CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ไหปลาร้าสุดขอบฟ้า(กระทู้เดียวจบภาค 1)

    ร้อน

    และ/ดังนั้นข้าน้อยจึงนั่งรื้อข้อมูลในร่างของ ทันยา

    ทันยา เป็นชื่อคอมพิวเตอร์

    บังเอิญเจอเรื่องสั้นที่เขียนไว้นานแล้ว วางครั้งแรก ในเว็บของคุณ kjb  แห่ง jj-book.com หรือพี่จูนของน้องๆ  ซึ่งเป็นบุคคลแรกในโลกของ www  ที่ทำให้ข้าน้อยได้อ่านนิยายในเว็บ

    เห็นว่านำมาปัดฝุ่น  เปลี่ยนชื่อใหม่ นำมาวางใหม่ในถนน คงคลายร้อนไปได้บ้าง (อาจเพี้ยนมากขึ้น)

    ถ้าอ่านให้ดี จะพบว่า มีนักแสดงรับเชิญ และบังคับเชิญ อยู่หลายคนในถนนนักเขียนและเจเจ บางคนก็หายลับไปนาน บางคนยังคงวนเวียนอยู่แถวนี้

    อืมม์

    นี่เป็นงานสมัยข้าน้อยหัดเขียนใหม่ ๆ มาคิดดูแล้ว ข้าน้อยก็มีแววเพี้ยนมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้วแฮะ

    ^_____^....

    อ่านคลายเตรียดครับ อย่าคิดมาก อิอิ

    +++++++

    ตอนที่ 1 เดินทาง


    อรุณรุ่ง

    หมู่ตึก

    โต๊ะหิน
    หญิงชราและ บุรุษหนุ่มอายุ 17 ขวบ

    หญิงชราใช้สายตาคล้ายมีม่านหมอกบดบังจับจ้องบุรุษหนุ่มครึ่งค่อนคืนเหมือนสายตาที่มองคนใกล้ตาย

    ความจริงลูกชายของนางมิใช่คนใกล้ตาย แต่ก็คล้ายเป็นคนปางตายไปแปดส่วนแล้ว

    เนื่องเพราะลูกชายของนางกำลังจะออกจากบ้านเป็นครั้งแรกในชีวิต

    ตั้งแต่เกิดมา นางมิเคยปล่อยให้ลูกชายห่างรัศมีเท้าเลย คนที่ไม่เคยออกจากบ้าน คงจะออกก็นับว่าใกล้เคียงกับคนตายอย่างยิ่ง

    "ตุ่งตุ๊ง...(ชื่อลูกชายของนาง) ครั้งนี้เจ้ามิอาจไม่ไปแล้ว"

    บุรุษหนุ่มก้มหน้า การออกจากบ้านครั้งแรกในชีวิตกลับเป็นเรื่องที่มิง่ายดายแล้ว

    "ใช่แล้ว บุตรมิอาจไม่ไป"

    มันก้มหน้ากล่าวสีหน้าท่าทางหมกมุ่นจนเคร่งเครียด
    หญิงชราถอนใจดังป้าด จ้องมองออกไปไกลแสนไกล ทิวฟ้าแมกไม้สายลมที่มีวิหคโผบินจากรวงรังตัดฟากฟ้าเวิ้งว้าง เป็นภาพที่ชวนให้หดหู่สะทกสะท้อนใจปานนั้น

    "หากมิใช่บิดาเจ้าเจ็บป่วยหนัก หากมิใช่เราต้องอยู่ดูแลบิดาเจ้า หากมิใช่เจ้าเป็นบุตรชายคนเดียว ครั้งนี้เจ้าไม่ต้องไปแล้วหากมิใช่....."

    "พอเถอะมารดาท่าน.... ป่านนี้ท่านควรบอกได้แล้วว่าบิดาเป็นโรคอะไร ถึงกับให้ข้าออกเดินทางไปหาตัวยาไกลแสนไกลเยี่ยงนี้"

    ม่านตาหญิงชราหม่นสลัวลงเมื่อได้ยินคำถาม มิทราบจะตอบประการใด

    บุรุษหนุ่มเอ่ยถามอีกอย่างร้อนรน
    "ข้าไปครั้งนี้มิทราบว่าจะมีโอกาสกลับมาหรือไม่ กระทั่งเกิดตกตายก็มิทราบสาเหตุต้นตอ หรือบิดาเป็นโรคเอดส์"

    หญิงชราสะดุ้งเฮือกตวาดอย่างขุ่นเคือง
    "ผายลม..โรคชนิดนั้นมีที่ใดกัน บิดาเจ้าเป็นโรคที่แทบไม่มีทางรักษาแล้ว...เขาเป็นโรค..."

    เสียงนางกลืนหายไปในลำคอ กล้ำกลืนร้องร่ำไห้
    "ท่านรีบบอกเถิด.ข้าเตรียมใจไว้รับฟังแล้ว"

    "เขาเป็นโรค..."

    "หรือบิดาท่านเป็นโรคผู้หญิง" บุรูษหนุ่มเดา

    "ผายลมครั้งที่สอง...บิดาเจ้าเป็นผุ้ชาย ไหนเลยจะกลับกลายเป็นอิสตรีได้ เหลวไหล ท่านเป็นโรค..."

    "หรือว่าท่านเป็นโรคไข้หวัดนก"

    "ผายลมครั้งที่สาม โรคนี้ไหนเคยมีในโลก"

    "เช่นนั้นท่านควรบอกมา...มิเช่นนั้น ท่านคงผายลมต่อไปอีกหลายพันครั้งมิยอมหยุดหย่อนแน่

    "......."

    ใบหน้านางบิดเบี้ยวเปลี่่ยนรูป คล้ายเผชิญหน้ากับวิญญาณเจ้าหนี้ก็มิปาน

    ในที่สุดนางเค้นเสียงออกมาอย่างลำบากยากเย็นว่า

    "เป็นโรคสำออย...!!!!!"

    "อ๊ากซซซซ...."

    ต่อให้เตรียมใจรับฟัง บุรษหนุ่มยังแผดร้องออกมาโหยหวน ปานควายถูกเชือดอย่างแตกตื่นจิตใจแทบโบยบินจากร่าง นกกาแถวนั้นแตกตื่นบินเวียนว่อน

    ควรทราบว่าโรคสำออยนี้เป็นยิ่งกว่าโรคติดต่อใดๆ

    หากท่านเป็นโรคท้องร่วงอย่างน้อยต้องมีพาหะ หากท่านเป็นโรคใดๆย่อมมีสาเหตุ แต่โรคสำออยคล้ายหาสาเหตุมิได้ หาต้นตอไม่ได้

    เป็นได้ทุกเพศทุกวัยทุกยุคทุกสมัย
    เป็นโรคที่ใครรับฟังแล้วแทบอยากปิดหูปิดตาเตลิดไปไกลแสนไกล

    หญิงชราเหม่อมองไกลแสนไกล เอ่ยเสียงอย่างแผ่วเบาแหบเครือ

    "มีทางเดียวที่จะรักษาได้ ซินแสปากซอยบอกว่าจะต้องใช้"ปลาร้าพันปี" มาผสมตัวยารักษา"

    ท่านรู้จักปลาร้าหรือไม่...

    บางคนคิดว่ามันเป็นสัตว์ในตำนาน ในเทพนิยายของแอนเดอร์สัน บางคนคิดว่ามันเป็นสัตว์วิเศษอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์หรือเชิงเขาไกลลาศ บางคนคิดว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดในทะเลสาบล็อคเน็สส์

    ผู้ใหญ่บางคนขู่ทารกที่ร่ำไห้ว่า ระวังปลาร้าจะมากินตับ.....
    ในโลกนี้ไม่มีเพียง บัวหิมะพันปี ยังมีปลาร้าพันปี...
    ปลาร้าค้างปีจัดว่าวิเศษเลิศเลอแล้ว ดังนั้นปลาร้าพันปีจะมีสรรพคุณปานใดก็แทบมิต้องบรรยายแล้ว

    .........
    บุรุษหนุ่มถูกเลี้ยงดูอย่างดี ชีวิตนี้อยู่แต่ในบ้าน เรียนหนังสือที่บ้าน โลกของมันคือบ้าน มารดามันห่วงใยจนมิอาจให้ลูกคลาดสายตาแต่วันนี้เพื่อบิดา บุรุษหนุ่มไร้เดียงสาต้องออกเผชิญโลกที่โหดร้ายแล้ว

    แต่มันมิอาจไม่ไป

    โรคสำออยของบิดามันหากแพร่งพรายไปถึงหูผู้อื่นหากตระกูลของมันไม่ล่มสลายลงก็น่าประหลาดใจแล้ว มีเพียงซินแสคนเดียวที่รู้เรื่อง...แต่ชีวิตของมันก็ไม่ปลอดภัยแล้ว
    ดังนั้น ตุ่งตุ๊งจึงออกออกด้นด้นเดินทางเสาะหาปลาร้าพันปี

    บุรุษหนุ่มก้มคารวะจรดพื้นกล่าว

    "ถนอมตัวด้วย บุตรขอลา"

    "ไปสู่ที่ชอบๆเถิดเจ้า"

    "เอ้ย..." ข้าไม่ได้ไปตายไฉนท่านพูดแบบนั้น" ตุ่งต๊งหน้าซีดราวปลาตาย

    หญิงชราฝืนยิ้มบอก
    "มารดาเจ้าแค่ล้อเล่นเท่านั้น เจ้าไปได้แล้ว"

    บุรูษหนุ่มมองมารดามันครู่หนึ่ง ตัดใจลุกขึ้น เหลียวมองหมู่ตึกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนหันหน้าออกสู่โลกภายนอกอันเลือนรางในม่านมองยามเช้า

    "หยุดก่อน"

    มารดามันร่ำเรียกอีกครั้ง บุรุษหนุ่มชะงักหันมามอง

    "ทำไมเจ้าไม่มีเงาหัว"

    บุรุษหนุ่มสะดุ้งสุดร่าง...ร้องสุดเสียง ปานจะร่ำไห้

    "ท่านไฉนพูดเข่นนี้"

    "แฮะๆ...เราล้อเจ้าเล่น"

    บุรุษหนุ่มจับจ้องมองมารดามันอย่างมิไว้วางใจ ค่อยๆถอยหลังทีละก้าว จนออกหน้าหมู่ตึกจึงหันหลังออก..

    "หยุดก่อน"

    มารดามันร้องเรียกอีก

    บุรุษหนุ่มสะดุ้งสุดร่างปานถูกเตะใส่สิบเท้าพร้อมกัน

    มันแผดร้องคำหนึ่งออกวิ่งมิคิดชีวิตไม่เหลียวหลังจนหายไปกับตา

    ขึ้นอยู่ต่อมันคงประสาทตายเพราะมิอาจทนทานต่อการล้อเล่นของมารดามันได้

    .......

    คาคบไม้หน้าหมู่ตึก

    ลูกนกตัวหนึ่งหัดบินโผออกจากรัง ร่วงหล่นลงบนพื้นดิน
    อสรพิษตัวหนึ่งคล้ายดั่งหลุดออกมาจากหนังแม่เบี้ย มิทราบว่ารอคอยตั้งแต่เมื่อไร พุ่งเข้างับเจ้านกน้อยกินกลืนเข้าไปอย่างโอชะ

    ชะตากรรมของบุรุษหนุ่มกตัญญูจะเฉกเช่นลูกนกหรือไม่.....
    ................

    แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 48 23:00:42

    จากคุณ : GTW - [ 22 ก.พ. 48 21:26:53 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป