ลุงช้างเป็นภารโรงของมหาลัย มานานพอที่แกจะกลายเป็นปูชนียบุคคลควบคู่สถาบันแห่งนี้ หรือควรได้รับประกาศนียบัตรภารโรงกิตติมาศักดิ์เสียด้วยซ้ำ หน้าที่ของภารโรงจะไปสอนบัณฑิตได้อย่างไร นอกเสียจากการทำความสะอาดพื้นที่บัณฑิตไปทำความสกปรกให้ ตั้งแต่ห้องน้ำ สนามหญ้า ใต้ร่มอาคารสถานทั้งปวงเป็นหน้าที่ของแกที่จะชำระล้างให้สะอาด ลุงช้างไม่ได้โทษตัวเองที่เกิดมามีความรู้น้อย แกไม่เคยโทษชะตาชีวิตแต่แกทำชีวิตที่มีอยู่ให้มีคุณค่าต่างหาก อย่างน้อยหน้าที่ของภารโรงก็ทำให้ทุกสิ่งอันสวยงามขึ้นมา ถึงแกจะทำความสะอาดได้ดีปานใด ไม่นานนักหรอกมันกลับกลายเป็นความสกปรกขึ้นมาจากรองเท้าของบัณฑิต หรือแม้กระทั่งสิ่งที่บัณฑิตเหล่านั้นทิ้งขว้างอย่างไม่ไยดี
นักศึกษาที่นี่คุ้นหน้าแกดีและยกแกเป็นอุธาหรณ์เสมอสำหรับความไร้การศึกษาทางสังคม ไม่มีใครอยากสมาคมกับแกนัก ในแต่ละวันแกจึงพูดคุยกับขยะมากกว่าผู้คน เสียงของคำสอนที่แว่วมาจากห้องเรียนแกเพียงได้รับและสดับฟัง ถ้อยคำของผู้มีการศึกษาเป็นถ้อยคำที่น่ารับฟังเสมอ แกได้แต่คิดเสียดายอยู่บ้าง ที่ลูกชายผู้ขายแรงงานไม่ได้ยินในสิ่งที่แกกำลังรับฟังอยู่นี่ บางทีมันอาจทำให้ลูกชายของแกซึมซับความงามทางแนวคิดนี้เข้าไป ประพฤติตนได้ดีเพียงเสี้ยวแห่งคำของผู้มีความรู้ก็ยังดี
แต่ถ้อยคำของนักศึกษาที่แกได้ยินขณะกวาดขยะเข้าไปใกล้เพียงแค่ระยะห่างไม่ถึงศอก เป็นถ้อยคำที่พรั่งพรูมาในห้องเรียนก็หาไม่ แกได้แต่รับฟังและเยินยออยู่ในใจว่า บัณฑิตเขารู้จักเก็บคำที่เป็นสิ่งดีเอาไว้ใช้ในคราจำเป็น บางทีบัณฑิตลืมเอกสารเอาไว้ตามโต๊ะมานั่งแกก็พลอยมีโอกาสได้อ่านบ้าง แต่ขอให้เป็นภาษาไทยเถอะแกพออ่านออก พวกนักศึกษารุ่นใหม่ไฟแรงเดินผ่านมาได้แต่หัวเราะที่ภารโรงแก่ๆ อย่างแกมานั่งอ่านตำรับตำราเรียน คล้ายคนแก่เรียนจริงๆ แกทำอยู่อย่างนั้นเป็นประจำและตอกย้ำความคิดตัวเองเสมอว่าเราไม่ใช่ผู้มีความรู้มากไปกว่าการกวาดพื้นให้สะอาด แต่การได้อยู่ในสถานที่แวดล้อมด้วยการเรียนรู้ แกจึงพลอยซึมซับค่านิยมของการอ่านเข้าไปด้วย ปัญหาบางอย่างที่แกพบในหนังสือที่วางทิ้งขว้างเอาไว้นั้น ได้แต่เก็บมาขบคิดเพียงรำพังขณะกวาดขยะ เมื่อแกได้ลงมือกวาดมันเหมือนพระที่เข้าญาณสมาบัติ นิ่งลึกและตกผนึกในห้วงยามของตัวเอง ไปพร้อมความพลิ้วไหวของปลายไม้กวาดที่แกจ้องมอง
ลุงช้างมักมานั่งใต้ร่มของต้นจำปา แกชอบดอกสีขาวของมันที่ออกดอกบานสะพรั่งงามตาให้ชื่นใจ มันมีอยู่ไม่มากต้น แต่ก็พอแผ่ขยายเป็นร่มกว้างในอาณาบริเวณของมันเอง ต้นจำปาเหล่านี้สูงใหญ่ขึ้นตามกาลเวลาและแกก็มาดูแลรักษามันเสมอในทุกช่วงปีที่ผ่านมา จำได้ว่าเมื่อสิบปีก่อนมันยังอ่อนเปลี้ยต่อฤดูกาล รากของมันไม่เข้มแข็งพอที่จะหยั่งลงไปในพื้นดินที่แข็งกระด้างนั้นได้ แกนี่แหละเป็นคนรดน้ำให้มันเพื่อให้ง่ายต่อการแทรกรากลงไปให้ลึกที่สุดเพื่อตัวของมันเอง แกคิดถึงบัณฑิตในสถานศึกษาแห่งนี้ พวกเขาคงไม่ต่างอะไรจากต้นจำปาที่แกเคยดูแลรักษา รากยังอ่อนแต่พอได้รับคำชี้แนะและเอาใจใส่ของครูบาอาจารย์รากทางปัญญาพลอยหยั่งลึกลงไปในเหตุผลของโลกและสรรพสิ่งทั้งปวงที่ตัวเองจำเป็นต้องเรียนรู้ เพื่อออกไปต่อสู้นอกรั้วของมหาลัยในวันหนึ่งที่ทุกคนเฝ้าคอยการมาถึง นั่นคือการได้รับการการันตีจากมหาลัยว่าพวกเขาได้เป็นบัณฑิตโดยแท้จริง คงเหมือนต้นจำปาพวกนี้ที่แกดูแลรักษา พอวันนี้มันไม่จำเป็นอีกแล้วที่จะต้องรดน้ำเหมือนกาลอดีต มันโตพอที่จะหยัดรากไปหาแหล่งน้ำใต้ดินด้วยตัวของมันเอง และมันก็รู้จักที่จะออกดอกมาอวดนักศึกษาที่เดินผ่านไปมาให้ได้ชม ดอกจำปานั่นคงเป็นผลผลิตแห่งการเรียนรู้ในระยะยาว พอๆ กัน กับการศึกษาที่เด็กหนุ่มสาวเหล่านี้มาแสวงหากัน แกมักนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเฉื่อย เฝ้ามองมันและพูดคุยกับตัวเอง
แต่ดอกของจำปาหลากต้นนี้ก็มีวันที่จะร่วงหล่นเช่นดอกไม้อื่นที่แกคุ้นตา มันหล่นพรมพื้นอิฐบล็อคเป็นสีขาวที่ตัดกันชัดเจนกับพื้นสีเทาหม่น มันเป็นความงามอีกแบบที่แกพบระหว่างการทำความสะอาด แกได้แต่กวาดมันอย่างทะนุถนอม ต่อคุณค่าของดอกไม้ แต่อย่างไรดอกไม้ก็มีวันเป็นขยะได้เหมือนกับสิ่งปฏิกูลชนิดอื่น ดอกไม้ขยะกระนั้นหรือแกหัวเราะต่อถ้อยคำที่แกคิดได้ ใช่ จะสวยงามปานใดก็มีวันโรยราจะเก่งกล้าปานใดก็มีวันที่จะโง่เขลาเข้าสักวันหนึ่ง เพียงแต่รอการเดินทางของเวลาเท่านั้น แกกวาดดอกจำปาที่พลัดกิ่งนั่นมารวมกันเป็นกองโต แล้วก้มหอบอย่างระมัดระวังคล้ายกลัวว่ามันจะบอบช้ำจากมือที่ไม่ได้จับด้ามปากกาอย่างแก ถึงอย่างไรมันควรได้รับการดูแลรักษา ความเป็นดอกไม้ของมันยังคงอยู่ขณะที่ร่วงหล่นก็ตาม แกคิดอย่างนั้นและให้คุณค่าต่อสิ่งที่มันเป็นเท่าเทียมกับการยกย่องบัณฑิตที่เข้ามาศึกษาในสถานที่แห่งนี้ ขณะที่แกจะหอบดอกไม้เหล่านี้ลงถังต้องผงะถอยไป เพราะกลุ่มนักศึกษาที่เดินผ่านนั่นเกือบชนและเหยียบหัวแกเข้าให้
เท้าของบัณฑิตเหล่านั้นเหยียบและเตะดอกจำปากระจายออกไปอีกวาระหนึ่ง โดยไม่สนใจหันมาขอโทษ ปากของบัณฑิตไม่คู่ควรต่อการเอ่ยปากขอโทษคนทำความสะอาดกระนั้นหรือ ช่างเถิด แกหยัดกายชราลุกขึ้นและกวาดให้มันเข้ามาเป็นกองอีกครั้งหนึ่ง นั่งลงและหอบมันทิ้งลงถังขยะอย่างบรรจงใจ
ก็แค่เหยียบนะยังดี คงไม่บอบช้ำเกินไปใช่ไหม ดีนะพวกเขาไม่เยี่ยวและถุยน้ำลายรดดอกไม้อย่างพวกแก
เมื่อเสร็จจากการกวาดแกยังคงมานั่งที่มานั่งตัวเดิม เฝ้ามองดอกจำปาที่ร่วงหล่นและการเหยียบซ้ำ! ของฝ่าเท้าบัณฑิตที่เดินผ่านไป-มาลงบนดอกไม้สีขาว คนแล้วคนเล่า
คงมีสักคนล่ะน่าที่ก้าวผ่านและไม่เหยียบมัน
แกได้แต่เฝ้ารอชมอยู่อย่างนั้น
จากคุณ :
เดอะแหลม
- [
23 ก.พ. 48 11:13:00
A:202.129.45.50 X:
]