CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    Oxford Story [บทที่ 3]

    เสียงไขประตูทำให้พิมพ์ชญาที่อยู่ในอาการง่วงงุนตื่นขึ้นอย่างฉับพลัน เมื่อมองไปรอบๆ เธอจึงค่อยๆดึงสติกลับมาได้ จริงด้วยสินะ เธออยู่ที่อังกฤษแล้ว ที่เมืองOxford เมืองผู้ดีมีการศึกษาที่เธอใฝ่ฝันถึง แต่เมื่อความคิดไล่มาจนถึงเจ้าของบ้านเช่าผู้แสนเย็นชา เฉยชา พูดด้วยก็ไม่เต็มใจจะพูดด้วย และทำหน้าเหมือนเธอทำผิดอยู่เสมอ เธอก็เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมานิดๆ

    หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวกับเสียงเคาะประตูห้อง จริงอยู่ เสียงเคาะนั้นไมได้ดังสนั่นอะไร แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ที่อยู่ในอาการเหม่อเกิดอาการขวัญกระเจิงได้

    “ตื่นหรือยัง”

    “ฉันตื่นแล้ว มีอะไรคะ” พิมพ์ชญาเดินไปเปิดประตู ทันทีที่มองที่จับประตูถนัดตา เธอก็เพิ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

    แย่ละ ประตูห้องนี้ไม่มีล๊อคนี่นา ถ้าเขาเกิดคิดอะไรไม่ดีขึ้นมา เธอจะมีที่หลบซ่อนที่ปลอดภัยได้ยังไงกันละเนี่ย

    “กินอะไรแล้วหรือยัง ขนมปังปิ้งกับนมที่วางไว้ให้ยังอยู่บนโต๊ะเลยนี่”

    ใจดีเกินคาด เตรียมอาหารไว้ให้ด้วย

    คราวนี้เธอไม่พูดอย่างที่ใจคิด แต่กลับร้องตอบไปว่า “ฉันเพิ่งตื่นน่ะค่ะ ฉันไม่ค่อยหิวหรอก เพลียมากกว่า”

    “ออกมากินอะไรสักหน่อยดีกว่านะ เวลาเพลียๆถ้าไม่กินอะไรเลยจะไม่สบาย”

    หลังจากตอบรับ พิมพ์ชญาล้างหน้าให้สดชื่นก่อนที่จะเดินตามเขาลงไปที่ห้องครัวอย่างง่วงๆเบลอๆ เมื่อเธอลงไปถึง สังเกตก็อุ่นพิซซ่าให้เธอเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับวางน้ำผลไม้ไว้ข้างจาน กลิ่นพิซซ่าที่หอมหวนเรียกน้ำย่อยในกระเพาะของเธอให้ทำงานขึ้นมาในทันที

    “แล้วคุณไม่ทานอะไรหน่อยหรือคะ เพิ่งกลับมาเหมือนกันไม่ใช่หรือ”

    “เรียบร้อยแล้วละ ปกติผมจะกินข้าวที่ร้านอาหารก่อนกลับบ้าน คุณไม่จำเป็นต้องคอย”

    “คุณทำงานที่ร้านอาหารด้วยหรือคะ”

    “ใช่ ที่ร้านxxxx”

    “ที่Oxfordนี่มีร้านอาหารไทยเยอะไหม”

    “ก็หลายร้านนะ อยากทำงานด้วยหรือ”

    “ก็คิดๆอยู่ แต่ฉันยังไม่ได้คิดอะไรจริงจังหรอก ถ้าหางานได้ก็อาจจะทำ”

    เขามองเธออย่างประเมิน ผู้หญิงที่ดูท่าทางเหมือนคุณนายไฮโซเช่นนี้ แม้จะไม่กรีดกราย ก็ไม่น่าจะทำงานร้านอาหาร ที่ทั้งหนัก ทั้งเหนื่อยเช่นนั้นได้แน่นอน

    “ถ้าอยากจะทำจริงๆ จะแนะนำให้ แล้วคุณมาที่นี่ มาเรียนอะไรล่ะ”

    พิมพ์ชญาบอกเขาไปว่าเธอมาเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ เพื่อการศึกษาต่อ หรือข้อสอบ IELTS ซึ่งต้องได้ระดับไม่ต่ำกว่า 7.5 หากเธอต้องการศึกษาต่อทางด้านวรรณคดีอังกฤษ เมื่อเธอถามว่าเขากำลังศึกษาด้านไหน เขาตอบว่ากำลังศึกษาระดับปริญญาโททางแพทยศาสตร์ ที่Oxford University

    ดูจากหน้าตาก็น่าจะฉลาดจริงๆละนะ แต่ไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์จริงๆนายคนนี้ ...ไม่เหมือนคุณพ่อของลูกพิงค์สักนิด คุณพ่อของเธอเป็นศัลยแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ท่านเป็นคนอ่อนโยนและใจดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใสกับทุกคนเสมอ หมอและพยาบาลจนถึงคนไข้ต่างพากันรักและเคารพท่าน แม้แต่เธอเองยังเคยสงสัยว่าคุณพ่อผู้แสนใจดีของเธอเคยโกรธอะไรอย่างคนอื่นเขาบ้างหรือเปล่า
    จากการพูดคุยกัน …ในวงเล็บของพิมพ์ชญา แบบถามคำตอบคำ… ทำให้เธอรู้ว่าเขาเรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ ปีเดียวกัน แต่คนละคณะ เขาเป็นนักเรียนระดับอัจฉริยะ จึงได้ทุนมาศึกษาต่อทันทีหลังจากจบการศึกษา แม้จะเรียนปีเดียวกัน แต่อายุของเขามากกว่าเธอ 1 ปี ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากพิมพ์ชญาผ่านการสอบเทียบมา 1 ระดับชั้น ผ่านการสอบเอนทรานซ์หลังจากจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งในปัจจุบัน ระบบนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว

    “แล้วรู้หรือยังว่าพรุ่งนี้จะไปโรงเรียนยังไง”

    “ดูจากแผนที่แล้วไม่น่าจะยาก แค่เดินตรงไป ข้ามถนน แล้วเลี้ยวซ้าย ตรงไปเรื่อยๆก็เจอเอง”

    “แน่ใจหรือ ผมช่วยดูให้ไหม” เขาเดินไปหยิบแผนที่ที่วางอยู่ข้างโทรศัพท์มากางออกดู ซึ่งสร้างความประทับใจให้พิมพ์ชญาอยู่หน่อยๆ ..เขาก็มีน้ำใจอยู่เหมือนกันนะ

    “โรงเรียนอยู่ที่ถนนอะไรนะ Temple Street ใช่ไหม... ถ้าอย่างนั้นก็ถูกแล้ว ไปไม่ยากหรอก เดินไปแค่ 10 นาทีก็ถึงแล้ว เดินไปจนถึงChrist church แล้วเลี้ยวซ้ายนะ”

    พิมพ์ชญาพยักหน้าแทนคำตอบ แล้วหยิบจานและแก้วไปที่อ่างล้างจาน
    “พรุ่งนี้ผมไม่มีเรียนตอนเช้า ถ้าไปไม่ถูกก็โทรมาบอกแล้วกัน จะพาไปส่ง”

    โอ้โห ใจดีจริงๆ ผิดกับหน้าตา เอ้ย ไม่ใช่ หมายถึง ก็ตอนแรกเขาออกจะเย็นชาไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้วิญญาณพ่อพระเข้าสิง กลายเป็นคนใจดีขึ้นมาได้ละเนี่ย

    “การพาเด็กหลงทางไปส่ง เป็นหน้าที่ของพลเมืองดีครับ”

    กำลังชมอยู่ดีๆ ตีแตกเสียแล้วนะยะ ไม่ทันไร

    แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเขามีแววยิ้มหน่อยๆ …เป็นรอยยิ้มต้องบอกว่า ยิ้มทั้งทียิ้มได้แค่เหรอเนี่ย หวงยิ้มจริงนะคะ คุณชายยิ้มยาก… แต่มันก็ทำให้เธอผ่อนคลายพอจะยิ้มตอบ

    “เมื่อกลางวันผมอาจจะพูดไม่ดีไปหน่อย ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ผมเพียงแต่อยากจะรีบออกไปข้างนอก แล้วคุณก็มาช้ากว่าเวลานัดตั้งชั่วโมงกว่า”

    “ฉันขอโทษค่ะ ก็ไฟลท์มันดีเลย์นี่นา ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณเสียการเสียงานหรอกนะ”

    “ไม่ใช่เรื่องงานหรอก”

    “ถ้าอย่างนั้น นัดกับแฟนเอาไว้หรือยังไงคะ ว้า ฉันนี่แย่จริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ แต่แฟนคุณคงไม่โกรธหรอกใช่ไหม”

    สีหน้าของอีกฝ่ายหนึ่งเคร่งขึ้นมาทันที ก่อนจะตอบเสียงห้วน ที่ทำให้สาวที่เพิ่งพูดล้อเล่นกับเขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจขึ้นมาทันที “ไม่ใช่แฟนครับ”

    กลับมาสู่ mode ชายหนุ่มผู้เย็นชาอีกแล้วหรือนี่ ฉันตามอารมณ์นายไม่ทันจริงๆ

    “เอ่อ ฉันว่าฉันล้างจานก่อนดีกว่า แล้วจะไปอาบน้ำนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นเช้าด้วย คุณเองก็ไปพักผ่อนเถอะค่ะ”

    “ราตรีสวัสดิ์” เขาพูดอย่างแผ่วเบา แล้วเดินขึ้นบันได ปล่อยให้หญิงสาวยืนล้างจานไปพลางสำนึกผิด

    เรานี่พูดอะไรออกไปไม่สมควรจริงๆ คนเพิ่งรู้จักกันแท้ๆ ...คุณพ่อขา การมาเรียนเมืองนอกไม่ได้ง่ายอย่างใจคิดอย่างที่บอกไว้จริงๆค่ะ นี่ขนาดยังไม่ได้เริ่มเรียนเลยนะคะ วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้

    จากคุณ : 1981 - [ 1 มี.ค. 48 03:06:34 A:82.43.178.155 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป