CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ซ่อง

    1.
    “จิ๋ว ห้อง 16 ,ผึ้ง ห้อง 24 ,ปลา ห้อง 11 แพรว ห้อง 8 ,นก ห้อง 10”
    เสียงของแมงดาแว่วผ่านเข้ามา สลับเสียงฝีเท้าของแมงดาหัวโล้นอีกบางคน ที่วิ่งขึ้น-ลงบันไดของโรงแรงเสริมสุขไม่ว่างเว้นแม้นาทีของรัตติกาล ในมือก็ถือเหล้าเบียร์หรือแม้กระทั่งในบางรอบ อาจเป็นเครื่องดื่มบำรุงร่างกาย เขานำมันไปส่งให้ผู้ที่อยู่ในช่วงสงครามแห่งกิเลสกาม บนบันไดนั่นหญิงสาวหลายคนผลักกันเดินขึ้น-ลง ใบหน้าของเจ้าหล่อนไม่ได้บ่งบอกอากาศประสบสุขหรือหฤหรรษ์ในกามรส มากไปกว่าใบหน้าที่เคลือบความเฉยชาเอาไว้อย่างแนบเนียน ดวงตาของเจ้าหล่อนอาจคิดถึงบางสิ่งที่ไม่ใช่กิจกรรมในห้องนอนที่ผ่านมาหยกๆ ร้อนๆ ข้างบันไดของตึกชั้นล่างยังมีชายแก่ คนกลางอายุ ทหารเกณฑ์ผู้เหงามาจากชายแดน คนงานก่อสร้างที่เก็บหอมรอมริบเม็ดเงินมาเพื่องานนี้เฉพาะ เฝ้ามองและติดตามความเคลื่อนไหว
    “ข้าว่าแล้วอีคู่เสื้อสีชมพูต้องลงมาก่อน งวดนี้ข้าชนะ” ชายแก่ยิ้มให้ชายกลางอายุ
    “เอาเป็นว่าผมเสียเบียร์อีกขวด” ชายกลางอายุเรียกแมงดาเพื่อสั่งเบียร์
    การพนันขันต่อความอดทนของคนเปลี่ยวเหงาในราตรียังคงออกรส ผลัดแพ้ชนะเหมือนลุ้นแทงม้าที่เข้ารอบ พวกเขาเริ่มจับจ้องมองคู่ของหญิงสาวเสื้อสีฟ้า และคู่หญิงสาวเสื้อสีดำ ที่กำลังก้าวเดินขึ้นไปบนบันไดสังเวียนกามพร้อมกับแขกที่เรียกเธอ การพนันเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเซียนจดจ้องที่บันได นิ่งลึกในอารมณ์ของตัวเอง หญิงสาวที่ผ่านตาเป็นกับแกล้มชั้นยอดไปแล้ว…ท่ามม่านควันบุหรี่บางเบาเป็นเงาจาง

    2.
    เสียงเพลงในผลับยังดังกระหึ่มก้องในอกของประเวศ หัวสมองเขาคว้างเพราะฤทธิ์รีเจนซี่ตรงหน้า มันเป็นอารมณ์ที่เขาไม่ได้เข้ามาสดับฟังบ่อยครั้งนักในชีวิต ต่างจากสมพรเพื่อนรักรุ่นราวคราวเดียวกันผู้เจนจัดต่อโลกในทุกแง่มุมของสังคม พอๆ กับนักร้องที่เปลี่ยนหน้ากันขึ้นร้องบนเวทีคลอความรู้สึกกระหายหิว
    “คืนนี้ผู้ชายที่สวมเสื้อขาวหล่อที่สุด” นักร้องประกาศในไมค์
    เท่านั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น พร้อมผู้ชายที่ใส่เสื้อสีขาวต่างยกมือโชว์ตัวกันให้จ้าระหวั่น บทเพลงกระแทกกระทั้นดังขึ้นอีกคราจากปากนักร้องหนุ่ม เท่านั้นหญิงสาวจากต่างโต๊ะต่างลุกขึ้นบิดเอวโยกย้ายส่ายอารมณ์ ประเวศยังคงนั่งมองภาพเบื้องหน้า เขาจดจ้องสะโพกที่ส่ายบิดของหญิงสาวโต๊ะข้างๆ พร้อมกระดกเหล้าเข้าปาก
    “ลุกขึ้นเต้นเลยซี่ จะอายอะไร” สมพรบอกต่อเขา
    “กันไม่กล้านี่หว่า และเต้นไม่เป็นด้วย”
    “ในนี้ไม่มีใครอายใครหรอก ดูโต๊ะโน่นสิว่ะมันกอดกันนัวเนีย ลุกขึ้นเต้นเลยเพื่อน”
    สมพรยังยุเสริม และลุกขึ้นเต้นโยกตามอารมณ์เพลงอย่างเมามัน แสงไฟหลากสีบนเพดานสาดแสงสลับกันวูบไหว ภาพของนักเที่ยวนักดื่มจึงคล้ายมีมนต์มายาทาบทาให้หน้ามอง
    “ปลาทูตัวเดียวตั้งร้อยห้าสิบแพงฉิบ”
    “ในนี้แม้น้ำแข็งก้อนเดียวก็มีราคา อย่าคิดมากกันเลี้ยงเองไม่ต้องห่วง”
    เด็กเสิร์ฟอาหารยังคงแวะเวียนมาโต๊ะของประเวศหลายรอบ ทั้งชงเหล้าและคอยบริการสารพัดอย่าง ความมันของดนตรีหยุดลงไปชั่วครา เมื่อตลกมุกเก่าขึ้นมาเรียกเสียงฮา
    “วันนี้เราจะมาแข่งพูด คางคก จิ้งจก จิ้งเหลนกันเป็นภาษาถิ่น” ตลกคนแรกเปรยขึ้น
    และเป็นไปตามที่คาดหมายมุกเก่ายังคงเร่าร้อน เมื่อตลกคนอื่นๆ มาแสดงท่าทางเด๋อด๋าให้น่าเอ็นดูใจ ทุกอย่างจบลงเกือบตีสอง แต่อารมณ์บางอย่างที่ค้างคาในหัวใจของสมพรไม่ได้เป็นเช่นนั้น และแท็กซี่สารถีผู้รู้ใจก็พาสมพรและประเวศไปสู่ทิศทางแห่งความระเริงกาย

    3.
    ประเวศคิดถึงคนรักที่อยู่ต่างจังหวัด เขานั่งบนเก้าอี้เหม่อมองปลายนิ้วมือของตัวเอง ป่านนี้เธอหลับหรือยังหนอ เธอคงหลับแล้ว นี่ปาเข้าไปตีสองกว่าๆ และเธอรู้หรือไม่หนอว่าเขาตอนนี้อยู่แห่งหนใด นั่นสินะเธอเชื่อใจเขาเสมอมา ใบหน้าของคนรักขยายขอบเขตเกินหัวใจจะห้ามไหว เป็นแรงรักที่ผลักดันให้เขาต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนี้เพื่อเฝ้ารอ และห้ามใจไปด้วยในขณะเดียวกัน
    “มานั่งรอเพื่อนทำไมเล่าพ่อหนุ่ม เซ็งตายห่า ไปเลือกใครสักคนซี่ เชื่อพี่หายเหงาเป็นปลิดทิ้ง”
    ผู้ขนานนามตัวเองว่าพี่อายุปูนห้าสิบ นั่งละเมียดเหล้ามองหญิงสาวที่ผ่านตา ด้วยประกายตาแห่งซาตานผู้เสพได้เพียงจินตนาการแห่งการปะทางตาเนื้อ
    “ไม่หรอกครับผมมีแฟนแล้ว” ประเวศบอกออกไปเลื่อนลอย
    “ไม่เกี่ยวกันหรอก เขาไม่รู้หรอกน่าว่าเรามาทำอะไร ลูกผู้ชายมันต้องมีบ้าง”
    “เขาไม่รู้ แต่ผมรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ครับ”
    “ถ้าอยากรู้เอ็งต้องขึ้นไปห้องข้างบนโน่น แล้วจะรู้ว่าสวรรค์เป็นเช่นไร”
    “มาเดิมพันอ้ายน้องคนนี้ดีกว่า ว่ามันจะอึดอีกกี่ชั่วลมหายใจ” ชายแก่พูดขึ้นในเชิงพนันขันต่ออีกครา
    “ข้าว่ามันต้องขึ้นแน่นอน คงไม่เกินอีกสักพักหรอก”
    “งั้นข้าว่ามันไม่ขึ้นก็ได้”
    ประเวศยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมเขาเฝ้ามองภาพที่ผ่านตาและหัวใจของเขาเริ่มสูบฉีดรุนแรงต่อแรงปรารถนาที่ก่อตัวขึ้น เสียงแรงยุและเหล้าที่เข้าไปบงการสติทำให้เขาพร่าเลือนต่อมโนธรรมและความถูกต้องทั้งปวง ประเวศลุกขึ้นแล้ว…

    4.
    แม้จะดึกดื่น ประตูของโรงแรมไม่เคยเงียบเหงาจากฝีเท้าของเหล่าผู้ชายสัญจร คนแก่ขากะเผลกยังด้นมาถึงประตูบุปผาสวรรค์ และเดินหายเข้าไปในม่านควันบุหรี่ของแมงดา เพื่อเลือกหญิงสาวสักคน ไม่นานคนแก่ขากะเผลกนั่นก็เดินเคลียคลอสาววัยกำดัดและจะกำหนดอะไรอีกหลายอย่าง ผ่านหน้าของทุกคนไป หลายคนยิ้มและหลายคนมองเป็นภาพธรรมดา เด็กหนุ่มเกาะกลุ่มกันเข้ามาการเรียนรู้ครั้งแรกของพวกเขาจะเกิดขึ้นที่นี่ พวกเขาให้นิยามว่าขึ้นครู การเรียนรู้ครั้งนี้จะทำให้เขาได้เกรดนิยมในครั้งหน้า ฝีเท้าของเด็กหนุ่มไม่มั่นคงและเด็ดเดียวเมื่อชั่วครู่ พวกเด็กหนุ่มละล้าละลังชั่งใจอยู่หลายรอบ ก่อนจะหอบสังขารแห่งวัยหนุ่มเข้ามาซอกแห่งม่านควันและกลิ่นกาย
    ประเวศยืนมองหญิงสาวเหล่านั้นด้วยดวงตาเอียงอาย เขาไม่กล้ามองหน้าของพวกหล่อนตรงๆ จากห้องที่หนึ่งจนไปถึงห้องสุดท้าย สายตาของประเวศถูกดึงดูดเอาไว้ที่ห้องสุดท้ายนี่เอง หญิงสาวผมยาวสลวยเคลียบ่า นั่งอยู่มุมสุดนั่นช่างโดนใจเขาเหลือเกิน ทั้งใบหน้าและเรือนกาย หัวใจของประเวศฉีดแรง และคล้ายเธอจะรู้ว่าเขาจะเรียกต่างประสานสายตาคู่โตนั้นมาตอกเขาให้อยู่ในซอกแห่งรัก มัดจำจากการวอนขอของความโศกเศร้าบนใบหน้า ประเวศยกมืออันสั่นพร่านั้นขึ้น เขากำลังจะเรียกหล่อนให้ขึ้นไปชั้นบน แต่ภาพของแฟนสาวก็ผลุดซ้อนขึ้นมากระทันหัน มือของประเวศตกลงแนบกายอีกครั้งหัวใจของเขาห่อเหี่ยวต่อสิ่งที่ตัวเองกำลังจะกระทำ คำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ต่อคนรักกลับมาทวงความขลังแห่งตัวมันเองอีกครั้ง ประเวศมองใบหน้าหวานของหญิงสาวคนนั้น แต่หัวใจของเขาคิดถึงหญิงสาวอีกคนที่อยู่ไกลออกไปจากสังคมเมืองหลายร้อยกิโลเมตร เขาเดินออกมาจากม่านควันนั่น ฝังตัวเองลงบนเก้าอี้ตัวเดิมและรอคอยเพื่อนรัก ที่หายขึ้นไปบนชั้นสองที่ถูกนิยามเป็นสวรรค์เพียงเสี้ยวนาทีแห่งการพบ

    5.
    เสียงหัวเราะของชายแก่และชายกลางอายุยังคงแว่วขึ้นมา การพนันจบลงอีกรอบ
    “ข้าบอกแล้วอ้ายหนุ่มนี่มันไม่กล้าหรอก พวกมาจากต่างจังหวัดมโนธรรมมันยังแรงอยู่”
    ประเวศไม่ได้สนใจหรือใคร่ฟังเสียงของพวกเขา ตอนนี้เขาเพียงคิดถึงแฟนสาว และรู้สึกดีใจที่ตัวเองไม่ได้นอกใจและหักห้ามใจตัวเองได้ในที่สุด ถึงแม้เขาจะเข้ามาถึงกลางใจแห่งวังบาดาลก็ตาม สุดท้ายเขายังคงรักษาคำมั่นสัจจะที่ให้ไว้เอาไว้ได้ มันเป็นความภูมิใจในหัวอกของเขา ได้แต่หวังว่าขอให้สงกรานต์มาถึงโดยไวเถิด เขาจะกลับบ้านพร้อมหัวใจที่ไม่เปื้อนฝุ่นโลกีย์จากสังคมเมือง และตัดสินใจโทรหาคนรักทันที เสียงบทเพลงตอบรับจากปลายสายนั่นเขาคุ้นเคยมันดีเพราะทุกวันเขาจะได้รับฟังมันอยู่เสมอ
    “หลับหรือยัง ผมโทรมากวนหรือเปล่า”
    “หลับแล้ว โทรมาอะไรดึกดื่นป่านนี้ มีธุระสำคัญอะไรหรือเปล่า” เสียงของแฟนสาวยังฟังดูแจ่มชัด
    “เปล่าไม่มีธุระอะไรหรอก แค่อยากโทรมาบอกรักตอนนอนตื่นขึ้นมากลางดึก”
    “แล้วทำไมยังไม่นอน”
    “เอ่อ พี่มารอเพื่อนอยู่จ๊ะ วันนี้มีเลี้ยงสังสันต์กันเล็กน้อย”
    “งานเลี้ยงยังไม่เลิกหรอ”
    “พี่เลิกแล้ว แต่งานเลี้ยงของเพื่อนยังไม่เลิกจ๊ะ เขากำลังมีความสุขในการดื่ม”
    “พี่ไม่ดื่ม?”
    “พี่จะไปดื่มพร้อมกันกับแก้วที่บ้านดีกว่า ดื่มกันสองคนอบอุ่นดีออก”
    “แก้วดื่มไม่เป็น”
    “เดี๋ยวพี่สอนให้ดื่มเอ็งหละ ไม่ยากหรอก ว่าแต่อย่าเมามายมากเกินไปเท่านั้น”
    “แก้วง่วงนอนแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรมาหาได้หรือเปล่า”
    “ได้สิ พี่จัดให้แก้วตามขออยู่แล้ว คืนนี้อย่าลืมฝันเห็นพี่ล่ะ”
    “จ๊ะ แค่นี้นะ”
    แล้วเสียงนั่นพลันหายไป ประเวศนั่งมองโทรศัพท์ หัวใจเขาเต็มตื้นด้วยความปีติ อีกไม่นานหรอกก็วันสงกรานต์แล้ว….

    6.
    สายลมหนาวของยามดึกยังคงหวีดหวิวและรันจวนใจ
    “ใครโทรมาหรอ” “เพื่อนที่เรียนมาด้วยกันจ๊ะ”
    “อ๋อ นึกว่าแฟนโทรมาหาเสียอีก” “บ้า เค้ายังไม่มีแฟนสักหน่อย”
    แล้วเสียงครวญของแก้วก็ดังขึ้นระงมแข่งเสียงลม เพียงแต่ว่าสายลมมิอาจหอบเอาเสียงแห่งความหฤหรรษ์ของแก้วมาถึงซ่อง ที่ประเวศนั่งรอได้…..

    จากคุณ : เดอะแหลม - [ 21 ก.พ. 48 16:40:43 A:202.129.45.50 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป