บ่ายวันนั้นหลังจากที่ได้รอรถประจำทางอย่เป็นเวลานาน จนเมื่อยบั้นเอวแล้ว ผมจึงตัดสินใจขึ้นนั่งรถเมล์เล็กที่จอด รออย่ในป้าย เพื่อจะกลับบ้าน
ภายในรถมีคนนั่งอย่พอสมควรยังไม่เต็ม รถจึงยังไม่ออกจากป้าย ผมได้ที่นั่งเดี่ยวชิดหน้าต่างด้านซ้ายตัวที่สอง ผมหยิบเหรียญบาทกำไว้ในมือเตรียมจ่ายค่าโดยสาร แต่พนักงานเก็บค่าโดยสารหญิง ที่เรียกกันทั่วไปว่ากระปี๋ ยังนั่งคุยกับคนขับอย่ตรงม้ายาวด้านซ้ายของคนขับอย่างสนุกสนาน
จนกระทั่งเสียงแตรรถประเภทเดียวกัน ที่แล่นมาจอดจ่อหลัง เร่งระรัวขึ้น กระเป๋าสาวจึงลุกขึ้นจากที่นั่งก้าวข้ามกระโปรงเครื่องยนต์ ออกมาทำหน้าที่ของตน ผ้โดยสารที่นั่งอย่บนม้ายาวนั้นก็ขยับเลื่อนตามกันเข้าไปแทนที่ เพื่อให้หนุ่มสาวที่ขึ้นมาใหม่ได้นั่งอีกคนหนึ่ง ซึ่งฝ่ายชายได้หย่อนตัวลงนั่งหน้าตาเฉย ทั้ง ๆ ที่ฝ่ายหญิงถือถุงหูหิ้วติดมืออย่ สองสามถุง จนรถเริ่มเคลื่อนออกจากที่จอด ทำให้หญิงสาวต้องเกร็งข้อมือและแขน เพื่อต้านแรงฉุดของรถที่ออกตัว อย่างไม่ค่อยนิ่มนวล ชายหนุ่มจึงขยับตัวจะลุกให้เธอนั่ง แต่เธอปฏิเสธด้วยการสั่นศรีษะ เขาจึงรับเอาถุงในมือของเธอมาวางบนตัก ทำให้เห็นท่อนขาเพรียวงาม ภายใน ถุงน่องบางสีอ่อนเหมือนธรรมชาติ ที่เลยขอบกระโปรงสั้นค่อนข้างมาก อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เธอไม่ยอมนั่ง อย่างชัดเจน
รถคันนี้ไม่แน่นจึงมีที่ว่างให้กระเป๋าหญิงเดินเก็บค่าโดยสารได้ ไม่ต้องเบียดเสียดนัก เมื่อเสร็จแล้วเธอก็ลงนั่งแปะอย่ บนฝากระโปรงคุยกับคนขับต่อ
เมื่อถึงมหาวิทยาลัยที่เคยเป็นโรงเรียนสอนวิชาแม่บ้านการเรือนมาก่อน รถก็ติดอย่ห่างจากป้ายไม่มากนัก คนขับชี้ให้กระเป๋าสาวดูชายคนหนึ่ง ที่นั่งอย่บนพื้นทางเท้า ข้างศาลาจอดรถประจำทางนั้น ผมก็เลยพลอยมองตามมือเขาไปด้วย
เขาเป็นชายร่างผอมชะลูด นั่งอย่บนผ้าปูสีกระดำกระด่าง ชันขาข้างหนึ่งขึ้นจนหัวเข่าแทบจะจรดใบหู เขานุ่งกางเกง ม่อฮ่อมสีดำ ไม่สวมเสื้อ มองเห็นรอยสักตามหน้าอกและแขนทั้งสองข้าง กับโคนขาที่แลบออกมาจากชายกางเกง ข้างตัวมีห่อผ้าเล็ก ๆ อย่ห่อหนึ่ง กับขวดน้ำหวานที่ทำด้วยพลาสติกขนาดใหญ่ มีน้ำอย่ครึ่งขวด และจานข้าวกับช้อนสังกะสีที่แห้งกรัง ซึ่งคงจะเป็นสมบัติทั้งหมดที่เขามี
.....ผมเคยได้เห็นเขาครั้งแรก เมื่อผมเดินขึ้นสะพานลอยคนข้ามที่หน้าโรงพยาบาล เขานอนห่มผ้าขาวม้าเก่า ๆ อย่ บนสะพาน ทั้ง ๆ ที่เป็นเวลาสายแดดแข็งแล้ว แต่บังเอิญเป็นเดือนมกราคมที่หนาวมากกว่าที่แล้ว ๆ มา เขาจึงนอน อย่ได้อย่างสบาย ตอนแรกผมนึกว่าขอทาน เตรียมล้วงกระเป๋าหาเศษเหรียญ แต่ก็ไม่มีกระป๋องหรือขันหรือภาชนะอื่นใดที่จะคอยรับทาน ผมจึงเดินผ่านเลยไป
หลายวันต่อมาเวลาเกือบเที่ยง ผมเห็นเขาเคลื่อนย้ายไปนั่งที่ร่มไม้ไม่ใหญ่โตพอบังแดดเวลากลางวันได้บ้าง แต่กลางคืนคงจะหนาวไม่น้อย เพราะเขามีผ้าขาวม้าผืนเดียวเท่านั้น เขายังนอนคลุมโปงตัวงอเป็นกุ้งอย่ สงสัยว่าเขาคงจะไม่ได้อาบน้ำ เพราะหนาวและไม่มีที่ทาง แล้วถ้าเขาเกิดจะถ่ายทุกข์หนักขึ้นมา เขาจะทำอย่างไร
และคืนนั้นฝนก็ตกลงมา แม้จะไม่มากนักแต่ก็ผิดฤดูกาลอย่างยิ่ง ทำให้หนาวมากขึ้นกว่าเดิม ปรากฏว่าเขาถอยไปตั้งหลักอย่ใต้บันไดขึ้นสะพานลอยที่เดิม และคราวนี้เองจึงเห็นมีแผ่นกระดาษแข็งพิงไว้ที่ข้างกำแพง ติดกับที่ซึ่งเขาอาศัยนอนอย่ มีลายมือไม่เรียบร้อยเขียนข้อความพออ่านได้ว่า เป็นผ้ถูกไล่ที่จากการก่อสร้างแห่งหนึ่ง โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนใด ๆ สรุปว่าจะให้ไปอย่ที่ไหน
ข้อเท็จจริงที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร คงไม่มีใครร้ เพราะเขาเองก็นั่งนิ่งเงียบอย่ตลอดเวลา ไม่เคยพูดจาหรือเล่าอะไรให้ใครฟังเลย ใครให้อาหารก้กิน ไม่มีใครให้เขาก็นั่งเฉย ๆ แล้ววันนี้เขากลับมานั่งที่ศาลาพักผ้โดยสารรถประจำทางแห่งนี้ ด้วยกิริยาอาการที่เหมือนเดิม.......
"แกจะมีข้าวกินหรือเปล่าก้ไม่ร้"
คนขับรถเมล์เล็กคันที่ผมนั่งอย่นั้น ปรารภกับกระเป๋าสาวของเขา สีหน้าแสดงความครุ่นคิดอย่างจริงจัง ผ้อ่อนอาวุโสไม่ได้ตอบ คงมองนิ่งอย่างใช้ความคิดเหมือนกัน เพราะตลอดถนนสายนั้น ไม่มีอาคารร้านค้าเลยแม้แต่ห้องเดียว เป็นกำแพงวังเก่าทั้งสองข้าง
รถค่อย ๆ เคลื่อนใกล้ศาลานั้นเข้าไป ผ้คนที่ยืนรออย่ก็เดินมาขึ้นรถจนแน่นขึ้น คนขับชะเง้อมองชายพเนจรนั้นอย่างใจจดใจจ่อ พอดีรถไม่ติดต้องเคลื่อนที่เลยผ่านศาลานั้นไป กระเป๋าหญิงลุกขึ้นจากกระโปรงเครื่องยนต์ เพื่อทำหน้าที่ต่อ เขาจึงสั่ง
"น้อง.....เอาตังไปให้ตาคนนั้น....ซักยี่สิบบาท...เร็ว"
เด็กสาวกระโดดลงจากรถอย่างว่องไว ควักกระเป๋าเสื้อหยิบธนบัตรใบละยี่สิบบาทออกมา วิ่งย้อนกลับไปที่ศาลานั้น และรถเมล์คันนี้ก็เลื่อนต่อไปอีกอย่างช้า ๆ จนเกือบถึงหัวเลี้ยวก็ติดกึกทั้ง ๆ ที่เป็นไฟเขียว เพราะในถนนที่ขวางหน้าอย่นั้นเต็มไปด้วยรถนานาชนิด ทีมุ่งจะไปขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยกันทั้งนั้น
กระเป๋าสาววิ่งกลับมาเกาะบันไดหน้า เธอบอกแกมหอบนิด ๆ
"เรียบร้อยพี่"
คนขับหนุ่มเข้าเกียร์พารถไหลไปตามช่องว่าง ที่จะเลี้ยวซ้าย ผมมองเห็นใบหน้าของเขาจากกระจกมองหลังเหนือศรีษะ เป็นใบหน้าที่ยิ้มละมัย อิ่มเอิบไปด้วยความภูมิใจอย่างบุคคลที่ได้กระทำความดีสำเร็จลงแล้ว แม้จะไม่มีใครสนใจเลยก็ตาม เขาร้องตะโกนบอกเด็กสาวที่กำลังเดินเก็บค่าโดยสารอย่างเบิกบานใจ
"เดี๋ยวขากลับรอบหลัง อย่าลืมซื้อข้าวมันไก่มาฝากแกห่อนึงนะ น้อง"
ภาพของชายทั้งสองติดอย่ในสมองผม แม้จะลงจากรถมาเดินอย่บนทางเท้าแล้ว ชายคนผอมที่นั่งอย่ริมถนนอย่างเดียวดาย โดยปราศจากคนเหลียวแล เขาไม่ได้ขออะไรใคร นอกจากความเป็นธรรม
กับชายหนุ่มคนขับรถเมเล็ก ที่มีความเมตตากรุณาต่อผ้ตกทุกข์ได้ยาก ทั้ง ๆ ที่เขาเองอย่ในแวดวงของความเห็นแก่ตัว ความแล้งน้ำใจ ตั้งหน้าแก่งแย่งชิงดีกัน ในการทำมาหากิน โดยไม่สนใจต่อกฎเกณฑ์ใด ๆ ทั้งสิ้น
ชายคนแรกอาจจะได้ไปถึงทำเนียบรัฐบาล หรือสถานีตำรวจ หรือสถานสงเคราะหืแห่งใดแห่งหนึ่ง ที่เขาสามารถจะอย่ได้อย่างสบาย
แต่ชายคนหลังนั้น แม้จะยังวนเวียนอย่ในวัฏจักรของความวุ่นวาย เพื่อการดำรงชีวิตอย่างเอารัดเอาเปรียบกันต่อไป แต่จิตใจของเขานั้นได้พ้นแล้ว จากความยุ่งเหยิงทั้งปวง
ประดุจดอกบัวที่โผล่พ้นจากความสกปรกโสโครกของเปือกตมในน้ำเน่า ชูดอกคลี่บานขึ้นรับแสงตะวันอันสดใส.......ฉันนั้น.
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
5 ก.พ. 48 10:42:22
A:61.90.14.202 X:
]