"เฮ้ยอะไรกันวะเนี๊ยะ อ้อม ทำไมแกอยู่ชมรมยูโดวะ"
"น่านสิ ตัณติแล้วแกดันไปอยู่ชมรมอาสาได้ไง"
" ทำไมถึงจะเปลี่ยนไม่ได้ละคะ " เสียงตัณติมาเริ่มดังขึ้นตามอารมณ์ที่กำลังจะปะทุ
"ก็อย่างที่พี่บอกน้องไปแล้วว่าเรายื่นเรื่องส่งทางมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว ถ้าน้องอยากจะเปลี่ยนก็คงต้องเป็นปีหน้า"
"อะไรนะ นี่หมายถึงปีนึงเต็ม ๆ กับการที่ต้องทนอยู่ในชมรมทาสแห่งนี้นะเหรอ"
"นี่คุณช่วยพูดจาให้มันดูเหมือนคนมีการพัฒนาทางด้านสมอง เขาพูดกันหน่อยได้ไหม"
เสียงชายหนุ่มแทรกขึ้นมาระหว่างที่มีการถกเถียงกันอย่างไม่รู้เมื่อไหร่จะยุติ เพราะเถียงกันมากว่าชั่วโมงแล้ว นักศึกษาสาว ผู้มีนามว่าตัณติมาดูเหมือนจะทำท่าไม่เข้าใจในเหตุผลท่าเดียวยังรั้นที่จะขอเปลี่ยนชมรมให้ได้
ตัณติมาชะงักพร้อมทั้งหันไปตามต้นเสียง ก็พบเจ้าของเสียงเป็นชายหนุ่มผมไม่ถึงกับยาวมากแต่ดูเหมือนเส้นผมจะแทบไม่เคยจะสัมผัสหวีมานานเป็นปีแล้วกระมัง ก็มันพันกันยุ่งเหยิงซะขนาดนั้น หน้าตาขาวแบบหนุ่มเหนือคงจะดูดี ถ้าหากไม่มีไอหนวดเครารุงรังกับคิ้วเข้ม ๆและแววตาอันแสนจะกวนประสาทคู่นั้น คงจะน่าพิศมัยกว่านี้แยะ หลังของเขามีเป้สะพายไว้เหมือนเพิ่งกลับมาจากที่ไหนสักเเห่ง กางเกงยีนต์ตัวนั้นคงไม่เคยซักเลยมั้งสีซีดแถมดินติดซะขนาดนั้น ดูเอาเถอะขนาดรองเท้าผ้าใบ ยังจะขาดมิขาดเหล่อยู่แล้วยังใส่อยู่ได้ แถมสีก็แทบจะดูไม่ออกแล้วว่าก่อนหน้านี้มันคือสีอะไร
ตัณติมามองเรื่อยไปตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเหยียด ๆในใจก็วิจารณ์ไปเรื่อย ๆ อันที่จริงแล้วแม้ว่าตัณติมาจะชอบความหวือหวา แต่ก็ไม่เคยมีนิสัยดูถูกคนเลยก่อนหน้านี้ แม้บางครั้งจะพูดอะไรเว่อร์ไปบ้างแต่เพราะเธอเป็นคนชอบสร้างสีสันก็เท่านั้นเอง และที่เธอพูดไปตอนเเรกอาจจะฟังดูรุนเเรงแต่ก็เพราะอารมณ์กำลังพุ่งกระฉูดต่างหาก ไม่ได้หมายความตามที่พูดจริงจังนักหรอก ซึ่งเรื่องนี้มีนาเหมือนจะรู้ดี แต่เพราะหมั่นไส้คำพูดและท่าทางกวนทีนของหมอนี่ต่างหาก เลยแกล้งมองด้วยสายตารังเกียจกลับไปบ้าง ให้รู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร
"เออ น้องคะนี่ พี่พณะ ประธานชมรม ถ้ายังไงน้องลองคุยกับพี่เขาก็ได้คะ "
สาวนักศึกษารุ่นพี่รีบปัดปัญหาที่กำลังปวดหัวให้ประธานชมรมทันที
"ว่าไงคุณมีไรก็พูดกับผมก็ได้" เสียงพณะดังขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะมีอารมณ์ไม่ต่างกัน พร้อมมองตัณติมาด้วยแววตาเหยียด ๆ
"แต่ผมขอบอกไว้ก่อนนะว่าชมรมผม มันมีไว้ช่วยเด็ก ไม่ได้ให้ไปเอาเด็ก"พณะพูดพร้อมมองไปยังเสื้อนักศึกษษตัวเล็กรัดติ๋วของตัณติมา หากดูเหมือนขอบเสื้อจะเป็นใจเผยอให้เห็นร่องเนื้อด้านในเล็กน้อย และปลี่น่องที่เลยออกมาจากกระโปรงที่ไม่ได้สั้นมากเท่าไหร่นัก แต่ผ่าค่อนข้างสูงทีเดียวสายตาชายหนุ่มบ่งบอกอาการดูแคลนออกมาอย่างชัดเจน
ตัณติมา ขบปากแน่น หูอื้อ หน้าแดง ไปหมด ถ้าควันออกหูคงจะทะลักออกมาซะยิ่งกว่าไฟไหม้อีกมั้ง พร้อมใช้มือดึงชายเสื้อนักศึกษา ให้เข้ามาชิดกันเท่าที่จะรั้งดึงมาได้ แม้มันจะเด้งกลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ตาม อันที่จริงเธอไม่ได้ต้องการยั่วอะไรหรอก แต่เธอชอบใส่ของเธอแบบนี้มานานแล้ว มันก็ไม่ได้ดูหน้าเกลียดอะไร เพราะเธอรู้ตัวดีว่าเธอไม่ใช่คนมีหน้าอก และรูปร่างเธอออกไปทางสูงเพียวซะมากกว่า
" เถื่อน " เสียงหลุดออกมาจากเรียวปากน้อย ๆ ที่ขบกันแน่นหากก็พยายามเค้นเสียงเปล่งเสียงออกมาด้วยความแค้น พร้อมมือที่เริ่มกำแน่นขึ้นเพื่อหวังจะระงับอารมณ์ที่กำลังสั่นเทาด้วยฤทธิ์ของความโกรธที่พุ่งขึ้นตามลำดับ
"นี่คุณฉันพูดจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้วนะ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไงว่าฉันต้องการจะเปลี่ยนชมรม "
เสียงของมีนาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆตามอารมณ์ที่เกือบจะควบคุมไม่อยู่ สลับกับเสียงตบเบาะยูโดของใครบางคน
" พี่โยวันนี้อ้อมจะไปเล่นยูโดที่บ้านนะ" เด็กหญิงมีนาพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง และกระตือรือร้นแฝงอยู่ในท่วงที
" ได้สิ แหมพี่กำลังขาดคู่ซ้อมอยู่พอดีเลย " เสียงของหนุ่มน้อยม.ต้น ที่มีนามักเรียกเขาว่าพี่โยเสมอตั้งแต่รู้จักกัน ตอบกลับพร้อมกับมือใหญ่ ๆ ถือวิสาสะโยกหัวสาวน้อยมีนาไปมาอย่างเอ็นดูและเขามักจะทำเช่นนั้นเสมอมา
" คอยดูนะวันนี้อ้อมจะต้องทุ่มพี่โยให้ได้"
" อือ รีบมานะแล้วกันนะ พี่จะรอดู ว่าเราจะเก่งซักแค่ไหน "
ทุก ๆ วันหลังเลิกเรียนมีนามักจะไปเล่นที่บ้านพี่โยของเธอเสมอซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนักเพราะ พ่อของเขามีอาชีพครูฝึกยูโด ส่วนพ่อของเธอเป็นข้าราชการกินเงินเดือนรัฐฐานะปานกลาง ไม่ได้ร่ำได้รวยมากมายแต่ก็พอมีพอกิน ด้านหลังบ้านพี่โยของมีนาเป็นโรงยิม น้อย ๆ ที่มีเบาะยูโดเรียงรายในการใช้ฝึกซ้อม และมีนาก็มักจะไปให้โย"ซ้อม"เสมอ จนแล้วจนรอดมีนาก็ไม่เคยชนะเขาเลยสักครั้ง
******
ปั้ง ปั้ง ปั้ง เสียงตบเบาะดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามแรงอารมณ์ของคนตบ
มีนาหลุดจากภวังค์อีกครั้ง พร้อมทั้งหันมาสนใจคนที่ทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ทั้งที่เธอตะโกนจนเจ็บคอไปหมดแล้ว
" นี่คุณโยธิน คุณได้ยินไหมว่าฉันต้องการจะเปลี่ยนชมรม ฉันไม่ต้องการเข้าชมรม อัธพาลใช้กำลังแต่ไม่มีสมองแบบนี้ "
มีนาหลุดคำพูดรุนแรง ออกมาเนื่องจากแรงอารมณ์ที่กลดดันอยู่ภายใน
เสียงตบเบาะหายไปพร้อมกับใครบางคนที่ลุกขึ้นยืนอย่างเต็มตัว เพื่อ ประสานสายตากับเธออย่างจริงจัง มีอะไรมากมายในดวงตาจนเธอต้องมองเมินไปเพราะไม่อยากจะเห็นแววตาคู่นั้น
"ฉันต้องการเปลี่ยนชมรมคะ" มีนาพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลงพร้อมกับหลบสายตา
"ผมก็ขอบอกคุณมีนาเป็นครั้งสุดท้ายว่า ถึงอย่างไรก็ต้องทนอยู่ในโรงยิมนี้จนจะครบปี และหลังจากนั้นคุณจะไปอยู่ชมรมอะไรมันก็เรื่องของคุณ"
สิ้นเสียงพูดจบ โยธินประธานชมรมยูโด ก็เดินหันหลังจากไปโดยไม่เหลียวมามองผู้รับฟังซะนิดว่ารู้สึกอย่างไร มีนานั่งลงอย่างหมดแรงเพราะไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านี้ ปกติมีนาจะเป็นคนมีเหตุผล แต่ครั้งนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น
อุตส่าห์มาไกลถึงที่นี่แล้วทำไมนะ ทำไมยังต้องมาเจออดีตที่มันตายไปจากหัวใจนานแล้ว มีนาร้องบอกกับตัวเอง ชมรมยูโดคือชมรมที่มีนาเกลียดที่สุด และคนที่ทำให้มีนาเกลียดชมรมนี้มาตลอดไม่ใช่เป็นเพราะเขาหรือ เขาคนที่ชื่อโยธิน ประธานชมเรายูโดแห่งนี้
" เออ แล้วยายตัณติจะเป็นยังไงบ้าง" มีนาเริ่มเป็นห่วงเพื่อนที่ไปขอเปลี่ยนชมรมเช่นเดียวกับหล่อน เพราะยายตัณติมาเพื่อนของเธอยิ่งไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านเขาซะด้วย
ทางด้านตัณติมา ขณะนี้เลือดในตัวของเธอไหลเวียนไปมากกว่าสิบตลบตั้งแต่ประชันหน้ากับประธานขวานผ่าซาก จนตัณติมาร่ำ ๆ อยากจะเอาขวานมาจามปากซะให้รู้แล้วรู้รอด ไปเลย เผื่อหมาที่เลี้ยงอยู่ข้างในมันจะได้หลุดออกมาบ้าง
" คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออย่างคุณชมรมของผมก็ไม่ต้องการเหมือนกัน เพราะที่นี่เป็นชมรมอาสาพัฒนา ไม่ใช่อาสาทอดกาย และน้ำหน้าอย่างคุณขนาดปัญญาจะพัฒนาสมองยังไม่ค่อยจะมีเลย นับประสาอะไรจะไปช่วยเหลือคนอื่น"
ชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นตามอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ต่างจากสาวเจ้าที่ยืนตัวสั่นด้วยความโกรธอยู่ตรงหน้า
" ตัณติ เย็นไว้ ทนไว้ ปุ๋ยเอ๋ย สู้เขา สู้โว๊ย " ตัณติมาขมุบขมิบปากพูดกับตัวเองเหมือนร่ายมนต์เล่นของอะไรสักอย่างพร้อมกำมือแน่น และค่อย ๆพ่นลมหายใจเข้า ออกช้า ๆ ทั้งๆ ที่อายและเจ็บกับคำ ที่เขาว่าพอสมควร เพราะถึงแม้ว่าจะอยู่กันไม่กี่คนแต่มันก็คนในชมรมเขาทั้งนั้น
"แล้วใครมันจะไปชอบเหยียบขี้เหมือนคุณหละ อยู่ดี ๆไม่ชอบ ชอบเอาเท้าไปจุ่มขี้ แปลกคนดีนะท่านประธาน" เสียงตัณติมาตอบกลับไปพร้อมสีหน้ายียวน ปล่อยมือที่คอยขยับขอบเสื้อนักศึกษาให้ชิดกันลง ในเมื่อเสื้อมันอยากจะเปิดก็ให้มันเปิดเต็มที่ไปเลย ดี ใครอยากดูก็ให้มันดู ไม่ชอบใช่ไหม ไม่ชอบอะไรฉันจะทำให้หมดเลย ตัณติมาคิดอย่างเคียดแค้น
พณะมองผู้หญิงตรงหน้า ด้วยแววตาฉายความรังเกียจเดียดฉันท์อย่างชัดเจน เขาเกลียดผู้หญิงอย่างนี้ที่สุดได้แต่แต่งตัวล่อตะเข้ มีแต่สมองกลวง ๆ ไม่รู้จักคิด
"ตกลงคุณไม่อยากจะอยู่ชมรมนี้ใช่ไหม ผมและทุกคนที่นี่ก็ไม่ต้องการจะอยู่ร่วมกับคุณเช่นกัน เดี๋ยวผมจะให้เลขาชมรม ร่างใบคำร้องแล้วกัน และก็เอาไปให้คุณเซ็น"
อ้อย ๆ คุณช่ว......
"ไม่ต้อง" ตัณติมาพูดแทงปล้องออกมาด้วยน้ำเสียงเเข็ง ๆ
"ฉันจะอยู่ชมรมนี้ ฉันไม่เปลี่ยนมีอะไรไหม"
"ไม่ได้คุณต้องเปลี่ยน ในเมื่อตอนแรกคุณมาเพื่อจะเปลี่ยนมันไม่ใช่รึไง "
"ตอนแรกก็ใช่ แต่ตอนนี้ฉันฉันเปลี่ยนใจะอยู่ จะทำไมหละ คุณท่านประธาน"
ตัณติมาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท พร้อมกับสายตายั่วยวนให้กับพณะประธานชมรม ซึ่งเธอคิดว่าเขาน่าจะไปอยู่ในป่าซะมากกว่ามาอยู่อย่างนี้ คนอะไรเถื่อนสิ้นดี คอยดูนะจะแกล้งซะให้เข็ดก็อีแค่ทนปีเดียวเอง ยอมเสียเวลาได้อยู่แล้วจะได้รู้ไปเลยว่า ใครเป็นใคร คนอย่างตัณติมาถ้าลองดูถูกกันแล้ว อย่าได้หวังว่าจะญาติดีกันได้เลย
"นี่คุณผมชักจะตามคนไม่ทันแล้วนะ คุณจะเอายังไงกันแน่ " พณะพูดด้วยน้ำเสียงงุนงงปนอารมณ์เสีย เพราะไม่คิดว่าจะวุ่นวายขนาดนี้ ผู้หญิงอะไร นอกจากไม่น่ารักแล้วยังน่ารังเกียจอีกต่างหาก
" อาทิตย์หน้าคุณรอฉันแล้วกัน ฉันจะมาเข้าชมรม ไปแล้วนะ บ๊ายบาย ท่านประธานที่รัก" ตัณติมาพูดพร้อมกับส่งจูบให้พณะ และหันหลังเดินออกไปเหมือนคนอารมณ์ดี ตามสายตางุนงง ของคนในห้อง ที่ดูมึน ๆ กับอารมณ์ของเธอ "
" อะไรนะ ถุย แกจะบ้าไปแล้วเหรอเขาให้เปลี่ยนแล้วทำไมไม่เปลี่ยน"
มีนาพูดขึ้นเมื่อฟังเพื่อนรักเล่าสถานการณ์ก่อนหน้านี้ให้ฟ้ง
" เรื่องไร ถ้าเปลี่ยนอย่างที่เขาต้องการมันง่ายไป แค้นนี้ต้องชำระโว๊ย ไม่มีใครพูดจาดูถูกกับฉันขนาดนี้ จะได้รู้ไปว่าใครจะแน่กว่ากัน แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ประธานพณะ "
ตัณติมาพูดด้วยน้ำเสียงปกติ พร้อมกับหยิบขนมใส่ปากไปเรื่อย ๆ หากแต่แววตา ที่ มีนาได้สัมผัสสิ ทำให้ขนลุกเย็นวาบไปถึงขั้วหัวใจ ก็มีนารู้ดีว่าเพื่อนของเธอเป็นคนยังไง ลองว่าเกลียดแล้ว ต้องพังกันไปไม่ข้างไม่งั้นไม่สาแก่ใจ
"ว่าแต่แล้วแกหละอ้อมเป็นยังไงบ้าง" ตัณติมาเปลี่ยนหัวข้อสนทนามาที่เพื่อนสาวของหล่อนแทน
" ช่างมันเหอะ ตัณติ ก็แค่ทนไปปีเดียวเอง" มีนาพูดเหมือนปกติหากแต่นัยตามันกลับตรงกันข้ามกัน เหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง
ถึงพี่โย
พี่โย เราคงจะไม่ได้เจอกันแล้ว เพราะขณะที่พี่โยอ่านจดหมายอ อ้อมอาจจะย้ายตามพ่อกับแม่ไปแล้ว มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราหรือเปล่า ทำไมพี่โยทำเหมือนหลบหน้าอ้อม อ้อมทำอะไรให้พี่โยไม่พอใจรึเปล่า ถ้าอ้อมทำให้พี่รำคาญใจที่ไปเกาะติดพี่จนเกินไป อ้อมก็ขอโทษด้วยแล้วกัน แต่รู้เอาไว้ด้วยว่าอ้อมไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นอย่างนั้นเลยอ้อมเสียใจนิดนึงตรงที่มีอะไรทำไมพี่โยไม่พูดกับอ้อมตรง ๆ พี่โยเคยเป็นผู้ชายที่มีเหตุผลเสมอมา ไม่ใช่เหรอ พี่โยรู้ไหมว่าวันนี้อ้อมรอพี่โยทั้งวันเลย มาดักหน้าบ้านพี่โยจนตอนนี้ปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่าแล้วพี่โยยังไม่กลับมาเลย เดี๋ยวอ้อมก็คงจะต้องเข้าบ้านแล้ว เพราะบริจาคเลือดให้ยุงไปหลายถังจนขาลายเป็นทางช้างเผือกแล้ว
จริง ๆแล้ว อ้อมอยากจะเจอพี่โยครั้งสุดท้ายนะ ก่อนที่เราจะจากกันอ้อมจะบอกพี่โยมาหลายวันแล้วว่าพ่อของอ้อมต้องย้ายไปประจำที่อื่น อ้อมมาทีไรไม่เคยเจอพี่เลย หรือพี่อาจจะอยากบอกเป็นนัย ๆ ว่าไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับอ้อม
อ้อมแนบเชือกถักมาให้พี่โยด้วยนะ ที่พี่โยเคยบอกว่าอยากให้อ้อมถักให้บ้าง แต่ถ้าพี่โยไม่ต้องการมัน จะทิ้งไปก็ได้
พี่ชายและเพื่อนที่แสนดีของอ้อมจากนี้และเสมอไป
มีนา
โยธินพับจดหมายที่เคยเก็บได้จากรองเท้าผ้าใบของเขาเมื่อ 8 ปีที่แล้วลง อย่างแผ่วเบา และเดินไปเปิดกล่องหยิบเชือกถัก ที่มีลายว่า NUMBER ONE ออกมา เชือกเส้นนี้เขามักจะใส่มันเสมอทุกครั้งเวลามีแข่งนัดสำคัญมันคือเครื่องราง และกำลังใจ
เขาเอากระดาษจดหมายกับเชือกถักวางไว้ด้วยกัน ซึ่งข้างในมีรูปถ่ายเก่า ๆ ใบหนึ่ง และก็ค่อย ๆ ปิดกล่องนั้นลงซึ่งตรงข้ามกับความทรงจำที่มันกำลังจะถูกเปิดขึ้นมาใหม่เหมือนเมื่อ 8 ปีที่แล้ว
จากคุณ :
dokyaka
- [
15 ก.พ. 48 20:00:25
A:203.150.86.97 X:
]