ท่าอากาศยานดอนเมืองวันนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย หลายคนเพิ่งกลับมาและหลายคนกำลังจะจากเมืองไทยไปสู่ต่างประเทศอันแสนไกล มีทั้งรอยยิ้มและคราบน้ำตาปาดเปื้อนอยู่บนใบหน้า ต่างจากรุจิพาณิชย์หนุ่มและภรรยาที่เหมือนมีหมอกบางๆมากั้นกลางระหว่างสองคน
เขาไม่พูดอะไรอีกนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อคืนวาน และติดต่อยาวนานมาจนกระทั่งบัดนี้
หากจะพูด ก็เพียงแค่สั้นๆ หรือไม่ก็ ตามมารยาทเพียงเท่านั้น
ห่างเหินจนคนที่นั่งอยู่เคียงข้างใจหาย เครื่องบินแลนดิ้งบนพื้นดิน เขาก็เดินออกมาอย่างเงียบกริบ ช่วยถือกระเป๋า แต่ไม่พูด ไม่ชวนคุยตลอดเวลาเหมือนช่วงฮันนีมูน
รถเบนซ์สีเงินคันใหญ่จอดรออยู่ท่ามกลางฝูงชน ธงลงมาทำหน้าที่เปิดประตูพร้อมกับจัดเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อย ร่างบางก้าวขึ้นไปนั่งด้านในก่อน ตามด้วยสามี
ถึงเมืองไทยแล้ว รู้สึกอบอุ่นกว่าตอนอยู่ต่างประเทศนะคะ นิชดาชวนคุยเบาๆ
อืม
คุณคิมจะแวะบริษัทวันนี้เลยรึเปล่าคะ?
ไม่
ค่อยไปพรุ่งนี้
ค่ะ
รับคำเสียงอ่อน หันมากอดกระเป๋าถือตัวเองเพียงลำพังเมื่อรู้สึกว่าไม่สามารถฝ่าหมอกหนาเข้าไปถึงตัว
เขาได้ คลายอ้อมแขนที่รัดรึงเมื่อรู้สึกว่ากอดกระเป๋าสีสวยแน่นจนรู้สึกเจ็บ
ชายหนุ่มปรายสายตามามองภรรยาสาวแว่บหนึ่ง ดวงตาสีอำพันเข้มทอประกายสับสนก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองถนนด้านนอกแทน
ป้ายรถเมล์ยังคงมีคนแข่งวิ่งร้อยเมตรเพื่อแย่งกันขึ้นรถ มีนักศึกษาที่ยืนจับมือกัน มีหลายคนที่ยืนโดดเดี่ยวอย่างที่นิชดาเคยบอก
เหลือเชื่อที่เขารู้สึกอบอุ่น ยามที่ได้นั่งอยู่บนรถสีส้มสด แอร์เย็นฉ่ำ แอบกุมมือกันเบาๆ ท่ามกลางแสงสีสวยงามของกรุงเทพยามราตรี ทิ้งให้คนโสดอื่นๆแอบอิจฉาเล่น
ช่วยไม่ได้นี่นา ใครไม่อยากเหงาก็ควรจะรีบมีแฟนเสียตั้งแต่วันนี้
เบนซ์คันงามแล่นเข้ามาจอดภายใต้ร่มเงาคฤหาสน์รุจิพาณิชย์อย่างเงียบสงบ ประตูด้านคนนั่งถูกเปิดออกด้วยฝีมือคนที่นั่งอยู่ด้านใน ร่างสูงเดินพรวดขึ้นบ้านไปโดยไม่พูดจาอะไรสักคำ
.
นิชดาตามออกมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล ช่วยป้าศรีและนงค์เก็บกระเป๋า
คุณนิชขึ้นไปด้านบนเถอะค่ะ ให้นงค์กับธงช่วยกันขนขึ้นไปก็ได้ แม่บ้านอาวุโสในบ้านบอก น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยเมื่อเห็นใบหน้าเรียวดูซีดเซียวด้วยความอ่อนเพลีย
ร่างบางเดินขึ้นไปด้านบนอย่างว่าง่าย เปิดประตูห้องใหญ่เข้าไป เห็นชายหนุ่มกำลังง่วนอยู่กับการถอดเนคไทและปลดกระดุมเสื้อ หล่อนจึงหันหน้าหนีเสีย แก้มเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อถึงแม้ระยะหลังจะเริ่มคุ้นชินกับตัวเขามากขึ้นก็ตาม
มือเรียวบางเปิดประตูตู้เสื้อผ้าบิวท์อิน พร้อมกับเลือกชุดลำลองให้กับสามีตามปกติที่เขาชอบให้ทำ เสื้อผ้าหลากสีเรียงกันอยู่ในตู้ หากหล่อนก็จัดให้เข้าชุดกันได้อย่างกลมกลืน
ลำแขนแข็งแรงสอดเข้ามาโอบรัดจากด้านหลัง ก่อนที่หญิงสาวจะเลือกเสื้อผ้าเสร็จ ลมหายใจอุ่นร้อนปะเป่าอยู่บนต้นคอจนคนถูกกอดวูบวาบไปทั่วตัว ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมเส้นสั้นๆ วางลงบนไหล่กลมมน เอียงหน้าจุมพิตอย่างดูดดื่ม
นิช
นิชดานิ่วหน้า ดึงมือยุ่มย่ามที่กำลังกอดรัดแน่นอยู่บริเวณเอวออกให้พ้นตัว ผลก็คือภาคิมปล่อยแขนแล้วจ้องหน้าหล่อนด้วยอารมณ์โกรธกรุ่นขุ่นข้อง
ทำไมต้องปัดมือผมด้วย นิชเป็นอะไรไป ทำไม! บอกมาสิ เกิดอะไรขึ้นทำไมจู่ๆเกิดมาหวงเนื้อหวงตัวกับผมแบบนี้ นิชเป็นของผมนะ นิชเป็นของผม!
ร่างบางปลิววูบไปปะทะอกกว้างเปลือยเปล่าเพราะกระดุมทุกเม็ดถูกปลดหมดแล้วเหลือแต่เสื้อที่ยังค้างอยู่กับตัว อกนุ่มนิ่มเบียดชิดอกกว้างแนบแน่นไปทั่วสรรพางค์
ทุกสัมผัสนั้นรวดเร็วจนนิชดามึนคง เสียงหวึ่งๆที่ดังอยู่ในศีรษะตั้งแต่ลงมาจากเครื่องบินเริ่มดังขึ้นทุกขณะ เจ็บจี๊ดในสมองจนกลั่นออกมาเป็นน้ำตา
คุณคิม
ปล่อยนิชก่อน
ไม่ มีอะไรทำไมไม่บอกกัน
เขย่าไหล่หล่อนจนสั่นคลอน ใบหน้าเรียวส่ายไปมาช้าๆ เชิงปฏิเสธ อ้าปากจะบอกสาเหตุที่แท้จริงหากแต่ไม่ทัน ร่างบางถูกผลักออกไปปะทะตู้ ภาคิมถอยห่าง สบถเสียงดังด้วยความหงุดหงิดแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินหายเข้าห้องน้ำไป
นักเปียโนสาวทิ้งร่างลงทรุดกับพื้นพรมหนาอย่างอ่อนแรง มองบานประตูห้องน้ำปิดเข้าหากันสนิทเสียงดังสนั่นแล้วเบือนหน้ากลับมามองตัวเอง
ภาคิมออกมาจากห้องน้ำในอีกสิบห้านาทีถัดมา ตรงไปแต่งตัวเงียบๆ ไม่ได้พูดจาอะไรกับหญิงสาวที่เปรียบเสมือนสิ่งของชิ้นหนึ่งในห้องเลย คว้าสูทสีดำสนิทมาสวม พร้อมกับเนคไทที่เข้าชุดกัน
คุณคิมจะออกไปข้างนอกเหรอคะ?
จะเข้าบริษัท
ตอบเสียงห้วนแล้วคว้ากระเป๋าสตางค์และกุญแจรถออกจากห้องไป ไม่นำพากับสายตาเป็นห่วงเป็นไยของภรรยาสาว ฝ่ายหลังจึงได้แต่ทรุดลงนั่งบนสตูลเงียบๆ ไร้อารมณ์แม้แต่จะบรรเลงเพลงรักโศกเศร้าเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ภายในใจ
มือเรียวบางเลื่อนลงแตะหน้าท้องตัวเองแผ่วเบา
รู้ว่าสิ่งที่ผิดปกติไปยังไม่แสดงตัวของเขาเองเด่นชัดนักและหล่อนก็ไม่อยากสูญเสียไปอย่างเช่นคราวที่แล้วอีก คำแนะนำของภากรก่อนจะออกเดินทางไปฮันนีมูนยังดังก้องอยู่ในศีรษะ
นิชเคยแท้งมาแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้ต้องระวังดีๆนะ อย่าให้เขากระทบกระเทือนมาก
เพราะกลัวจะเป็นอันตรายถึงชีวิตน้อยๆที่เริ่มเข้ามาปฏิสนธิอยู่ในท้อง นิชดาถึงพยายามบ่ายเบี่ยง ไม่อยากให้เขากอดรัดรุนแรง ตอนอยู่บนเครื่องบินหล่อนก็เหน็ดเหนื่อยและเป็นกังวลเกินกว่าที่จะมีอารมณ์ร่วมกันไปกับเขาอย่างช่วยไม่ได้
.
ร่างบางลุกขึ้นจากสตูลหน้าแกรนด์เปียโนหลังใหญ่ เก็บเสื้อผ้าที่วางระเกะระกะให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อยด้วยตัวเอง เลือกเสื้อผ้าของตัวเองซึ่งอยู่ในตู้ตัวเดียวกันข้างๆเสื้อของเขาออกมา พยายามเลือกชุดที่เนื้อบางเบาและไม่รัดรึงเพื่อความสะดวกสบายของ เจ้าตัวน้อย ถึงแม้ว่าจะยังเล็กจนไม่รู้สึกอะไรก็ตาม
หล่อนไม่มีอาการแพ้ มีแต่เพลีย เพลีย และเพลีย รู้สึกเหมือนจะเป็นลมวูบอยู่เรื่อยหากเคลื่อนไหวตัวเร็วเกินไป ตลอดทั้งวันนิชดาจึงให้เวลากับการพักผ่อนอยู่ในห้อง จนกระทั่งค่ำ หญิงสาวจึงลงมารับประทานอาหาร เพื่อลูก
ป้าศรีกำลังสั่งการให้นงค์น้อยตั้งโต๊ะอาหาร สีหน้าของแม่บ้านใหญ่ดูเป็นกังวลเมื่อหันมาเห็นใบหน้าซูบซีดของนิชดา รีบเข้าไปดูอย่างเป็นห่วง
หนูนิชเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ?
ใบหน้าเรียวสั่นดึ่ก จับเก้าอี้ไว้ให้มั่นคงแล้วค่อยๆทรุดตัวลงนั่งอย่างระมัดระวัง
นิชไม่ได้เป็นอะไรค่ะ คุณคิมยังไม่กลับมาเหรอคะป้าศรี?
ยังเลยค่ะ ออกไปตั้งแต่เมื่อบ่าย สีหน้าไม่ค่อยจะดี ทะเลาะกันรึเปล่า?
เปล่าค่ะ
ปฏิเสธ หากเสียงฟังดูอ่อนล้าจนผู้สูงวัยกว่าจับได้ถึงความผิดปกติ แต่ป้าศรีก็ไม่ได้เค้นถามอะไรมากมาย นอกจากนิ่วคิ้วเมื่อเห็นฝ่ามือบางไล้บริเวณหน้าท้องน้อยบ่อยจนผิดสังเกต..
หนูนิชปวดท้องรึเปล่าจ๊ะ?
เปล่าค่ะ นิชสบายดี ป้าศรีเห็นโอวัลตินรึเปล่าคะ? ปกติมันจะออกมารับนี่นา วันนี้หายไปไหน อุตส่าห์ซื้อขนมมาฝาก
โอวัลตินไปหาแฟนค่ะ มันไปติดใจสาวอีกซอยหนึ่งไม่ยอมกลับบ้านมาสองคืนแล้ว
นิชดาหัวเราะ นึกถึงภาพโอวัลตินไปจีบสาวอย่างที่ป้าศรีว่าแล้วหน้าแดง
หมาน้อยโตแล้วเจ้าชู้ไม่ใช่เล่น วันก่อนเจฟฟรี่พาค้อกเกอร์สาวสวยมาเยี่ยมเยียน เจ้าโอวัลตินน้อยก็แถตามไม่ห่าง
เดี๋ยวนิชออกไปที่เปียโนเฮ้าส์นะคะ แล้วก็จะแวะเอาของฝากไปให้ตุณแม่กับแม่แจ่มด้วย อาจกลับเย็นหน่อย
ให้ธงไปส่งนะคะ
ตกลงค่ะ
หลังจากกลับจากเปียโนเฮ้าส์แล้ว นิชดาแวะไปบ้านเพื่อเยี่ยมแม่แจ่มตามที่บอกป้าศรี
ตัวบ้านว่างเปล่าเหมือนไม่มีคน หากแต่หล่อนรู้ว่า หญิงชราที่เคารพรักดุจผู้ให้กำเนิดคงกำลังตัดกิ่งกุหลาบอยู่ด้านหลัง ของฝากมากมายถูกขนลงจากรถคนละไม้คนละมือโดยมีธงเป็นคนช่วย กองไว้บนโซฟาแล้วร่างบางก็รี่เข้าไปยังสวนดอกไม้หลังบ้านโดยไม่รีรอ
กว่าหล่อนจะออกจากบ้านเก่าที่เคยอยู่อาศัยมายี่สิบกว่าปีได้ก็กินเวลาเกือบสองทุ่ม ปกติสองทุ่มไม่ใช่เวลาดึกเลย หากแต่วันนี้ทั้งนายสาวและคนขับรถต่างรู้สึกใจเต้นผิดจังหวะ ยกนาฬิกาเรือนสวยที่สามีซื้อให้จากร้านคาร์เทียร์ในมหานครนิวยอร์คขึ้นมองเวลา ใจหายนิดๆเมื่อนึกว่าภาคิมอาจกลับมาจากทำงานแล้ว
ยังโมโหอยู่อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้
. จะแกล้งเซอร์ไพรส์เสียหน่อยแต่อาจต้องเปลี่ยนแผนก่อนที่จะกลายเป็นทะเลาะกันใหญ่โต..
รถเบนซ์คันงามเคลื่อนเข้ามาจอดบนลานหินอ่อนหน้าบ้านช้าๆ ก่อนจะหยุดสนิท ประตูด้านข้างคนนั่งถูกเปิดออกโดยไม่ต้องอาศัยบริการจากคนขับ ร่างบางก้าวลงจากรถอย่างเร่งรีบ มองเข้าไปในตัวคฤหาสน์โดยอัตโนมัติ
คุณภาคิมกลับมารึยังจ๊ะ? ถามคนรับใช้สาวพร้อมกับส่งกระเป๋าถือในมือให้
ยังเลยค่ะ
อ้าวเหรอ?
สาวใช้พยักหน้าหงึกหงักเพื่อยืนยัน และนั่นเพียงพอที่จะทำให้หล่อนรู้สึกใจหาย
เพิ่งกลับมาไม่ทันไรเขาก็ไปทำงาน เท่านั้นไม่พอยังทำงานล่วงเวลาเสียดึกอีกต่างหาก
ไม่
ไม่ใช่หรอก
เพราะเขาห่างเหินต่างหาก .. เพราะแววตาที่มองหล่อนก่อนจะออกไปจากบ้านทำให้นิชดารู้สึกผิด
เมื่อไหร่จะกลับมาหนอ
.
โทรศัพท์เข้ามือถือ ครั้งที่หนึ่ง..สอง..และสาม แต่ก็ไม่มีใครรับสาย ได้ยินเสียงแว่วๆ เดินหาดูถึงเห็นเจ้าเครื่องมือสื่อสารเล็กจิ๋ววางแปะอยู่ใต้หมอน มือเรียวบางจึงหยิบมันขึ้นมากำแน่น
คนบ้า!
โกรธแล้วไม่ยอมเอามือถือไปด้วย
กลัวเขาจะโทรตามไปง้อหรือไง
(มีต่อ)
จากคุณ :
p.ivy
- [
10 ก.พ. 48 01:34:56
]