CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    สุขวันต์วันแห่งความรัก ตอน 1

    สุขสันต์วันแห่งความรัก
    โปรโตซัวคาเฟ่


    …วันนี้ผมลุกขึ้นจากที่นอนเร็วกว่าปกติ
    นาฬิกาปลุกรูปไก่ย่างที่หัวเตียงบอกเวลาเพียงสิบโมงเศษๆ เท่านั้น...
    ผมไม่เคยตื่นเช้าอย่างนี้มาก่อนเลย มันเหมือนกับมีความรู้สึกบางอย่างพยายามเร่งเร้าผม จนผมไม่สามารถทนนอนต่อบนที่นอนอันแสนอบอุ่นในยามสายอย่างนี้ได้เหมือนทุก ๆ วันที่ผ่านมา…ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้สึกมานานแล้ว
    ใช่สินะ…วันนี้เป็นวันครบหนึ่งปีเต็มพอดี นับตั้งแต่วันนั้น วันที่ผมไม่มีวันลืมเลือนไปจากความทรงจำของผมได้…แน่นอน มันคือวันนี้ …
    วันที่ 14 กุมภาพันธ์…
    “วั น แ ห่ ง ค ว า ม รั ก"
    ในที่สุด…วันเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึงจนได้
    ตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา…ผมต้องทนอยู่ไปวัน ๆ เหมือนกับคนที่มีบางสิ่งขาดหายไปในชีวิต และเธอนั่นเอง คือสิ่งเดียว ที่จะช่วยเติมเต็มบางสิ่งที่ว่านั้นได้
    เธอคือคนรักเพียงคนเดียวของผมตลอดเวลา 27 ปีที่ผมมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
    ถ้าไม่นับจูเลีย โรเบิร์ตและวีโนน่า ไรเด้อร์ ที่ผมคงได้แต่แอบหลงรักพวกเธออยู่เพียงลึก ๆ ข้างในเท่านั้น…เพราะผมรู้อยู่แก่ใจเสมอ ว่าเราไม่มีวันรักกันได้หรอก ผมอยู่เมืองไทย ส่วนเธออยู่ไกลถึงอเมริกาโน่นแน่ะ เราอยู่ห่างกันเกินไป จะเจอกันบ่อย ๆ ก็คงไม่ได้ และอีกอย่างผมก็ไม่ชอบสังคมฮอลลีวู้ดด้วย
    นอกนั้นแล้ว ผมก็ไม่เคยมีใครนอกจากเธอเลยจริงๆ…สาบานก็ได้
    แต่สำหรับวันนี้และเวลานี้ เธอได้กลายเป็นอดีตคนรักของผมไปเสียแล้ว
    “จะให้อธิบายอะไรอีกล่ะคะ พี่วาก็รู้ดีแก่ใจแล้วนี่” นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่เธอพูดทิ้งไว้ ก่อนที่เธอจะออกไปจากชีวิตของผม
    เธอเดินจากผมไปโดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ ทั้ง ๆ ที่มันน่าจะมีบ้าง เช่น เราเข้ากันไม่ได้นะ หรือพี่ไม่หล่อ หนูไม่สวย น้องหน้าหมวยดี แต่พี่หน้าตี๋ไป เพราะอย่างนั้นอย่างนี้ก็ว่ามา อะไรทำนองนี้…
    แต่เธอกลับขอร้องให้ผมเข้าใจเธออย่างเดียว แถมยังบอกว่าผมรู้ดีแก่ใจเสียด้วย ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะหากเธอไม่อธิบาย ผมจะไปเข้าใจเธอได้ยังไง และเธอรู้ได้ยังไงว่าผมรู้ดีแก่ใจ ไม่เห็นเธอเคยถามผมสักคำ หรืออาจเป็นเพราะเธอขี้เกียจคิด หรือไม่ก็คงไม่มีคำอธิบายจริง ๆ ก็ได้…เลยทำเป็นโมเมโยนความผิดให้ผมรับผิดชอบไป เพราะไม่อย่างนั้นเธอก็คงอธิบายไปแล้ว…
    และจากวันนั้นเป็นต้นมาผมก็ไม่มีโอกาสได้พบเธออีกเลย
    เธอทำตัวห่างเหินผมออกไปเรื่อย ๆ เธอเอาแต่หลบหน้าผม แม้กระทั่งโทรศัพท์เธอก็ไม่ยอมรับสาย จดหมายเธอก็ไม่ยอมอ่าน นี่ยังไม่รวมถึงโทรเลขและอีเมล์นะ ที่เธอปฏิเสธการติดต่อทั้งหมดจากผม
    แถมยังยื่นคำขาดโดยการห้ามไม่ให้ผมติดต่อกับเธอไม่ว่าจะเป็นทางใด ไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้าน หลังบ้านหรือข้างบ้านก็ตาม…และถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้ผมจงลืมเธอไปจากความทรงจำเสียเลยก็ยิ่งดี…
    ผมทำอะไรผิดมากมายนักหรือไง…ทำไม?…เธอถึงได้รังเกียจผมขนาดนั้นนะ…ทั้งๆที่สิ่งที่ผมทำกับเธอก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย
    ซึ่งถึงจะเป็นอย่างนั้นผมไม่โกรธเธอหรอก ผมให้อภัยเธอเสมอ และนั่นเองที่ทำให้ผมพยายามเข้าใจเธอ (โดยไม่มีคำอธิบาย) มาตลอด นับตั้งแต่วันนั้น…
    จนกระทั่งถึงวันนี้ วันครบรอบหนึ่งปีเต็มที่เธอจากผมไป มันนานพอแล้วที่ผมจำต้องทนพยายามเข้าใจเธอ(โดยไม่มีคำอธิบาย) และคงถึงเวลาแล้วที่ผมจะกลับไปขอคืนความทรงจำเก่า ๆ ระหว่างผมกับเธอ
    วันเวลาอันขมขื่นและแสนยาวนานกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว วันนี้ผมจะไปพบเธอเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เธอจากผมไป และเราจะเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง ในวันที่มีความหมายดี ๆ อย่างวันนี้
    และเมื่อพูดถึงวันนี้ ก็ยิ่งทำให้ผมนึกถึงวันนี้เมื่อหลายปีก่อน สมัยที่ผมยังเรียนอยู่ และนั่นคือครั้งแรกที่ผมได้รู้จักกับเธอ…สุนิสา
    เธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับผม แต่อยู่คนละคณะกัน ตอนที่เธอเข้ามาเป็นน้องใหม่นั้น ผมเรียนอยู่ปี 3 แล้ว
    เธอมีชื่อเล่นว่า “ลูกหยี” และเธอก็มีตาที่หยีสมชื่อจริงๆ แต่ถึงยังไงเธอก็ยังดูโดดเด่นกว่ารุ่นน้องคนอื่น ๆ ในสายตาของผมอยู่ดี เพราะถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิงที่แลดูน่ารักน่าทะนุถนอมมากกว่าที่จะใช้คำว่าสวยก็ตาม แต่ด้วยหน้าตาที่ใสบริสุทธิ์ราวกับเด็กญี่ปุ่นวัยแรกรุ่นของเธอ ประกอบกับรูปร่างทรวดทรงก็กะทัดรัดดูเหมาะเจาะลงตัวไปหมด แถมเธอยังเป็นคนนิสัยน่ารักอีกต่างหาก
    เท่านั้นก็คงเพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอมีเสน่ห์ดึงดูดต่อเพศตรงข้ามได้มากที่สุดในตอนนั้น…โดยเฉพาะผม
    รุ่นพี่ทั้งคณะเดียวกันและต่างคณะต่างก็ตามจีบเธอกันทั้งนั้น ผมก็เคยคิดจะร่วมวงกับเขาด้วยเหมือนกัน แต่ไม่กล้าพอ เลยได้แค่แอบมองเธออยู่ห่างๆ
    แต่จะด้วยความบังเอิญหรือด้วยอะไรก็ตามที ในที่สุดผมก็สามารถเอาชนะใจเธอ และได้เธอมาเป็นแฟนของผมจนได้
    บ้านของเราอยู่ซอยเดียวกัน เราสองคนจึงพบกันทุกวันที่ป้ายรถเมล์ ผมแอบมองเธอมานานแล้ว นับตั้งแต่วันแรกที่ผมได้พบเธอ ซึ่งเธอเองก็คงพอรู้อยู่บ้าง เพราะผมเป็นคนเก็บความรู้สึกไม่ค่อยเป็น
    “พี่คะ…รถเมล์มาแล้วค่ะ”
    เธอจะร้องเตือนผมเสมอ เมื่อรถเมล์สายที่เรารอกำลังจะมาถึง
    “เอ้า!…ตายจริง มาแล้วหรือครับ”
    ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์ แล้วรีบหันกลับไปมองทางที่รถเมล์วิ่งมาอย่างลุกลี้ลุกลน จนเธออดอมยิ้มในท่าทางเปิ่น ๆ ของผมไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่ผมรอรถเมล์ผมจะแอบมองเธอเสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งเธอจะอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับรถเมล์ที่กำลังแล่นเข้ามาก็ตาม พูดง่าย ๆ ก็คือผมแอบมองเธอแบบโจ๋งครึ่มเลยก็ว่าได้ ก็บอกแล้วไงว่าผมเป็นคนเก็บความรู้สึกไม่ค่อยเป็น
    ดังนั้นเวลาที่ผมแอบมองเธอ มันจึงง่ายมากที่เธอจะรู้ตัวว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองเธออยู่ และนั่นเองที่เป็นเสน่ห์ของผม เธอบอกว่าผมดูจริงใจดี คิดอะไรก็ทำอย่างนั้น ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรแอบแฝง จนทำให้เธอเริ่มชอบผม
    และหลังจากนั้นไม่นานเราสองคนก็กลายเป็นแฟนกัน

    ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีแดงสดที่เธอซื้อให้เป็นของขวัญเมื่อวันวาเลนไทน์แรกที่เราเป็นแฟนกันขึ้นมาสวมอย่างไม่ลังเล เพราะผมจะสวมมันเสมอ เวลาที่ผมคิดถึงเธอ ไม่เว้นแม้เวลานอน อาบน้ำหรือกระทั่งไปงานศพของใครก็ตาม ขอเพียงแค่ผมรู้สึกคิดถึงเธอเท่านั้น ผมจะสวมใส่มันทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ
    และยิ่งวันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับผมกับเธอด้วยแล้ว ยิ่งทำให้มันดูเหมาะสมกว่าวันอื่น ๆ มากขึ้นไปอีก
    “พี่วาคะ…สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ”
    เธอยื่นกล่องของขวัญสีแดง ผูกโบว์สีชมพูหวานแหววให้ผมด้วยสีหน้าอันเต็มเปี่ยมด้วยความสุขในวันแห่งความรักครั้งแรกของเรา ภายหลังจากที่เราทานอาหารมื้อค่ำที่ร้านข้าวต้มเฮียตือเสร็จสิ้นลง
    “ขอบคุณจ้ะ” ผมรับกล่องของขวัญจากเธอด้วยความปลื้มปิติ และแกะมันออกดูทันทีอย่างไม่รอช้า มันเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีแดงสด ยี่ห้อดังจากฝรั่งเศส…
    ผมมัวชื่นชมกับมันเสียเพลิน จนเกือบลืมไปว่าเธอยังนั่งร่วมโต๊ะกับผมอยู่ ถ้าเธอไม่ร้องทักขึ้นมา
    “คือ…พี่คะ…แล้ว…เออ…คือ…แล้ว” เธอพูดอ้ำอึ้งไม่เป็นประโยค สีหน้าก็ดูอึดอัดชอบกล จนผมสังเกตได้
    “แล้ว…แล้วอะไรล่ะจ๊ะ หยีอยากพูดอะไรก็พูดสิ…อ๋อ!…รู้แล้ว หรือว่าหยีกลัวว่าพี่จะไม่ชอบของขวัญชิ้นนี้ใช่มั้ย ถ้าเป็นเรื่องนี้ละก็ หยีเลิกกังวลได้เลย…พี่ชอบมันมาก ถึงแม้สีมันจะไม่สวยเท่าไหร่ ออกจะดูเสล่อเสียด้วยซ้ำ ดีไซน์ก็เชยระเบิด ทั้งที่ราคาก็ตั้งหลายพัน แต่พี่ก็จะพยายามรักมันนะ ไม่เชื่อดูหน้าปลื้มปิติของพี่สิจ๊ะ…”
    ผมเข้าใจเธอเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เธอคงกังวลว่าผมจะไม่ชอบของขวัญที่เธอมอบให้แน่ ๆ แต่ไม่เป็นไร ผมทำหน้าปลื้มปิติให้เธอดูแล้ว คิดว่าเธอคงสบายใจขึ้นบ้าง
    “คือ…ไม่ใช่ค่ะ…หยีหมายถึงของขวัญน่ะค่ะ…พี่วาไม่…เออ…คือ…ไม่ให้หยีบ้าง” เธอพูดอ้ำอึ้ง แต่ดูเป็นประโยคกว่าเดิม จนผมสังเกตได้อีก
    “อะไรอีกล่ะจ๊ะหยี…หรือว่าหยีไม่เชื่อพี่…พี่ก็บอกแล้วไงว่าพี่ชอบ ๆ หน้าปลื้มปิติก็ทำให้ดูแล้วนี่ ถ้าไม่เชื่อพี่ทำให้ดูอีกก็ได้นะ…เอ้า…หนึ่ง…สอง…” นับยังไม่ทันถึงสาม เธอก็แย้งขึ้นมาเสียก่อน จนผมเกือบทำหน้าปลื้มปิติเก้อ
    “ไม่ต้องทำแล้วค่ะ…”
    แล้วเธอก็งอนตุ๊บป่อง วิ่งร้องไห้ออกจากร้านไป คนแถวนั้นหันมามองทางผมกันเต็มเลย ผมอายแทบแย่แน่ะ จะวิ่งตามไปก็ไม่ดี เพราะเดี๋ยวจะทำให้เธอเคยตัว เอาแต่ใจตัวเองอยู่ร่ำไป
    ผมไม่รู้จะทำยังไงดี เลยทำหน้าปลื้มปิติตอบคนแถวนั้นไป ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผล ทุกคนส่ายหน้าแบบเอือมระอา แล้วหันกลับไปตามปกติ
    พวกเขาคงเข้าใจผม และคงเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมของเธอเต็มที แต่ไม่เป็นไร ผมให้อภัยเธอเสมออยู่แล้ว…ผมยอมเป็นคนจ่ายค่าอาหารมื้อนี้เองก็ได้…แค่ร้อยกว่าบาทเอง…ขอกันกินมากกว่านี้…แต่คราวหน้า ผมรับรองว่าจะไม่ยอมให้เธอเบี้ยวอย่างวันนี้อีกแน่
    และสุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายตามง้อเสียแทบแย่ กว่าเธอจะยอมพูดกับผมเหมือนเดิม แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่ยอมบอกผมอยู่ดีว่า วันนั้นเธอเป็นอะไรไป
    เพื่อนบางคนก็พยายามวิเคราะห์ว่าอาจเป็นเพราะผมไม่มีของขวัญให้เธอบ้าง เลยทำให้เธอเสียใจรึเปล่านั้น ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะผมพร่ำบอกเธออยู่เสมอว่าไม่อยากให้เธอยึดติดกับวัตถุมากเกินไป แค่ความรักที่ผมมีให้เธอก็น่าจะมากพอแล้วนี่
    แต่ผมกลับคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เธอไม่เชื่อว่าผมจะชอบของขวัญของเธอจริงๆนั่นแหละ หรือถ้าจะเทียบกันแล้วเรื่องที่เธอพยายามเบี้ยวค่าอาหารมื้อนั้น ยังพอเป็นไปได้มากกว่าเสียอีก…แล้วทำไม?…ไม่เห็นมีใครสงสัยในเรื่องนี้บ้างล่ะ

    จากคุณ : โปรโตซัว อิน เลิฟ - [ 14 ก.พ. 48 09:33:06 A:202.176.109.101 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป