณคิดว่าผมจะจีบคุณไง..ผมยังไม่ได้ทำอย่างงั้นซักกะหน่อย..ทั้งที่..”
    “โอ๋ย..” เธอปิดปาก..หูตาแพรวพราว...
    “ขอโทษค่ะ..ดิฉันไม่ได้ว่าคุณ..คือดิฉันกำลังซ้อมบทละครอยู่น่ะค่ะ..”
    “อ๋อเหรอครับ..” ผมหัวเราะอย่างโล่งใจ..เธอเป็นดาราละครเชียวหรือนี่..มิน่า..สวยน่ารักออกอย่างงี้
    “ผมก็ตกใจ..อยู่ ๆ คุณก็ว่าผมขึ้นมา..”
    “ขอโทษอีกครั้งนะคะ..อ้า..เอื้องไม่คิดว่าจะมีใครนั่งอยู่ใกล้ ๆ”
    เธอเปลี่ยนสรรพนามเป็นกันเองอย่างนี้..
    จะเหลือรื้ออออ
    แง่ม..
    ++++++++++

    มันคงเป็นเรื่องง่าย ๆ ถ้าผมจะใช้ความถนัดส่วนตัว คือ “ปากมาก” ชวนเธอคุยไปเรื่อย ๆ
    ความคุ้นเคยย่อมเพิ่มขึ้นตามเสต็ป
    แต่เรื่องมันยากขึ้นมา..ก็เพราะเธอใช้ความถนัดที่มีมากกว่าผม..ชวนผมคุยซะจนผมอ้าปากขัดจังหวะไม่ทัน
    เธอคุยได้ทุกเรื่อง..เสียงของเธอแจ่มใส..ดวงตาของเธอที่ยิ้มได้..ทำให้ผมเพลินจนแทบจะลืมเวลา
    พอดีน้องมะเขือได้ใบเกรด กลับมาพร้อมกับน้องอ้าย
    เราสองคนต้องลาจากกัน
    แล้วเธอก็ทิ้งท้ายไว้คำ
    เป็นคำที่ทำให้ผมต้องเขียนถึงเธอในตอนนี้..
    “คุณเข็มจะช่วยอะไรเอื้องหน่อยได้ไหมคะ?”
    “ด้วยความเต็มใจยิ่งเชียวครับ”
    “ช่วยเล่นเป็นแฟนเอื้องให้หน่อย..”
    “ผมเล่นละครไม่เป็นครับ”
    “เปล่าค่ะ..เล่นในเรื่องจริง”
    “ฮ้า..”
    ++++++

    เอื้องเคยมีแฟนอยู่แล้ว..เรียนมหาฯลัยเดียวกัน
    เขาเรียนคณะเดียวกับเธอ..จึงได้เล่นละครของคณะเรื่องเดียวกับเธอ
    เขารูปหล่อ หลากความสามารถ..เขาเลยได้เล่นเป็นพระเอก
    แต่เสียดาย..เธอกับเขา..ตกลงเลิกกันแล้วตั้งแต่หกเดือนก่อน
    สาเหตุที่เลิกกัน..แน่นอน..เป็นเรื่องความเจ้าชู้ของฝ่ายชาย
    ฝ่ายหญิง จึงรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง..ที่มาบัดนี้แล้ว..เธอยังหาแฟนมาแทนไม่ได้
    ในขณะที่แฟนเก่าของเธอควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า
    เธอเลยรบกวนผม..ด้วยความเกรงใจเป็นอย่างยิ่ง(เธอว่าอย่างงั้น)
    ก็แค่ไปปรากฏตัวตอนเธอซ้อมละคร..ว่างขึ้นมาก็ช่วยไปหาเธอที่มหาฯ ลัย
    เพื่อแสดงให้ชายคนนั้นเห็นว่า..แม้เธอไม่มีเขา เธอก็ยังมีผู้ชายดี ๆ หล่อ ๆ อย่างผม..
    มาทดแทน..
    ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้..ผมจึงได้แต่
    “อ้า..”
    “ไม่เป็นไรค่ะ..เอื้องเองก็รู้สึกว่ามันไม่ดี”
    “ปะ..เปล่า..”
    “จริง ๆ แล้ว..เอื้องไม่ใช่เป็นคนคุยเก่งอย่างนี้..เอื้องขี้อาย เก็บตัว..”
    “เอื้องจึงไม่ค่อยมีใครเข้ามาในชีวิต..”
    “และเอื้องก็เข็ดแล้ว สำหรับความรัก..แต่..” เธอสบตาผม..ดวงตาของเธอมีวี่แววร้อนใจ
    “เขาจะกลับมา..เขาจะกลับมาขอคืนดีกับเอื้อง..”
    น้ำใส ๆ เอ่อขึ้นในขอบตา
    “เอื้องปฏิเสธเขาไปแล้ว..แต่เขาไม่ยอม..”
    "แต่เพราะเราต้องทำงานร่วมกัน..ต้องซ้อมละครด้วยกัน"
    “เอื้องกลัว..เอื้องจึง..”
    ผมตัดสินใจในวินาทีนั้น
    “ตกลงครับ..ผมยินดีรับงานนี้ด้วยความเต็มใจ”
    เธอยิ้มได้แล้ว..
    “ขอบคุณมากค่ะ..”
    ++++

    เรื่องนี้ค่อนข้างตลกนิดหน่อย ที่นิดหน่อยเพราะไม่เห็นมีใครหัวเราะ
    หรือแอบหัวเราะอยู่ในใจก็ไม่รู้
    สำหรับผมเองแล้ว..ไม่อยากจะบอกเลยว่าผมไม่ชอบที่จะเล่นในบทบาทอย่างนี้
    เพราะบอกไปแล้วพี่ ๆ ที่อ่านมาถึงนี่ก็คงไม่เชื่อ
    แต่ที่อยากจะบอก..ก่อนจะจบตอน(ที่ยาวเชียว)ตอนนี้ก็คือ
    สุภาษิตของไทย..ถูกต้องเสมอมา
    “อย่าริเล่นกับไฟ..”
    งือ...
    ++++++

    จากคุณ : นายดอกเข็ม - [ 24 ม.ค. 48 13:21:57 A:202.57.171.174 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป