CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    รักสลับร่าง สร้างสลับรัก(ต่อคับ)

    รถเก๋งคันนั้น พาเราวิ่งมาถึงบางปูในช่วงเวลาบ่ายคล้อย ลมพัดกระหน่ำไม่
    ขาดสาย สดชื่นจิตใจสมองแจ่มใสปลอดโปร่ง นกนางนวลตัวขาวบินไปมา
    เป็นฝูงด้วยท่วงท่าที่สง่างาม มันถูกบันทึกไว้ด้วยกล้องประจำกายของพวก
    เราซึ่งมีติดตัวกันอยู่ทุกคน

    การเรียนแผนกโฆษณานั้นจำเป็นต้องเรียนวิชาถ่ายภาพด้วย นอกจากถ่าย
    ภาพแล้วจะต้องล้างฟิล์ม(ถ่ายด้วยฟิล์มขาวดำ)และอัดภาพด้วยตัวเองใน
    ห้องแลปซึ่งพวกผมเรียกกันว่า"ห้องแดง" ที่เรียกอย่างนั้นเพราะในห้องนั้น
    จะต้องติดหลอดไฟสีแดงเนื่องจากแสงสีแดงจะไม่มีปฏิกริยากับสารเคมีที่
    ใช้ล้างฟิล์มและอัดรูป

    ถ้ามีโอกาสผมจะเล่าเรื่อง "ห้องแดง" ให้ฟังในคราวหน้า รับรองว่าสนุกอีก
    เหมือนกันครับ เพราะมันถูกใช้เป็นที่สิงสถิตของบรรดาเหล่าเหลือขอที่
    เต็มไปด้วยความ “บ้า” ที่คิดไปไม่ถึงหลายยุคหลายสมัยทีเดียว

    ++++++

    นายสราวุฒิเมื่อรู้ว่าน้องรัตน์ไม่ยอมไป "ต่อ" กับเขาแน่ ๆ ก็เลยจำใจต้องพา
    พวกเรามาถ่ายรูปกันที่นี่

    "ไม่นึกเลยว่าน้องรัตน์จะใช้กล้องยาก ๆ อย่างงี้เป็นด้วย คบกันมาตั้งนาน
    ไม่เห็นมีวี่แววเลยว่าจะใช้เป็น..น่าแปลกจริง ๆ แฮะ.."

    นายสราวุฒิ พูดขึ้นดังพอได้ยินกันไปทั่ว เขาไม่รู้ว่าคนที่ถ่ายรูปโดยอาศัย
    มือและสายตาของน้องรัตน์นั้น มันคือไอ้ช่วงผู้รักการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ
    เมื่อมาถึงมันก็ลืมตัวกระโดดผลุงลงจากรถคว้ากล้องได้ก็ลิ่วไปถ่ายรูปตาม
    ราวสะพาน ซึ่งบางปูสมัยนั้นจะมีสะพานไม้ปูยาวทอดออกไปสู่ทะเลเป็น
    ทางยาว โดยมีเรือนไม้ที่ถูกใช้เป็นเวทีลีลาศและห้องอาหารสร้างอยู่ส่วน
    ปลายสุดของสะพาน

    ไม่เหมือนสมัยนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเป็นปูนไปหมด เสน่ห์ของสะพาน
    ไม้ซึ่งเต็มไปด้วยลายของขี้นกนางนวลเราจะไม่ได้เห็นมันอีกแล้ว น่าเสีย
    ดายแทนน้อง ๆ ที่เกิดไม่ทันจังเลย

    ไอ้ช่วง(ในร่างน้องรัตน์)ได้ยินดังนั้นก็นึกได้ หันมาหัวเราะแหะแหะ บอก
    ว่าพี่ ๆ เขาช่วยสอนให้ เลยพอจะถ่ายเป็นอยู่บ้าง

    ส่วนน้องรัตน์(ในร่างไอ้ช่วง) เธอไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าเดินตามนายส
    ราวุฒิอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งพวกเราก็เดินมาถึงบริเวณที่เป็นห้องอาหาร
    นายสราวุฒิคงเห็นว่าไอ้ช่วงไม่มีอะไรทำเพราะไม่ได้ถ่ายรูปเหมือนใคร ๆ
    เขา ก็เลยชวนมันไปนั่งที่โต๊ะ จัดแจงสั่งเครื่องดื่มมานั่งรอ

    ผม น้องรัตน์ และยัยพักตร์ ก็กระจายกันไปเก็บภาพตามมุมต่าง ๆ ตั้งแต่
    ก้อนเมฆลงมาจนจรดชายเลน แม้แต่ปลาตีนพวกเราก็ยังถ่ายกันมา ไม่รู้ไป
    เห็นความสวยของมันได้อย่างไร

    เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็น เราจึงได้เดินเข้าไปสมทบกับทั้งสองคน เห็นไอ้
    ช่วงหน้าแดงก่ำ ขอบตาก็รู้สึกจะแดง ๆ ด้วยซ้ำ ผมใจหาย นายสราวุฒิคง
    บังคับให้น้องรัตน์ในร่างไอ้ช่วงดื่มเบียร์ด้วยแน่ ๆ ซึ่งเธอก็คงขัดไม่ได้ และคง
    จะเผลอกินเข้าไปหลายอึก เลยทำให้หน้าแดงอย่างนั้น

    ส่วนนายสราวุฒิไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ เว้นแต่จะรีบเปลี่ยนเรื่องที่คุยกัน
    ค้างไว้กับผู้ที่เขาเข้าใจว่าเป็นไอ้ช่วง ในทันทีที่เห็นน้องรัตน์และพวกเรา
    เดินเข้าไป

    บรรยากาศริมทะเลตอนนั้นยากจะบรรยาย ยิ่งได้ดื่มสิ่งที่กระตุ้นความรื่น
    รมย์เข้าไปด้วยแล้วผมก็กลายเป็นต้นไม้ในร่างคน ซึ่งงอกรากออกมาฝังแน่น
    อยู่ในเก้าอี้นั้น จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วเนิ่นนาน พวกเรา
    ถึงได้พากันกลับ

    ขากลับนายสราวุฒิขับรถเร็วมาก คงเป็นเพราะความเมา แม้ผมจะขอขับให้
    เอง เขาก็ไม่ยอม เรานั่งตัวเกร็งด้วยความหวาดเสียวไปตลอดทาง

    ผม ไอ้ช่วง และยายพักตร์ แยกลงก่อนที่จะถึงบ้านของน้องรัตน์ โดยเราได้
    แอบนัดแนะกันไว้แล้วว่า เมื่อน้องรัตน์ไปถึงบ้าน และเมื่อนายสราวุฒิแยก
    กลับไปแล้ว เราจะไปเจอกันอีกครั้งหนึ่ง ที่ร้านส้มตำหน้าปั้มเอสโซ่ ซึ่งอยู่
    ตรงข้ามหน้าซอยเข้าบ้านของน้องรัตน์

    เมื่อผมสังเกตอาการของน้องรัตน์(ในร่างไอ้ช่วง)อย่างจริงจัง ผมจับได้ถึง
    ความผิดปกติบางประการ จากสีหน้าและท่าทางตลอดจนการนิ่งเงียบไม่
    พูดไม่จาระหว่างขากลับนี้ได้..ทุกอย่างคงจะกระจ่างออกไปเมื่อเราได้มา
    เจอกันที่ร้านที่ว่านั่นอีกครั้ง

    ว่านายสราวุฒิ ได้คุยอะไรไว้กับน้องรัตน์ในร่างไอ้ช่วงกันแน่??

    ++++++

    จากคุณ : ปิ๊วปิ้ว - [ 28 ก.พ. 48 20:38:04 A:61.91.137.12 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป