CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    คุณค่ะ...ฉันรักคุณค่ะ (ตอนที่ 4)

    “สองคนนั่นทำไมมาสายล่ะ” เสียงของประธานในที่ประชุมดังขึ้นเมื่อแตงกวาและแอมเดินแกมวิ่งมาถึงลานกลางหมู่บ้านทำให้ทุกคนที่นั่งอยุ่ก่อนแล้วหันมามองเป็นตาเดียว

    “แอมไม่สบายนิดหน่อยค่ะพี่วัฒน์ เลยมาสายไปนิดนึง ขอโทษทีนะค่ะ” แตงกวาตอบตามแผนการณ์ที่วางไว้ในใจพร้อมกับมองหน้าคนถามแล้วเธอก็ไม่ผิดหวังเพราะเธอเห็นความเป็นห่วงอยู่ในดวงตาคู่นั้นชั่วแวบหนึ่งก่อนที่มันจะหายไปอย่างรวดเร็ว

    “โอเค งั้นเรามาเริ่มประชุมกันต่อเลยละกัน…” ท่านประธานของที่ประชุมเริ่มดำเนินการประชุมต่อจนจบ

    “แอมไม่สบายเป็นอะไรเหรอ” เสียงของวัฒนาดังขึ้นขณะที่ทั้งสองสาวกำลังจะเดินกลับบ้านพัก

    “ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ” แอมตอบด้วยความรู้สึกดีที่เห็นว่าวัฒนาเป็นห่วง แตงกวาที่ยืนอยู่ข้างๆก็ยิ้มด้วยความพอใจในผลลัพธ์ของแผนการณ์ที่ตนเองวางเอาไว้

    “ดีแล้วล่ะที่ไม่เป็นอะไรมาก เพราะนี่ยัยปุ้ยก็มาเป็นไข้ ถ้าแอมเป็นหนักอีกคน สองสาวที่เหลือละก็แย่เลย” ความรู้สึกดีที่อยู่ในใจของแอมนั้นหายวับไปกับตา ขณะที่เจ้าของแผนการณ์ได้แต่ยืนอึ้งอยู่กับคำพูดของวัฒนา

    “พี่วัฒน์ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ แอมดูแลตัวเองได้ค่ะ จะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรอกค่ะ ขอตัวก่อนนะค่ะ” พูดจบแอมก็เดินกลับไปที่บ้านพักทันทีโดยที่ไม่รอแตงกวา

    “แตงกวา...แอมเค้าเป็นอะไรไปน่ะ” วัฒนาถามหญิงสาวที่เหลืออยู่อย่างงงๆ

    “แอมเค้าคงปวดหัวกระทันหันมั้งค่ะ” พูดจบแตงกวาก็หันไปคุยกับชายหนุ่มอีกคนที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆวัฒนา

    “พี่หม่อนแผลเป็นไงมั่งค่ะ” พูดพลางก้มลงไปดูเท้าของอีกฝ่าย

    “ก็ยังเจ็บนิดๆนะ โชคดีที่ได้ยาของแตงกวาไม่งั้นอาจจะเจ็บมากกว่านี้” ชายหนุ่มตอบ

    “งั้นก็ดีแล้วค่ะ พยายามอย่าให้แผลโดนน้ำนะค่ะ” หญิงสาวยังคงกล่าวต่อ

    “คร้าบ...คุณพยาบาลแตงกวา” คนเจ็บรับคำด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

    “พี่หม่อนแน่ใจเหรอครับ ว่าจะให้ไอ้แตงกวาเนี่ยเป็นพยาบาล” วัฒนาพูดจบเสียงหัวเราะของผู้ชายทั้งสองคนก็ดังขึ้นอย่าง

    “พี่วัฒน์อยากมีแผลที่ปากหรือไง กลัวน้อยหน้าพี่หม่อนก็บอกดีๆก็ได้ เดี๋ยวแตงกวาจัดการให้” หญิงสาวคนเดียวพูดด้วยน้ำเสียงอาฆาต

    “โห...เอาจริงแหะ พี่แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง” วัฒน์แกล้งพูดเสียงอ่อยๆ

    “พี่ว่าตอนนี้แตงกวาไปนอนได้แล้วล่ะ น้ำค้างเริ่มลงแรงแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบายไปอีกคน” คนเจ็บพูดขึ้น

    “แตงกวาแข็งแรงจะตาย ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก” หญิงสาวบอกกับชายหนุ่มอีกสองคนอย่างขี้โม้

    “เออ...พี่รู้ว่าเราน่ะแข็งแรง แต่พี่ว่าเราน่าจะกลับไปดูแลแอมได้แล้วล่ะ” วัฒนาสนับสนุนความคิดของคนเจ็บ

    “แหม...เป็นห่วงแอมก็ไม่บอก” หญิงสาวแซว

    “ก็ห่วงอ่ะซิ แอมก็คนในทีมเหมือนกันนะ จะไม่ให้ห่วงได้ไง”

    “โธ่! พี่วัฒน์ แตงกวาไม่คุยด้วยแล้ว ไปดีกว่า” พูดจบหญิงสาวก็เดินหน้ามุ่ยกลับไป


    “แอมตื่นได้แล้ว จะสายแล้วนะ เดี๋ยวก็โดนพี่วัฒน์ของแอมบ่นเอาหรอก” แตงกวาพูดเมื่อเธอเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นเพื่อนยังไม่ตื่น หญิงสาวที่นอนอยู่ก็ยังคงไม่ตื่น แตงกวาเลยต้องเดินเข้าไปเขย่าตัวเรียก แล้วก็ต้องร้องออกมาด้วยความตกใจว่า

    “แอมเป็นอะไร ทำไมตัวร้อนอย่างนี้” พูดจบแตงกวาก็เดินไปหาเจ้าของบ้านเพื่อขอยาแก้ไข้มาให้แอม

    “แอมวันนี้ไม่ต้องไปทำงานหรอก นอนพักไปเถอะ” แตงกวาพูดกับเพื่อนเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะลุก

    “ขอโทษนะ เราทำให้แตงกวาเหนื่อยแย่เลย” คนป่วยพูดออกมาด้วยเสียงอันแหบแห้ง

    “ไม่เป็นไรหรอก งานแค่นี้เล็กน้อย แตงกวาซะอย่าง งั้นเดี๋ยวแตงกวาไปทำงานก่อนละกันนะ แล้วเดี๋ยวตอนเที่ยงๆจะมาดูนะจ้ะ” พูดจบเธอก็เดินออกไป


    “แตงกวาทำไมมาสายอีกแล้ว” วัฒน์ถามเมื่อเห็นแตงกวามาที่ลานกลางหมู่บ้านสายกว่าปกติ

    “ก็แอมน่ะสิพี่วัฒน์ ไข้ขึ้น ตัวร้อนจี๋เลย แตงกวาเลยต้องอยู่ดูแลก่อนออกมา” แตงกวาบอกเหตุผลให้ฟัง ทำเอาคนถามเงียบไปสักครู่ก่อนถามขึ้นว่า
    “แล้วนี่ให้กินยาหรือยัง”

    “กินแล้ว ตอนนี้กำลังหลับอยู่ กะว่าตอนเที่ยงจะเข้าไปดูอีกทีน่ะค่ะ” แตงกวาตอบ

    “งั้นทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานได้ เดี่ยวพี่จะไปดูแอมหน่อย แตงกวามากับพี่ก่อนเดี๋ยวค่อยตามไปทีหลัง” พูดจบทุกคนที่ร่วมประชุมต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของตนเอง ส่วนวัฒนากับแตงกวาก็เดินกลับมาที่บ้านพักของแตงกวากับแอม

    “แอมไปทำทีท่าไหนเนี่ยถึงได้ไข้ขึ้นขนาดนี้” วัฒนาถามเมื่อเห็นสภาพของแอมแล้ว

    “สงสัยเป็นเพราะเมื่อคืนอาบน้ำดึกมั้งพี่ก็เลยเป็นไข้” แตงกวาตอบตามข้อสันนิษฐานของตนเอง คนฟังพยักหน้าเห็นด้วย

    “พี่วัฒน์ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวค่อยกลับมาดูแอมตอนเที่ยง แตงกวาก็จะไปเหมือนกัน” วัฒนาพยักหน้าเห็นด้วย แล้วเดินนำออกจากห้องไป


    “แตงกวาเที่ยงแล้ว ไปดูแอมกันเถอะ” วัฒนาเดินถือถาดที่ใส่อาหารสำหรับคนป่วยมาเรียกหญิงสาวที่กำลังจัดการอาหารเที่ยงให้กับทุกคนอยู่

    “แป็บนึงนะพี่วัฒน์ แตงกวายังจัดการอาหารยังไม่เสร็จเลย” แตงกวาบอกกับวัฒน์ก่อนที่จะลงมือจัดการกับงานตรงหน้าต่อ

    “งั้นก็รีบทำละกัน แอมเค้ายังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าไม่ใช่เหรอ” วัฒนาบอกกับคนที่กำลังทำงานอยู่ตรงหน้า

    “เอ้า! เสร็จแล้ว ไปกันเถอะพี่วัฒน์” หญิงสาวบอกกับคนที่ยืนกระสับกระส่ายใกล้ๆเมื่องานตรงหน้าของเธอเสร็จ

    “ความจริงพี่วัฒน์ไปดูแอมคนเดียวก็ได้นะ ไม่เห็นต้องเอาแตงกวาไปด้วยเลย” หญิงสาวบ่นระหว่างทางที่เดินไปยังบ้านพักของเธอ

    “บ้า พี่จะไปคนเดียวได้ไง น่าเกลียด”

    “จริงด้วย แตงกวาก็ลืมไปว่าพี่วัฒน์กับแอมไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ทำอย่างนั้นมันคงน่าเกลียด เออ...ถ้าพี่เป็นแฟนกับแอมก็ว่าไปอย่างใช่ป่ะพี่วัฒน์” หญิงสาวหันไปถามชายหนุ่ม ชายหนุ่มไม่ตอบ แตงกวาก็เลยพูดขึ้นมาว่า
    “พี่วัฒน์ดูเป็นห่วงแอมจังเลยนะ”

    “อ้าว! ก็แอมเป็นหนึ่งในทีมนี่พี่ก็ต้องเป็นห่วงสิ” ชายหนุ่มบอกคำตอบที่ทำให้แตงกวานึกตั้งฉายาในใจว่า ‘พี่วัฒน์คนปากแข็ง’ ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อทั้งสองคนก็เดินมาถึงบ้านพักของแตงกวากับแอม ทั้งคู่เดินตรงไปยังแอมที่นอนหลับอยู่

    “แอมเป็นไงบ้าง ” แตงกวาถามเมื่อเอามือไปแตะที่หน้าผากอีกฝ่ายแล้วพบว่าไข้ลดลงแล้ว ขณะที่วัฒน์ยืนดูห่างออกไป

    “หืม...ใครน่ะ” แอมงัวเงียถามออกมา

    “แตงกวาเองแอม” แตงกวาตอบ

    “แตงกวาเองเหรอ เราค่อยยังชั่วขึ้นแล้วล่ะ” แอมบอกด้วยน้ำเสียงที่หายงัวเงียแล้ว แต่ก็ยังคงแหบแห้งอยู่

    “แอมมากินข้าวหน่อยเถอะ กินเสร็จจะได้กินยานะ” แตงกวาพูดพลางพยุงคนป่วยให้ลุกขึ้นนั่ง

    “พี่วัฒน์ว่าไงบ้างแตงกวา” แอมถามเพื่อนโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าชายหนุ่มที่ถูกเอ่ยถึงนั้นอยู่บริเวณนั้นด้วย

    “เอาไว้ถามพี่วัฒน์เองดีกว่านะ” พูดพลางกวักมือเรียกคนที่ยืนถือถาดอาหารอยู่ให้เข้ามาใกล้ๆ ขณะที่คนป่วยหน้าที่เคยซีดเซียวมาตอนนี้กลับมีสีสันขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

    “เอ่อ...พี่วัฒน์” แอมพูดอะไรไม่ออกได้แต่เรียกชื่อของชายหนุ่มที่นั่งลงข้างๆที่นอนของเธอเบาๆ

    “พี่ไม่ว่าอะไรแอมหรอก วันนี้พี่ให้แอมหยุดจนกว่าจะหายดีละกัน” ชายหนุ่มบอกกับคนป่วยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง

    “เดี๋ยวพี่วัฒน์ป้อนข้าวแอมไปก่อนละกันนะ แตงกวาจะไปช่วยสาเค้าล้างจานก่อนนะ เหลือสาคนเดียวเอง ป่านนี้มือเปื่อยแล้วแน่เลย” พูดจบก็เดินออกไปทันทีโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากทั้งคนป่วยและคนที่ได้รับหน้าที่เป็นผู้ป้อนข้าวให้กับคนป่วย

    “เอ่อ...ถ้าพี่วัฒน์มีงานที่ต้องทำก็ไม่เป็นไรนะค่ะ แอมดูแลตัวเองได้ค่ะ” แอมพูดกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ๆด้วยความเกรงใจ

    “ทำไม...แอมรำคาญพี่หรือไง ถึงไล่พี่กลับเนี่ย” ชายหนุ่มพูดกับหญิงสาวที่น้ำเสียงติดจะออกน้อยใจนิดๆโดยที่คนพูดก็ไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร

    “เปล่านะค่ะ แอมไม่ได้รำคาญพี่วัฒน์นะค่ะ เพียงแต่แอมเกรงใจพี่วัฒน์น่ะค่ะ” คนป่วยรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

    “ถ้าพี่ไปแล้วแอมจะกินข้าวยังไงล่ะ แรงยกช้อนมีรึเปล่ายังไม่รู้เลย”

    “พี่วัฒน์ค่ะ แอมไม่ได้เป็นมากขนาดนั้นหรอกนะค่ะ” แอมเถียงพร้อมกับยกช้อนตักข้าวใส่ปากเป็นการยืนยัน

    “มีแรงยกช้อนได้แล้วก็แสดงว่าไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว งั้นพี่ไปก่อนละกัน กินเสร็จแล้วอย่าลืมกินยาด้วยละกันจะได้หายเร็วๆ” ชายหนุ่มเอยเสียงเรียบ

    “ค่ะ แอมจะรีบหายเร็วๆจะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้กับใครอีก” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นนิดๆกลัวว่าน้ำตาจะไหลออกมาให้เขาเห็น ชายหนุ่มไม่เอ่ยอะไรอีก เขาเดินออกมาเงียบๆ แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆของคนป่วย เขาเดินเข้าไปหาเจ้าของเสียงร้องไห้อย่างรีบร้อน

    “แอมเป็นอะไร” เขาถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

    “เปล่าค่ะ แอมไม่ได้เป็นอะไร พี่วัฒน์รีบไปทำงานต่อเถอะค่ะ” คนป่วยบอกเขาเสียงปนสะอื้นเล็กๆ

    “ไม่ได้เป็นอะไร แล้วทำไมต้องร้องไห้” ชายหนุ่มถามต่อ

    “...” ความเงียบคือคำตอบของหญิงสาว

    “แอมบอกพี่สิว่าแอมเป็นอะไร เอาแต่เงียบอย่างนี้พี่จะรู้มั้ย” เสียงของชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดขึ้น

    “แอมเป็นอะไร พี่วัฒน์ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ แอมจะรีบหายจะได้ไม่เป็นภาระให้ใครอีก”

    “แอม ทำไมถึงพูดอย่างนี้” น้ำเสียงยังหงุดหงิดเหมือนเดิม

    “ตอนนี้แอมไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ พี่วัฒน์ไปทำงานต่อเถอะค่ะ” แอมบอกด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

    “ทำไมถึงชอบไล่พี่จังเลยล่ะ รำคาญพี่แล้วใช่มั้ย” ชายหนุ่มเริ่มเสียงดังขึ้น

    “แอมไม่เคยรำคาญพี่วัฒน์เลยนะค่ะ พี่วัฒน์ต่างหากล่ะที่รำคาญแอม” แอมบอกด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความน้อยใจ

    “ถ้าพี่รำคาญแอม แล้วพี่จะมาอยู่อย่างนี้มั้ย” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างหงุดหงิด

    “ที่พี่วัฒน์มาก็เพราะ พี่จะมาดูว่าแอมหายรึยัง เมื่อไหร่จะกลับไปทำงานได้ต่อไงค่ะ” หญิงสาวโต้กลับไปเท่าที่แรงคนป่วยจะเอื้ออำนวย

    “โอ๊ย! คิดได้ไงเนี่ย” ชายหนุ่มร้องออกมาอย่างหงุดหงิด โชคดีที่ไม่มีคนอยู่บ้านไม่งั้นคงรีบวิ่งมาดูด้วยความตกใจ

    “ไม่รู้สิค่ะ ก็คิดได้อย่างนี้แหละค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไป ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้น

    “โอเค พี่มาดูแอม เพราะพี่อยากให้แอมกลับไปทำงานต่อจริงๆ แต่ที่พี่อยากให้แอมกลับไปทำงานต่อก็เพราะนั่นแสดงว่าแอมสบายดีไม่ได้เจ็บไข้อะไร แล้วก็...พี่จะได้เห็นรอยยิ้มของแอม ได้ยินเสียงหัวเราะของแอม ได้ยินแอมคุยกับพี่”

    “ไม่จริงหรอกค่ะ ก่อนหน้านี้พี่วัฒน์เอาแต่ทำท่ารำคาญแอม” แอมเถียงเบาๆ

    “นั่นเป็นเพราะว่า...เอ่อ...พี่ไม่ชอบที่แอมไปสนิทกับกอล์ฟเกินไปน่ะ” ชายหนุ่มต้องรวบรวมกำลังใจอย่างมากกว่าที่จะพูดประโยคสุดท้ายออกมาได้

    “แอมไม่เข้าใจค่ะ” คนป่วยบอกเบาๆ

    “เอาง่ายๆเลยนะแอม เพราะพี่รักแอมพี่เลยหึงแอม” ประโยคสุดท้ายชายหนุ่มพูดอย่างรวดเร็วแทบฟังไม่ทันหากไม่ตั้งใจฟังจริงๆ

    “แอมกับกอล์ฟเป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆนะค่ะ” หญิงสาวรีบบอกกับชายหนุ่มที่จ้องหน้าเธออยู่

    “พี่รู้ แต่วันนั้นพี่ไม่รู้เป็นไง พอพี่เห็นแอมเช็ดหน้าให้กอล์ฟแล้ว พี่ก็โมโหทันที”

    “แต่แอมก็ถามพี่วัฒน์แล้วนี่ค่ะ พี่วัฒน์ก็ปฏิเสธ”

    “ก็ตอนนั้น โมโหอยู่นี่” เสียงชายหนุ่มเริ่มอ่อนลงจนเกือบจะเป็นอ้อน

    “ค่ะ” หญิงสาวตอบแค่นี้เพราะไม่รู้จะตอบอะไรที่ดีกว่านี้

    “แอมหายน้อยใจพี่แล้วนะ” ชายหนุ่มถามหญิงสาวที่ก้มหน้าหลบสายตาเขา

    “ค่ะ”

    “งั้นพี่ถามอีกคำถามเดียว แล้วเดี๋ยวพี่ก็จะให้แอมกินข้าวแล้ว” ชายหนุ่มบอกกับหญิงสาวที่เงยหน้าขึ้นมามองเขา แล้วเขาก็เอ่ยถามออกไปว่า “พี่บอกแอมไปแล้วว่าพี่รู้สึกยังไงกับแอม แล้วแอมล่ะรู้สึกยังไงกับพี่ บอกพี่หน่อยได้มั้ย”

    จากคุณ : @หนูเอ๋อ@ - [ 29 ม.ค. 48 16:05:26 A:168.120.26.5 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป