CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ......งงงงงง......คุยกัน....บ่นกันไปมา......ตามประสาวัยรุ่น(ป้า)....

    จากชื่อเรื่องก็บอกอยู่แล้วว่า คุยกัน บ่นกัน
    นัทตี้จะเริ่มประเดิมก่อนแล้วกัน

    ตามธรรมเนียมไทย(Thai`s cultural history)
    เวลาเขาจะทำอะไรกันต้องมีการไหว้รำลึกถึงพ่อแม่(Father and mother) ไหว้ครู( Teacher)
    เนื่องจากว่า เรามีครูหลายคน เพราะฉะนั้นต้องเรียกว่า ไหว้ครรรรรรรรรรรรรรรรรู      
    ในภาษาต่างด้าวก็ต้องเป็น Teachersssssssssssssss ด้วยเช่นกัน แน่นอนอยู่แล้ว ชัวร์  โอ๊ย เหนื่อยว่ะ

    เอาล่ะ สมมติว่านัทตี้ไหว้ครูจบแล้ว ก็แล้วกัน  ที่นี่เรามาเข้าเรื่องกันต่อ
    คือว่า วันนี้ นัทตี้เกิดอารมณ์ใคร่มาก ๆ ที่จะแสดงภูมิความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษ อย่างคนอื่นเขาบ้างน่ะ

    งั้นต้องขอเล่าเบื้องหลังของนัทตี้ก่อนนะ เพื่อไม่ให้คนอ่านสับสน

    ตัวเอง(Natti) เป็นคนชอบอ่าน

    ไม่ว่าอะไรจะอ่านมันหมด แม้แต่กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ห่อพริกขี้หนู ที่แม่ซื้อมาจากตลาดในสมัยก่อน
    จะอ่านมันก่อนที่จะทิ้ง  ข่าวบางเรื่องน่าสนใจ
    หนอยแน่ะ อ่านจนได้ความรู้มาตั้งครึ่งหนึ่งแล้ว อีกครึ่งดันอยู่ที่แม่ค้า นัทตี้ก็เลยพลอยได้แค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เท่านั้น

    นิสัยการอ่าน ติดมาจนโต
    ข้างขวด ข้างกล่อง ข้างห่อสินค้าต่าง ๆ ของที่นี่ เขียนไว้สามสี่ภาษา ก็อ่านมันหมด
    ไอ้ภาษาต่างด้าว อย่างน้อยสองล่ะ ที่อ่านแล้วเข้าใจ
    ไอ้ที่เหลือก็ดู ๆ เอาไว้ คำบางคำในภาษาถึงมันจะต่าง ๆ กัน แต่ว่าจะเขียนคล้าย ๆ กัน แต่อ่านออกเสียงไม่เหมือนกัน แต่มีความคล้ายคลึง
    ถ้าให้ฝรั่งชาตินั้นออกเสียงมา นัทตี้ฟังแล้วเดาได้ถูกนะว่าเขาหมายถึงอะไร ต้องการอะไร
    เพราะมันจะหลุดคำศัพท์ออกมา บางคำอยู่ในอังกฤษ บางคำอยู่ในเยอรมัน
    ยิ่งภาษาดัชเนี่ย หมูเลยสำหรับนัทตี้ อ่านได้ด้วย และรู้ด้วยว่ามันคืออะไร สามีเคยทึ่งมาแล้ว เมื่อเราไปเที่ยวฮอลแลนด์ด้วยกัน  
    ก็ทำไมจะไม่หมูล่ะ ก็มันมีทั้งอังกฤษ และ เยอรมัน ปนกันแทบทั้งนั้น
    แต่ว่าเขียนไม่เหมือนกันทีเดียว ถ้าเราอ่านออกเสียง เราจะรู้ทันที ว่ามันคืออะไร

    ไอ้เรื่องอ่านใบประกาศสรรพคุณข้างขวด  ข้างกล่องน่ะ มันเรื่องส่วนตัวที่นัทตี้เล่าให้คนอ่านฟังว่า นัทตี้โรคจิต
    อ่านมันกระทั่งข้างถุงผ้าอนามัย ยันไปถึง สำลีพันหู ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว่า มันใช้ทำอะไร ถึงเด็กอนุบาลมันยังเดาได้เลย

    นัทตี้ไม่เห็นประเทศไหน เขาเหมือนคนไทยนะ
    ไม่ว่าภาษาไหน เวลาเขาเขียนสรรพคุณโฆษณา เขาก็เขียนเป็นภาษาเขาทั้งหมด  คนชาติอื่นก็ไปหาอ่านเอาในภาษาของตัวสิ หรือไม่ก็ภาษาสำรองที่พออ่านเข้าใจ

    แต่ของไทยเรา เขียนด้วยภาษาไทย และ มีวงเล็บเป็นภาษาอังกฤษ ไม่รู้ว่า คนไทยใจดี เขียนกำกับไว้เพื่อให้คนต่างชาติอ่านเดาได้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เหมือนกับที่นัทตี้อ่านกระดาษห่อพริก หรือเปล่านะ ?

    หรืออีกนัยหนึ่ง จะสามารถเรียกได้ไหมว่า  คนไทยเราขยันพิมพ์ ขยันเขียน ขยันทำงาน มากกว่าพวกต่างชาติได้ไหมเนี่ย เพราะอย่าลืมนะว่า มันต้องเสียเวลา พิมพ์กลับไปกลับมา ไหนจะแกะบล็อคทำพิมพ์ อีกล่ะ

    ยิ่งพวกที่เขียนลงในกระทู้ต่าง ๆ ในนี้นี่ กวนอารมณ์นัทตี้มาก
    ที่เขียนไทย แล้ว กำกับด้วยภาษาอังกฤษ  นี่บอกกันตรง ๆ เลยนะ
    ถ้าอยากจะหมั่นไส้ตอบโต้ หรือต่อว่านัทตี้อย่างโน้นอย่างนี้ นัทตี้ก็ไม่สนหรอก
    เพราะมันกวนอารมณ์นัทตี้จริงๆ นี่ จะให้บอกว่า ชอบเหรอ ? ฝืนใจตาย

    บางทีคนเขียนก็เขียนเป็นประโยคยาว ๆ แล้วคงจะนึกคำไทยไม่ออก เลยคลิ๊กเม้า เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ หนึ่งคำ
    แล้วต่อประโยคยาว ๆ ด้วยไทย ตามด้วยอังกฤษอีกหนึ่งคำ โอ๊ย บอกตรง ๆ ว่า มันทำให้นัทตี้คิดไปได้หลายอย่างนะ
    ปกติเป็นคนไม่ค่อยเอาเรื่องราวกับใครอยู่แล้ว ไม่ค่อยจะหมั่นไส้ชาวบ้านง่าย ๆ หรอก  
    แต่ในเรื่องนี้จะว่านัทตี้เป็นพวกบ้าอนุรักษ์ หรือ คอมมิวนิสต์ นัทตี้ก็ไม่ว่าหรอก  ยอมจ้ะ

    ไอ้เรื่องทั้งหมด ที่เขียนมาลง เพราะว่า ว่างมาก ต้องพยายามหางานทำตลอด เมื่อทำหมดแล้ว
    จนไม่มีอะไรจะให้ทำ ก็มานั่งหน้าคอมฯ หาอะไรอ่านแก้เซ็ง เปลี่ยนอารมณ์ และ เปลี่ยนจากท่าลิงว่องไว มาเป็นท่าคนว่างงานบ้างคือนั่งเฉย
    พอมาเจอแบบนี้ ไอ้สมองที่ว่าง ๆ อยู่ ก็เริ่มคิด เริ่มทำงานอีกแล้ว  

    สมองที่ว่าง ๆ ของนัทตี้คิดไปว่า เออ คนเขียนเนี่ยเขาคงเรียนจากเมืองนอกมา ต้องมีติดภาษาฝรั่งมาบ้างแหละ
    แล้วหันกลับมาดูตัวนัทตี้เองบ้าง  
    ว๊าย ตัวเองแต่งงานกับฝรั่งมาตั้ง 14 ปี ย่าง 15 ปีนี้แล้ว
    อยู่กับฝรั่งมาตลอด ด่าเป็นภาษาฝรั่งได้เป็นประโยคยาว ๆ ให้ฝรั่งเอาไปนอนเอาเท้าก่ายหน้าผากได้
    ไหงตู ไม่หัดทำเท่น์ เป็นหรั่งจ๋าอย่างเขาบ้างล่ะ ?
    อุ๊ยมันบอกได้หลายอย่าง คนที่เขาอ่านก็ต้องนึกถึงตูบ้างล่ะ
    ว่าตูเนี่ย เลิศ ยอด น่าทึ่ง ยาวไปจนถึงน่าคบ น่านับถือ น่าติดตาม

    แต่บังเอิญอย่างว่าแหละ ว่านัทตี้นั้น เป็นคนขี้เกียจคลิ๊กไปมา ไม่งั้นพวกคนอ่านอาจจะได้ ภาษาเยอรมันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งภาษา
    ภาษาไทยเอง(ภาษาพ่อภาษาแม่นะ) นัทตี้ยังลืมและเขียนผิดเป็นบางคำ
    แล้วดันมาเขียนสะกดภาษาต่างด้าวถูก(ไม่ได้มีรากเหง้าเป็นฝรั่ง เพิ่งมาปนได้ 14-15 ปีเนี่ยแหละ) ทั้งที่ไม่มีดิก อุ๊ย เก่งจัง  ตบมือให้หน่อยสิ
    อยากประกาศให้รู้กันว่า นัทตี้อยู่เมืองนอกค่ะ ไม่ใช่แค่ผ่านเมืองนอกมาสามสี่ปี หรือสิบปี  แต่อยู่เลย
    สำเนียงพูดนั้น ไม่ต้องพูดถึง ถ้าคุยโทรกัน แล้วไม่เห็นหน้า คงคิดว่าฝรั่งพูด  
    แต่เวลาพูดไทย ไหง มันไม่ออกสำเนียงฝรั่งอย่างคนที่เขาแค่เคยผ่านเมืองนอกมาหว่า ?
    นี่กะว่า ต้องลองฝึกพูดไทยแบบปุ๋ย(นางงามจักรวาลน่ะ) ดูบ้างแล้ว
    เตรียมไว้กลางปีหน้า เผื่อนัดมีตติ้งกับพวกพ้องในนี้ เขาจะรู้ว่านัทตี้มาจากนอกไง ไง ความคิดนัทตี้น่ารัก น่านับถือไหมล่ะ ?



    และแล้ว ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้น หลังจากตั้งใจแอบฝึกพูดหน้ากระจกได้สามวัน โดยไม่มีใครรู้ใครเห็น
    นัทตี้นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ลูกสาวมากระแซะข้าง ๆ
    เราแม่ลูกชอบพูดล้อเล่นกันเรื่อย ก็เลยเกิดปิ๊ง อยากหาคนมาช่วยดู ที่ฝึกไว้น่ะ ว่าใช้ได้หรือยัง
    เลยบอกลูกสาวว่า ไหนหนูลองฟังสิ ว่าหม่าม๊าพูดไทยได้ดีไหม
    แน่นอนว่าพูดไทย  แต่สำเนียงเป็นฝรั่งกับลูก
    ลูกสาวตัวเล็ก บังเกิดเกล้าคนเดียว ที่เป็นลูกครึ่งก็ตั้งอกตั้งใจฟัง เปิดหู เปิดตา เปิดสมองและเตรียมที่จะเปิดปากวิจารณ์เต็มที่
    ก่อนที่นัทตี้จะพูดจบประโยค ลูกสาวทะลุขึ้นมากลางปล้อง โดยพูดไทยออกมาชัดถ้อยชัดคำว่า

    "หม่าม๊า ดัดจริตจริง อย่าพูดอีกนะ หนูอาย Bitte(ได้โปรด) "

    แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 48 19:40:44

    จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 19 ก.พ. 48 19:33:48 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป