เลี้ยงหมาไหมแม่?
โดย song982
นางจินดาเป็นแม่ค้าขายปลาดุกย่างน้ำปลาหวานยอดสะเดาในตลาดนี้มานาน ถ้าจะนับกันให้ถ้วนถี่ก็จะชนขวบปีที่สิบห้าอยู่อีกไม่กี่วัน ด้วยรสมือและน้ำคำคะขานั้นเองที่ทำให้ลูกค้าไม่เคยห่างหาย หากจะพิศดูให้ดีรูปร่างและหน้าตาก็คงจะเป็นเครื่องช่วยเรียกลูกค้าได้อีกส่วนหนึ่ง เพราะภายใต้ร่องรอยแห่งตรากตรำนั่น เงาร่างของคนเคยสวยยังคงประทับเฝ้าแฝงอยู่ไม่รู้คลาย
นางสาวจิตดีผู้เป็นลูก เพิ่งทำบัตรประชาชนมาได้ไม่ถึงสามเดือน เธอเป็นคนรักเรียนพอๆ กับรักอาชีพของผู้เป็นมารดา หัดการงานของแม่มาได้แต่น้อย เมื่อยังเล็กกว่านี้ก็ช่วยหุงหาดูแลห้องหับ พอโตขึ้นจนรู้ความและชำนาญพอ ก็ช่วยแม่ทำปลาหมักปลา เคี่ยวน้ำปลา ซอยพริกซอยหอม กระทั่งลวกสะเดาให้กรุบกรอบกำลังดีก็ทำได้ สองปีหลังนางจินดาจึงได้ผ่อนแรงลงไปอีกมาก
ตลอดมาสองแม่ลูกไม่เคยพูดเรื่องของพ่อ เมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่เคยซักถามหรือทำท่าว่าจะเป็นปมด้อยนางก็เฉยเสีย ยินดีที่ลูกเป็นคนรู้อยู่และไม่เห็นว่าการที่จิตดีไม่เคยเรียกร้องร่ำหาผู้เป็นพ่อนั้นเป็นเรื่องผิดปกติ
จิตดีใกล้เป็นสาวเต็มที ตอนที่แม่เข้ามาเปรยๆ เรื่องของพ่อ ว่าครอบครัวลองขาดพ่อบ้านเสียคนหนึ่ง ก็เหมือนขาดหัวเรือใหญ่ ถึงแม่จะคอยเป็นหางเสือคัดท้ายซ้ายขวาได้ดีอย่างไร มันก็เหมือนกับพายเรือทวนน้ำ ทั้งหนักแรงหนักใจ หมดแรงเมื่อไรทั้งชีวิตก็คงไหลลงไปตามกระแสกรรม
วันนั้นลูกสาวกำลังเลือกกุ้งแห้งตัวใหญ่พิเศษไว้โรยหน้าน้ำปลาหวาน เธอไม่ได้ออกความคิดเห็นเรื่องพ่อ เรื่องเรือ หรือว่าเรื่องหางเสือ เพียงแต่เงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่แล้วเอ่ยปากขอคำปรึกษาอย่างเคย
เลี้ยงหมาสักตัวดีไหมล่ะแม่ ตอนฉันไปโรงเรียน เที่ยงๆ แม่ไม่อยู่บ้านจะได้ไม่ต้องคอยห่วงคอยระแวง
นางจินดาร้องเพ้ยคำหนึ่ง ไม่รู้เพราะถูกขัดคอเรื่องที่ตนกำลังตะล่อมพูด หรือว่าถูกขัดใจเรื่องที่ลูกสาวยังไม่เลิกความคิดที่เคยพร่ำขอมานาน
แค่สองปากสองท้องยังแทบเอาตัวไม่รอด ยังจะริหาหมามาเลี้ยงให้มันมาอดๆ อยากๆ เป็นบาปเป็นกรรม ห้องก็เล็กแคบเท่ารูหนู
.เออ
ถ้ามีหัวเรี่ยวหัวแรงอย่างครัวอื่นเขาก็จะว่าไปอีกอย่าง
.
