"เช่นนั้นพวกเรากลับไปยังบ้านน้อย นำประสกหญิงไปด้วยดีหรือไม่?" หลวงจีนชราถามเด็กหนุ่ม
เสี่ยวซานิ่งงันไปชั่วครู่จึงค่อยส่ายศีรษะเป็นเชิงปฏิเสธ "เวลานี้เรื่องสำคัญคือการช่วยพี่สาม กับเจ้าสำนักเหวินออกมาก่อน!"
"เจ้าตั้งใจจะไปช่วยฮั่นตงให้ได้?" หลวงจีนกระต่ายน้อยกล่าวคำถามนี้ขึ้นมา ทำให้เสี่ยวซาต้องอดจ้องมองดูท่านมิได้
"ไต้ซือ หลี่เฉินเชียงร้ายกาจมากหรือ?" เสี่ยวซาถามด้วยความสงสัย
"อมิตพุทธ นอกจากประสกฮั่นแล้วอาตมามิเคยพบผู้มีพรสวรรค์ในการฝึกยุทธเฉกเช่นมัน อ้อไม่สิ มีเจ้าอีกผู้หนึ่ง" หลวงจีนชรากล่าวพลางมองเสี่ยวซาด้วยประกายตาวาดหวัง
เด็กหนุ่มยกมือเกาศีรษะเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย "ข้าพเจ้าในตอนนี้เทียบกับไต้ซือแล้วเป็นเช่นไร?"
คำถามนี้ทำเอาหลวงจีนชราชะงักงันไปนิดหนึ่ง "เจ้ามีฝีมือรุดหน้ารวดเร็วในตอนนี้คาดว่าคงด้อยกว่าอาตมาเพียงครึ่งขั้นเท่านั้น ท่านนิ่งคิด ตัวอาตมาเองเมื่อเทียบกับประสกฮั่นนับว่ายังเป็นรองอยู่ครึ่งขั้น แต่หากเทียบกับหลี่เฉินเชียงแล้วอย่างน้อยยังด้อยกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง!"
"หากพวกเราร่วมมือกันใช่มีความหวังหรือไม่?" เสี่ยวซาถามด้วยความหวังรำไร
"อมิตพุทธ พลังฝีมือของเจ้ากับอาตมารวมกัน เนื่องด้วยพื้นฐานมาจากราก และแก่นเดียวกัน ดังนั้นมีส่วนเสริมกันอยู่มิใช่น้อย ทว่า..." หลวงจีนกระต่ายน้อยพลันหยุดกล่าวเสียแต่กลางคัน
"ท่านไต้ซือยังมีเรื่องกังวลใดอีกหรือ?" เสี่ยวซากล่าว
"อาตมามีความรู้สึกว่าหลี่เฉินเชียงยังร้ายกาจยิ่งกว่านี้ เพียงแต่..."
"เพียงแต่อันใด?"
"อาตมามิเข้าใจ วิชาที่มันใช้คือการนำพลังจาก "ธาตุไฟที่แตก" เอามาใช้ร่วมกับพลังฝีมือ พื้นฐานสำคัญคือความมุ่งมั่น และพลังยุทธอันสูงส่ง..."
เสี่ยวซานิ่งฟังอย่างสนใจ
"พลังฝีมือของมันคงมิเพิ่มได้มากกว่านี้อีกแล้ว ทว่าอาตมากลับรู้สึกว่ามันยังมีวิธีรีดเร้นเอาความมุ่งมั่นของมันออกมาได้มากมายกว่านั้นอีก แต่อาตมามิทราบว่าเป็นวิธีใด?"
เสี่ยวซามีสีหน้าแปรเปลี่ยน กล่าวว่า "หากเป็นเช่นนั้นมิใช่ว่าต่อให้พวกเราสองคนร่วมมือกันก็ยังมิสามารถเอาชัยต่อมันหรอกหรือ?"
"คล้ายเป็นเช่นนั้นจริง" หลวงจีนชราก้มศีรษะยอมรับ
"ไต้ซือ ท่านเคยสอนข้าพเจ้ามากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ 'เรื่องที่พึงกระทำมิอาจไม่กระทำ' ดังนั้นแม้นทราบว่าการไปครั้งนี้ต้องเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต แต่ข้าพเจ้าก็ยังต้องไป" เสี่ยวซากล่าวด้วยใบหน้ามุ่งมั่น
"อมิตพุทธ นับว่าอาตมามองเจ้ามิผิด เช่นนั้นพวกเราไปเสี่ยงกันสักคราเถิด!"
ทันใดนั้นทั้งสองพลันได้ยินเสียงฝีเท้า พร้อมๆ กับเสียงคนผู้หนึ่งดังขึ้น
"ผู้ใดจะไปเสี่ยงอันใดกันหรือ? สามารถให้เราสองคนร่วมทางไปด้วยหรือไม่?!!"
"พี่ใหญ่ พี่สาม พวกท่านก็มาแล้ว!!!" เสี่ยวซาอุทานออกมาด้วยความยินดี ที่แท้ผู้ที่มาใหม่ก็คือ ฟาหลินซี และเสี่ยวโกยนั่นเอง!
...............
..............................
หลี่ซังซังรู้สึกขยะแขยงแทบอาเจียน
เบื้องหน้านางคือขอทานต่ำช้าสกปรกเกือบสิบคน และด้านหลังพวกมันยังมีขอทานอีกผู้หนึ่ง เป็นขอทานกลางคนในมือถือไม้เท้าหยกสีเขียวเป็นมัน เด็กสาวย่อมจดจำมันได้มันคือ...เติ้งเสี่ยวเทา! ประมุขพรรคกระยาจกคนปัจจุบัน ที่แท้นอกจากมันเป็นผู้วางแผนชั่วร้ายด้วยตนเอง มันยังเป็นผู้ที่หวังชื่นชมเรือนร่างของหลี่ซังซังเป็นบุคคลแรก
เติ้งเสี่ยวเทาแหวกพวกบรรดาเหล่านั้นเดินเข้าหาหลี่ซังซัง ท่ามกลางสายตาของเหล่าขอทานทุกคนต่างมองเรือนร่างนางด้วยแววตาลามกหื่นกระหาย ปรารถนาจะหาความสุขจากเรือนร่างนางในทางต่ำ
อย่างไรก็ตามความที่เคยผจญภัยในยุทธจักรมาบ้างทำให้นางตระหนักว่าเวลานี้ควรตั้งสติให้มั่น ค่อยๆ คิดแก้ไขปัญหาทีละลำดับ ...จุดของเสี่ยวซาจะคลายในอีกประมาณหนึ่งก้านธูป หากนางสามารถถ่วงเวลาถึงตอนนั้นได้ก็คงจะพอหาทางยักย้ายถ่ายเทไปตามกำลัง
คิดดังนั้นหลี่ซังซังจึงแสร้งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างสุขสมใจ ยิ่งพวกขอทานคืบใกล้นางยิ่งหัวเราะดัง กระทั่งเติ้งเสี่ยวเทาอดสงสัยมิได้
หัวเราะอันใดของเจ้า? ประมุขพรรคกระยาจกขมวดคิ้ว หากหลี่ซังซังไม่ตอบยังคงแย้มยิ้มอย่างมีเลศนัย
ขอทานผู้หนึ่งเหลือจะระงับความต้องการไว้ได้จึงกล่าวกับเติ้งเสี่ยวเทา ประมุขเติ้ง ชะรอยเด็กสาวนี้แกล้งหัวเราะเพื่อถ่วงเวลา เราทางที่ดีรีบลงมือเถิด
เด็กสาวเห็นอีกฝ่ายคาดการณ์แผนของตนถูก ไม่เพียงไม่แสดงอาการหวาดกลัวยังร้องออกมาดังๆ ใครว่าข้าถ่วงเวลาอยู่ หากเป็นอย่างที่พวกเจ้าบอกตอนนี้ทั้งเสี่ยวซาและหลวงจีนหัวหลินต่างอยู่ห่างไกลกระท่อมนี้ยิ่ง ข้าจะคาดหวังการมาของเขาไปทำไม?
เติ้งเสี่ยวเทาฟังดังนั้นก็ใคร่ครวญเห็นเหตุผล มันจะอย่างไรยังเป็นจอมยุทธที่ช่ำชอง จึงย้อนถามหลี่ซังซังว่า เจ้าท่าทางอยากให้พวกเราขืนใจเจ้าเหลือเกินนะ หรือหญิงของฉิกจับอิดล้วนเป็นสตรีร่านราคะ?
ความจริงเติ้งเสี่ยวเทาพูดยั่วโมโหหวังให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธจนเผยแผนการณ์ออกมา หากหลี่ซังซังกลับผงกศีรษะตอบรับกล่าวว่า ถูกต้อง! ข้าเป็นสตรี ร่านราคะ หวังให้พวกเจ้าผลัดกันมาขืนใจข้าโดยเร็ว ยิ่งมากยิ่งดี!! ยิ่งรุนแรงยิ่งประเสริฐ!! เหล่าขอทานฟังอย่างนี้จากที่เคยหื่นกระหาย ต่างคนต่างก็ต้องสะอึกถอยไปบ้าง พวกมันต่างคิดระแวงในใจจนไม่กล้าเข้าใกล้นาง
เอ เท่าที่ทราบหลี่ซังซังมิได้มีนิสัยเช่นนี้นี่หว่า เหล่าขอทานซุบซิบกัน เด็กหนุ่มที่เป็นคนรักของนางก็ท่าทางซื่อจะตาย
แต่ได้ยินว่านางนั้นเจ้าเล่ห์ หรือต้องการปั่นหัวเรา?
บ้าน่า ผู้หญิงที่ไหนจะกล้าล้อเล่นกับเรื่องอย่างนี้
...หรือว่านางเป็นโรคติดต่อร้ายแรง ปรารถนาให้พวกเราติดด้วย?
พอพูดกันมาถึงข้อสรุป พวกขอทานก็แตกตื่นบ้าง หลี่ซังซังได้ทีจึงว่า ถูกต้อง ข้าเป็นโรคติดต่อชื่อว่า โรคขาว บัดนี้แม้ไม่แสดงอาการภายนอก แต่ภายในรุ่มร้อนยิ่ง ต้องการพวกเจ้ามาปัดเป่าเหลือเกิน นางพูดไปตามเรื่อง ชื่อ โรคขาว นั้นเพิ่งคิดขึ้นมาสดๆ เมื่อครู่
เจ้าโกหก ข้าไม่เห็นเคยได้ยินชื่อโรคเยี่ยงนี้มาก่อน! เติ้งเสี่ยวเทาร้อง
หากหลี่ซังซังโต้ตอบทันควัน มันเป็นโรคใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่ถึงสิบปีมานี้น่ะสิ ผู้เป็นโรคนี้จะทำให้ร่างกายอ่อนแอถูกโรคอื่นนับพันชนิดแทรกซ้อนถึงแก่ความตาย ต้องทรมานยิ่งนัก
ข้าไม่เชื่อ!
ไม่เชื่อ เจ้าก็ไปตามหมอมาตรวจข้าสิ!
เจอไม้นี้เติ้งเสี่ยวเทาถึงกับอึ้ง เพราะร้านหมอที่ใกล้ที่สุดนั้นอยู่ห่างไปถึงห้าลี้ ทั้งหมอก็เป็นแพทย์พื้นบ้านไม่มีความรู้ลึกซึ้งอย่างใด
เขาชักไม่กล้าแตะต้องตัวหลี่ซังซัง แต่หากเสียเวลาตามหมอมา ไปกลับก็ต้องใช้เวลานาน เกลือกว่าหลวงจีนหัวหลินกับเสี่ยวซากลับมาทันก็จะเสียการณ์ นอกจากนั้นต่อให้หมอพื้นบ้านมาตรวจแล้วบอกว่าหลี่ซังซังไม่ได้เป็นโรคขาวอะไรนั่น พวกเขาจะมั่นใจคำหมอได้สักเท่าไร?
ขณะที่เติ้งเสี่ยวเทาลังเลอยู่ก็มีขอทานขี้เรื้อนคนหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้า พลางหัวเราะเห็นฟันเหลืองสกปรก พวกท่านเสียทีเป็นขอทานพรรคกระยาจก เพียงถูกเด็กอุบาทว์ขู่ก็พากันขวัญหนีดีฝ่อสิ้น ฮาฮา กะอีแค่โรคขาวไม่เห็นน่ากลัวอย่างใด เวลานี้บิดาเป็นทั้งโรคเรื้อน โรคห่าและกามโรค ใกล้ตายรอมร่อแล้ว ขอเพียงได้ลิ้มรสหญิงงามเช่นนี้อีกคนก่อนสิ้นลม จะเป็นโรคขาวหรือโรคอะไรอีกก็คุ้ม
เจอไม้นี้หลี่ซังซังก็ต้องหน้าซีดบ้าง หากเป็นโชคของนางที่พอขอทานขี้เรื้อนย่างก้าวจะเข้ามาจริงๆ กลับถูกพวกขอทานอื่นๆฉุดกระชากไว้ ช้าก่อน หากให้เจ้าไปขืนใจนาง ต่อให้นางมิได้เป็นโรคขาวก็ต้องติดสารพัดโรคจากเจ้าจนพวกเราไม่กล้าทำอะไรอยู่ดี!
จากนั้นพวกขอทานก็ทะเลาะกันวุ่นวายเป็นเวลานาน กระทั่งจุดสกัดของหลี่ซังซังค่อยๆคลายลง นางแลบลิ้นยินดีที่พวกโง่เหล่านี้หลงกล จึงค่อยๆขยับตัวจะหลบหนี
หากขณะเด็กสาวขยับเขยื้อนกายเพียงเล็กน้อยก็มีดรรชนีพุ่งมาสกัดจุดเดิมของนางอีกครั้ง!!
เสียงดัง ปึก ติดต่อกัน ร่างของหลี่ซังซังกลับด้านชาไปใหม่ นางเงยหน้าขึ้น ผู้จี้สกัดกลับเป็นเติ้งเสี่ยวเทาเอง!
ที่แท้ประมุขพรรคกระยาจกแกล้งยืนมองบริวารทะเลาะกันโดยไม่ห้ามปราม เพื่อล่อให้ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหวก่อน มันแค่นยิ้มกล่าวว่า เด็กอันร้ายกาจ จะอย่างไรเจ้ายังอ่อนประสบการณ์บ้าง เมื่อครู่หากรู้จักเก็บอารมณ์มากกว่านี้ ข้าคงดูไม่ออกว่าเจ้าปั้นเรื่องมาถ่วงเวลา แต่เอาเถอะ... มันฉีกกระชากปกเสื้อของหลี่ซังซังออกข้างหนึ่ง เผยให้เห็นไหล่อันขาวผ่องนวลเนียน
ข้ารู้ว่าเจ้าเจ้าเล่ห์ จะจี้จุดให้นอนหลับไปเสีย และพอตื่นมาอีกทีเจ้าจะมีสามีถึงสิบคนพร้อมกัน ดีใจไหม? เติ้งเสี่ยวเทาหัวเราะอย่างหยาบช้า พวกขอทานเพิ่งทราบว่าอะไรเป็นอะไรก็พากันโห่ร้องยินดี
หลี่ซังซังหน้าซีด นี่จึงเป็นคราวที่นางเสียท่าอย่างแท้จริง ขณะจะพูดอะไรต่อนั้นก็ถูกเติ้งเสี่ยวเทาจี้จุดหลับทำให้เกิดความง่วงอย่างรุนแรง
นางรู้สึกหวาดกลัว เสียใจ ...นางได้แต่นึกถึงภาพเสี่ยวซา
จากนั้นนางก็หมดสติไป...
... ... ...
แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 48 15:01:40
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
27 ม.ค. 48 14:39:20
]