ควันหลงวาเลนไทน์...ไม่ใช่ชื่อเรื่องหรอกค่ะ แต่ว่าแต่งตอนวาเลนไทน์พอดี ลองอ่านดูนะคะ
************************************
รัก...งั้นเหรอ
คุณรู้สึกอย่างนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กัน
สำหรับฉันแล้ว...ความรักอะไรที่ว่านี่มันเคยเป็นสิ่งที่ออกจะไกลตัวเอาซะมากๆ เลย ใช่ว่าคนทุกคนจะรักแล้วสมหวังกันซะเมื่อไหร่ ดังนั้น..ถ้าไม่อยากเจ็บ ก็อย่ามีรัก
สักประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว ตอนที่ฉันอายุ 14 ผู้ชายคนนั้นก็อายุ 14 ค่ะ
เราเดินสวนกันตอนที่หมดคาบเรียน เค้ากำลังจะเข้าห้องเรียนต่อ ส่วนฉันกำลังจะเดินออกจะห้องเรียน เราเกือบจะชนกัน เค้าเอ่ยขอโทษฉันออกมาเบาๆ จากนั้นก็เข้าไปนั่งที่โต๊ะด้านหลังสุด
ใครจะเชื่อว่าความรู้สึกดีๆ จะเกิดขึ้นได้แค่ในช่วงวินาทีที่เราสบตากัน ใบหน้ากับน้ำเสียงเรียบเฉย อาการก้มหัวนิดๆ นั้น
ฉันสืบรู้ได้อย่างไม่ยากเลยว่า หัวโจกที่ขึ้นชื่อของโรงเรียน ประเภทร้ายอย่างไม่มีที่ติคนนั้นชื่อ..เวิ่นเจียฮุ่ย
กิริยาต่อๆ มาของผู้ชายคนนี้ต่างไปจากที่ฉันสัมผัสในวันนั้นอย่างสิ้นเชิง เค้าเองก็ดูจะจำฉันไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ผู้หญิงเบ๊อะๆ ใส่แว่นรวบผมแบบป้าแก่ๆ คนนึง ถึงจะไม่ใช่ความทรงจำในส่วนดีของเค้า แต่ฉันก็ยังหวังว่าเค้าน่าจะนึกถึงฉันได้อย่างลางๆ
เราสวนกันไปมาอีกหลายครั้ง เค้าไม่แม้แต่จะแลสายตามาเลยด้วยซ้ำ ฉันเองก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาหอบหนังสือผ่านไป ได้ยินแต่เสียงหัวเราะห้าวๆ แซวผู้หญิงคนอื่นๆ แถวนั้นพร้อมกับพรรคพวกของตัวเองดังขึ้นอยู่ข้างหลังเท่านั้น
น่าแปลกนะคะ ความทรงจำในส่วนดีแม้แค่เพียงเสี้ยวเดียว แต่ถ้าเราเปิดรับมันไว้ในใจแล้ว ต่อให้มีเรื่องเลวร้ายขนาดไหนเข้ามารบกวน ใครคนนั้นก็ยังคงเป็นสิ่งที่งดงามสำหรับเราเสมอ
เจียฮุ่ยออกจากโรงเรียนไปตอนจบเกรด 9 ได้ยินว่าไม่ยอมเรียนต่อแล้ว จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ฉันก็ไม่มีวันได้เจอเค้าในโรงเรียนอีกต่อไป
เรื่องราวน่าจะจบลงแค่นั้น...แต่ว่า...
============================================
เสาร์ที่สองของวันเปิดเทอมใหม่ ฉันตื่นขึ้นแต่เช้าเพราะเสียงร้อนรนของแม่มาเคาะประตู
ไป๋ไป่เป็นอะไรไม่รู้ ลงมาดูหน่อยมั้ยอาซิน
ชิสุไฮเปอร์ของฉันนอนหงอยไม่ร่าเริงอย่างเคย พอเอามือไปแตะ มันก็แค่กระดิกหางให้ ตากลมดิกมองฉันกลับมาด้วยแววหงอยๆ
ฉันอุ้มไป๋ไป่ไปถึงคลินิคสัตว์ประจำของบ้านเราหลังจากนั้นไม่นานนัก แอบหงุดหงิดนิดหน่อยที่คนเยอะเหลือเกินในวันนี้
ระหว่างที่นั่งรอให้พยาบาลเรียกคิว ก็ได้ยินเสียงใครคนนึงดังขึ้น
เป็นอะไรไป เจ้าชิสุตัวนี้
ผู้ชายคนนึงทรุดตัวลงนั่งบนปลายเท้า มือยาวๆ เอื้อมมาลูบหัวมัน น้ำเสียงอบอุ่นราวกับจะปลอบโยนความเจ็บปวดที่มันได้รับอยู่
ฉันอ้าปากจะตอบ จังหวะเดียวกับที่เค้าเงยหน้าขึ้นมา
อะ...
ครับ
มะ..ไม่ทราบค่ะ ดูมันหงอยๆ ไป
เค้างึมงัมรับคำออกมา จากนั้นก็ก้มลงจดอาการของไป๋ไป่ลงบนกระดาษแข็งในมืออีกข้าง
เคยใช้บริการที่นี่มาก่อนมั้ยครับ
ค..ค่ะ
ชื่ออะไรครับ
เอ่ออ ซินซินค่ะ
ได้บัตรคิวเรียบร้อยแล้วนะครับ...งั้นคอยหมอเรียกตามคิวนะครับ...บอกเจ้าซินซินให้อดทนหน่อย เดี๋ยวหาหมอเสร็จก็วิ่งร่าเริงได้เหมือนเดิมแล้วล่ะครับ
จากนั้นเค้าก็เดินไปทำแบบเดียวกับผู้ชายอีกคนที่อุ้มแมวมานั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่ห่างจากฉันไปอีกสองสามตัว ฉันได้แต่มองตามเค้าไป จนเค้ากระทั่งเค้าเดินกลับไปที่หลังเคาน์เตอร์รับไข้ ยื่นกระดาษที่จดอาการเจ็บป่วยของสัตว์ปึกนั้นให้กับพยาบาล
เวิ่นเจียฮุ่ย....
ไม่รุ้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของตัวเองที่มักจะได้เจอเค้าในสภาพที่หลุดจากที่คนอื่นๆ เห็นอยู่เรื่อย ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่เชื่อในมุมร้ายๆ ที่เค้าทำลงไป...ตรงกันข้าม ฉันเชื่ออย่างเต็มเปี่ยมว่าเรื่องป่วนความสงบในโรงเรียนหลายๆ เรื่องเป็นฝีมือของเค้ากับพวก
แต่ฉันก็เชื่อเหมือนกันว่า ที่เห็นในวันนี้ ไม่ใช่แค่ความอ่อนโยนที่ทำเพื่อแลกกับเงินค่าจ้าง...เค้ารักสัตว์จริงๆ
ถ้าจะบอกว่า คนเราสุดท้ายก็มักจะไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักหรอก..ส่วนใหญ่มักจะเลือกทำในสิ่งที่ต้องทำมากกว่า
เจียฮุ่ยคงเป็นข้อยกเว้น เค้าทำในสิ่งที่ต้องทำ และสิ่งที่ต้องทำก็เป็นสิ่งที่เค้ารักในขณะเดียวกัน
ขณะที่คิดนู่นนี่เรื่อยเปื่อยอยู่พักนึง...ฉันถึงได้สังเกตว่า เจียฮุ่ยเดินกลับมาหาฉันอีกครั้ง
สงสัยจะมีเรื่องเข้าใจผิดนิดนึงนะครับ คือเราหาชื่อ ซินซิน ในฐานข้อมูลสัตว์ที่เคยมาใช้บริการไม่เจอ ผมเดาว่า คุณคงเคยมาใช้บริการเรา แต่ว่าไม่เคยพาเจ้าซินซินมา?? เค้าว่าไป มือก็เอื้อมมาลูบหัวหมาของฉันด้วย
เอ่อ...คือ...ซินซิน..เป็นชื่อของฉันค่ะ ให้ตายสิ...ปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มเลย ทำไมไม่คิด..เค้าจะมาสนใจอยากรู้ชื่อเราทำไม
เจียฮุ่ยนิ่งไป ฉันแอบเห็นมุมปากเค้ากระตุกนิดนึง จากนั้นค่อยพูดต่อ
อ้อ เข้าใจผิดจริงๆ มันชื่ออะไรครับ
ไป๋ไป่ค่ะ
โอเค..คอยคุณหมอเรียกนะครับ
เจียฮุ่ยตอบรักษาอาการขำได้ไม่มิดชิดนัก ฉันดีใจที่มันเป็นอย่างนั้น เพราะมันทำให้เค้ายิ้มออกมา ยิ้มให้กับฉัน...เป็นครั้งแรก
หลังจากนั้นมา คลินิคนั้นกับฉันก็ดูจะสนิทสนมกันขึ้นทันตา ฉันแวะผ่านมันเสมอ อาหาร แชมพูอาบน้ำ กรรไกรตัดเล็บสัตว์ วัคซีนกันนู่นนี่สารพัด
เจียฮุ่ยมักจะอยู่ตรงที่นั่งสำหรับลูกค้า อ่านหนังสือที่คลินิคนำมาวางไว้บริการ พอฉันไปถึง เค้าก็จะเงยหน้าขึ้นมาทักว่า...คุณอีกแล้ว
เราคุยกันอยู่บ่อยๆ เค้าในตอนนี้ต่างจากสมัยเป็นนักเรียนโดยสิ้นเชิง เจียฮุ่ยดูสุภาพ แว่นกรอบใหญ่ดูรับกับใบหน้าคม สะท้อนภาพของผู้ชายจิตใจอ่อนโยนออกมาอย่างเต็มที่ เค้ามักจะมีคำแนะนำที่ดีเกี่ยวกับการดูแลสัตว์มากรอกใส่หูฉันอยู่เรื่อยๆ บางเรื่องที่คนเลี้ยงหมามานานอย่างฉันก็ยังไม่รู้เลย
คุณอยากเป็นหมอสัตว์เหรอคะ ดูคุณตั้งอกตั้งใจกับงาน แล้วก็...รู้เรื่องพวกมันดีจัง ฉันเคยถามเค้าออกไปแบบนั้นด้วยความที่เข้าใจมาตลอดว่า เค้าออกจากโรงเรียนมาค้นหาตัวเองก่อน จากนั้นจึงค่อยกลับไปเรียนต่อในสิ่งที่ตัวเองรัก
แต่เจียฮุ่ยกลับชะงักไปนิดกับคำถามนั้น ก็อยากอยู่ครับ แต่คงยาก
ฉันขมวดคิ้วนิดนึง รู้ตัวว่ามาผิดทางซะแล้ว...ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไป
เออ คุณว่าไอ้สติ๊กฟู้ดยี่ห้อใหม่ที่ออกมาเนี่ยมันดีมั้ยคะ..ไป๋ไป่จะอยากลองกินอย่างที่ฉันอยากลองซื้อมั้ยเนี่ย
ฮ่าๆ คุณก็รู้ว่าหมามันก็เหมือนคนนั่นล่ะครับ มีของโปรดของแปลกกันทุกตัว..ต่างไปนิดก็ตรงที่ชอบไม่ชอบอะไรแล้วก็จะเป็นอยู่อย่างนั้น ไม่ค่อยเปลี่ยนซักเท่าไหร่...จะเสี่ยงมั้ยล่ะครับ ผมรับชอบเรื่องคุณภาพ แต่ไม่รับเรื่องความพอใจ
ฉันมองภาพตรงหน้าอย่างเผลอไผล ก่อนจะเสดันแว่นของตัวเองอย่างเขินๆ เจียฮุ่ยเวลายิ้มกว้างๆ นี่น่ารักที่สุด
===========================================
แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 48 14:39:11
จากคุณ :
an_nonymous
- [
20 ก.พ. 48 14:32:00
]