CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    Rose Quartz พลังหินบำบัด “ หัวใจรัก” 2/3

    “ อะไรของแกวะปูที่บอกว่าประหลาด แล้วไอโรคจิตที่ชอบโทรมาหาแกละตอนนี้จับได้แล้วยัง “ เจ้าของคาปูชิโน่ปั่นในมือตั้งคำถามเพื่อนสาวซึ่งขณะนี้นั่งหันหน้าชนกันกับเธอแทบจะทันทีที่มาถึง ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเพราะความที่ช่วงหลังต่างคนก็ต่างงานยุ่ง แทบที่จะหาเวลาว่างที่ตรงกันไม่ได้เลย ได้ยินเพื่อนของเธอบ่นให้ฟังทางโทรศัพท์ว่าระยะหลัง ชอบมีโรคจิตโทรมากวนประสาท เมื่อประจวบเหมาะพอมีเวลา ทั้งสองสาวจึงนัดมาเจอกันที่ร้านกาแฟสดเล็ก ๆ แห่งนี้ ซึ่งแต่งร้านได้เก๋ไก๋และบรรยากาศที่เงียบสงบ ทำให้เธอทั้งสองคนมักจะนัดพบกันที่นี่เป็นประจำ เจ้าของเสียงยังคงถามต่อไป ด้วยน้ำเสียงสงสัยและห่วงใยเป็นกำลัง ขณะที่มือก็ทำหน้าที่คนกาแฟในแก้วไปเรื่อย ๆ ตามแบบฉบับของสาวสมัยใหม่ที่ไม่ชอบปล่อยเวลาให้หยุดนิ่ง
    ไปรณีย์สะกดสายตาให้หยุดไว้ที่ข้อมือของตน ทำให้นัทฐาต้องจ้องมองสร้อยหินเส้นนั้นตามอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าสร้อยหินเส้นนี้เพื่อนเธอซื้อมาราว ๆ เดือนกว่าๆ ได้แล้วกระมัง เธอมองยังไงมันก็เป็นเพียงแค่สร้อยหินธรรมดาๆที่คนทั่วไปเขาใส่กันเยอะแยะตามกระแสความนิยม ไม่เห็นจะแตกต่างจากของคนอื่นตรงไหน อาจจะมีบ้างตรงที่สีของหินซึ่งเธอคิดว่าก็ไม่เห็นจะเป็นไร ในเมื่อหินมันก็ไม่ได้เกิดมาจากโครตเง่าสักหลาดเดียวกันซักหน่อย มันก็ย่อมมีความแตกต่างไปบ้างแต่ก็ใช่ว่าจะมากมาย จะผิดไปอีกนิดก็ตรงที่เส้นนี้เพื่อนของเธอเป็นคนใส่ก็เท่านั้นเอง
    “ ไม่รู้สินัท ฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ แต่แกรู้ไหมว่าตั้งแต่ฉันได้หินเส้นนี้มามันเริ่มมีอะไรแปลก ๆ กระโดดเข้ามาในชีวิตฉันเยอะมากเลย ” สายตาของนัทฐาเริ่มเปล่งประกายความอยากรู้มากยิ่งขึ้น ไปรณีย์จึงเฉลยข้อสงสัยต่อไปว่าเธอเริ่มฝันแปลก ๆเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งโดยที่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร แต่เขาค่อยแทรกกายเข้ามาสู่ความฝันเธอ ในจิตสำนึกของความรู้สึกมันเหมือนกับว่าเขามีตัวตนอยู่จริง ๆ ในโลกที่เธอครอบครองพื้นความฝันนั้นอยู่ มันก็ไม่แตกต่างจากโลกแห่งความจริงเท่าไหร่นัก เหมือนยกเอาสภาพเหตุการณ์ในชีวิตจริงของเธอมาใส่ไว้ จะต่างออกไปก็ตรงที่มีผู้ชายคนนั้นเข้ามามีบทบาทร่วมอยู่ในชีวิตประจำวันของเธอด้วย
    ในโลกของความฝันเธอกับเขาคุยกันอย่างสนิทสนมและดูเหมือนจะเทใจรับกันและกันมากขึ้น แต่ทำไมน๊าที่เธอยังข้องใจก็คือเมื่อเธอตื่นขึ้นมากลับนึกถึงใบหน้าของเขาไม่ออกมันดูเลือนลางอย่างกับโดนเซ็นเซอร์ไว้เหมือนหนังหรือละครบางเรื่องที่มักจะกำบังพฤติกรรมของตัวละครไว้เมื่อทำอะไรที่ไม่เหมาะสม แล้วเขาจะมาทำอะไรเธอหละ ทำไมจะต้องโดนเซ็นเซอร์ปกปิดไว้ด้วยในจิตสำนึกของความจำเธอ มันเหมือนว่าเธอยังไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยทั้ง ๆ ที่ในฝันเธอกับเขาแทบจะประสานสายตากันด้วยซ้ำ จำได้เพียงแต่ว่าเขาเป็นคนสูงยาวเข่าดี ดูแมนออกจะเป็นผู้ชายที่น่าปรารถนาคนนึงซะด้วย แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าหากหน้าเขาชัดเจนขึ้น แล้วหน้าตาของเขามันไม่เป็นอย่างที่คาดไว้ละ อึ๊ย แค่คิดก็ผวา ไม่อยากจะคิดเลยกลัวรับไม่ได้เหมือนกัน แต่เอ จะว่าไปในฝันเธอก็ไม่ได้ตกใจหรือรังเกียจเขาเลยนี่นา เรื่องความฝันหยุดไว้ก่อนเพราะอาจจะจริงอย่างที่นัทฐาว่าก็คือ ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะอกหักไปหมาดๆ ก็วันเดียวกับที่ซื้อเจ้าสร้อยหินเส้นนี้นั่นแหละ วันที่เธอโดนสลัดรักแต่มันก็ไม่เจ็บซักเท่าไหร่หรอกเพราะอันที่จริงมันน่าจะยุติกันไปตั้งนานแล้วเพียงเพราะเธอมัวแต่รั้งไว้จนในที่สุดมันก็ไปไม่รอด ริอาจรักคนเจ้าชู้นี่นาก็ต้องเปิดประตูรับส่วนเกินให้ได้ถ้าทำไม่ได้ก็คงต้องเซกู๊ดบายกันไป นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอตัดสินใจซื้อเจ้า“ โรส ควอตซ์ ”เส้นนี้มาใส่ถ่วงมือไว้หรือ อาจจะเพื่อถ่วงหัวใจเธอให้มีที่เพิ่งยึดเหนี่ยว ก็เป็นไปได้ที่จิตใต้สำนึกอาจต้องการใครสักคนมาดูแลปลอบประโลมหัวใจ จึงทำให้เธอฝันถึงผู้ชายคนนั้นทุกวัน พูดไปมันก็เป็นฝันดีเหมือนกันแฮะ
    แต่เรื่องในชีวิตจริงนี่สิที่แปลกแน่นอนก็คือ เธอได้รับดอกกุหลาบสีชมพูดอกสวยกับการ์ดหัวใจใบเล็กๆ แขวนติดไว้มันเขียนว่า “ แด่ ผู้รักษาหัวใจ “ เสียบไว้ที่ตู้ไปรษณีย์ของเธอทุกวันโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนส่งให้ เธอเคยพยายามค้นหาคำตอบหลายครั้งหลายคราถึงขนาดลงทุนไปแอบดูนั่งเฝ้าอยู่เป็นวัน ก็ไม่เห็นใครเลยจนกระทั่งหมดความอดทน กลับมาอีกทีเจ้าดอกกุหลาบสีชมพูก็ไปอยู่ในกล่องไปรณีย์ของเธอเหมือนทุกวันเรียบร้อยแล้ว ใครหละที่เป็นคนเอามาใส่ไว้ให้มันต้องไม่ได้เดินมาเองแน่นอน แต่ผลสรุปก็ต้องคว้าน้ำเหลวเพราะในที่สุดจนขณะนี้เธอก็ยังไม่สามารถรู้เลยว่าเจ้าของดอกไม้คือใคร
    ยังนะ ยังไม่ได้หมดแค่นั้นเพราะทุกวันเวลา 6 โมงเช้า และ สี่ทุ่มของตอนค่ำจะต้องมีเสียงเรียกจากโทรศัพท์ในบ้านเธอดังขึ้นหากเมื่อเอื้อมมือไปรับกลับไปมีเสียงใด ๆ เล็ดลอดมาจากฝ่ายตรงข้าม ใหม่ๆ เธอก็คิดว่าคงมีใครโทรผิดแต่หลังจากนั้นเจ้าเสียงโทรศัพท์ก็ยังคงดังในเวลาเดิมของมันทุก ๆ วันจนมันเหมือนจะค่อย ๆ สร้างภาวะตึงเครียดทางประสาทให้กับเธอ ช่วงอาทิตย์แรกทำเอาเธอแทบผวาทุกครั้งที่มีเสียงโทรเข้ามา เพราะคิดว่าคงเป็นฝีมือพวกโรคจิต แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็ยังคงดำเนินไปเหมือนเดิมไม่เคยมีเสียงแปลกประหลาดหรือน่ากลัวผ่านสายโทรศัพท์เลยซักครั้ง จนขณะนี้มันจึงกลายเป็นความเคยชินมากกว่าความหวาดกลัวเหมือนแรกเริ่ม หลายครั้งเช่นกันที่เธอหมดความอดทนตะโกนใส่กระบอกโทรศัพท์กลับไปแต่ก็ไม่มีเสียงใด ๆ ตอบกลับมาอยู่ดี ทำให้เธอเริ่มจะปลง ๆ แต่เธอก็ยังคงรับมันทุกครั้ง ที่เจ้านกพิราบไฮเทครุ่นเฝ้าบ้านส่งเสียงร้อง เธอก็จะกรอกเสียงลงไปเหมือนเช่นทุก ๆ วัน
    “สวัสดีค่ะ แค่นี้นะค่ะ”
    และข้อสุดท้ายที่เกี่ยวกับหินโดยตรงก็คือ เธอมักจะเห็นสร้อยหินของเธอเปล่งแสงแวววาวยังกับลูกแก้ววิเศษอะไรประมาณนั้น แล้วค่อย ๆเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แรก ๆ เธอก็คิดว่าตัวเองตาฝาดแต่หลัง ๆ มันบ่อยขึ้น จนเธอเริ่มสงสัยแล้วว่าทั้งหมดนี้มันเกี่ยวอะไรกันรึเปล่า เธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่แน่ใจที่สุด ก็คือทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทุก ๆ อย่างเกิดขึ้นพร้อมกันตั้งแต่วันที่ได้รับสร้อยหินเส้นนี้มา
    “ ว่าไง แกคิดว่ายังไงบ้าง “เมื่อเล่าจบไปรณีย์จึงหันมาขอความคิดเห็นจากเพื่อนสาวคนสนิทที่หน้าตาสวย ๆ บูดเบี้ยวไปมา เพราะสมองที่กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดที่ได้รับรู้มาอย่างสด ๆ ร้อน ๆ
    “ ฉันว่ามันฟังแทม่ง ๆ จริงอย่างที่เธอเล่านั่นแหละปู ทุกเรื่องดูเหมือนจะมาเริ่มต้นเกิดขึ้นพร้อมกันมันออกจะจงใจเกินไป แต่ในความคิดฉันนะ ฉันไม่เชื่อในพลังหินเหินอะไรนั่นหรอกว่ามันจะมีฤทธิ์มีเดชทำได้ขนาดนั้น มันเว่อร์ไปหวะ แต่ฉันกำลังคิดไปถึง...”
    “ ถึง...ถึงใครเหรอนัท แต่คงจะไม่ใช่พี่วัชรหรอกมั้ง “ ไปรณีย์มองนัทฐาอย่างสงสัยว่าเพื่อนเธอกำลังนึกไปถึงใครแต่เธอคิดว่ายังไงก็คงไม่ใช่วัชระอดีตแฟนรุ่นพี่ที่เพิ่งเลิกลากันไปอย่างแน่นอน เพราะเขาก็ทำงานที่เดียวกับเธอและเขาเองก็แสดงออกชัดเจนเช่นกันว่า สามารถหาผู้ดูแลหัวใจคนใหม่มาได้เรียบร้อยแล้วอาจจะก่อนที่เลิกลากับเธอด้วยซ้ำ
    “ ป่าว ฉันไม่ได้นึกไปถึงพี่วัชรหรอก แต่คนที่ฉันหมายถึงก็คือ ไอนายคนขายหินตัวแสบสองคนนั่นต่างหากหละ ที่น่าจะเป็นต้นเหตุ มันต้องแอบวางยาเสน่ห์แกแน่เลย เดี๋ยวนี้พวกมิฉาชีพหากินได้หลายแบบ หนอย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธรณีวิทยา วิทยาการขโมยอะดิ เดี๋ยวฉันจะไปกระทืบ เอ๊ยสืบเรื่องร้านหินนั่นเองแกอย่าเพิ่งกังวลไปมากกว่านี้เลย มันยังไม่มีอะไรร้ายแรงใช่ไหม” นัทฐาพูดด้วยแววตามาดมั่น ในสมองของเธอเชื่อสนิทว่าต้องเป็นฝีมือคนขายหินนั่นแน่นอน ถึงหน้าตาจะดีก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นคนดีเสมอไปนี่นา หนอยทำเป็นขายให้ราคาถูกเพราะหินค้นพบเจ้าของที่แท้จริง อยากจะอ๊วก ใครเชื่อก็บ้าแล้ว
    “ อือ”ไปรณีย์มองเพื่อนด้วยสายตาครุ่นคิด เธอไม่แน่ใจหรอกว่าสิ่งที่เพื่อนเธอตั้งข้อสงสัยนั้นจะถูกต้อง แต่ก็ต้องค้นหาคำตอบกันต่อไปและไม่สามารถเดาได้ด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้จะนำพาสภาวะใดให้เกิดขึ้นในอนาคต อาจจะดีและไม่ดี หากแต่เธอภาวนาขออย่าให้เกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้นเลย
    “ ปูครับ คิดอะไรอยู่ “เสียงที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยนที่แทรกผ่านการรับรู้ของสมองอย่างคุ้นชิน ทอดเสียงถามเธอด้วยน้ำเสียงแฝงไปด้วยความรักและห่วงใย
    ไปรณีย์ไม่ตอบคำถามใดๆ หากแววตายังคงทำหน้าที่จ้องมองชายหนุ่มเจ้าของคำถามอย่างค้นคว้า แทนที่จะตอบเธอกลับถามเขาไปอีกทาง
    “ปูอยากรู้ว่า เจ้าดอกไม้สีชมพู เสียงปริศนาของโทรศัพท์ คุณและสุดท้ายเจ้าสร้อยหิน โรส ควอตซ์เส้นนี้เกี่ยวข้องอะไรกันรึเปล่าคะ “ แทนคำตอบเจ้าของใบหน้ายิ้ม ๆ ดันหันมาส่งแววตาหวานซึ้งให้เธออย่างรักใคร่
    “ ตอนนี้ผมอาจจะยังไม่มีตัวตน ในโลกแห่งความจริงกับคุณ หากแต่คุณก็มีความสุขไม่ใช่เหรอครับปู “หญิงสาวมองเขาอย่างไม่แน่ใจหากแต่ไม่ได้เอ่ยถามใด ๆ ต่อไป
    วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เจ้าปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องปกติประจำวันไปเสียแล้วมันค่อย ๆ กลายมาเป็นความเคยชินในชีวิตของไปรณีย์ เธอแทบจะนับชั่วโมงให้ถึงเวลานอนเร็ว ๆ ด้วยซ้ำ เพราะความรู้สึกในฝันของเธอมันเหมือนกับโลกอีกโลกหนึ่ง ที่เธอก็กำลังดำเนินชีวิตไป โดยมีความสำคัญที่ไม่แตกต่างไปจากชีวิตจริงเลย จะต่างตรงที่เธอมีความสุขเสมอขณะแสดงบทบาทในฝันนั่น มีปัญหาอะไรเธอก็มักจะปรึกษากับชายในฝันของเธอ ในฝันเธอมักจะเรียกเขาว่าโดม ซึ่งเธอเดาว่าเขาคนนั้นคงจะชื่อโดม ทุกอย่างดูชัดเจนยกเว้นใบหน้าของเขาที่ยังคลุมเคลือ รอยเซ็นเซอร์ในความรู้สึกเธอหลังจากตื่นสู่โลกของความเป็นจริงค่อย ๆ จางลงเรื่อย ๆ ภาพเขาชัดขึ้นหากแต่เธอก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเขาคือใคร เธอหวังจะให้เขามีตัวตนอยู่ในชีวิตจริงอย่าเป็นเพียงชายในฝันของเธออยู่แบบนี้เลยถ้าเธอได้รู้เกี่ยวกับตัวเขาบ้างก็คงจะดี
    “ บอกได้ไหมคะ ว่าคุณเป็นใครกันแน่ “
    “ ก็เป็นคนที่รักปูสุดหัวใจไงครับ ”
    “ อย่ามาพูดเล่นสิคะ ปูถามคุณจริง ๆ นะ “หญิงสาวเริ่มจะแง่งอนขึ้นมาบ้างเมื่อถามอะไรก็ดูเขาจะพยายามบ่ายเบี่ยงอยู่ตลอด
    “ อย่าคิดมากสิครับปู โดมบอกแล้วไงครับ ว่าเมื่อถึงเวลาแล้วปูก็จะรู้เอง “
    “ แล้วเมื่อไหร่หละคะ อีก 1 เดือน 1 ปี หรือ10 ปี หรือต้องรอให้ปูตายไปซะก่อน “
    “ ไม่เอาหน่าคนดี อีกไม่นานหรอก เพราะโดมก็เหลือเวลาอีกไม่มากเช่นกัน “พูดจบเขาก็ยกหลังมือเธอขึ้นมาจูบและสบแววตาหวานอย่างมีความหมายและมั่นคงเพื่อที่จะให้เธอเชื่อใจในตัวเขา

    จากคุณ : dokyaka - [ 15 ก.พ. 48 13:53:30 A:203.150.87.231 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป