CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    Oxford Story [บทที่ 2]

    หลังจากได้เข้ามานั่งดื่มกาแฟที่ห้องครัว หญิงสาวเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และเริ่มสงบสติอารมณ์ลงได้ สมองค่อยๆคิดหาทางออกจากเรื่องนี้ เช่นเดียวกับหนุ่มเจ้าของบ้าน

    “ตกลงว่าคุณ... เอ่อ พิงค์ เดินทางมาที่เรียนอังกฤษคนเดียว โดยตั้งใจจะหาเพื่อนร่วมบ้านเป็นนักเรียนไทยผู้หญิง”

    “แต่พอมาถึง เกิดโชคร้าย มาพบว่าสาวชื่อเคท มากลายเป็นหนุ่มชื่อเกตเสียนี่” พิมพ์ชญาต่อประโยคของเขาให้เสร็จสรรพ พลางจิบกาแฟ

    …นายคนนี้ชงกาแฟอร่อยแฮะ

    “แล้วคุณจะว่ายังไงล่ะ ถ้าจะเปลี่ยนใจก็ยังทันนะ แต่ผมไม่แน่ใจว่าคุณจะหาบ้านได้หรือเปล่าในช่วงนี้ ปีการศึกษายังไม่หมด ยังไม่มีใครเขาย้ายออกหรือกลับบ้านกัน แต่ถ้าคุณต้องการจริงๆ ผมจะช่วยคุณหาก็ได้”

    ทำไมเธอจะไม่รู้ละ ว่าในช่วงเวลานี้ การหาบ้านนั้นยากน้อยกว่างมเข็มในมหาสมุทรเพียงนิดเดียว ทีแรกเธอตั้งใจจะหาห้องสตูดิโออยู่คนเดียว แต่ก็ไม่สามารถหาได้ จนถึงกับต้องหาบ้านที่ต้องการคนมาแชร์นี่ไง กว่าจะหาได้เลือดตาแทบกระเด็น กลับมากลายเป็นแบบนี้ไปเสียนี่ จะให้อาศัยอยู่กับ homestay ที่โรงเรียนจะจัดหาให้ เธอก็ไม่ชอบแม้ว่ามันจะช่วยให้เธอได้ฝึกภาษาได้ผลดีมากกว่าก็ตาม

    ชา ลา ลา ลา...

    เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของพิมพ์ชญาดังขึ้นเป็นเพลงประกอบละครโรแมนติคจากเกาหลีเรื่องหนึ่ง หมายเลขไม่ปรากฏ คงจะโทรมาจากเมืองไทย หรือจะพูดกันจริงๆ จากแม่ของเธอ

    “ฮัลโหล”

    “ฮัลโหล พิงค์ นี่แม่นะ ลูก”

    “คุณแม่หรือคะ” พิมพ์ชญากรอกเสียงตอบโทรศัพท์อย่างพยายามไม่แสดงความกังวลใจ หากภายในใจว้าวุ่นไปหมด คำกล่าวที่มารดาของเธอพูดยังก้องอยู่ในหู หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นแม้แต่เพียงเรื่องเดียว ตั๋วเครื่องบินจะถูกส่งไปทันที... นี่ยังไม่ทันข้ามวันเลยด้วยซ้ำ ปัญหาเรื่องแรกก็เข้ามาเสียแล้ว

    “พิงค์ ลูก ทำไมเงียบไปล่ะ มีปัญหาอะไรหรือลูก”

    “อ๋อ ไม่มีค่ะ ไม่มีเลย พิงค์มาถึงบ้านแล้วนะคะ เพิ่งวางของเลยละ เครื่องมันดีเลย์นิดหน่อยพิงค์ก็เลยมาถึงช้า”

    “แล้วเคท คนที่หนูไปอยู่ด้วยล่ะ พบกันหรือยัง เป็นอย่างไรบ้าง ดีไหมลูก”

    ลูกสาวของคุณแม่ผู้แสนหวง เอ้อ ห่วง ชำเลืองไปทางชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ผู้กำลังสนใจแต่แก้วกาแฟในมือ

    “ก็ดีค่ะ ยังไมได้พูดคุยกันสักกี่คำ แต่เค้าไม่ได้ชื่อเคทนะคะ เค้าชื่อเกต”

    “จะชื่อเคทหรือชื่อเกตก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่ลูก ตราบใดที่เค้าเป็นเด็กผู้หญิง แล้วบ้านช่องดีไหม”

    แต่พิมพ์ชญาสะดุ้งในใจอย่างคนมีชนักปักหลังกับคำว่า “ตราบใดที่เค้าเป็นเด็กผู้หญิง” พลางสงสัยคุณแม่ของเธอมีญาณพิเศษหรืออย่างไรกันนี่ เมื่อกวาดตามองไปรอบๆบ้าน เธอแทบไม่เชื่อว่านี่เป็นบ้านที่ผู้ชายอาศัยอยู่คนเดียว เพราะมันสะอาด จัดเก็บอย่างเรียบร้อย และตกแต่งอย่างเรียบแต่มีรสนิยม

    “สะอาดเรียบร้อยมากค่ะ แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ผ.. เอ้ย คนที่อยู่คนเดียว ไม่มีแม่บ้านมาเก็บกวาดให้ จะดูแลบ้านช่องได้สะอาดถึงขนาดนี้”

    เสียงแก้วกระทบโต๊ะ ทำให้พิมพ์ชญาหันไปมอง ก่อนจะตัดบทจากคุณแม่ของเธอ “เท่านี้ก่อนนะคะ คุณแม่ พิงค์จะไปคุยกับคุณเกตเค้าหน่อยนึง พิงค์สบายดี ถึงบ้านโดยปลอดภัย และยังอยู่ครบ 32 ทุกประการ ฝากความคิดถึงไปให้คุณพ่อ ป้าแพร และยัยแพมด้วย”

    พิมพ์ชญากลับมานั่งฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่มเจ้าของบ้าน สีหน้าของเขายังเรียบเฉยไม่เปลี่ยน หญิงสาวมองใบหน้าที่ขาวตี๋ สวมแว่นตาของเขา เป็นผู้ชายที่จะว่าคงแก่เรียนก็ไม่เชิง จะขี้เก๊กก็ไม่ใช่ แต่น่าจะเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองไม่ใช่น้อย ริมฝีปากบางที่เม้มนิดๆนั่นบอกถึงคุณสมบัตินั้นเป็นอย่างดี

    “ถ้าจะมานั่งจ้องหน้าผมแบบนี้ ไปติดต่อหาบ้านใหม่ไม่ดีกว่าหรือไง”

    โอ๊ย คนบ้าอะไรเนี่ย นอกจากจะเย็นชาแล้ว ยังท่าทางจะหลงตัวเองเสียด้วย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะต้องอยู่กับคนแบบนี้

    “ไม่ต้องละค่ะ ฉันไม่ย้ายแล้ว ถึงจะหาไปก็หาไม่ได้หรอก เพราะฉันลองหาทุกวิธีแล้ว ฉันถึงต้องยอมมาแชร์บ้านกับคนที่ฉันไม่แม้แต่จะรู้จัก หรือเคยเห็นหน้าค่าตานี่ไง ฉันตกลงจะอยู่กับคุณไปก่อน จนกว่าจะมีบ้านว่างๆให้ฉันอยู่” หญิงสาวสรุปเอาดื้อๆตามความคิดเห็นของตนเอง ก่อนจะมองอีกฝ่ายหนึ่งอย่างถามความเห็น

    “ตกลง ถ้าคุณจะอยู่ที่นี่ ห้องของคุณอยู่ชั้น3” เขาพูดพลางตรงเข้าคว้ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเธอเดินนำขึ้นไปชั้นบน หญิงสาวจึงรีบคว้ากระเป๋าอีกใบหนึ่งเดินตามขึ้นไป
    เมื่อทั้งสองวางกระเป๋าในห้องที่กำลังจะเป็นห้องนอนของผู้มาใหม่เรียบร้อย ประโยคแรกที่เธอเอ่ยกับเขา ไม่ใช่คำขอบคุณ หรือคำถามใดๆทั้งสิ้น หากแต่เป็นคำสั่ง

    “ฉันบอกไว้ก่อนนะคะ ห้ามคุณรับโทรศัพท์ฉันเด็ดขาด ห้ามพูดอะไรตอนที่ฉันคุยโทรศัพท์ด้วย ฉันไม่อยากให้ทางบ้านฉันรู้ว่าฉันไม่ได้เช่าบ้านอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อเกตอย่างที่พวกเขาคิด”

    “ทำไม”

    “ก็ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว พวกเขาจะส่งตั๋วเครื่องบินมาให้ฉันกลับบ้านทันทีนะสิ แล้วฉันก็ไม่อยากกลับด้วยละ”

    ชายหนุ่มเจ้าของบ้านมองเห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ดึงดันจะออกจากบ้านไปเผชิญโลกกว้างโดยมิใยว่าคนทั้งบ้านจะทัดทานอย่างไร ผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นหญิงสาวจำพวกดื้อดึง มั่นใจในตัวเอง และเอาแต่ใจตนเองอย่างไม่ต้องสงสัย

    “แล้วทำไมถึงได้อยู่คนเดียวล่ะคะ คือ ที่ฉันถามเพราะว่าห้องนี้ ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้จะมีคนเคยอยู่ก่อนที่ฉันจะมา”

    “ถามทำไม”

    “นี่ ฉันไม่ได้จะละลาบละล้วงเลยนะ ฉันถามขึ้นมาเฉยๆ โอเค ไม่ตอบก็ได้ ฉันไม่ได้อยากรู้จริงๆสักหน่อย” เธออดไมได้ที่จะแว้ดออกไปอย่างฉุนๆ หนอยแน่ะ คนอะไร คนเขาถามดีๆ มารวนอยู่ได้ ชั่วแวบหนึ่งที่พิมพ์ชญานึกอยากจะหิ้วกระเป๋าเดินทางหนักอึ้ง 2 ใบนี้ออกไปตระเวณหาบ้านใหม่ ยังจะดีเสียกว่ามาอยู่บ้านเดียวกับผู้ชายกวนโมโหคนนี้

    แต่คิดดูอีกที ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ไม่มายุ่งกับเธออย่างไรล่ะ ต่างคนต่างอยู่ เพียงแค่อาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน ก็เท่านั้นเอง ถ้าเธอออกไปเช่าห้องอยู่คนเดียว คนที่อยู่ห้องข้างบนกับข้างล่างก็ต้องเป็นคนที่ไม่รู้จักอยู่ดีนั่นละ ดีไม่ดีอาจจะเจอพวกบ้ากาม จิตทรามก็ได้ น่ากลัวกว่าตั้งเยอะ

    “ก็ดีแล้ว ผมจะออกไปข้างนอก จะกลับมาค่ำๆเลย คุณก็อยู่บ้านพักผ่อนไปก็แล้วกัน ถ้าหิวก็หยิบอะไรในตู้เย็นกินไปก่อนก็ได้ จะดื่มน้ำ ดื่มนมก็ตามสบาย”

    เขาพูดจบก็ปิดประตูห้อง ทิ้งให้หญิงสาวอยู่คนเดียว ในประเทศที่เธออุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงเพียงวันแรก เธออยากจะนึกโกรธเขามากไปกว่านี้ แต่ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางมีมากกว่า ทำให้หญิงสาวผล็อยหลับไปในไม่กี่นาทีนั้นเอง

    จากคุณ : 1981 - [ 1 มี.ค. 48 00:17:46 A:82.43.178.155 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป