CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    กับดักของหัวใจ ภาคกุ๊กๆกู๋ 2 ^_^

    ท่าอากาศยานดอนเมืองวันนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย หลายคนเพิ่งกลับมาและหลายคนกำลังจะจากเมืองไทยไปสู่ต่างประเทศอันแสนไกล มีทั้งรอยยิ้มและคราบน้ำตาปาดเปื้อนอยู่บนใบหน้า ต่างจากรุจิพาณิชย์หนุ่มและภรรยาที่เหมือนมีหมอกบางๆมากั้นกลางระหว่างสองคน

    เขาไม่พูดอะไรอีกนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อคืนวาน และติดต่อยาวนานมาจนกระทั่งบัดนี้…หากจะพูด ก็เพียงแค่สั้นๆ หรือไม่ก็ ตามมารยาทเพียงเท่านั้น…ห่างเหินจนคนที่นั่งอยู่เคียงข้างใจหาย เครื่องบินแลนดิ้งบนพื้นดิน เขาก็เดินออกมาอย่างเงียบกริบ ช่วยถือกระเป๋า แต่ไม่พูด ไม่ชวนคุยตลอดเวลาเหมือนช่วงฮันนีมูน

    รถเบนซ์สีเงินคันใหญ่จอดรออยู่ท่ามกลางฝูงชน ธงลงมาทำหน้าที่เปิดประตูพร้อมกับจัดเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อย ร่างบางก้าวขึ้นไปนั่งด้านในก่อน ตามด้วยสามี  

    “ถึงเมืองไทยแล้ว รู้สึกอบอุ่นกว่าตอนอยู่ต่างประเทศนะคะ” นิชดาชวนคุยเบาๆ

    “อืม…”

    “คุณคิมจะแวะบริษัทวันนี้เลยรึเปล่าคะ?”

    “ไม่…ค่อยไปพรุ่งนี้”

    “ค่ะ”

    รับคำเสียงอ่อน หันมากอดกระเป๋าถือตัวเองเพียงลำพังเมื่อรู้สึกว่าไม่สามารถฝ่าหมอกหนาเข้าไปถึงตัว
    เขาได้ คลายอ้อมแขนที่รัดรึงเมื่อรู้สึกว่ากอดกระเป๋าสีสวยแน่นจนรู้สึกเจ็บ

    ชายหนุ่มปรายสายตามามองภรรยาสาวแว่บหนึ่ง ดวงตาสีอำพันเข้มทอประกายสับสนก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองถนนด้านนอกแทน…

    ป้ายรถเมล์ยังคงมีคนแข่งวิ่งร้อยเมตรเพื่อแย่งกันขึ้นรถ มีนักศึกษาที่ยืนจับมือกัน มีหลายคนที่ยืนโดดเดี่ยวอย่างที่นิชดาเคยบอก

    เหลือเชื่อที่เขารู้สึกอบอุ่น ยามที่ได้นั่งอยู่บนรถสีส้มสด แอร์เย็นฉ่ำ แอบกุมมือกันเบาๆ ท่ามกลางแสงสีสวยงามของกรุงเทพยามราตรี ทิ้งให้คนโสดอื่นๆแอบอิจฉาเล่น … ช่วยไม่ได้นี่นา ใครไม่อยากเหงาก็ควรจะรีบมีแฟนเสียตั้งแต่วันนี้    


    เบนซ์คันงามแล่นเข้ามาจอดภายใต้ร่มเงาคฤหาสน์รุจิพาณิชย์อย่างเงียบสงบ ประตูด้านคนนั่งถูกเปิดออกด้วยฝีมือคนที่นั่งอยู่ด้านใน ร่างสูงเดินพรวดขึ้นบ้านไปโดยไม่พูดจาอะไรสักคำ ….

    นิชดาตามออกมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล ช่วยป้าศรีและนงค์เก็บกระเป๋า

    “คุณนิชขึ้นไปด้านบนเถอะค่ะ ให้นงค์กับธงช่วยกันขนขึ้นไปก็ได้” แม่บ้านอาวุโสในบ้านบอก น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยเมื่อเห็นใบหน้าเรียวดูซีดเซียวด้วยความอ่อนเพลีย

    ร่างบางเดินขึ้นไปด้านบนอย่างว่าง่าย เปิดประตูห้องใหญ่เข้าไป เห็นชายหนุ่มกำลังง่วนอยู่กับการถอดเนคไทและปลดกระดุมเสื้อ หล่อนจึงหันหน้าหนีเสีย แก้มเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อถึงแม้ระยะหลังจะเริ่มคุ้นชินกับตัวเขามากขึ้นก็ตาม

    มือเรียวบางเปิดประตูตู้เสื้อผ้าบิวท์อิน พร้อมกับเลือกชุดลำลองให้กับสามีตามปกติที่เขาชอบให้ทำ เสื้อผ้าหลากสีเรียงกันอยู่ในตู้ หากหล่อนก็จัดให้เข้าชุดกันได้อย่างกลมกลืน

    ลำแขนแข็งแรงสอดเข้ามาโอบรัดจากด้านหลัง ก่อนที่หญิงสาวจะเลือกเสื้อผ้าเสร็จ ลมหายใจอุ่นร้อนปะเป่าอยู่บนต้นคอจนคนถูกกอดวูบวาบไปทั่วตัว ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมเส้นสั้นๆ วางลงบนไหล่กลมมน เอียงหน้าจุมพิตอย่างดูดดื่ม

    “นิช…”

    นิชดานิ่วหน้า ดึงมือยุ่มย่ามที่กำลังกอดรัดแน่นอยู่บริเวณเอวออกให้พ้นตัว ผลก็คือภาคิมปล่อยแขนแล้วจ้องหน้าหล่อนด้วยอารมณ์โกรธกรุ่นขุ่นข้อง

    “ทำไมต้องปัดมือผมด้วย นิชเป็นอะไรไป ทำไม! บอกมาสิ เกิดอะไรขึ้นทำไมจู่ๆเกิดมาหวงเนื้อหวงตัวกับผมแบบนี้ นิชเป็นของผมนะ นิชเป็นของผม!”

    ร่างบางปลิววูบไปปะทะอกกว้างเปลือยเปล่าเพราะกระดุมทุกเม็ดถูกปลดหมดแล้วเหลือแต่เสื้อที่ยังค้างอยู่กับตัว อกนุ่มนิ่มเบียดชิดอกกว้างแนบแน่นไปทั่วสรรพางค์…ทุกสัมผัสนั้นรวดเร็วจนนิชดามึนคง เสียงหวึ่งๆที่ดังอยู่ในศีรษะตั้งแต่ลงมาจากเครื่องบินเริ่มดังขึ้นทุกขณะ เจ็บจี๊ดในสมองจนกลั่นออกมาเป็นน้ำตา

    “คุณคิม… ปล่อยนิชก่อน”

    “ไม่ มีอะไรทำไมไม่บอกกัน”

    เขย่าไหล่หล่อนจนสั่นคลอน ใบหน้าเรียวส่ายไปมาช้าๆ เชิงปฏิเสธ อ้าปากจะบอกสาเหตุที่แท้จริงหากแต่ไม่ทัน ร่างบางถูกผลักออกไปปะทะตู้ ภาคิมถอยห่าง สบถเสียงดังด้วยความหงุดหงิดแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินหายเข้าห้องน้ำไป

    นักเปียโนสาวทิ้งร่างลงทรุดกับพื้นพรมหนาอย่างอ่อนแรง มองบานประตูห้องน้ำปิดเข้าหากันสนิทเสียงดังสนั่นแล้วเบือนหน้ากลับมามองตัวเอง



    ภาคิมออกมาจากห้องน้ำในอีกสิบห้านาทีถัดมา ตรงไปแต่งตัวเงียบๆ ไม่ได้พูดจาอะไรกับหญิงสาวที่เปรียบเสมือนสิ่งของชิ้นหนึ่งในห้องเลย คว้าสูทสีดำสนิทมาสวม พร้อมกับเนคไทที่เข้าชุดกัน

    “คุณคิมจะออกไปข้างนอกเหรอคะ?”

    “จะเข้าบริษัท”

    ตอบเสียงห้วนแล้วคว้ากระเป๋าสตางค์และกุญแจรถออกจากห้องไป ไม่นำพากับสายตาเป็นห่วงเป็นไยของภรรยาสาว ฝ่ายหลังจึงได้แต่ทรุดลงนั่งบนสตูลเงียบๆ ไร้อารมณ์แม้แต่จะบรรเลงเพลงรักโศกเศร้าเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ภายในใจ

    มือเรียวบางเลื่อนลงแตะหน้าท้องตัวเองแผ่วเบา… รู้ว่าสิ่งที่ผิดปกติไปยังไม่แสดงตัวของเขาเองเด่นชัดนักและหล่อนก็ไม่อยากสูญเสียไปอย่างเช่นคราวที่แล้วอีก คำแนะนำของภากรก่อนจะออกเดินทางไปฮันนีมูนยังดังก้องอยู่ในศีรษะ…

    …นิชเคยแท้งมาแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้ต้องระวังดีๆนะ อย่าให้เขากระทบกระเทือนมาก…

    เพราะกลัวจะเป็นอันตรายถึงชีวิตน้อยๆที่เริ่มเข้ามาปฏิสนธิอยู่ในท้อง นิชดาถึงพยายามบ่ายเบี่ยง ไม่อยากให้เขากอดรัดรุนแรง ตอนอยู่บนเครื่องบินหล่อนก็เหน็ดเหนื่อยและเป็นกังวลเกินกว่าที่จะมีอารมณ์ร่วมกันไปกับเขาอย่างช่วยไม่ได้….

    ร่างบางลุกขึ้นจากสตูลหน้าแกรนด์เปียโนหลังใหญ่ เก็บเสื้อผ้าที่วางระเกะระกะให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อยด้วยตัวเอง เลือกเสื้อผ้าของตัวเองซึ่งอยู่ในตู้ตัวเดียวกันข้างๆเสื้อของเขาออกมา พยายามเลือกชุดที่เนื้อบางเบาและไม่รัดรึงเพื่อความสะดวกสบายของ ‘เจ้าตัวน้อย’ ถึงแม้ว่าจะยังเล็กจนไม่รู้สึกอะไรก็ตาม

    หล่อนไม่มีอาการแพ้ มีแต่เพลีย เพลีย และเพลีย รู้สึกเหมือนจะเป็นลมวูบอยู่เรื่อยหากเคลื่อนไหวตัวเร็วเกินไป ตลอดทั้งวันนิชดาจึงให้เวลากับการพักผ่อนอยู่ในห้อง จนกระทั่งค่ำ หญิงสาวจึงลงมารับประทานอาหาร ‘เพื่อลูก’

    ป้าศรีกำลังสั่งการให้นงค์น้อยตั้งโต๊ะอาหาร สีหน้าของแม่บ้านใหญ่ดูเป็นกังวลเมื่อหันมาเห็นใบหน้าซูบซีดของนิชดา รีบเข้าไปดูอย่างเป็นห่วง

    “หนูนิชเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ?”

    ใบหน้าเรียวสั่นดึ่ก จับเก้าอี้ไว้ให้มั่นคงแล้วค่อยๆทรุดตัวลงนั่งอย่างระมัดระวัง

    “นิชไม่ได้เป็นอะไรค่ะ คุณคิมยังไม่กลับมาเหรอคะป้าศรี?”

    “ยังเลยค่ะ ออกไปตั้งแต่เมื่อบ่าย สีหน้าไม่ค่อยจะดี ทะเลาะกันรึเปล่า?”

    “เปล่าค่ะ”

    ปฏิเสธ หากเสียงฟังดูอ่อนล้าจนผู้สูงวัยกว่าจับได้ถึงความผิดปกติ แต่ป้าศรีก็ไม่ได้เค้นถามอะไรมากมาย นอกจากนิ่วคิ้วเมื่อเห็นฝ่ามือบางไล้บริเวณหน้าท้องน้อยบ่อยจนผิดสังเกต..

    “หนูนิชปวดท้องรึเปล่าจ๊ะ?”

    “เปล่าค่ะ นิชสบายดี ป้าศรีเห็นโอวัลตินรึเปล่าคะ? ปกติมันจะออกมารับนี่นา วันนี้หายไปไหน อุตส่าห์ซื้อขนมมาฝาก”

    “โอวัลตินไปหาแฟนค่ะ มันไปติดใจสาวอีกซอยหนึ่งไม่ยอมกลับบ้านมาสองคืนแล้ว”

    นิชดาหัวเราะ นึกถึงภาพโอวัลตินไปจีบสาวอย่างที่ป้าศรีว่าแล้วหน้าแดง… หมาน้อยโตแล้วเจ้าชู้ไม่ใช่เล่น วันก่อนเจฟฟรี่พาค้อกเกอร์สาวสวยมาเยี่ยมเยียน เจ้าโอวัลตินน้อยก็แถตามไม่ห่าง

    “เดี๋ยวนิชออกไปที่เปียโนเฮ้าส์นะคะ แล้วก็จะแวะเอาของฝากไปให้ตุณแม่กับแม่แจ่มด้วย อาจกลับเย็นหน่อย”

    “ให้ธงไปส่งนะคะ”

    “ตกลงค่ะ…”


    หลังจากกลับจากเปียโนเฮ้าส์แล้ว นิชดาแวะไปบ้านเพื่อเยี่ยมแม่แจ่มตามที่บอกป้าศรี… ตัวบ้านว่างเปล่าเหมือนไม่มีคน หากแต่หล่อนรู้ว่า หญิงชราที่เคารพรักดุจผู้ให้กำเนิดคงกำลังตัดกิ่งกุหลาบอยู่ด้านหลัง ของฝากมากมายถูกขนลงจากรถคนละไม้คนละมือโดยมีธงเป็นคนช่วย กองไว้บนโซฟาแล้วร่างบางก็รี่เข้าไปยังสวนดอกไม้หลังบ้านโดยไม่รีรอ

    กว่าหล่อนจะออกจากบ้านเก่าที่เคยอยู่อาศัยมายี่สิบกว่าปีได้ก็กินเวลาเกือบสองทุ่ม ปกติสองทุ่มไม่ใช่เวลาดึกเลย หากแต่วันนี้ทั้งนายสาวและคนขับรถต่างรู้สึกใจเต้นผิดจังหวะ ยกนาฬิกาเรือนสวยที่สามีซื้อให้จากร้านคาร์เทียร์ในมหานครนิวยอร์คขึ้นมองเวลา ใจหายนิดๆเมื่อนึกว่าภาคิมอาจกลับมาจากทำงานแล้ว…

    ยังโมโหอยู่อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้…. จะแกล้งเซอร์ไพรส์เสียหน่อยแต่อาจต้องเปลี่ยนแผนก่อนที่จะกลายเป็นทะเลาะกันใหญ่โต..

    รถเบนซ์คันงามเคลื่อนเข้ามาจอดบนลานหินอ่อนหน้าบ้านช้าๆ ก่อนจะหยุดสนิท ประตูด้านข้างคนนั่งถูกเปิดออกโดยไม่ต้องอาศัยบริการจากคนขับ ร่างบางก้าวลงจากรถอย่างเร่งรีบ มองเข้าไปในตัวคฤหาสน์โดยอัตโนมัติ…

    “คุณภาคิมกลับมารึยังจ๊ะ?” ถามคนรับใช้สาวพร้อมกับส่งกระเป๋าถือในมือให้

    “ยังเลยค่ะ”

    “อ้าวเหรอ?”

    สาวใช้พยักหน้าหงึกหงักเพื่อยืนยัน และนั่นเพียงพอที่จะทำให้หล่อนรู้สึกใจหาย…เพิ่งกลับมาไม่ทันไรเขาก็ไปทำงาน เท่านั้นไม่พอยังทำงานล่วงเวลาเสียดึกอีกต่างหาก

    ไม่…ไม่ใช่หรอก… เพราะเขาห่างเหินต่างหาก .. เพราะแววตาที่มองหล่อนก่อนจะออกไปจากบ้านทำให้นิชดารู้สึกผิด

    เมื่อไหร่จะกลับมาหนอ….

    โทรศัพท์เข้ามือถือ ครั้งที่หนึ่ง..สอง..และสาม แต่ก็ไม่มีใครรับสาย ได้ยินเสียงแว่วๆ เดินหาดูถึงเห็นเจ้าเครื่องมือสื่อสารเล็กจิ๋ววางแปะอยู่ใต้หมอน มือเรียวบางจึงหยิบมันขึ้นมากำแน่น…

    คนบ้า!… โกรธแล้วไม่ยอมเอามือถือไปด้วย…กลัวเขาจะโทรตามไปง้อหรือไง…  


    (มีต่อ)

    จากคุณ : p.ivy - [ 10 ก.พ. 48 01:34:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป