CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    หนูสิงห์พิชิตจักรวาล ตอนที่ 1-2

    ไม่นานมานี่ผมมีธุระไปทำงานที่ต่างจังหวัด
    ไกลมากจนผมตัดสินใจไม่ขับรถไป
    ที่ไม่ขับรถไปก็เพราะว่าสงสารตัวเอง
    กับระยะทางกว่าเจ็ดร้อยกิโลฯ นั้นไม่ใช่เล่น ๆ นะครับ
    ยิ่งรถที่ใช้อยู่เป็นรถรุ่น “เหลือใช้” ด้วยแล้ว
    กว่าจะขับไปถึงที่หมายได้ มือข้างที่จับประตูอยู่ไม่ให้มันหลุดนั้นก็คงจะเป็นเหน็บ
    หรือไม่ก็ต้องจอดข้างทางชั่วโมงละสองครั้งเพื่อเติมน้ำที่หม้อน้ำและเติมน้ำมันที่ถังน้ำมัน
    หรือไม่(อีกที)ก็ไปไม่ถึง
    เพราะมันไม่ยอมจะไป จอดแอ้งแม้งรอช่างมาลากเข้าอู่
    อู่ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านที่แท้จริงของมัน(เพราะไปอยู่บ่อยเหลือเกิน)
    อันจะทำให้ผมไปทำธุระไม่ได้เสียเปล่า ๆ

    ผมจึงตัดสินใจขึ้นรถไฟ ตีตั๋วนอนไปซะด้วย
    เขาเรียกว่าชั้นดีหนึ่งประเภทหนึ่งเลยหนา
    ค่าตั๋วหลายร้อยอยู่ แต่ก็ถือว่าคุ้มหากจะเทียบกับค่าน้ำมันถ้าผมจะขับรถไปเอง
    แถมยังได้นอนอย่างสบายอีกต่างหาก
    ผมเคยขึ้นมาครั้งนานหลายปีแล้ว ยังติดอกติดอยู่จนถึงเดี๋ยวนี้
    *****

    เมื่อไปถึงสถานีวัวลำพอง
    รถไฟขบวนที่ผมต้องอาศัยมันไปจอดยิ้มเผล่รอผมอยู่แล้ว
    จัดแจงเลือกที่นั่งตามที่ระบุไว้ที่ตั๋ว และเก็บข้าวเก็บของเรียบร้อย
    เห็นว่ายังเหลือเวลาอีกพักใหญ่ จึงเดินลงมาหาอะไรดื่มเล่น ๆ
    ตอนนั้นประมาณหกโมงกว่า ๆ เห็นจะได้
    ผู้คนมากมายเดินไปเดินมา
    บ้างลงจากรถขบวนหนึ่ง
    บ้างก็กำลังจะเดินขึ้นรถอีกขบวนหนึ่ง
    แต่สิ่งที่ผมสนใจตอนนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่า
    ร้านขายเบียร์..
    เอิ๊กซ์...
    ****

    ในที่สุดก็หาเจอจนได้
    ซื้อตุนมาไว้นิดหน่อย เพราะมากกว่านั้นจะเป็นภาระต่อการถือจนเกินไป
    ผมเดินแบกเบียร์สิบกระป๋องนั้นขึ้นรถไฟ
    ผู้โดยสารหลายคนหันมามองผมเป็นตาเดียว
    ด้วยความเขินผมเลยต้องเดินช้า ๆ
    จริง ๆ กะว่าจะให้คนอื่นเขาเปรี้ยวปากอย่างผมบ้าง
    แล้วก็ได้ผล
    มีชายคนหนึ่งเรียกผมไว้
    “น้อง เบียร์ป๋อง”
    ผมหันซ้ายขวา..เพื่อพิสูจน์ให้แน่ใจว่าเขาเรียกผมจริง ๆ
    "น้องนั่นแหละ..ซื้อเบียร์กระป๋องซิ.."
    ผมฉุนวูบ..
    อะไรกันฟะ??
    บุคลิกของนักธุรกิจใหญ่อย่างนี้
    ผมก็เรียบกริบจากการหวีเป๋ปกปิดร่องรอยลานจอดเครื่องบินตรงหน้าผาก
    แว่นตาที่สวมก็แสนแพง
    เพียงเพื่อจะปกปิดความหวานและคมกริบของดวงตาไม่ให้ไปบาดหัวใจใครเขาเข้าก็เท่านั้น
    รูปร่างก็บึกบึนสมชายชาตรี เคยเอาไม้บรรทัดขนาดหนึ่งฟุตวัดได้ยังไม่หมด(บรรทัด)
    จึงไม่ต้องพูดล่ะว่ามัดกล้ามที่หน้าอกหน้าใจจะขนาดไหน
    เสื้อที่สวมใส่ก็ใช่ว่าจะไร้ยี่ห้อ ตัวละเก้าสิบเก้าสองตัวร้อยห้าสิบ
    กางเกงยีนส์เนื้อดีผ้าแข็งโป๊กนั้นเล่า ให้เอาเงินมาเป็นพันก็ไม่ขาย
    (จะขายได้ยังไงก็เอามาแค่ตัวเดียว..)
    แล้วยังไง..มาเห็นผมเป็นคนขายเครื่องดื่มไปได้
    ฉุนเฟ้ย..
    *****

    แต่แล้วความฉุนของผมก็เริ่มคลาย
    ท่าทางผมคงคล้ายคนเร่ขายเครื่องดื่มบนรถไฟเป็นแม่นมั่น
    ยิ่งเห็นสีหน้าท่าทางของเจ้าของเสียงนั้น..เขาคงจะอยากเบียร์เหมือนผมแน่ ๆ
    ไหน ๆ ก็คอเดียวกัน แบ่งให้ซักกระป๋องจะเป็นไร
    แต่ขอโทษ...
    แหะ..ไม่ฟรีนะครับ
    *****

    ชายคนนั้นอายุอานามคงใกล้ผม
    เขามาพร้อมกับภรรยาของเขาซึ่งกำลังบวมเต็มที่
    หลังจากเบียร์กระป๋องแรกหมดและกระป๋องที่สองพร่องไปเกือบครึ่ง
    (ผมให้เขาฟรี..ก็เริ่มเป็นคนรู้จักแล้วนี่คับ)
    ผมก็รู้ว่าเขาใกล้จะได้ลูกเต็มที
    ที่เดินทางในวันนี้ก็เพราะจะกลับบ้านเพื่อให้ภรรเมียไปคลอดที่บ้านนั่นเอง

    เราคุยกันอย่างถูกคอ
    คุยอะไรกันบ้างนั้นตอนนี้ขออนุญาตไม่เล่าล่ะครับ
    เพราะขี้เกียจนึกคำพูดในเครื่องหมายฟันหนูให้เยิ่นเย้อ
    เอาเป็นว่านอกจากคอของผมจะถูกกับเขาจนสะอึกอึ๊กส์ ๆ แล้ว
    ภรรเมียของเขาก็เริ่มที่จะคุยกับผมอย่างสนิทสนมคุ้นเคยมากขึ้น
    ****

    ภรรยาของชายคนนั้นที่ผมรู้ชื่อตอนหลังว่าคุณนิเวศน์
    เป็นผู้หญิงที่หากไม่ท้องแล้วคงสวยมาก
    แม้ตอนนี้จะดูบวมเนื่องจากต้องกินยาบำรุงและทานอาหารเผื่อลูกน้อย
    แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าผิวของหล่อนนั้นนางงามยังอาย
    เป็นผิวของคนชาวเหนือแต๊ ๆ
    วงหน้าสดใสเต็มไปด้วยเลือดฝาด
    ขนาดผมเป็นคนที่ไม่สนใจเมียชาวบ้านเขานะเนี่ย
    ยังอดชื่นชมไม่ได้

    นึก ๆ แล้วก็ให้อิจฉาไอ้หนุ่มหน้าจืดคนนั้น
    หล่อก็ไม่หล่อไหงมีเมียสวยไปได้
    คนหล่ออย่างผมทำไมอาภัพหนักหนาก็ไม่รู้สิครับ
    ผู้หญิงสวย ๆ ไม่มีเข้ามาใกล้สักคน
    ที่ยอมเข้าใกล้ก็บังคับให้คบเป็นเพื่อนบ้าง ให้เป็นน้องสาวบ้าง
    มันน่าน้อยใจเป็นยิ่งนัก

    รถไฟเคลื่อนขบวนออกจากชานคนแก่
    หรือคุณ ๆ จะเรียกว่าชานชาลาก็ตามใจ-มาได้พักใหญ่
    ผมกับครอบครัวของนายนิเวศน์ก็ยังคงคุยกันอย่างออกรส
    อาจจะเป็นเพราะเบียร์สิบกระป๋องนั่นหรือเปล่าก็ไม่ทราบ
    ที่ทำให้พวกเขาหลุดปากเชิญให้ผมไปบ้านเขาในทันทีที่เสร็จธุระ
    บังเอิญบ้านเขาอยู่ในตัวจังหวัดที่ผมกำลังจะไปทำงานพอดี
    ผมก็เลยรับปากรับคำหัวเราะฮิฮะกับเขาไป
    จนกระทั่งรถวิ่งเลยนครสวรรค์มาได้พักเบ้อเริ่ม
    เหตุการณ์อันหน้าหวาดเสียวก็เกิดขึ้น

    “โอย..ตายล่ะ..ฉันเจ็บท้องแล้ว..”
    เป็นเสียงของภรรยาคนสวยของนิเวศน์
    หน้าของหล่อนเหยเกผิดรูปไป
    มือจับท้องที่นูนต่ำลงมาอย่างเห็นได้ชัด

    “สงสัยจะคลอดแล้วล่ะพี่เวศน์..น้ำเดินแล้วด้วย..”
    เป็นเสียงกระท่อนกระแท่นที่กระทุ้งเข้ามาในหัวใจของผม
    อะไรจะรีบร้อนขนาดนั้นวะไอ้หนูน้อย
    อยู่ ๆ คิดจะออกก็ไม่มีปี่มีขลุ่ยนำหน้าอย่างชาวบ้านเขาบ้างเลยรึ??

    ผู้คนมุงดูกันเข้ามาเพื่อร่วมเหตุการณ์
    และเพื่อร่วมเป็นตัวประกอบในการเล่าเรื่องนี้ของผม
    มีหลายคนเรียกหาหมอหรือพยาบาล
    มีบางคนวิ่งไปดึงสัญญานฉุกเฉินให้พขร.หยุดรถ
    มีบ้างคนส่งเสียงวี๊ดว้ายกระตู้วู้ให้เป็นที่วุ่นวายสับสน
    ส่วนเจ้าสามีขี้เมานั้นหน้าซีดเผือด
    หยิบโน้นหยิบนี้จับโน่นจับนี่จนมั่วไปหมด

    ผมเองนั้นก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้ดีไปกว่าคนอื่น
    แอลกอฮอล์ที่สะสมไว้ประมาณสี่ห้ากระป๋องเริ่มออกฤทธิ์
    รู้สึกหน้ามืดเป็นระยะ ๆ
    จำได้เลา ๆ ว่าผมให้คุณนิเวศน์ย้ายภรรยาของเขาลงมานั่งกับพื้น
    เผื่อเด็กคลอดออกมาจริง ๆ
    เด็กจะได้ไม่ตกปุ๊จากที่นั่งลงไปคอหักตายเสียก่อน
    ก่อนที่จะได้ร้องอุแว้แรกของชีวิต

    แต่เพียงแค่หล่อนขยับตัว
    น้ำสีแดงใสนั้นก็ไหลรินออกมาจากต้นขา
    เรื่อยลงมาจนถึงพื้น
    ไหลคืบมาจนปลายเท้าของผม

    จังหวะเดียวกันนั้นรถไฟก็หยุดกึก
    ผมซึ่งกำลังตะลึงตึงตึงอยู่กับน้ำสีแดงนั้นจึงไม่ทันระวังตัว
    ศีรษะถูกเหวี่ยงไปตามแรงกระชาก
    ฟาดโครมเข้าเต็มที่กับเสาเหล็กที่ค้ำยันหลังคาโบกี้เสียงดังตึง
    จากนั้นผมก็ยิ้มเผล่ทรุดลงไปนอนสิ้นสติสัมปชัญญะไปในทันที
    ******
    2)
    ผมมารู้สึกตัวอีกครั้ง
    จากการรู้สึกเจ็บที่ก้นเหมือนมีใครใช้มือตีเต็มแรง
    เจ็บมากจนต้องแหกปากร้องออกไป
    แต่เสียงที่ผมได้ยินกลับเป็นเสียงเด็กร้อง “อุแว้..”
    และตามด้วยเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง
    “ดีใจกับคุณแม่ด้วยค่ะ คุณได้ลูกชาย…”
    ผมงงเต้ก พยายามลืมตา แต่ก็ลืมไม่ขึ้น
    เพียงรู้สึกว่ามีใครบางคนยกทั้งตัวของผมขึ้นไปในอากาศ
    แล้วนำไปที่อ่างน้ำ เขากำลังล้างตัวผม!!
    ผมพยายามดิ้นสุดแรง แต่ขาและมือของผมก็แค่ตะกุยไปในอากาศเท่านั้น
    เขาวางผมลงในที่นิ่ม ๆ ความมืดและเงียบทำให้ผมแหกปากร้องสุดเสียง

    แต่แล้วก็มีอะไรอย่างหนึ่งใส่เข้ามาในปาก
    ผมงับเต็มแรงด้วยความตกใจ
    น้ำหวาน ๆ และมัน ๆ ทะลักเข้าปากผมอย่างรวดเร็ว ผมรีบกลืนมันลงคอทันที
    ความรู้สึกแรกที่ได้ลิ้มรส..
    มันมาพร้อมกับความอบอุ่นที่แผ่ซ่านขึ้นมาจากความนุ่มนิ่มที่ผมสัมผัสอยู่นั้น
    รวมทั้งความอบอุ่นที่ไหลเป็นสายไปสู่กระเพาะของผม
    ทำให้ผมดูดเจ้าเม็ดกลม ๆ ในปากนั้นอย่างลืมตัว
    กำลังสงสัยอยู่ว่ามันเป็นอะไร แต่ก็ยังไม่ทันจะนึกคำตอบได้ทัน
    ผมก็หลับไปเสียก่อน..
    *****

    จากการหลับ ๆ ตื่น ๆ นั้น ทำให้ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานสักเท่าใด
    แต่วันนี้พอผมรู้สึกตัวตื่นขึ้น
    ผมก็แทบจะแหกปากร้องด้วยความยินดี
    ผมเริ่มมองเห็นโลกได้ชัดเจนขึ้นแล้ว
    อาการผิดปกติของสมองคงหายไป
    หลังกระทบกระเทือนอย่างแรงบนรถไฟนั่น
    จนทำให้ผมมองไม่เห็นไปชั่วขณะ ร่างกายขยับเขยื้อนตามใจสั่งไม่ได้
    อารามดีใจผมจึงร้องไชโยออกมาเต็มเสียง
    “แอะ..”

    เอ๊ะ ทำไมเสียงจึงออกมาแค่นี้
    หรือกล่องเสียงของผมก็รวนไปกะอย่างอื่นด้วย
    เอาใหม่อีกที
    “แอ้..”

    จ๊าก..ทำไมผมถึงร้องเสียงเหมือนเด็กอย่างงี้???
    เกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่??

    ผมรีบมองรอบตัว
    สิ่งที่เห็นมีเพียงตัวอะไรไม่รู้ใหญ่มากลอยอยู่ตรงหน้า
    มองแว่บแรกเหมือนตัวประหลาดในหนังที่ผมเคยดู
    แต่พอเพ่งมาก ๆ อีกทีจึงได้รู้ว่าเป็นปลาตะเพียน
    ที่ใช้ตอกสานแล้วแขวนไว้บนปลายไม้
    สำหรับให้เด็กได้ฝึกสายตา
    แต่ให้ตายเหอะครับ
    ปลาตะเพียนบ้าอะไรถึงได้ใหญ่ขนาดนี้

    มีใครมาเล่นตลกกับผมแน่ ๆ
    สงสัยจะเป็นเพื่อนตัวแสบของผมคนใดคนหนึ่ง
    คงอยากให้ผมตกใจเล่นในทันทีที่ฟื้นตื่นจากการบาดเจ็บ
    ผมรีบมองหาพวกเขา แต่ผมไม่เห็นใครเลย

    เตียงที่ผมนอนอยู่ เป็นเตียงที่มีไม้ระแนงกลม ๆ
    ตีกรอบล้อมรอบไว้เหมือนเตียงเด็กที่ถูกขยายใหญ่ขึ้น
    จนผู้ชายตัวใหญ่ ๆ อย่างผมนอนได้
    ห้องที่ผมนอนอยู่ผมก็ดูไม่ออกว่ามันจะเหมือนห้องพักในโรงพยาบาลที่ตรงไหน
    มันเป็นเหมือนห้องนอนใหญ่ ๆ ห้องหนึ่ง
    มีหน้าต่างสาดแสงอยู่ตรงโน้น
    มีประตูซึ่งเปิดอยู่อยู่ทางนี้
    และก็มีของเล่นเด็กเล็กวางอยู่ทั่วไป

    ที่สำคัญ...
    ทุกอย่างดูผิดสัดส่วนใหญ่โตไปซะหมด
    เหมือนผมหลงไปอยู่ในเมืองยักษ์
    ไม่ผมก็ตัวหดเล็กลงเป็นคนแคระ
    ทุกอย่างถึงได้ผิดขนาดไปอย่างงั้น!!

    ผมลองขยับมือทั้งสองข้าง เพื่อเรียกพละกำลังกลับมา
    แรก ๆ มันไม่ยอมทำตามคำสั่ง ขยิกนิ้วได้เพียงนิดเดียว
    แต่พอออกแรงเต็มที่มันก็กระตุกวูบจนฟาดเข้าให้ที่โหนกแก้มตัวเอง
    แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่า มือของผมที่เห็นนั้น
    มันไม่ใช่เป็นมือของผมซะแล้ว!!!

    มันมีลักษณะอ้วนป้อม ควั่นเป็นข้อ ๆ คล้ายข้าวต้มมัด
    ขาวจั๊วะใสแจ๋วไร้ขนรกรุงรัง นิ้วแต่ละนิ้วก็ไม่ผิดกับนิ้วเด็ก
    และที่สำคัญ ผมไม่สามารถจะแบบมือออกไปได้

    เฮ้ย..เกิดอะไรขึ้นนี่..!!!!????

    ผมพยายามผงกหัวขึ้น แต่ก็ทำไม่ได้
    คอของผมเหมือนกระดูกจะกลายสภาพเป็นหนังสติ๊ก
    คือมีแต่เอ็นที่เอาไว้สำหรับให้เอี้ยวหัวไปมา
    ไม่สามารถจะชันคอได้เหมือนคนปกติทั่วไป

    ผมรีบหลับตา หวังว่าเมื่อลืมตาอีกครั้งฝันร้ายครั้งนี้จะหายไป
    เริ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจ แต่พอนับถึงห้าผมก็ลืมตาขึ้นทันที

    ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
    มือของผมก็ยังเหมือนเดิม
    แต่เพื่อให้แน่ใจว่าผมไม่ได้ฝันไปจริง ๆ ผมจึงลองกัดริมฝีปากเต็มที่
    แย๊ก..ผมไม่มีฟัน ผมกลายเป็นเด็กแรกเกิดไปแล้วจริง ๆ หรือนี่???
    ผมไม่เชื่ออออออออออออ

    *****

    ด้วยเสียงตะโกนของผม ทำให้ชายคนหนึ่งเดินเข้าห้องมา
    ผมรีบหลับตาลงทันที เพื่อไม่ให้เขารู้ว่าผมตื่น

    “เอ๊ะ..เสียงร้องเมื่อกี้เหมือนลูกตื่นแล้วนี่นา
    ฮะฮะ สงสัยลูกสิงห์ของเราละเมอ ดูสิ นอนหลับอุตุเชียว
    น่ารักน่าชังจริงจริง…”

    ผมพยายามไม่ขยุกขยิก
    รู้สึกว่าเขาจะเอามือมาลูบหัวผมเล่นทีหนึ่ง
    แต่แล้ว..ในขณะนั้นเอง
    ผมก็รู้สึกปวดอึขึ้นมาทันที

    ผมรีบลืมตา
    ให้ตายไปอีกครั้งแล้วเกิดใหม่อีกทีเหอะ
    ชายผู้นั้นเดินออกจากห้องไปซะแล้ว
    ผมซึ่งช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยจึงจำเป็นต้องตะโกนเรียกเขา
    “แอะ..”
    “อือ..”
    “อา..”

    แย่แล้ว ผมส่งเสียงได้แค่นี้เอง
    ทำไงดี ต้องราดแน่เลย..ผมทนไม่ไหวแล้วด้วย
    ผมกลั้นใจ ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี เพื่อพยายามจะลุกขึ้นให้ได้
    “พรืด..”
    เสร็จกัน..ของเหลวไหลเปรอะเต็มร่องก้น ส่งกลิ่นเหม็นโฉ่ขึ้นมาจนแทบอ้วก
    เป็นไงเป็นกัน ผมตะโกนร้องสุดเสียง
    “อุแว้……………”
    ******

    จากคุณ : ปิ๊วปิ้ว - [ 11 ก.พ. 48 11:38:22 A:202.5.82.252 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป