* * * * _ _ _ _ _ปี ศ า จ ว สั น ต์_ _ _ _ _ * * * * (ช่วงแรก) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3099880/W3099880.html
(มีลิงก์ต่อให้ทุกตอนแล้วนะคะ)
****************************
ปิศาจวสันต์ ช่วงที่ ๙
The Spring Spirit
๓๙.
ผมมาถึงนอร์ทซิดนี่ย์ ซึ่งเป็นย่านคนรวยของมหานครแห่งนี้ในเวลาสาย จากตรงนี้เมื่อมองเข้าไปในเมืองก็จะเห็น โอเปร่าเฮ้าส์ และ ซิดนี่ย์ฮาร์เบอร์บริดจ์ ในมุมที่สวยงามที่สุดมุมหนึ่ง ลมพัดไอเย็นมาจากทะเลทำให้ต้องกระชับเสื้อคลุมให้แนบตัว ด้วยเหตุนี้ทั้งที่แดดแรงจนแสบผิวแต่เหงื่อก็ไม่มีทีท่าจะซึมออกมาช่วยระบายอุณหภูมิภายใน
บ้านของแม่บังเกิดเกล้าตั้งอยู่บนส่วนสูงสุดของเนินเขา คฤหาสน์ไม้ทาสีขาวทั้งหลังจึงเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางหมู่บ้านสีลูกกวาด วิธีเดินนับเลขที่บ้านที่จะใช้ได้ดีเฉพาะการนับเลขห้องของตึกแถวในเมืองไทยกลับใช้ได้ผลดีกับที่นี่
กดกริ่งและยืนรออยู่นานกว่าจะมีคนเดินมาเปิดประตูรั้ว เธอคงเป็นหญิงชาวเอเชียตะวันออกชาติใดชาติหนึ่งที่พูดภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อด้วยสำเนียงเฉพาะตัวจนเราฟังและสื่อสารกันแทบไม่รู้เรื่อง เธอเดินไปมาระหว่างประตูบ้านกับประตูรั้วหลายเที่ยว กว่าจะตกลงเข้าใจกันได้ว่า ชื่อตามที่อยู่ที่จ่าหน้าซองจดหมายนี้ได้ย้ายจากไปอยู่ที่อื่นนานแล้ว
ผมยืนนิ่งอยู่อีกหลายอึดใจ แล้วจึงกล่าวขอบคุณไมตรีของคนให้ข้อมูลอย่างสุภาพ
ขณะที่เดินจากมา รู้สึกว่ามีตาคู่หนึ่งมองตาม แต่ผมก็ไม่ได้หันกลับไป ผมแค่อยากจะเห็นหน้าเธอสักครั้ง
เมื่อเธอไม่ยอม
.เธอก็จะไม่ได้เห็นหน้าผมเช่นกัน
๔๐.
งานแรกของการเป็นกะลาสีเรือ เมธก็ได้เดินทางมาไกลถึงออสเตรเลีย บริษัทบริการเรือเดินสมุทรของเขาได้รับว่าจ้างให้ขนชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ มาส่งให้บริษัทประกอบรถยนต์ยี่ห้อออสเตรเลียนาม โฮลเด้น มันเป็นสินค้าล็อตใหญ่เขาจึงมีเวลาเตร็ดเตร่เที่ยวชมเมืองหลายวัน
เมธคร้านที่จะต้องกลับไปนอนที่เรือ จึงถือโอกาสเปิดห้องเช่าเล็กๆ ในย่านไชน่าทาวน์ ใจกลางเมืองซิดนี่ย์ซึ่งสะดวกมากสำหรับการขยับขยายไปเที่ยวชมเมืองไม่ว่ามุมไหน เขาโชคไม่ดีใน สตาร์ คาซิโนที่ใหญ่ที่สุดของเมือง แต่กลับดวงดีที่ถนนคิงครอส แหล่งโลกีย์ชื่อกระฉ่อน บรรดาสาวๆ เพลย์เบิร์ดเคยลงทุนนั่งรถไฟตามเขามาถึงห้องพัก
ครั้งแรกที่เธอคนหนึ่งมาเคาะประตูห้อง เมธรู้สึกตื่นเต้นและตกใจเล็กน้อย เพราะแม่สาวคนที่บุกถึงห้อง เป็นคนเดียวกับที่สบตากันแล้วเขาก็ยิ้มให้เล็กน้อยตอนเดินสวนกันที่สถานีรถไฟ เธอคล้ายคนไทยแต่ไม่ใช่ อาจจะเป็นฟิลิปปินส์ หรือไม่ก็อินโดฯ ดวงตาคู่คมกลมโตนั่นมีเสน่ห์ดึงดูดได้ไม่น้อย
คุณอยู่คนเดียวเหรอคะ เธอถามด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งหู ซึ่งคงจะเสียมารยาทหากเขาจะไม่เชิญเธอเข้าไปในห้อง
๔๑.
ที่ เฮย์สตรีท ถัดจากที่ผมพักไปเพียงสองช่วงตึก ชัชถูกโยนออกมาจากผับแห่งหนึ่ง มีสาวไทยรีบวิ่งตามออกมาประคับประคองกันให้เดินห่างออกไปจากย่านผู้คนพลุกพล่าน ผมเดินตามไปเงียบๆ เพราะจำได้ว่าเขาคือคนที่เคยรู้จักเมื่อไม่นานมานี้
เขาผลักหญิงสาวให้พิงกับกำแพงเตี้ย ทำท่าจะเปิดฉากรักเสียตรงนั้น แต่ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาฟุบลงไปนิ่งอยู่กับอกของเธอ แล้วทั้งคู่ก็ซวนเซล้มกลิ้งไปกับพื้นลาด เมื่อหญิงสาวตั้งหลักได้ ก็ตบหน้าชัชอย่างแรง ได้ยินไม่ถนัดว่าเธอสบถอะไรออกมาบ้าง ที่เห็นรางๆ นั่นคือเธอค้นทุกช่องกระเป๋าในตัว แล้วก็คงจะยัดทุกสิ่งที่เจอลงในกระเป๋าถือใบเล็กนั่นก่อนที่จะวิ่งหายไปในความมืด
โลกที่คับแคบพาให้ผมต้องมาเจอกับคนที่ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้า เขาทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งกลายเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเรามันก็เป็นคนไทยด้วยกัน ผมจำต้องพาเขากลับมาที่ห้องพัก
กว่าเขาจะฟื้นตัวได้ก็เป็นหัวค่ำของวันรุ่งขึ้น เสียงเคาะประตูทำให้ชัชสีหน้าแปลกๆ
คุณไม่ได้ออกไปไหน สาวอินโดคนเดิมมาถามผมอีกแล้ว
ผมมีแขกน่ะ ผมตอบสั้นๆ ไม่กล้าเปิดประตูกว้างนัก เพราะเราทั้งคู่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย
เธอพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แล้วเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไร
.ผู้หญิงบางคนก็สามารถตัดใจจากอะไรได้ง่ายๆ จนน่าใจหาย
ผมไม่ได้มาขัดจังหวะอะไรนะ ชัชเอ่ยขึ้นเบาๆ จากด้านหลัง เขาดูมีสติสมบูรณ์แล้วในเวลานี้
.ไม่
ไม่เลย
เธอใช้ได้เชียวหละ ผมหันไปเห็นสายตาที่ส่งเลยตามออกไปพอดี
โรงแรมระดับนี้..ผู้หญิงอย่างนี้มีเยอะแยะไป
คุณมาจากไทยเหรอ..เอ่อ..ผมหมายความว่าคุณมาจากจังหวัดไหน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะจำผมไม่ได้เลย
ผมเป็นคนกรุงเทพ
.ผมเป็นกะลาสี
นานเท่าไหร่แล้ว
เขาถามเรื่อยๆ เหมือนแค่อยากจะสานต่อบทสนทนามากกว่าอื่น
ไม่นาน
ก่อนนี้ผมเป็นตำรวจบ้าน ผมยังคงตอบสั้นๆ
ก็ดีนะ
แต่..เคยเป็นตำรวจแล้วไหงมาเป็นกะลาสีได้ล่ะ
ไม่มีอะไร แค่อยากจะร่อนไปเรื่อย คุณมาซิดนี่ย์นี่นานแล้วหรือยัง ผมถามกลับไปบ้าง คงน้ำเสียงเรียบๆ ไว้เหมือนเดิม
สองสามเดือนได้แล้ว
มาทำไม
มาหางานทำเหรอ ผมสันนิษฐานตามหลักการทั่วไปของคนที่อยากมาที่ประเทศนี้
ผมไม่ชอบทำงาน
มาตามหาครอบครัว
ด้วยคำตอบนี้ทำให้ผมต้องทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับเขา มีโชคไหม ผมถามจากใจ
ออกไปกินเหล้ากันไหม แต่คำตอบที่ได้กลับกลายเป็นเรื่องอื่น
สีหน้าของเขาตอนนี้มันช่างเลื่อนลอย คล้ายกับคนที่ผิดหวังอย่างแรงกับอะไรสักอย่าง ผมพอจะอ่านความรู้สึกขอเขาได้บ้าง
ยังเช้าเกินไป
..ถ้ายังไม่อยากกลับบ้าน ผมมีเหล้าเยอะ
ผมไม่มีบ้าน!
ว่าจะไปที่สถานีเซนทรัลตอนสายๆ ขออาศัยนอนสักคืนได้ไหม
ผมเดินมาชงเหล้าให้เขาแก้วหนึ่งแทนการตอบรับ
จะไปที่อื่นเหรอ
ผมไม่ชอบอยู่ทีไหนนานๆ มันเบื่อ เหมือนคุณ..ผมอยากร่อนไปเรื่อยๆ
คุณจะกลับเมื่อไหร่
รอให้ของลงหมดก่อน แล้วค่อยกลับ คงสักสองสามวัน ว่าแต่คุณไม่กลับเหรอ
ตลอดการสนทนาเรายังคงเป็นแค่คนที่เพิ่งเคยเจอกันที่นี่เป็นครั้งแรก เราต่างไม่ก้าวก่ายถามไถ่อะไรมากไปกว่าการคุยกันไปเรื่อยเพื่อฆ่าความเงียบและความรู้สึกอึดอัดอัดอั้นที่คงจะมีอยู่ในตัวของเราทั้งคู่
อาจจะกลับ
แต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้ ถ้าเราเจอกันอีกผมว่าคงจำกันไม่ได้ ชัชยังไม่มีท่าทีสนใจอะไรมากไปกว่าเดิม
ผมก็ว่างั้น
ผมก็เช่นกัน
เขาหยุดคิดอะไรครู่หนึ่งขณะเดินไปชงเหล้า รอบนี้เขาเป็นฝ่ายชงให้ผมบ้าง จากเหล้ารสบางที่เคยลิ้น จึงบาดคอจนขื่น
เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า แล้วเขาก็ถามขึ้น
จำไม่ได้
.ความจำผมไม่ค่อยดี ผมปดง่ายๆ
ผมก็เหมือนกัน
..
๔๒.
ตรงหลังสถานีรถไฟเซ็นทรัลฝั่งอลิซาเบทสตรีทนี่มีร้านอาหารเวียดนามอยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งบริการช่วยเหลือชาวเอเชียด้วยกันในทุกรูปแบบ แต่การบริการนี้ก็ไม่ได้ขึ้นชื่อไปกว่าอาหารสูตรต้นตำหรับที่มีใครต่อใครแวะเวียนมาชิมอยู่เสมอ
ผมมาเพื่อรับบริการพิเศษ ที่สั่งทำไว้ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน
ผมออกจากห้องมาก่อนเมธ แต่เขากลับมานั่งซด เฝอ ชามโตอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว
คุณจะไปขบวนไหน เขาเงยหน้าขึ้นมาถามยิ้มๆ
ใครบอกว่าผมจะไปไหน ผมไม่อยากจะให้เขามาเกี่ยวข้องกับบริการที่ผมสั่งให้จัดหาเลยจริงๆ
แล้วคุณมาทำไม
.บอกผมหน่อยได้ไหม กะลาสีผู้ใจกว้างคาดคั้นด้วยทีเล่นมากกว่า
ผมมารอเจอคน
แล้วคนที่ผมนัดไว้ก็เดินเข้ามา ก่อนหน้าผู้ชายอีกกลุ่มใหญ่ที่แสดงท่าทางเป็น เจ้าถิ่น ชัดเจน เขาดีดนิ้วเป็นสัญญาณให้ผมเดินตามเข้าไปในห้องน้ำหลังร้าน
ผมมีธุระนิดหน่อย
เอ้อ
ติดคุณไว้ครั้งหนึ่งนะ คราวหน้าผมจะเลี้ยงคืน ผมหมายถึงเรื่องเมื่อคืน แล้วก็ลุกตามคนมาใหม่เข้าไป
มันพยักหน้าให้ผมลงกลอนประตู ก่อนจะพูดด้วยวิธีการของพ่อค้า
นี่มันพาสปอร์ตอเมริกา คุณต้องเข้าใจนะ
ผมเสี่ยงมาก เกิดพลาดพลั้งไปผมเสร็จแน่ แต่ก็ต้องทำ อยากได้เงินนี่
เอ้า
ไหนล่ะเงินที่เหลือ
มันโบกพาสปอร์ตเล่มสีน้ำเงินไปมาตรงหน้า ผมมองเห็นอนาคตจาง ๆ ที่ไม่น่าจะไกลเกินความเป็นจริง ผมอาจจะกลับไปเรียก คุณลักษมี ว่า แม่ ได้อีกครั้ง ถ้าเขายินดีต้อนรับผมที่โน่น ผมมีที่อยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่อยากเสียเวลาปรับเปลี่ยนวีซ่าหลายๆ ครั้ง เมื่อคนที่นี่รับปากว่า ของจริง ซึ่งสวมชื่อจากใครสักคนที่หายสาปสูญไปนั้นทำได้ไม่ยาก
ผมไม่มีเงินเหลือแล้ว
ผมบอกไปตรงๆ แต่ไม่ทันจะยื่นข้อเสนออะไรมันก็ขึ้นเสียงเสียก่อน
อะไรของ:-)วะ!!!
มันชักปืนออกมาช้ากว่าฝ่าตีนผมที่งัดเสยเข้าที่ลูกคางได้อย่างทันใจ ตอนมันลงไปกองนิ่งกับพื้น ผมก็คว้าพาสปอร์ตเผ่นออกมาแล้ว
เมธยังนั่งอยู่ที่เดิม ยกชามขึ้นซดน้ำซุปอึกสุดท้ายแล้วจึงถามอย่างอารมณ์ดี เสร็จเร็วนี่
ผมต้องไปแล้ว
แล้วเจอกัน ผมพุ่งตรงไปทางหน้าร้าน ไม่ได้หยุดทักหรือหันหน้าไปมองเขาด้วยซ้ำ
เจ้าถิ่น สี่คนขยับมายืนกันประตูไว้ พอดีกับที่ไอ้นั่นตามออกมาจากห้องน้ำ มันโกงกู!!!! มันตวาดลั่นร้าน!
การตะลุมบอนแบบหกรุมหนึ่งเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียว เมธก็ลุกขึ้นมาช่วยผม เขาประเดิมด้วยการแพ่นกบาลไอ้หัวโจกด้วยชามเฝอ แล้วก็วาดลีลาไล่ฟาดปากคนนั้นทีคนนี้ทีผ่อนแรงผมไปได้มากกว่าครึ่ง เราไม่ได้ตั้งใจจะหันหลังชนกันในวงล้อมคู่ต่อสู้ แต่สถานการณ์ที่บังคับให้เป็นไปก็ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจเหมือนกับเพิ่งเจอกับมิตรแท้คนแรกในชีวิต
ผมเหลือบไปเห็นหมาหมู่ตัวหนึ่งชักปืนออกมาจ่อที่เมธ เขาพุ่งเข้าใส่มันทันที
เปรี้ยง!
เสียงปืนนัดแรกดังขึ้นพร้อมกับไหล่ข้างหนึ่งที่ผงะหงาย แต่เขาก็ใช้อีกมือหนึ่งแย่งปืนของมันมาได้ก่อนจะโดนยิงซ้ำ
เปรี้ยง!
เปรี้ยง!
คราวนี้มันดังขึ้นสองนัด คนที่ยิงเมธลงไปกองกลิ้งกับพื้น เมื่อเขากราดปืนไปรอบ ทั้งวงก็แตกกระจายกระโดดหลบไปคนละทิศละทาง
เราวิ่งหนีกันออกมาด้วยความเร็วสูงสุดในชีวิต วิ่งลงอุโมงค์ลอดใต้ถนน ตรงไปยังชานชาลาใต้ดินของสถานีเซ็นทรัล เมธยัดปืนลงถังขยะแบบปิดตั้งแต่เข้าเขตสถานี เราวิ่งลดเลี้ยวไปตามช่องทางสู่ชานชาลาต่างๆ ที่อยู่ใต้ดิน และค่อยช้าลงจนเป็นเดิน กว่าจะมาโผล่บนโถงใหญ่อาการของเราก็แทบจะเป็นปกติ นอกจากรอยถากของกระสุนปืนที่แขนซ้ายของคนที่เพิ่งช่วยชีวิตผม
ผมเลือกเส้นทางสายใต้ เพราะมันกำลังจะออกในสองนาที เป็นเส้นทางไกลทีสามารถลงเปลี่ยนไปสายตะวันตกหรือสายเหนือได้อีกหลายสถานี เมธซ่อนแขนข้างที่บาดเจ็บไว้ใต้เสื้อแจ็คเก็ตตัวหนา เขาทำสีหน้าได้เป็นปรกติตอนเราผ่านยามเข้าไปในตัวรถ จากตรงนี้ ชานชาลาหมายเลขสิบสี่ ผมมองเห็นพวกที่ไล่ล่าเพิ่งโผล่ขึ้นไปกลางชานชาลาที่สิบแปด ขณะที่รถไฟของเราเริ่มเคลื่อนขบวน
สายเกินไปสำหรับพวกมันแม้จะทันเห็นเราสองคนก็ตาม
เลยชั่วโมงเร่งด่วนมาแล้ว รถไฟจึงไม่ได้จอดทุกสถานี เราต่างคนต่างนั่งเงียบๆ อยู่นาน กว่าที่ผมจะกล้าพูดอะไรออกไป
ทำไมเงียบนักล่ะ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่านี้
เมธจ้องผมราวจะกินเลือดกินเนื้อ คำรามในลำคอด้วยเสียงเครียดๆ ก็
ไม่ได้เป็นอย่างคุณทุกคนนี่ ไม่เคยห่วงเรื่องอะไรเลย ผมต้องทำงาน
คุณอยากได้พาสปอร์ตก็ซื้อเอาสิ
ไปก่อเรื่องทำไม เห็นไหมเกือบตายกันหมดแล้ว
คุณบ้าไปแล้วหรือไง
แต่แปลกที่ผมกลับรู้สึกขันกับคำพูดของเขา บางทีถ้าผมตายซะตั้งแต่ในร้านนั่น ผมคงจะรู้สึกเป็นสุขมากกว่าที่กำลังเป็นอยู่นี่
เกือบตายแล้วเป็นยังไง คนเราตายได้ทุกเวลา อยู่ๆ รถไฟชนกันก็ต้องตาย ใครจะไปรู้ล่วงหน้า
คุณจะเป็นอะไรก็เรื่องของคุณ
แต่อย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยได้ไหม
ผมไม่รู้ว่าเขาหมายความเลยไปถึงเรื่องอะไรบ้างแล้ว
ผมบอกคุณให้ไปแล้วไง คุณเดินตามผมมาเอง ผมหมายถึงตอนที่เราวิ่งวนไปวนมาอยู่ในสถานี
คนอย่างคุณ! มันน่าจะตายซะที่นั่นเลยนะ
..
เมธคงกำลังโกรธเต็มที่ ผมไม่ถือสาเขาหรอก ยังไงอะไรสักอย่างก็ลิขิตให้เราได้มาเจอกัน มาสนุกกับชีวิตร่วมกันแล้วนี่นะ
เคยได้ยินไหม
เรื่องนกตัวที่
.. ผมตั้งใจจะเปลี่ยนเรื่องพูด แต่เขาก็รีบแทรกขึ้นมาก่อน
เค้ย!
ไอ้นกตัวที่ไม่มีขาใช่ไหม เก็บไว้หลอกผู้หญิงเค้าเถอะนะ
นกเหรอ นกบ้าอะไร คุณมันก็แค่คนเมาที่ผมเจออยู่ข้างถนนคนหนึ่งเท่านั้น นี่เหรอนก
ถ้าบินได้จะมานั่งอยู่แถวนี้ทำไม! บินสิ
บินไปเลย
บินให้กระผมชมหน่อยสิครับ
เขาทั้งประชดทั้งแดกดัน ราวกับว่าเคยได้ยินเรื่องนกไร้ปีกของผมจากใครมาก่อน
สักวันผมจะบิน
.และคุณก็จะเป็นแค่ไอ้งั่งคนหนึ่ง
. ผมโต้ตอบกลับไปเบาๆ จนอดรู้สึกไม่ได้ว่า คำว่า ไอ้งั่ง ที่เอ่ยออกไปนั่น ผมได้ยินมันอยู่คนเดียว
เมธลุกเดินหายไปในอีกตู้หนึ่งของขบวนรถ ตอนที่ความอ่อนเพลียและพิษเหล้าเมื่อคืนกำลังชักจูงผมสู่ความง่วงซึม
..
**********จบช่วงที่ ๙**********
ต้องบอกก่อนว่าเป็นเรื่องที่ดัดแปลงเพื่อความบันเทิงใจบวกกับความประทับใจของผู้เขียนเป็นพื้น หากเพื่อนๆ คุ้นๆ เหมือนผ่านตาก็ขออย่าได้แปลกใจ ถือเสียว่าเรามาแบ่งปันกันเฝ้ามองเรื่องราวเหล่านี้ด้วยกันเท่านั้น
ดีไหม
ขอเชิญชวนเพื่อนทุกคนช่วยติติงแสดงความคิดเห็นกันได้เต็มที่นะจ๊ะ
.ผู้เขียนยินดีน้อมรับทุกประการ ^____ ^
แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 48 13:52:59
แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 48 03:40:53
แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 48 03:32:32
จากคุณ :
เพียงคำ
- [
4 ก.พ. 48 03:31:26
]