หลายชั่วโมงเหลือเกิน..ที่รถเก๋งคันนั้นต้องทำงานอย่างหนัก
มันถูกกดคันเร่งครั้งแล้วครั้งเล่า พาคนทั้งสองให้ไปถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด
คนขับเอง..แม้ปากจะเล่าเรื่องราวที่เขาค้นพบในบันทึกเล่มนั้นอยู่แทบตลอดเวลา หากสายตาของเขาก็แทบจะไม่หลุดจากท้องถนนที่มืดมิดตรงหน้า
ร่างกายทุกส่วนทำงานอย่างอัตโนมัติ
โดยเฉพาะสมอง เขาขบคิดอยู่ตลอดเวลา เพื่อผูกโยงเรื่องราวให้เป็นเรื่องเดียวกัน
แม้จะเป็นเรื่องราวที่โกหกอย่างมหาวินาศก็ตาม
........
นักข่าวสาวผู้นั้น วิรานี..มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?
และอะไร..เป็นสาเหตุของการกลายพันธุ์ของไวรัสนกในครั้งนี้?
ยังมี..ผ้าปูที่นอนสีเขียว..สัญลักษณ์ หรือจะเรียกว่าอะไรก็ตาม มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในลักษณะไหน?
แล้วพญ.นารินล่ะ เธอติดเชื่อในลักษณะไหน? สภาพของเธอจึงได้เป็นเช่นนั้น
คำถามเหล่านี้..ผู้ที่ดูเหมือนจะรู้คำตอบ..คงจะมีเขาเพียงผู้เดียว
รตท.ทัดทาน!!
.......
เขารู้จักวิรานีน้อยเกินไป..การได้พูดคุยกันเพียงฉาบฉวย ในลักษณะของผู้มีอาชีพที่เกี่ยวข้องกัน ทำให้เขาไม่รู้อะไรมากไปกว่า เด็กสาวคนนี้..น่ารัก..แม้จะพูดมากและฉลาดมากเกินไป
มีอยู่ครั้งหนึ่ง..ก่อนเกิดเหตุการณ์ศพฆ่าตัวตายครั้งนี้..เขาว่างขึ้นมา..(และอาจจะคิดถึงเธออยู่บ้าง) เขาจึงเซิร์ทหาชื่อเธอเล่นในโปรแกรมประวัติของสนง.ตำรวจ
เขาจึงรู้ถึงภูมิหลังของวิรานี ตั้งแต่เล็กจนโต..จนเข้ามหาวิทยาลัย..ผ่านการฝึกงานที่ไหน..จนกระทั่งมาเป็นนักข่าวอยู่ในปัจจุบัน
เขาเองก็ลืมเลือนไปแล้ว..จนกระทั่งมาสะดุดเข้ากับสิ่งหนึ่ง
นั่นคือชื่อเรียกปฏิบัติการการเพาะเชื่อไว้รัสของสองดร.สามีภรรยาคู่นั้นในครั้งนี้
enariv
อีนารีฟ...!!!
......
การทดลองเพาะเชื้อไข้หวัดนกในเลือดของสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ
พญ.นาริน ยังไม่ได้เรียกปฏิบัติการครั้งนั้นว่า enariv
แต่เมื่อมันถูกทดลองในเลือดมนุษย์ อีนารีฟ คำนี้ ถูกเรียกใช้อย่างต่อเนื่อง
เมื่อเขียนกลับหลังแล้วอ่าน จะเห็นว่าตรงกับคำว่า Virani วิรานี..ตรงตัวพอดี
มันเป็นเรื่องตลก..และมั่วมาก..หากเรื่องนี้เป็นนิยายที่เขียนโดยนักเขียนบ้องตื้น
ถ้าเขาไม่มีข้อมูลมาก่อนว่า วิรานี เคยฝึกงานเป็นผู้ช่วยนักวิจัยคนหนึ่ง..ขณะที่เธอเรียนอยู่ปีสุดท้ายในมหาฯ ลัย
เขาจะไม่มีทางเชื่อเรื่องนี้เป็นอันขาด..
ชื่อสถาบันที่เธอไปฝึกงาน..มีดร.อัมฤทธิ์เป็นผู้อำนวยการอยู่นั่นเอง!!
......
เป็นไปได้ที่ดร.อัมฤทธิ์และหมอนาริน จะนำตัวอย่างเลือดของหญิงสาวมาทดลองเพาะเชื้อไว้รัสในครั้งนี้
อาจไม่ใช่เป็นการเรียกตัววิรานี..ไปเพื่อเจาะเลือดในเวลานั้น หากนำตัวอย่างเลือดที่หญิงสาวเคยให้ไว้..มาใช้เสียมากกว่า
และเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าของเลือด จึงไม่แปลกที่ทั้งสองจะเรียกปฏิบัติการนี้ว่า วีรานี
แต่เพื่ออะไรสักอย่าง ชื่อนี้จึงถูกกลับด้านอย่างตั้งใจ
วีรานี = อีนารีฟ
++++
จ่าต้อยอุทานอะไรออกมาคำหนึ่ง
โอ้..จอร์จ..นายมั่วได้เก่งมาก..!!
แต่รตท.ทัดทานหัวเราะไม่ออก
ใช่ ฉันยอมรับว่ามั่วมาก..แต่มันก็เข้าเค้าอยู่บ้าง..จ่าจะตอบได้ไหมล่ะว่า..หากคุณวิรานีไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แล้วอะไรล่ะ ที่ไปที่อพาร์ตเม้นท์ของเธอ ไปผูกเชือกหรือผ้าสีเขียวไว้ที่หน้าต่างของเธออย่างนั้น แล้วทำไมบ้านเกิดของเธอถึงอยู่ที่อำเภอปร๋วนอันเป็นทีเดียวกับที่เด็กสาวหนูทดลองคนนั้นเดินทางกลับไปแพร่เชื้อซอมบี้..และที่สำคัญ..จ่าคงไม่รู้ว่าในคืนนั้น..เธอได้ยินเสียงอะไร
จ่าต้อยสั่นศีรษะ
เสียงหัวเราะ..เสียงหัวเราะของเด็กตัวเล็ก ๆ
แล้ว?
เป็นไปได้ไหมว่า..มันกำลังไปหาแม่ของมัน!!?
เฮ่ย...
จ่าต้อยอุทานเสียงยาวเหยียด
++++
อีกด้านหนึ่งของเหตุการณ์
ผู้ที่ถูกกล่าวถึง..ยังนอนนิ่งอยู่บนอะไรอย่างหนึ่ง นุ่มนิ่มคล้ายเตียง
เสื้อผ้าทุกชิ้นถูกถอด..ออกไปแล้ว
ร่างกายเหมือนถูกตรึง..ใช่สิ..ข้อมือและข้อเท้าทั้งสอง..ถูกยึดไว้ด้วยเชือก..หรือเข็มขัด..แต่ถึงกระนั้น..หล่อนก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะดิ้นรนอยู่ดี..
รู้สึกตัวว่ายังหายใจ..สมองทบทวนในสิ่งที่เกิดขึ้น..มันวาบหวิว..วกวน..ซับซ้อน..ราวชมวิดีโอ..ที่เนื้อเทปยับเยินแหว่งวิ่น
ดวงตาที่ลอยขึ้นไปซ่อนอยู่ใต้หนังตาบน..บอกอะไรหล่อนได้ไม่มากนัก..นอกเสียจากเงาอะไรวูบวาบ..
แล้ว..รู้สึกเจ็บแปล๊บ..ที่คอ..เส้นเลือดใหญ่..ถูกตัวยาชนิดหนึ่ง..แทรกซึมเข้าสู่สมอง..
มันเคลื่อนตัวอย่างแช่มช้า..ผ่านช่องหู..เคลื่อนผ่านกระโหลกด้านหลัง..ซึมถึงก้านสมอง..มันหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น..
หล่อนรู้สึกได้..ถึงการแผ่ซ่าน..แตกแขนงเกาะกุม..ยึดติดไว้..จาก "อะไร" ชนิดหนึ่ง..
ความปวด..มันเริ่มต้นจากตรงนั้น..ค่อย ๆ ทวีขึ้น..ราวจะระเบิดออกมา..
หล่อนกรีดร้อง..
++++
รู้สึกตัวอีกครั้ง..ความปวดหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ร่างกายเบาหวิว..คล้ายล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ
ความรู้สึกแปลกประหลาด กระจายไปทั่วตัว เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย..
แล้วที่แทรกขึ้นมาในทันทีนั้น กลับเป็นความรู้สึกหิว
หิว..หิวมาก..หิวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
วิรานีพยายามลืมตา..แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นความมืดมิด..
กลิ่นสาบสางหรือกลิ่นเน่านั้น..จางไป..กลับกลายเป็นอีกกลิ่น..สาบสางจากเนื้อสด
มันเป็นกลิ่นที่ชัดเจน..ราวลอยอยู่ตรงจมูก
น้ำลายสอออกมาอย่างสุดกลั้น..กลิ่นยั่วยวนเกินห้ามใจ
สองมือไขว่คว้า..สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากชิ้นส่วนนั้น..
สมองที่โปร่งโล่ง มีแต่คำสั่งเดียวให้ร่างกายต้องทำ
กิน และกิน ..กินทุกอย่างที่ขวางหน้า
เธออ้าปาก..กัดกร้วม
กลิ่นคาวกระจายคลุ้ง ความหวานปะแล่มจากของเหลวไหลล้นออกมาจากปาก
พร้อมกับเสียงหัวเราะแหบพร่าของใครคนหนึ่ง
หึหึ..สำเร็จแล้ว..
+++++
จากคุณ :
ปิ๊วปิ้ว
- [
2 ก.พ. 48 19:46:36
A:202.5.87.8 X:
]