สุขสันต์วันแห่งความรัก ตอน 2
ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีแดงสดที่เธอซื้อให้เป็นของขวัญเมื่อวันวาเลนไทน์แรกที่เราเป็นแฟนกันขึ้นมาสวมอย่างไม่ลังเล
ผมจะต้องสวมมันเสมอ เวลาที่ผมคิดถึงเธอ ไม่เว้นแม้เวลานอน อาบน้ำหรือกระทั่งไปงานศพของใครก็ตาม ขอเพียงแค่ผมรู้สึกคิดถึงเธอเท่านั้น ผมจะใส่มันทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ
ยิ่งวันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับผมกับเธอด้วยแล้ว เลยทำให้มันดูเหมาะสมกว่าวันอื่น ๆ มากขึ้นไปอีก
พี่วาคะ
สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ
เธอยื่นกล่องของขวัญสีแดง ผูกโบว์สีชมพูหวานแหววให้ผมด้วยสีหน้าอันเต็มเปี่ยมด้วยความสุขในวันแห่งความรักครั้งแรกของเรา ภายหลังจากที่เราทานอาหารมื้อค่ำที่ร้านข้าวต้มเฮียตือเสร็จสิ้นลง
ขอบคุณจ้ะ
ผมรับกล่องของขวัญจากเธอด้วยความปลื้มปิติ และแกะมันออกดูทันทีอย่างไม่รอช้า มันเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีแดงสด ยี่ห้อดังจากฝรั่งเศส
ผมมัวชื่นชมกับมันเสียเพลิน จนเกือบลืมไปว่าเธอยังนั่งร่วมโต๊ะกับผมอยู่ ถ้าเธอไม่ร้องทักขึ้นมา
คือ
พี่คะ
แล้ว
เออ
คือ
แล้ว
เธอพูดอ้ำอึ้งไม่เป็นประโยค สีหน้าก็ดูอึดอัดชอบกล จนผมสังเกตได้
แล้ว
แล้วอะไรล่ะจ๊ะ หยีอยากพูดอะไรก็พูดสิ
อ๋อ!
รู้แล้ว หรือว่าหยีกลัวว่าพี่จะไม่ชอบของขวัญชิ้นนี้ใช่มั้ย ถ้าเป็นเรื่องนี้ละก็ หยีเลิกกังวลได้เลย
พี่ชอบมันมาก ถึงแม้สีมันจะไม่สวยเท่าไหร่ ออกจะดูเสล่อเสียด้วยซ้ำ ดีไซน์ก็เชยระเบิด ทั้งที่ราคาก็ตั้งหลายพัน แต่พี่ก็จะพยายามรักมันนะ ไม่เชื่อดูหน้าปลื้มปิติของพี่สิจ๊ะ
ผมเข้าใจเธอเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เธอคงกังวลว่าผมจะไม่ชอบของขวัญที่เธอมอบให้แน่ ๆ แต่ไม่เป็นไร ผมทำหน้าปลื้มปิติให้เธอดูแล้ว คิดว่าเธอคงสบายใจขึ้นบ้าง
คือ
ไม่ใช่ค่ะ
หยีหมายถึงของขวัญน่ะค่ะ
พี่วาไม่
เออ
คือ
ไม่ให้หยีบ้าง
เธอพูดอ้ำอึ้ง แต่ดูเป็นประโยคกว่าเดิม จนผมสังเกตได้อีก
อะไรอีกล่ะจ๊ะหยี
หรือว่าหยีไม่เชื่อพี่
พี่ก็บอกแล้วไงว่าพี่ชอบ ๆ หน้าปลื้มปิติก็ทำให้ดูแล้วนี่ ถ้าไม่เชื่อพี่ทำให้ดูอีกก็ได้นะ
เอ้า
หนึ่ง
สอง
นับยังไม่ทันถึงสาม เธอก็แย้งขึ้นมาเสียก่อน จนผมเกือบทำหน้าปลื้มปิติเก้อ
ไม่ต้องทำแล้วค่ะ
แล้วเธอก็งอนตุ๊บป่อง วิ่งร้องไห้ออกจากร้านไป คนแถวนั้นหันมามองทางผมกันเต็มเลย ผมอายแทบแย่แน่ะ จะวิ่งตามไปก็ไม่ดี เพราะเดี๋ยวจะทำให้เธอเคยตัว เอาแต่ใจตัวเองอยู่ร่ำไป
ผมไม่รู้จะทำยังไงจริง ๆ เลยทำหน้าปลื้มปิติตอบคนแถวนั้นไป ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผล ทุกคนส่ายหน้าแบบเอือมระอา แล้วหันกลับไปตามปกติ
พวกเขาคงเข้าใจผม และคงเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมของเธอเต็มที แต่ไม่เป็นไร ผมให้อภัยเธอเสมออยู่แล้ว
ผมยอมเป็นคนจ่ายค่าอาหารมื้อนี้เองก็ได้
แค่ร้อยกว่าบาทเอง
ขอกันกินมากกว่านี้
แต่คราวหน้า ผมรับรองว่าจะไม่ยอมให้เธอเบี้ยวอย่างวันนี้อีกแน่
แล้วสุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายตามง้อเสียแทบแย่ กว่าเธอจะยอมพูดกับผมเหมือนเดิม แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่ยอมบอกผมอยู่ดีว่า วันนั้นเธอเป็นอะไรไป
เพื่อนบางคนก็พยายามวิเคราะห์ว่าอาจเป็นเพราะผมไม่มีของขวัญให้เธอบ้าง เลยทำให้เธอเสียใจรึเปล่านั้น ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะผมพร่ำบอกเธออยู่เสมอว่าไม่อยากให้เธอยึดติดกับวัตถุมากเกินไป แค่ความรักที่ผมมีให้เธอก็น่าจะมากพอแล้วนี่
แต่ผมกลับคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เธอไม่เชื่อว่าผมจะชอบของขวัญของเธอจริงๆนั่นแหละ หรือถ้าจะเทียบกันแล้วเรื่องที่เธอพยายามเบี้ยวค่าอาหารมื้อนั้น ยังพอเป็นไปได้มากกว่าเสียอีก
ทำไม?
ไม่เห็นมีใครสงสัยในเรื่องนี้บ้างล่ะ
รถเมล์สายเดิมที่เราเคยขึ้นไปเรียนด้วยกันทุกวัน แล่นเข้ามาจอดเทียบที่ป้ายรถเมล์อย่างช้า ๆ ผมก้าวขึ้นไปบนรถด้วยความรู้สึกเจ็บปวด บรรยากาศเก่า ๆ เริ่มหวนกลับมาทำร้ายผมอีกครั้ง มันทำให้ผมอดนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ระหว่างเราสองคนไม่ได้ ภาพเหล่านั้นยังวนเวียนอยู่ในความรู้สึกของผมเสมอ
หลายครั้งที่เราหยอกเย้ากระเซ้าแหย่กันอย่างน่ารักน่าชัง จนใคร ๆ บนรถเมล์อดอิจฉาไม่ได้ และก็มีหลายครั้งเหมือนกันที่เราไม่เข้าใจกัน ซึ่งก็เป็นความผิดของเธออีกตามเคย
พี่คะ ๆ
ผู้หญิงท้องค่ะ
ยืนอยู่ข้าง ๆ พี่นี่เอง
เธอเอียงตัวจากที่นั่งริมหน้าต่างมากระซิบผมเบา ๆ ในขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่เพลิน ๆ บนที่นั่งริมทางเดิน
ผมเหลือบไปมองหญิงคนนั้นนิดหนึ่ง ตามที่เธอบอกผม และก็จริงอย่างที่เธอว่า ผู้หญิงคนนั้นท้องจริง ๆ ท่าทางจะท้องแก่แล้วด้วย ส่วนจะท้องกี่เดือน และจะเป็นหญิงหรือชายนั้น ผมไม่ทราบจริงๆ
ผมยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้นตามมารยาท ซึ่งหล่อนก็ยิ้มตอบ จากนั้นผมก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อแบบงง ๆ ที่อยู่ดี ๆ เธอก็เรียกให้ผมดูคนท้อง ทำอย่างกับว่าผมไม่เคยเห็นอย่างนั้นแหละ
พี่วาคะ
พี่ไม่เห็นเหรอคะ
ยังไม่จบ เธอจะเอายังไงกับผมเนี่ย การ์ตูนกำลังสนุกเสียด้วย อ่านขาด ๆ หยุด ๆ อย่างนี้ก็แย่สิ
เธอเขย่าแขนผมแรงพอสมควร จนผมรู้สึกเจ็บนิด ๆ ท่าทางเธอดูไม่สบายใจยังไงบอกไม่ถูก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องอยากให้ผมเห็นคนท้องกันถึงขนาดนี้ ซึ่งผมก็ยังคงตามใจเธออีก
เห็นจ้ะ
พี่เห็นแล้ว
แถวบ้านเราก็มี ผมหันไปมองและยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง ซึ่งหล่อนก็ยังยิ้มตอบให้ผมเหมือนเคย
ผมเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ยังไงชอบกล ดูเหมือนเธอต้องการผลักดันอะไรบางอย่างให้ผม
ไม่น่ะ
เป็นไปไม่ได้หรอก
อย่าบอกนะว่าเธอคิดจะให้ผมจีบหญิงตั้งท้องคนนี้ เธอต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ
ใช่
ถึงแม้ว่าหล่อนจะหน้าตาสะสวยไม่เบาก็ตามที แต่ผมไม่มีวันทำเรื่องไร้ศีลธรรมอย่างนั้นแน่ ดูก็รู้ว่าหล่อนต้องมีครอบครัวแล้ว เธอจะเล่นอะไรของเธอเนี่ย มันไม่สนุกเลยนะ
ไม่
ไม่มีวัน พี่ไม่มีวันยอมเด็ดขาด ผมหันไปยืนยันเสียงแข็งกับเธอ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ใจดำ
เธอบ่นพึมพำสั้น ๆ แล้วทำหน้าบึ้งใส่ผม จากนั้นเธอก็ไม่ยอมพูดกับผมอีกเลยตลอดทาง
โอเค
ผมยอมเป็นคนใจดำอย่างที่เธอว่าก็ได้ เพราะยังไงก็ยังดีกว่าต้องทำเรื่องแย่ๆแบบนั้น
เธอก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ไม่เคยใช้เหตุผลเลยสักครั้ง
อย่างมีอยู่วันหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสได้ไปร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำกับครอบครัวของเธอที่บ้าน เธอก็ยังคงไม่มีเหตุผลอีกเช่นเคย
เธอต่อว่าผมแบบเอาเป็นเอาตายกับเพียงแค่เรื่องที่คุณแม่ของเธอกินปลาทูแล้วบังเอิญก้างติดคอ แต่ผมกลับนั่งกินข้าวต่อ โดยไม่ไปช่วยเหลือเหมือนกับคนอื่นๆ เขา ซึ่งผมก็ได้ให้เหตุผลกับเธอแล้วว่า มีคนไปช่วยกันเยอะแล้ว หากผมเข้าไปช่วยอีกคนก็จะกลายเป็นเกะกะเสียเปล่าๆ
อีกทั้งใคร ๆ ก็รู้ว่าคุณพ่อของเธอก็เป็นแพทย์ฝีมือดีด้วย ส่วนผมมันก็แค่พนักงานบริษัทไฟแนนซ์ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง จะมีปัญญาไปช่วยอะไรได้
แต่หากบังเอิญแม่เธออาการหนักถึงขั้นไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลหรือถ้าแย่กว่านั้นคือไม่มีค่าทำศพละก็ ผมยังพอช่วยหาทางกู้เงินให้เธอได้บ้าง
แถมสุดท้ายผมยังอุตส่าห์ปลอบเธออีกว่า ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่แน่นอนหรอก ชีวิตคนก็เหมือนกัน เกิดมาแล้วก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น หนีวงจรนี้ไปไม่พ้นหรอก จะคิดมากไปทำไม?
ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเธอและครอบครัวของเธอจะเข้าใจผมนะ เห็นทุกคนแค่ทำหน้าบึ้งตึงใส่ผมเท่านั้นเอง ไม่เห็นมีใครว่าอะไรผมสักคำ
ยกเว้นแม่ของเธอคนเดียวที่ท่าทางท่านจะโกรธผมเอามาก ๆ ขนาดผมจะลากลับ ท่านยังไม่ยอมรับไหว้ผมเลย เอาแต่นอนชักแด่ว ๆ อยู่อย่างนั้นแหละ
จากนั้นมาผมก็ไม่เคยมีโอกาสไปทานข้าวบ้านเธออีก
อ่านต่อ...ตอน 3
จากคุณ :
โปรโตซัว อิน เลิฟ
- [
15 ก.พ. 48 17:23:31
A:202.176.109.172 X:
]