ผู้เป็นแม่คัดท้ายคำพูดกลับมาสู่ต้นเรื่องที่สนทนาจนได้ แต่ลูกสาวก็เสออกไปกลับปลาดุกซึ่งวางย่างไว้บนเตาหน้าบ้าน นางจินดาเลื่อนกระจาดกุ้งแห้งมาเลือกต่อ กำลังจะคิดว่าอาการนิ่งเฉยของจิตดีเป็นการยินยอมพร้อมใจ เสียงลูกสาวก็ตะโกนลั่น
ไอ้แมวบ้า!!
.มาขโมยปลาอีกแล้ว
แม่!..แม่!
ไอ้คอดมันพาพวกมาคาบปลาไปอีกแล้ว!!!
แล้วยุทธการไล่ล่าประจำวันก็เวียนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเสียงก่นด่าเจ้าของแมวอยู่ปาวๆ
ตั้งแต่นั้น น้าเติมบุญก็เริ่มแวะเวียนเข้ามาให้จิตดีได้เห็นหน้า เขาเป็นรุ่นน้องนางจินดาอยู่เกือบรอบ ผู้ที่ชักชวนให้เข้ามาสนิทสนมถึงขั้นกินข้าวเย็นหรือบางครั้งก็ตื่นมากินข้าวเช้าด้วยกันนั้น แม้แม่บอกกับลูกสาวถึงความดีอันมีเป็นคุณูปการจนสุดจะสาธยาย จิตดีก็ยังเฉยอยู่เพราะถือว่าเป็นความสุขของแม่ พลอยดีใจที่เห็นแม่ยิ้มชื่นได้อีกครั้ง สภาพในบ้านก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก นอกจากกลอนประตูห้องส่วนตัวของจิตดีซึ่งแม่หาซื้อมาให้ติดแทนอันเก่าที่ผุกร่อน กับเตียงสปริงหลังใหญ่ในห้องนอนของนางจินดาเอง
นางไม่ได้ยัดเยียดคำว่า พ่อ ให้จิตดีเรียกขานเขา เพียงแต่ขอให้ลูกสาวเคารพและเกรงใจผู้ร่วมชายคาคนใหม่ตามสมควร
วันที่เติมบุญย้ายเข้ามาอยู่เป็นเรื่องเป็นราว นางจินดาก็ซื้อต่างหูห่วงทองคำคู่เล็กๆ ให้ลูกสาวด้วย
แรกๆ นางจินดาและนายเติมบุญก็เอาหูทวนลมเสียจากคำนินทา ชายหนุ่มทำท่าว่าจะช่วยการทำมาค้าขายได้แข็งแรงดี จนเมื่อคำค่อนแคะกระแซะกระเซ้าของลูกค้าสาวน้อยสาวใหญ่ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ไม่ยอมสร่างซา นางจินดาจึงให้สามีเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน คอยช่วยเหลือทำผักทำปลากับจิตดี
แต่ด้วยความเคยชินที่เคยจัดเคยทำอะไรๆ ตามลำพังมานาน การเข้ามาช่วยจัดหาและเป็นลูกมือของน้าเติมบุญ ทำให้จิตดีรู้สึกเก้ๆ กังๆ เหมือนมีแขนขายื่นออกมาให้เกินความจำเป็น หนักเข้าจึงเพียงมอบตำแหน่งมือย่างพ่วงด้วยยามเฝ้าปลาที่หน้าบ้านให้เท่านั้น
นายเติมบุญทำหน้าที่ของตนด้วยความแข็งขันทั้งกลางคืนกลางวัน ทุกวันเขาจะออกไปช่วยนางจินดาเก็บร้านช่วยเข็นรถมาจอดแอบไว้ใต้ถุนแฟลต จิตดีจะใช้ช่วงเวลานั้นอาบน้ำชำระร่างกายทำกิจธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อยก่อนที่คนทั้งคู่จะกลับถึงบ้าน
นางจินดาดูมีผิวพรรณเปล่งปลั่งและรักสวยรักงามขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก จิตดีเองก็มีสุขภาพจิตดีขึ้นเพราะไม่ต้องคอยห่วงพะวงกลัวพวกพลพรรคแมวโซทั้งหลายจะมาฉกฉวยปลาดุกย่างตัวอวบอีกต่อไป สภาพแฟลตของการเคหะแห่งชาติยังช่วยเก็บสุ้มเสียงต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จิตดีจึงมีเวลาเก็บตัวอ่านหนังสืออยู่แต่ในห้องมากขึ้น
พักหลังนายเติมบุญมักบ่นว่าปวดเมื่อยตามไขข้อและเส้นสาย นางจินดาไม่ได้ตำหนิจิตดีแต่อย่างใดเมื่อลูกสาวปฏิเสธไม่ยอมช่วยนวดเฟ้น เช่นเดียวกับไม่ได้บ่นว่าหรือน้อยอกน้อยใจที่ต้องจัดการเก็บของเข้าบ้านด้วยตัวคนเดียวเหมือนอย่างครั้งไม่เคยมีเขา
เมื่อดูท่าว่าสมาชิกใหม่สมัครใจจะอยู่โยงเฝ้าบ้านมากกว่า จิตดีจึงปล่อยให้พ่อเลี้ยงหนุ่มนั่งละเลียดอารมณ์กับฟองเบียร์ตามสบาย ส่วนตนเองก็ออกไปช่วยแม่ขายของและเก็บร้าน ทุกวันนายเติมบุญจะยิ้มรื่นคอยเปิดประตูรับ ป้อนน้ำคำให้ภรรยาผู้เป็นสุดที่รักได้คลายหายเหนื่อย และเอ่ยชื่นชมในความขยันขันแข็งเป็นแม่เหย้าแม่เรือนของจิตดีอยู่เนืองๆ
แม้สองแม่ลูกจะไม่ได้ระแวงในความบริสุทธิ์ใจของชายหนุ่ม แต่ก็ต่างเฝ้าระมัดระวังกันอยู่ในที นางจินดาเริ่มซื้อหาเสื้อผ้าทั้งชั้นนอกชั้นในมาให้ลูกสาวบ่อยๆ แต่ละชุดแต่ละชิ้นนั้นก็เป็นที่พอใจของจิตดี ด้วยเหตุนี้ทั้งสามจึงอยู่ร่วมบ้านกันมาได้อย่างเป็นปกติสุข มีเพียงบางคืนที่เติมบุญตึงได้ที่ ก็จะออกความเห็นเกี่ยวกับการแต่งกายที่มิดชิดชวนอบอ้าวอึดอัดของลูกเลี้ยงวัยสาวขบเผาะสักคราวหนึ่ง
แต่แล้วในวันหนึ่ง แมวเจ้ากรรมก็มาขโมยปลาย่างไปเสียได้ บางส่วนตกเกลื่อนอยู่บนพื้น ที่ยังค้างเตาก็เริ่มไหม้ เพราะถ่านในเตาไม่ได้โรยขี้เถ้าอย่างที่ควร จิตดีไม่รู้จะโทษใครได้ ยิ่งเห็นเติมบุญรีบวิ่งกลับขึ้นมาพร้อมถุงใส่ขวดเบียร์ในมือ ก็ยิ่งคร้านจะพูดอะไรอีก จนคนที่ยืนหอบต้องเป็นฝ่ายออกปาก
ไอ้คอดอีกหละมั้งเนี่ย
ไม่รู้เจ้าของมันเลี้ยงยังไงให้อดยากนัก
.
เขาบ่นอะไรต่อมิอะไรอีกหลายคำขณะที่กำลังใช้จีบต่อจีบของฝาขวดงัดง้างกันจนเปิดดื่มได้ขวดหนึ่ง
..เลี้ยงหมาสักตัวไหมจิตดี เอาไว้ให้มันไล่ขบไอ้แมวเวรตะไรนั่นไงล่ะ
ดีสิน้า
ฉันน่ะพูดกับแม่มานานแล้ว แต่แม่ไม่เคยยอม บอกว่าแค่สองปากท้องยังจะเลี้ยงไม่รอด
ไม่ทันที่จิตดีจะพูดจบ เต็มบุญก็ชิงตวาดเสียงขึ้นเสียก่อน
นี่เอ็งหาว่าข้ามาเกาะแม่เอ็งกินอย่างนั้นเรอะวะ!!! เขากร่างเข้ามาถึงตัว ดีที่ในมือจิตดีมีไม้เสียบปลาดุกอยู่กำใหญ่ ไฟโมโหจึงดับลงด้วยแววความรักตัวกลัวเจ็บ ลูกเลี้ยงไม่ได้เงื้อง่าอันใดด้วยซ้ำตอนหันมาประจันหน้า แต่ก็ทำให้พ่อเลี้ยงผงะถอยหลังไปได้ตอนยกมือไหว้และกล่าวคำขออภัย
สองวันถัดนางจินดาก็เปรยขึ้นในวงข้าวมื้อค่ำ
ขาประจำเขามาว่าปลาเราไม่สะอาด มีกรวดทรายปนอยู่ในเนื้อด้วย
.
จิตดีจึงเล่าถึงต้นสายปลายเหตุ เว้นไว้แต่ตอนเติมบุญทิ้งปลาลงไปซื้อเบียร์
ช่างเถอะ
วันหน้าวันหลังก็ระวังๆ หน่อยก็แล้วกัน จะมีกรวดมีทรายจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ พอแม่คืนเงินแล้วแถมปลาใหม่ไปให้สองตัวกับน้ำปลาหวานสะเดาอีกชุด ก็เห็นยิ้มรื่นหน้าบานกลับไป
.เอ!
หรือว่าเราจะหาหมาเล็กๆ มาเลี้ยงสักตัว
เอาไว้ให้เห่าไล่แมวตะกระพวกนั้นก็ยังดี
พูดได้แค่นั้นวงข้าวก็แตกกระจาย เพราะเติมบุญใช้ขาที่ขัดสมาธิกวาดจานข้าวชามแกง ก่อนจะปึงปังเข้าห้องปิดประตูไป สองคนที่เหลือได้แต่มองหน้ากันไปมาก่อนผู้เป็นแม่จะพยักให้ลูกสาวเก็บล้างทำความสะอาด ส่วนตนเองก็ขอตัวเข้าห้องไปปรับความเข้าใจกับสามีเลือดร้อน
ตั้งแต่นั้นนางจินดาก็ต้องเฝ้าประคบประหงมนายเติมบุญราวกับเป็นลูกชายคนเล็ก ชายหนุ่มไม่ใส่ใจไยดีกับอะไรๆ ในบ้านอีกเลย นอกจากการกรอกน้ำเมาเข้าปากกับเรื่องอยู่เรื่องกินส่วนตัวแล้ว หน้าที่ที่เหลืออยู่หลังประตูห้องนอนนั่นก็เป็นเรื่องเดียวที่ถือว่าเขาจะต้องรับผิดชอบ
แม้จะเห็นกันทุกวัน จิตดีก็ไม่เคยออกปากไหว้วานเขาให้ช่วยดูแลอะไรอีก เธอตั้งใจทำหน้าที่ของตัวอย่างไม่ให้มีข้อบกพร่อง พูดคุยกันเท่าที่จำเป็น และพยายามคงความเคารพนบนอบเขาด้วยสีหน้าอันเป็นปรกติ
หลังจากเรื่องราวคราวนั้น ก็ดูเหมือนว่าปลาย่างจะหายได้ทุกวัน วันละตัวสองตัว เฉพาะแต่ตัวที่สุกแล้วเสียด้วย จนจิตดีต้องหันหน้าไปปรึกษากับผู้เป็นแม่อีกครั้ง แต่นางจินดากลับทำเสียงเขียวใส่ลูกสาว
ก็น้าเติมเขาไม่ชอบหมา
เอ็งจะมาเซ้าซี้หาอะไร!
พักหลังวันไหนที่เติมบุญหายหน้าไปกินเหล้าที่ห้องอื่น จิตดีจะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะแม้จะไม่มีวี่แววไอ้คอดกับพลพรรคแมวของมัน ปลาย่างก็ยังหายไปทีละหลายๆ ตัว อย่างไร้ร่องรอย นางจินดานั้นแม้ไม่ได้ตำหนิลูกสาวตรงๆ แต่สีหน้าท่าทางเวลารู้เรื่องปลาหายนั้นก็แสดงออกมาให้เข้าใจได้ไม่ยาก
เติมบุญเป็นคนเดียวที่ไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องนี้ บางวันที่อารมณ์ดีๆ ก็เอ่ยปากขอกับลูกเลี้ยงตรงๆ
ขอปลาให้น้าสักสองตัวสิจิตดี
รู้ไหม ปลาดุกย่างนี่แกล้มเหล้าได้สะเด็ดนัก
อะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง จิตดีก็พร้อมจะทำให้หรือจัดหาให้ได้ทั้งนั้น เพราะตอนนี้เสียงของพ่อเลี้ยงหนุ่มกำลังเป็นเสียงสำคัญในบ้าน ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้มามีส่วนร่วมอะไรในการทำมาหาได้อีกเลย
เมื่อเธอเริ่มระแคะระคายว่าตัวขโมยปลานั้นไม่ใช่หมาแมวที่ไหน แต่เป็นตัวเติมบุญเองที่แอบเอามันไปเป็นสินซื้อน้ำใจ เพื่อนร่วมแฟลตซึ่งมีน้องเมียน้ำใจงาม คอยช่วยเหลือปรนนิบัติพัดวีเพื่อนร่วมวงเหล้าของพี่เขย จิตดีเคยตามไปเห็นกระทั่งตอนที่สามีของแม่อยู่ในห้องนั้นกับหญิงสาวตามลำพัง จนตระกองกอดกันเข้าไปในห้องนอนของฝ่ายหญิง
แต่จิตดีก็ยังเฉยอยู่เหมือนไม่เคยรู้เคยเห็นอะไร นางจินดาจะสั่งสอนเธออยู่เสมอว่า ไฟในอย่านำออกไฟนอกอย่านำเข้าโดยเฉพาะในระยะหลังมานี้ จิตดีเชื่อฟังผู้เป็นแม่มาตลอด เมื่อไม่เคยไปคุยกับใครถึงเรื่องในบ้านตน จึงตีสีหน้าได้สนิทสบายเวลาไม่อยากจะนำเรื่องภายนอกเข้ามาในบ้าน
นายเติมบุญเองก็ยังทำหน้าที่เดียวที่เหลือของตนได้อย่างไม่หายหกตกหล่น..หากว่าไม่เมาเกินไปนัก สีหน้าของผู้เป็นแม่ซึ่งเหมือนเคยมีเลือดสาวกำลังสูบฉีด กลับมาปรากฏแววหมองคล้ำและครุ่นคิด จิตดีไม่ได้ก้าวก่ายซักถามสิ่งไรจากผู้เป็นแม่ นอกจากคะยั้นคะยอเรื่องการหาหมามาเลี้ยงหนักข้อขึ้น
ความเปลี่ยนแปลงในทางดื้อรั้นของจิตดีเกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงหมานี้ อยู่ในสายตาของเติมบุญโดยตลอด เขานึกกระหยิ่มใจว่าอาจจะได้มีข้อต่อรองดีๆ กับนวลเนื้อสาวของจิตดีก็คราวนี้ เพราะนางจินดามักจะยกเอาความไม่ชอบหมาของเขามาอ้างแก่ลูกสาวเสมอๆ
อยากเลี้ยงหมาจริงๆ หรือจิตดี
ชายหนุ่มถามขึ้นในวันหนึ่ง ขณะจิ้มหนังปลากับน้ำปลาหวาน ใส่ปากเคี้ยวแล้วตามด้วยยอดสะเดามัน กระเดือกกลืนอย่างถูกปากก่อนจะกระดกของชอบเพื่อล้างคอ
น้าช่วยพูดกับแม่ให้เอาไหม แต่จิตดีต้องมากินเบียร์เป็นเพื่อนน้านะ
เธอยิ้มให้กับข้อเสนอ แต่ไม่ได้แสดงท่าทีอื่นว่าจะรับคำทำตาม
จนอีกสองวันถัดมา จิตดีกลับมาถึงห้องพร้อมกับกล่องใส่ลูกหมาตัวกำลังซน เธอเอาเข้าไปอวดพ่อเลี้ยงหนุ่ม พร้อมกับขอร้องให้เขาช่วยพูดกับแม่ นายเติมบุญซึ่งนั่งดื่มเบียร์คนเดียวหมดไปแล้วสองขวด จึงรีบทวงข้อเสนอทันที
งั้น
เอามันไปแอบไว้ที่ระเบียงก่อน
แล้ว..จิตดีมากินกะน้า
มา มามะ..
คงขมน่าดูหละมั้งน้าเติม
ฉันขอลงไปซื้อน้ำส้มมาเจือดีกว่านะ
จะได้กินเป็นเพื่อนน้าเติมได้นานๆ
เออ
เออ สาวๆ ไม่เคยๆ อย่างเอ็งผสมน้ำหวานเสียหน่อย จะได้เมาเร็วๆ
เอ๊ย..จะได้กินง่ายๆ
ไปๆ รีบไปรีบมาล่ะ
อย่าให้น้านั่งเหงาอยู่คนเดียว
..
แผนร้ายของคนกำลังคิดจะเป็นพระยาเทครัวดูจะสะดวกง่ายดาย ยิ่งกว่าหมูวิ่งมาชนปังตอ เติมบุญสร่างเมาไปกว่าครึ่ง เพราะไม่ได้จิบอีกเลยตั้งแต่ลูกเลี้ยงของตัวลงไปจนกลับขึ้นมาพร้อมกระป๋องน้ำอัดลมในมือ
ทำไมไปนานนัก
มา..มาๆ น้ารินให้เอง กินใหม่ๆ ต้องเอาบางๆ หน่อยมันจะได้ไม่บาดคอ
แต่เขาก็ยังทำเสียงอ้อแอ้เหมือนขี้เมาไร้พิษสง นายเติมบุญเปิดกระป๋องน้ำอัดลมรสส้มผสมกับเบียร์ค่อนแก้ว ปากทำเป็นพึมพำเบาๆ
วันนี้จิตดีจะเป็นนางเอกของน้า
ต้องนี่น้ำสมน้ำนางเอก
.หรือ
หรือว่า จิตดีกำลังอยากเป็นนางเอกของน้า เลยซื้อน้ำแฟนต้านี่มา
.ใช่ไหมจ๊ะ
แววตาเชื่อมชุ่มส่งความนัยโจ่งแจ้งไปยังดวงตาคู่สวย หญิงสาวรับแก้วมาละเลียดจิบรสชาติอันขมขื่นนั้นช้าๆ มันซ่านลิ้นและขมบาดคอ อึกแรกของจิตดี ทำให้เธอมั่นใจได้เลยว่าคงเมาได้สมจริงสมจังน่าดู
แก้วแรกผ่านไปไวกว่าที่เติมบุญคิด เขารีบขยับเข้ามานั่งเคียง บรรจงชงส่งให้อีกแก้ว เมื่อเห็นว่าจิตดีไม่ถือสาที่มือไม้ได้สัมผัสกัน เขาก็ถึงกับประคองมือถือแก้วของหญิงสาวขึ้นป้อน รู้ดีว่าของเมายามเข้ากับของหวาน จะทั้งกินง่ายและเมาเร็ว ดวงหน้าที่แดงซ่านกับระไอสาวที่ผ่าวร้อนนั้นก็แสดงให้เห็นอยู่อย่างชัดแจ้ง
จิตดีเมาพับไปหลังจากเขาป้อนแก้วที่สามเข้าปาก เติมบุญทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างสมคะเน ใจเต้นรัวเป็นกลองเพล ไม่คิดมาก่อนว่าการลิ้มเนื้อสาวจะทำได้ง่ายดายปานนี้ เขารีบปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนเองอย่างรวดเร็ว แล้วก้มลงจุมพิตดอมดมไปตามเรียวแขนและซอกคอ หญิงสาวบิดขาและขยับหลบนิดหนึ่ง ตอนที่เขาลูบล้วงไล่ขึ้นมาตามต้นขาหนั่นแน่น
ขณะจะปลดดุมเสื้อเพื่อฟอนฟัดเรือนอกเต่งงาม ประตูห้องก็เปิดผางออกพร้อมกับนางจินดาซึ่งยืนชี้มีดสับถ่านอันเขื่องใส่หน้าสามีหนุ่ม
ทำไมน้องเติมถึงทำกับพี่อย่างนี้ ใครจะพูดอย่างไรๆ พี่ไม่เคยเชื่อ กับลูกแท้ๆ ของพี่ พี่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
แล้วนี่อะไร น้องเติมทำอะไรไม่นึกถึงน้ำใจพี่บ้างเลย ไปซะเถอะเติม..ไปซะตั้งแต่ยังเดินออกไปได้ดีๆ
น้ำเสียงราบเรียบนั้นเย็นชา ปราศจากเยื่อใยและความปรานี
นายเติมบุญหน้าซีดเผือด ตะลึงงันทำอะไรไม่ถูก จนเมื่อจิตดีทำท่าว่าพลิกฟื้น ตื่นขึ้นมาจัดเสื้อผ้าเข้าที เขาก็รีบผลักไสความเลวของตนให้กับหญิงสาว
ลูกสาวพี่มันมายั่วผม
มันหลอกมอมเหล้าผม มันคงแอบเห็นผมกับพี่มีอะไรกัน เลยอยาก
.
ยังพูดไม่ทันจบ มีดสับถ่านอันนั้นก็บินเฉี่ยวหัวไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เขากลิ้งตัวหลบจนใบหน้าไปกระทบกับแข้งของหญิงสาว เมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกที ก็เห็นมีดโต้ทำปลาอยู่ในมือนางจินดาอีกเล่มอย่างน่าอัศจรรย์
ไอ้
. คำก่นด่าถึงโคตรตระกูลชุดนี้ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงพูดคุยธรรมดา ลงท้ายที่ว่า ลูกสาวพี่ พี่เลี้ยงของพี่มากับมือ ทำไมจะไม่รู้ว่าเป็นคนยังไง
ไป
น้องเติมรีบออกไปเสียจากบ้านนี้ ก่อนที่มีดในมือนี่จะปลิวไปฝังอยู่กลางแสกหน้า
คราวนี้นายเติมบุญไม่รีรออะไรอีก รีบคว้าเสื้อผ้าแล้วพุ่งตัวลอดคมมีดออกประตูไปในอึดใจเดียว นางจินดาทิ้งมีดแล้วรี่เข้ามาประคองลูกสาวขึ้นหนุนตัก น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลริน พร่ำขอโทษที่ไม่ยอมเชื่อจิตดีตั้งแต่แรก จนต้องให้ลูกสาวต้องมาเปลืองตัวเพื่อพิสูจน์ความจริง แล้วผู้เป็นแม่ก็กอดจูบลูบหัวหูจนจิตดีได้สติเต็มที่
อ้อมกอดของแม่ยังอบอุ่นไม่เสื่อมคลาย เช่นเดียวกับรอยยิ้มของลูกที่ทำให้ทั้งโลกของแม่สดใส สองแม่ลูกกอดกันกลม เฝ้าลูบหลังไหล่กันอยู่อีกนานจนจิตดีเอ่ยขึ้นเบาๆ
เลี้ยงหมาไหมแม่?
.เลี้ยงมันเถิดนะแม่
ฉันเอามาแล้ว
นั่นไง
ไอ้ดวง
ลูกหมาขนสีน้ำตาลแดงดอกขาวตะกุยมุ้งลวดเข้ามาจนได้
มันระริกกระดิกหูหางเข้ามาเลียขาของนางจินดาอย่างประจบประแจง
************************
แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 48 02:56:58
แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 48 02:29:47
จากคุณ :
SONG982
- [
26 ก.พ. 48 02:28:01
]