วันนั้นผมมีกิจกรรมที่จะต้องไปฟังสวดศพเพื่อนรุ่นพี่ ที่วัด ดุสิตาราม เชิงสะพานพระปิ่นเกล้าฝั่งธนบุรี แต่ขณะนั้นเวลายังเหลืออีกเยอะ จึงเดินเรื่อยเปื่อยไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา
ผมเดินมาจนถึงริมเขื่อนใต้สะพาน ซึ่งถ้าตรงต่อไปก็จะเป็นท่าเรือด่วน เขื่อนที่ว่านี้ทอดยาวไปตามริมแม่น้ำ มีลักษณะเหมือนขั้นบันไดกว้าง ๆ ลดต่ำลงไปในแม่น้ำสักสามหรือสี่ขั้นก็ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะระดับน้ำสูงขึ้นมาท่วมจนมองเห็นเพียงขั้นเดียวก่อนที่จะถึงสันเขื่อน เวลาเรือหางยาวหรือเรือด่วน หรือเรือทัศนาจรขนาดใหญ่ ของร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำทั้งหลายแล่นผ่านมา ก็จะเกิดคลื่นเป็นเกลียววิ่งม้วนเข้าฟาดฟัดเขื่อนขั้นล่างดังฉากฉาน แล้วแตกกระจายกลายเป็นฟองย้อนกลับลงไปดังเดิม ถ้าใครนั่งห้อยขาริมเขื่อนแล้วไม่ระวังตัว ก็อาจถูกคลื่นซัดเอาเปียกปอนไปได้
ในเวลานั้นพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมสะพานไปแล้ว ทั่วบริเวณนั้นจึงร่มรื่นด้วยเงาอันมหึมาของสะพาน และร่มไม้ยืนต้นที่มีอยู่พอสมควร สายลมที่พัดผ่านแม่น้ำเย็นระรื่นชื่นใจ จึงมีผู้คนแวะเข้ามานั่งพักผ่อนตามแท่นโคนต้นไม้ และริมเขื่อนอยู่หลายคน
ผมสังเกตเห็นเด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณสิบปีเศษ นอนคุดคู้เป็นวงกลมเหมือนกิ้งกือ อยู่บนเสื่อขาดใต้ต้นไม้ ไม่ห่างจากทางเท้าที่ทอดลงสะพานไปสู่โป๊ะท่าจอดเรือ ซึ่งมีหมู่จักรยานยนต์รับจ้างสามสี่คัน จอดคอยผู้โดยสารที่ขึ้นมาจากเรือด่วน ผลัดเปลี่ยนกันไปตามคิว
ด้านหน้าเขื่อนมีเด็กเล็กบ้างโตบ้าง ผิวสีดำคล้ำ นุ่งกางเกงบ้างไม่นุ่งบ้าง สามสี่คนแสดงลีลาการกระโดดน้ำแบบต่าง ๆ จากโป๊ะที่เทียบเรือ หรือจากเสาสูงที่ผูกโป๊ะ เพื่อเรียกร้องความสนใจของผ้คนที่เดินขึ้นลงท่านี้อย่ตลอดเวลา
ด้านหลังลึกเข้าไปจากริมเขื่อน เป็นทางเดินสัญจรไปมา จึงมีรถเข็นขายไอศครีม ผลไม้แช่น้ำแข็ง และอาหารแบบอีสาน จอดรอลูกค้าเรียงอยู่ใกล้ ๆ
ผมหย่อนตัวลงนั่งขัดสมาธิด้านซ้ายสุดใกล้ขอบเขื่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลกับฝอยคลื่น แล้วก็วางกระป๋องเบียร์ตัวใหญ่ลงข้าง ๆ เปิดหนังสือการ์ตูนที่แพร่หลายที่สุด มีผู้อ่านตั้ง แต่เด็กนักเรียนถึงนักศึกษามหาวิทยาลัย เลือกอ่านแต่เรื่องขำขันสั้น ๆ ก่อน เพราะไม่ต้องเสียเวลามาก จบเรื่องหนึ่งก็ยกกระป๋องขึ้นซดทีหนึ่ง ไม่ขาดตอน
พลิกไปได้สักครึ่งเล่ม ก็รู้สึกว่ามีการเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลัง พร้อมกับมีเสียงพูดจ้อกแจ้กจอแจ ผมจึงเหลียวไปดู ก็พบว่ามีชายผู้ขับขี่มอร์เตอร์ไซค์รับจ้างสองสามคน เดินตามหลังเด็กชายที่เห็นนอนขดอย่นั้น ตรงมาใกล้ที่ผมนั่ง จึงขยับขยายที่ทางข้างตัวให้ว่าง พอที่เขาจะปูเสื่อกระรุ่งกระริ่งนั้นลงได้ไม่ห่างนัก ผมจึงเห็นได้ชัดว่าเขามีรูปร่างผอมเกร็ง หน้าตาดำเนื้อตัวขมุกขมอมดูสกปรก รวมทั้งผมเผ้าเป็นสังกะตังอีกต่างหาก
เขานั่งยอง ๆ ลงบนเสื่อ รับเอาห่อข้าวที่โชเฟอร์คนหนึ่งส่งให้มาแก้ออกดู มันเป็นข้าวหมูแดงแบบธรรมดา แล้วเขาก็ไม่รอช้าเอามืออันดำนั้นหยิบข้าวเปิบเจ้าปากอย่างว่องไว มีเสียงใครถามว่าหิวมากไหมเขาก้พยักหน้า ถามว่าเอาน้ำไหมเขาก็พยักหน้าอีก พลางรับขวดน้ำที่มีผู้ส่งให้ดื่มอีกใหญ่ พอวางขวดลงก้เอามือป้ายริมฝีปากแล้วก็เปิบข้าวต่อ
โชเฟอร์ผ้หวังดีก็บอกเป็นเชิงห้ามปรามว่าอย่าลงไปเล่นน้ำ เดี๋ยวจะโดนคลื่นซัดตาย เขาก็พยักหน้าอย่างเคย สงสัยจะเป็นใบ้ แต่ทำไมฟังรู้เรื่องโดยไม่ต้องเงยหน้า โชเฟอร์คนเดิมซึ่งคงจะเป็นเจ้าของข้าวห่อนั้น เล่าให้เพื่อนร่วมอาชีพที่มายืนดูอย่สองสามคนว่า เห็นนอนอย่ตั้งแต่เช้าไม่เปลี่ยนที่ คงจะหิวจนหมดแรง จึงซื้อข้าวหมูแดงมาฝาก
เพื่อนพ้องก็พยักหน้ารับรู้ และพึมพำกันเป็นเชิงอนุโมทนาในกุศลเจตนาทั้งนี้โดยทั่วกัน ผมเองเอามือคลำกระเป๋ากางเกง กะว่าตอนขากลับจะควักเศษเหรียญ ให้ไว้กินขนมสักสองสามบาท
พอดีเจ้าเด็กนั้นกินอิ่ม เขายกขวดน้ำขึ้นดื่มอั้ก ๆ จนหมดขวดและโยนขวดพลาสติกลงแม่น้ำไป แล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของห่อข้าวผ้มีเมตตา ผมนึกว่าเขาจะยกมือไหว้สักครั้งก็จะน่ารักมากทีเดียว แต่ผิดคาด เขาทำมือเหมือนต้องการอะไรอีกสักอย่าง
" เฮ้...อิ่มแล้วจะเอาอะไรอีกล่ะ "
" อาว...อาว...."
เสียงของเขาอ้อแอ้เหมือนคนลิ้นไก่สั้น
" เอา...อาว..."
โชเฟอร์เจ้าของเรื่องขมวดคิ้ว ก้มหน้าลงไปถามให้ใกล้เข้าไปอีกนิด
" จะเอาอะไรนะ "
" อาว..อาว..."
เขาย้ำอย่างเดิม พร้อมกับกำมือทั้งสองห่อเข้าด้วยกัน แล้วก็จ่อที่จมูกทำท่าสูดดมอย่างแรง เสียงดังฟืด...ฟืด
เพื่อนของโชเฟอร์หัวเราะเฮขึ้นเกือบจะพร้อมกัน
" มันจะดมกาวว่ะ "
ชายผู้มีจิตใจอันงดงามยืดตัวขึ้นตั้งตรง ขบกรามนูนเป็นสัน แววตาของเขาแม้จะมีประกายดุดัน แต่ก้เห็นร่องรอยของความผิดหวังอย่างรุนแรง เขาเงื้อเท้าขึ้นนิดเดียวแล้วก็ชะงัก พึมพำอย่ในลำคอ
" ห่ะ....เดี๋ยวพ่อถีบตกน้ำ "
แล้วก็สะบัดหน้าเดินตามหลังเพื่อน ไปยังที่จอดรถจักรยานยนต์คู่ชีพ ซึ่งหมู่ผองเพื่อนของเขากำลังหัวเราะคิกคักกันอยู่
ผมค่อย ๆ ชักมือออกจากกระเป๋ากางเกง ปิดหนังสือแล้วลุกขึ้น และรีบสาวเท้าเดินออกไปจากที่นั้นอย่างเจ็บปวดหัวใจ ไม่น้อยไปกว่าโชเฟอร์ผู้มีน้ำใจคนนั้น
ผมหัวเราะไม่ออกจริง ๆ ครับ.
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
9 ก.พ. 48 17:28:57
A:61.91.79.51 X:
]