มีเรื่องอะไรหรือเปล่าที่คุณเคยคิดว่า ผลลัพธ์ของเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นจะแตกต่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ถ้าเราปฏิบัติ
แตกต่างออกไป ฉันมีเรื่องอย่างนี้อยู่เหมือนกัน
วันที่ฉันเห็นเค้าครั้งแรก เป็นปลายเดือนกันยายน เป็นวันที่สามที่ฉันได้เดินทางมาถึงยังประเทศนี้ วันนั้นเป็น
วันปฐมนิเทศของโปรแกรมปริญญาโทที่ฉันกำลังจะเข้าเรียนในเทอมหน้า เมื่อฉันก้าวเข้าไปในห้องประชุม
ในวันนั้น จำได้ว่าความรู้สึกแรกของฉันคือแปลกใจ แปลกใจมาก ที่จำนวนนักศึกษาในโปรแกรมเดียวกับฉัน
ถึงได้เยอะมากมายอย่างนี้ ที่สำคัญในจำนวนนั้นมีนักศึกษาชาวเอเชียเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งเป็นที่สังเกตได้ง่าย
อีกด้วยว่าพวกเขาเหล่านั้นมาจากประเทศเดียวกัน หรืออย่างน้อยก็พูดภาษาเดียวกัน ใช่แล้วล่ะ ประเทศที่มี
ประชากกรมากที่สุดในโลก ประเทศจีนนั่นเอง ภาพที่เห็นนี้ผิดกับภาพที่ฉันเคยจินตนาการก่อนที่จะข้ามน้ำ
ข้ามทะเลมาทีนี่ แต่อย่างว่าละนะที่ฉันตัดสินใจที่จะมาที่นี่ อย่างกะทันหัน เนื่องจากฉันหลงเสน่ห์ความเก่าแก่
และสวยงามของมหาวิทยาลัยที่มีอายุห้าร้อยห้าสิบปีแห่งนี้เข้าอย่างจัง
เค้าคนนั้น นั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมชาติของเขา ซึ่งแม้จะเทียบแล้วเป็นจำนวนน้อยนักกับจำนวนนักศึกษา
ชาวจีนทั้งหมด แต่ก็ถือว่าไม่น้อยเลยเมื่อเทียบกับนักศึกษาชาติอื่นๆ ในวันนั้นฉันมีโอกาสมองเค้าแค่เผินๆเท่านั้น
แต่ความประทับใจแรกของฉันกับเค้า ก็คือคนชาตินี้นี่ หน้าคมดีจริงๆเลย
ฉันไม่รู้ว่านี่เป็นพรหมลิขิตหรือเปล่า หรือแค่ความบังเอิญที่ทำให้ฉันได้พบกับความตื่นเต้นเล็กๆและความฝัน
น้อยๆ ปลอบใจตัวเองยามจากบ้านมาแสนไกลอย่างนี้ เราสองคนได้พักอยู่ที่หอพักนักศึกษาตึกเดียวกัน โดยที่
ฉันมักจะเห็นเค้าออกมายืนสูดอากาศอยู่หน้าตึกอยู่เสมอ เค้าทักทายฉันเกือบทุกครั้งที่เราเจอกันที่หน้าตึก แต่
ไม่เคยมีการพูดคุยกันมากไปกว่านั้น
ก่อนเปิดเทอมหนึ่งสัปดาห์ ทางโปรแกรมของเราจัดอบรมภาษาอังกฤษระยะสั้นให้กับคนที่สนใจโดยแบ่งคลาส
ออกเป็นทักษะการพูดและการฟัง การอ่านและการเขียน ทั้งสองคลาสนี้ เราได้อยู่กลุ่มเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม
ตัวเค้าเองก็ไม่ได้มีทีท่าสักนิดว่าจดจำได้ว่าเราอาศัยอยู่ตึกเดียวกัน ไม่ได้ชวนคุยอะไรมากไปกว่าเดิม ส่วนตัวฉัน
เองนั้น ก็ได้แต่มองเค้าอยู่เงียบๆและหวังว่าเค้าคงจะจดจำฉันได้
และแล้วเมื่อเปิดเทอม ฉันก็ได้ทำงานกลุ่มเดียวกับเขาอีก เนื่องจากเลขประจำตัวของเราอยู่ติดกัน เราทำงาน
กลุ่มเดียวกันกับเพื่อนอีกสี่คน เป็นเวลาสองเดือนเต็ม ในการทำงานกลุ่มครั้งนั้นมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย
กระทบกระทั่งกัน ดีกัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขาก็ไม่ได้คืบหน้าไปจากเพื่อนที่รู้จักกันเพียงผิวเผิน
แม้แต่สักนิดเดียว ฉันยังคงแอบมองเขาอยู่เงียบๆ ลึกๆแล้วฉันรู้ตัวดีว่าเหตุผลอย่างหนึ่งน่าจะเป็นเพราะว่า
ตัวฉันเองอายเกินกว่าจะเริ่มต้น ชวนคุยได้ ฉันเป็นอย่างนี้เป็นประจำเมื่อต้องพบเจอคนใหม่ๆ เพื่อนของฉัน
บอกอยู่เสมอว่าฉันในครั้งแรกที่พบเจอกันต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับฉันในวันที่เราสนิทกันแล้ว ในขณะนั้นตัวเขา
เองก็ไม่เคยแสดงว่าอยากรู้จักฉันเพิ่มขึ้นจากที่เป็นอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
หลังจากส่งงานตอนปลายเทอม ฉันกับเขาก็เหมือนก้าวเข้าสู่เส้นทางขนาน ในตอนนั้นเองที่ฉันคิดว่าฉันได้
คำตอบแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น ทั้งๆเราพักอยู่ตึกเดียวกันแต่เราแทบจะ
ไม่เคยเจอกันเลย
เมื่อเปิดเทอมหลังปีใหม่ เส้นทางขนานของเราก็ยิ่งตอกย้ำชัด ฉันและเขาเรียนร่วมกันเพียงวิชาเดียวเท่านั้น
และในขณะนั้นเองก็มีสิ่งใหม่ๆ คนใหม่ๆก้าวเข้ามาในชีวิตของฉัน ทำให้ลืมที่จะแอบมองเขาอย่างเคย เวลาผ่าน
ไปจนหมดเทอม ฉันเลิกที่จะตื่นเต้นกับสิ่งต่างๆรอบตัว กลับมาจดจ่อกับการสอบที่จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม
โปรแกรมของฉันมีสอบทั้งหมดเก้าวิชา หรือเท่ากับวิชาทั้งหมดที่เรียนมาในเวลาสองเทอม ก่อนสอบสองสัปดาห์
จะมีการทบทวนให้จากอาจารย์เจ้าของวิชา ช่วงนั้นเอง ที่ทางของฉันกับเขา ก้าวเข้ามาเจอกันอีกครั้ง
จากคุณ :
สิตา
- [
24 ก.พ. 48 00:11:46
A:158.108.210.106 X:
]