ชีวิตของผมมันเหมือนนิยายเล่มละหลายบาทอยู่เหมือนกัน ผมเกิดในตระกูลนักรบ พ่อแม่เป็นจอมยุทธอันดับหนึ่งของแผ่นดิน พ่อเป็นวีรบุรุษไร้ผู้ต่อต้าน แม่เป็นวีรสตรีอันดับหนึ่งทั้งสะคราญโฉมและฝีมือหาเป็นลองใครไม่ เป็นคู่ที่ยุทธจักรจับคู่ให้กันว่าเหมาะสมยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยก พ่อกับแม่ของผมออกงานสังคมช่วยโบกธงธรรมะชนะอธรรมอยู่ร่ำไป ไม่ว่าเหล่าร้ายเกิดขึ้นที่ไหนบนแผ่นดิน พรรคฝ่ายธรรมต่างมาร้องเรียนให้พ่อกับแม่ ออกไปต่อกรด้วยเป็นนิจ พ่อของผมเป็นมือกระบี่ที่ฝึกได้ถึงขั้นลุได้ดังใจหมาย กระบี่ของพ่อเป็นกระบี่วิเศษฟันหินปานฟันหยวกกล้วย อานุภาพสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ส่วนแม่เล่าก็เก่งเพลงหมัดมวย อาวุธลับ ทั้งยาขจัดพิษ และแม่ก็ถนัดกระบี่เช่นเดียวกับพ่อ ถ้ากระบี่ได้ผนึกคู่กันแล้วไม่มีวันเปิดช่องโหว่ให้ใครได้โจมตี ไม่มีใครต้านท่ากระบี่คู่ของพ่อกับแม่ได้ มันเปล่งอานุภาพถึงขีดสุด ผู้เยี่ยมยุทธทั้งหลายและเหล่าอธรรมโฉดจึงหวาดกลัวพ่อกับแม่ยิ่งนัก บางทีเหล่าราชสำนักก็มาประจบให้พ่อไปเป็นองค์รักษ์ไว้ป้องกันเหตุร้ายยามออกนอกพื้นที่ ชีวิตของพ่อกับแม่ร่ำรวยน้ำใจให้กับทุกคน ช่วยได้ทุกอย่างไม่ว่าบุกน้ำลุยไฟ พ่อกับแม่เป็นต้องไปเพื่อเชิดชูคุณธรรม แต่สำหรับผม เด็กชายลี้คิมฮวยแล้ว พ่อกับแม่แทบไม่มีเวลาให้เอาเสียเลย
กลับมาถึงบ้านทีไรพ่อกับแม่เป็นทะเลาะกันเรื่องรับผิดชอบภายในบ้าน พอถึงขีดสุดของอารมณ์พ่อก็จะบอกกับแม่ว่า
รับเพลงกระบี่ตระกูลลี้
น้อมรับเพลงกระบี่อันร้ายกาจ
และแล้วผมก็ต้องได้นั่งชมเพลงกระบี่ที่เป็นสุดยอดของแผ่นดินตั้งแต่เด็กๆ ทะเลาะกันถึงขั้นใช้ท่าไม้ตาย เสียงกระบี่ปะทะกันเป็นประกายไฟเจิดจ้ารังสีกระบี่คุกคามกลับทุกอย่างที่อยู่รอบข้าง ไม่ว่าจาน หม้อ ถ้วยโถ โอชามเป็นแตกละเอียด
ท่านยอมแพ้หรือไม่ พ่อถาม
ในโลกนี้ข้าพเจ้าไม่เคย พ่ายแพ้ต่อผู้ใด ระวังอาวุธลับตะปูแทงใจ
ว่าแล้วแม่ก็ซัดตะปูแทงใจใส่พ่อทันที ผมนั่งดูเคล็ดวิชาเหล่านี้อยู่แทบทุกวัน เพราะพ่อกับแม่กลับมาจากงานของฝ่ายธรรมเมื่อไหร่เป็นต้องได้ทะเลาะกัน มันก็เลยซึมซับเข้าสู่หัวสมองน้อยๆ ของผมตั้งแต่ผมยังเดินไม่ได้เสียด้วยซ้ำ ผมจำได้ทุกกระบวนท่าของฝ่ามือ เพลงกระบี่ การใช้อาวุธลับ ผมไม่เคยร้องไห้ในเวลาที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน มันอาจเป็นเพราะผมได้ธาตุแท้ของลูกผู้ชายที่เหมาะต่อการฝึกเพลงยุทธ นี่แหละต้นเหตุแห่งเภทภัยทั้งหลาย
ผมปฏิญาณตนเด็ดขาดว่าจะไม่ฝึกเพลงกระบี่เด็ดขาด ผมไม่อยากเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันเพราะความสามารถที่มีอยู่ มันเป็นภาพที่เจ็บปวดสำหรับเด็กชายเช่นผม พอหมดอาวุธลับพ่อกับแม่ก็ปะทะกันด้วยพลังภายในอันกร้าวแกร่ง ควันสีขาว สีม่วง สีแดง สีดำ พวยพุ่งขึ้นเป็นหมอกหลากสี นี่อาจเป็นพลังภายในขั้นสูงที่ยากยิ่งจะหาใครฝึกได้ถึงระดับนี้ หลวงจีนก็เถอะไม่มีวันฝึกได้เท่า พ่อกับแม่หน้าตาบัดเดี๋ยวขาว บัดเดี๋ยวแดง สลับขึ้นลง ในวัยเด็กผมไม่รู้อะไร ด้วยความหิวนมมารดาจึงคลานเข้าไปใกล้ ขณะที่พ่อกับแม่ต่อกรกันด้วยพลังวัตต์ขั้นสูง ผมไม่รู้มาก่อนว่าจะทำให้พลังภายในแตกซ่านถึงขั้นเสียชีวิต พอผมจับที่ร่างของแม่เท่านั้นแหละ สัมผัสได้ถึงพลังภายในที่ถ่ายเทกันเข้ามาเป็นระลอกคลื่นพลังราวการเคลื่อนตัวของทะเลภูเขาโถมซัดกันเข้ามาในร่างของผม จุดทุกจุดในร่างเชื่อมต่อกันเส้นประสาททุกเส้นขยายใหญ่และหดเล็ดในวินาทีเดียวกัน พลังทั้งหมดของพ่อกับแม่ไหลรวมมายังร่างน้อยๆ ของผมทั้งหมด มันเป็นพลังที่สะสมมาอย่างยาวนานและเสียไปเพียงเสี้ยววินาที พ่อกับแม่ล้มลงแล้ว ผมนั่งอยู่กลางระหว่างผู้ให้กำเนิด
ดวงตาของแม่เพ่งมองพ่อด้วยความรัก
ศิษย์พี่หัวใจของข้าพเจ้าเป็นของท่านทุกชาติภพ
แม่ส่งมืออันสั่นพร่ามาให้พ่อไขว่คว้าจับประสาน
ศิษย์น้องแม้นตายเราก็ไม่พรากจากกัน ไม่ได้เกิดวันเดียวปีเดียว แต่ได้ตายวันเดียวกับศิษย์น้อง นับว่าสวรรค์ยังเข้าข้างเรา พ่อยื่นมือให้แม่จับโดยที่ไม่พูดถึงผมแม้แต่น้อย
ที่ผ่านมาท่านดีต่อข้าพเจ้ายิ่ง
แม้วันนี้จะตกตายความงามของเจ้าหาเป็นรองบุปผชาติไม่
แล้วพ่อกับแม่ก็สิ้นลมหายใจ ผมพึ่งมารู้ตอนหลังว่าการกระทำของผมนั้นเป็นบิตุฆาตและมาตุฆาต มันเป็นแผลที่ใหญ่เกินหัวใจผมจะรับมันเอาไว้ได้ ผมร้องไห้จ้าเมื่อไม่ได้ดื่มนมของมารดาและยังไม่รู้หรอกว่าการจากพรากมันเจ็บปวดปานใด แต่ตอนนั้นเสียงร้องไห้ของผมทำให้กระท่อมพังทลาย ต้นไม้สลัดใบล่อนจ้อน แค่ผมยกอุ้งมือเล็กๆ ขึ้นมา ปรากฏว่าแผ่นดินตกหน้าระเบิดเป็นแถวยาวตลอดแนวอานุภาพสะเทือนขวัญนัก ผมถึงกลับหยุดร้องไห้และได้เรียนรู้ภายหลังว่าผมสำเร็จเพลงยุทธขั้นสูงตอนอายุไม่ถึงขวบดีเสียด้วยซ้ำ
ผมถูกพรรคกระยาจกเอาไปเลี้ยง สังเกตให้ดีท่าทางจะมาจากเขมร เอาผมเข้าแผ่นดินตงง้วนเพื่อหาขอทาน ผมเป็นเด็กที่น่ารักมาตั้งแต่เกิดเปล่งราศีคุกคามคน ใครเห็นเป็นต้องเอ็นดูและให้เงินทองมากเป็นพิเศษ ขอทานที่เอาผมมาเลี้ยงเพื่อไว้ประกอบอาชีพนั้นร่ำรวยทันตาเห็น ส่งเงินกลับเขมรทีไม่ใช่น้อยๆ เอาผมบังหน้าหากินอยู่นานทีเดียวอยู่เกือบครบปี เขามักจะพาผมไปหากินแถวสะพานลอยย่านคนชุกชุม มันเป็นแหล่งเศรษฐกิจของขอทาน เขาบอกผมว่าขอทานที่ดีต้องรู้ทำเล แดดบ่ายของวันหนึ่งเหล่าขุนนางเดินผ่านผมไป ลูกชายของพวกเขาอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผม ถือของเล่นชิ้นสวยอยู่ในมือ ผมชี้ให้ขอทานรู้ทันที ว่าผมต้องการอะไร เขาเอ็ดผมด้วยคำหยาบเหน็บคำว่า
อ้ายลูกคนขอทานไม่เจียมตัว
และทำท่าขู่จะไม่ให้ผมกินลูกอม ผมชอบฮอลล์เป็นพิเศษรสชาติของมันเย็นดับความร้อนของกำลังภายในผมได้ เขาไม่รู้หรอกการเบี้ยวลูกอมฮอลล์ ของเขาจะเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิต วันนั้นผมไม่ยอมขอทาน ไม่ยกมือไหว้ ใครให้ถ่มน้ำลายใส่อีก และก็แคะขี้มูกไปป้ายมือคนทำบุญเสียด้วย สะใจพิลึกก็อยากมาขัดใจผมทำไม อุตสาห์ตากแดดตากลมหาเงินให้เป็นปียังใจจืดใจดำ นี่แหละหนาใจพวกคนขอทาน มีแต่เอาไม่เคยให้ ถุยๆๆๆ
เขาพาผมกลับบ้านพร้อมเด็กคนอื่นๆ ที่ลักพามาบ้าง มาจากบ้านนอกกับเขาบ้างกลับรังนอน ด้วยความโมโหสุดขีดจนกั้นมันไว้ไม่อยู่ สั่งให้พี่เลี้ยงเด็กสุดโหดอ้ายแมงดาน้ำจืด แมงกะซอนไร้การศึกษาหยิบไม้กวาดย่างสามขุมเข้ามาหาผม ฟาดไม้กวาดลงโดยแรง ผมมีสัญชาตญาณพิเศษบางอย่างคว้าไม้กวาดไว้ในมือทันที ซัดฝ่ามือในกระบวนท่าหิมะขาวออกไปโดยอัตโนมัติ ร่างของแมงดากลายเป็นขาวโพลนและล้มลงขาดใจตาย เด็กคนอื่นๆ เห็นผมใช้กระบวนท่าประหลาดพิกลนั้นออกไป ถึงกลับถอยหลังไปรวมตัวกันอยู่มุมห้องดวงตาประหวั่นรนราน ขอทานหัวหน้าแก๊งค์ทำท่าจะวิ่งหนีไม่ทันหรอก ผมใช้วิชาตัวเบาท่าอีแอ่นเหินเวหาประกบติด ทาบฝ่ามือบนแผ่นหลังของเขาแผ่วเบาเท่านั้นเอง เจอพลังมหาเวทย์ดูดดื่มเข้าให้ ร่างนั้นพลันกลายเป็นผงธุลี ไม่เหลือแม้แต่กระดูกสั่งได้เหมือนเตาเผาผีไฟฟ้าในวัด
อ้ายพี่เลี้ยงจอมโหดอีกคนได้ทีฟาดขวดน้ำปลาตราหน่อไม้ดองมาจากด้านหลังเสียงหวืดฟังน่ากลัว ขวดยังไม่บรรลุถึงเป้าหมายผมก็ซัดขี้มูกทะลุหัวใจเขา ขี้มูกพุ่งปักตรึงติดเสาและเงียบสงบลงได้ สมน้ำหน้าตายเพราะขี้มูกเด็ก
ไปๆ มาๆ ผมกลายเป็นหัวหน้าพรรคกระยาจก ตามกฏพรรคใครล้มหัวหน้าได้คนนั้นจะได้ขึ้นครองตำแหน่งทันที มันตกเป็นของผมเมื่อตอนอายุยังไม่ถึงสองขวบดี นับวันพรรคของผมขยายเขตใหญ่โตขึ้น มีเด็กเร่ร่อนจากทั่วสารทิศหลั่งไหลกันเข้ามาสวามิภักดิ์ ทั้งๆ ที่ผมพูดยังได้ไม่กี่คำเท่านั้นเอง ชื่อเสียงของผมขจรขจายไม่ต้องออกโทรทัศน์ให้ยุ่งยาก ไม่มีหนังสือพิมพ์มาทำข่าว ชีวิตของผมจะพบกับความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่งตอนอายุสี่ขวบที่จะถึงนี้
วันประลองเหล่าจอมยุทธทั่วแผ่นดิน ถูกจัดขึ้นที่วัดเส้าหลินเสาหลักแห่งยุทธภพจบแดน มีจอมยุทธมากมายหลั่งไหลกันเข้ามาปานกระแสน้ำป่า เพื่อไขว่คว้าตำแหน่งเจ้าแห่งยุทธภพอันเกริกไกร ผมได้ยินเขาประกาศชื่อพ่อกับแม่นั่นแสดงว่าท่านทั้งสองยังเป็นขวัญใจของพวกเขาอยู่ แต่คำท้ายที่ประกาศนั่นดูเย่อหยิ่งสิ้นดี เขาว่า ต่อไปนี้จะไม่มีก้างขวางยุทธจักรอีกแล้ว ทั้งมารทั้งเทพตีวงใหญ่ขึ้นทุกที เป็นร้อยเป็นพัน จอมยุทธเยอะเหลือเกิน อาวุธที่ถูกจัดอยู่ในทำเนียบอันดับหนึ่งถึงสุดท้ายถูกรายงานให้ทราบอีกครั้ง ผมฟังไม่ค่อยเข้าใจหรอกแต่มาในนามพรรคกระยาจก แท้จริงกะว่าจะมาขอทานแถวนี้ เห็นคนเยอะถ้าพาพรรคพวกหากินคงได้หลายตังค์
ผมคิดเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้นหละอาชีพของผมมันสอนให้รู้จักคิด มันจำเป็นบ้านผมก็ต้องเช่า ข้าวผมก็ต้องซื้อ หลวงจีนแห่งวัดเส้าหลินออกมาประกาศกติกาและเริ่มประลองตอนดวงอาทิตย์อยู่กลางหัวพอดี การประลองเป็นไปเรื่อยๆ เพื่อคัดสุดยอดฝีมือ ผมเห็นพวกนั้นต่อสู้กันแล้วเหมือนการละเล่นของผู้ใหญ่ดูไร้สาระและขาดพลัง ไม่เอาไหน อ่อนด้อย เป็นพันธุกรรมทางวิทยายุทธที่ไร้ประสิทธิภาพในการทำลาย ผมเผลอหลับไปในที่สุดน่าเบื่อหน่ายนี่ สู้ก็ไม่เร้าใจดูไปก็ไร้ค่า มารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อลูกน้องผู้ซื่อสัตย์มาเขย่าปลุกให้ออกไปต่อสู้ คงเล่นสนุกกันเหมือนที่ผ่านมา ทำให้ผมคึกคักอักโข จะได้ยืดเส้นยืดสาย ไม่ถนอมกำลังใช้ออกโดยเต็มที่ก็คงงานนี้แหละ
หัวหน้าพรรคกระยาจกไม่มาหรือไร ถึงส่งเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นลูกอมมาแทน
มารหัวแดงหัวเราะเย้ยหยัน
ข้าพเจ้านี่แหละหัวหน้าพรรค
พวกนั้นยิ่งหัวเราะกันยกใหญ่ หัวเราะจนน้ำตาตกพื้น แต่ไม่ทันสิ้นกลิ่นหัวเราะเย้ย มารแดงก็กลายเป็นหิมะไปทันที และผมก็ซัดฝ่ามือที่ดูมาจากตอนพ่อแม่ทะเลาะกันในวัยเด็กนั้นได้ติดตานัก ซัดออกอีกสิบสามฝ่ามือเคลื่อนย้ายจุด ร่างของมารแดงลอยทะลุกำแพงวัดตกหน้าผาหิน ผมกลับมานั่งด้วยความหมดสนุก เมื่อรู้ว่าพวกเขาไม่เอาไหนเสียเลย ผมร้องตะโกนขึ้นฟ้าและซัดฝามือออกโดยรอบด้วยความเจ็บแค้นในอก ที่หาคนเล่นด้วยไม่ได้ ฝ่ามือของผมกลายเป็นอะตอมระเบิดต่อกัน
จากคุณ :
เดอะแหลม
- [
15 ก.พ. 48 15:26:06
A:202.129.45.50 X:
]