CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    เรื่อง(ไม่)เป็นเรื่อง

    ผมมีเพื่อนที่รักใคร่สนิทมากอยู่สองคน คนหนึ่งชื่อนายห่อ อีกคนหนึ่งชื่อนายหงอก เราทั้งสามทำงานอยู่ที่เดียวกัน จึงได้สังสรรค์สนทนากันบ่อย ๆ ในตอนเย็นตั้งแต่เวลาเลิกงานจนถึงมืดค่ำ หรือบางทีก็เลยไปจนหมดเวลาที่ทางการ อนุญาต

    นายห่อเป็นคนไม่มีโรคภัยร้ายแรง แต่มีโรคเกี่ยวกับดวงตา มักจะเกิดอาการเคืองตาแสบตาอย่บ่อย ๆ หมอให้ยาหยอดตาแก้ระคายเคือง หรือที่เรียกว่าต้อลมมาหยอด ทุเลาไปได้ไม่กี่วันก็เป็นอีก เขาจึงต้องใส่แว่นตาดำมาก ๆ เพื่อตัดแสงแดด ช่วยลดอาการระคายเคืองในเวลากลางวัน และต้องเปลี่ยนเป็นแว่นสายตาไกลสีจางในเวลากลางคืน ครั้นจะอ่านหนังสือก็ต้องใส่แว่นใสสำหรับอ่านอีกอันหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากมาก

    วันหนึ่งเขาทนระคายเคืองไม่ไหว จึงไปหาหมอรักษาโรคตาโดยตรงที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อผ่านกรรมวิธีวัดสายตาสั้นสายตาเอียง และวัดความดันลูกตาแล้ว ก็เข้าไปหาคุณหมอซึ่งมียศเป็นพันตำรวจเอกพิเศษ ท่านก็ส่องกล้องขยายดูดวงตา และแก้วตาอย่างถี่ถ้วนแล้วก็บอกว่า ไม่ได้เป็นโรคอะไรหรอก แต่เนื่องจากหนังตาด้านบนมันหลุบลงมา และมีขนตาเกเรงอกผิดทิศทาง ทิ่มเข้าไปข้างในแทนที่จะงอนออกมาข้างนอก มันจึงทำให้ดวงตาระคายเคืองอยู่เป็นประจำ แล้วท่านก็สั่งให้พยาบาลจัดการให้ เขาต้องไปนอนให้นางพยาบาลแหกตา ถอนขนตาเส้นที่มันเกเรไม่เข้าที่เข้าทางออก ทนเจ็บเอานิดหน่อยพอ ๆ กับการถอนขนจมูก ชั่วเวลาเดี๋ยวเดียวก็เรียบร้อย หายระคายเคืองเป็นปลิดทิ้ง แล้วก็ได้ยามาหยอดแก้อักเสบ ขวดนิดเดียวราคาเพียงสามสิบห้าบาทเท่านั้น

    แต่ความสบายของดวงตานั้น ก็คงอยู่ไม่นานพอขนตางอกขึ้นมาใหม่ อาการเช่นนั้นก็เกิดขึ้นอีก เขาเล่าให้ฟังว่าเวลาไปหาหมอ เห็นท่านให้การรักษาคนไข้ที่เป็นโรคตาชนิดต่าง ๆ  ถึงขั้นผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์แล้ว ก็รู้สึกกระดากใจ เพราะตนเองไม่มีโรคร้ายอะไรเลย แต่ทำให้คุณหมอและพยาบาลต้องมาเสียเวลากับเรื่องขี้ประติ๋วของเขา จึงถามคุณหมอว่าถ้าจะแก้ไขให้หายขาดจะต้องทำอย่างไร ท่านก็บอกว่ามีสองวิธี คือผ่าตัดหนังตาด้านบนแล้วเย็บให้มันร่นสูงขึ้นไป อีกวิธีหนึ่งก็ใช้ไฟฟ้าจี้ให้มันละลายถึงราก มันก็จะได้ไม่งอกขึ้นมาใหม่

    ซึ่งเขาบอกว่าไม่เห็นด้วยทั้งสองวิธี เพราะกลัวเจ็บและเสียวไส้ เขาจึงเลิกไปหาหมอแล้วใช้ให้ลูกชายคอยถอนขนตาเวลาที่เคืองจนทนไม่ได้ ก็พอปะทะปะทังไปเป็นครั้งคราว เพราะลูกชายก็มือไม่เที่ยงถอนไม่เรียบร้อย มีบางเส้นขาดเป็นตอ เวลามันงอกก็จะยิ่งทิ่มตาให้เจ็บมากกว่าขนที่ขึ้นใหม่เสียอีก

    วันหนึ่งเป็นวันหยุด เขามาร่วมวงกับพวกเรา กินกันตั้งแต่เที่ยงจนถึงหกโมงเย็นที่ร้านไก่ย่างแถวบางขุนนนท์ พวกเรายังมันอยู่เขาจึงขอแยกตัวกลับก่อน เพราะตุ่ยเต็มทีแล้ว เด็กเสริฟสาวจึงคล้องแขนประคองออกมาส่งที่หน้าร้าน แล้วเรียกแท็กซี่กลับบ้านไป

    วันหลังได้เจอกันอีกเขาจึงมีเรื่องมาเล่าว่า วันนั้นเมื่อออกจากร้านเรียกรถแท็กซี่ได้คันหนึ่ง ซึ่งเวลาได้ค่ำมืดลงรำไรแล้ว คนขับคงจะมองไม่ทันเห็นจึงจอดรถเลยไปหน่อย เขาก็ไม่ได้เดินตามไป เด็กจึงกวักมือเรียกรถให้ถอยหลังมารับ เขาบอกคนขับว่าจะไปที่สี่แยกการเรือนหลังสวนรื่น โชเฟอร์ถามว่าจะไปทางไหน เขาก็บอกว่ากลับรถไปออกแยกบางขุนนนท์ แล้วเลี้ยวไปทางพาต้าปิ่นเกล้าขึ้นสะพานพระรามแปด โชเฟอร์ก็ไม่ว่าอะไรกลับรถไปแต่โดยดี

    รถแล่นมาตามทางที่เขาบอก ระหว่างนั้นแม้เขาจะชวนคุยอย่างไรโชเฟอร์ก็ไม่เออออด้วย คงนั่งนิ่งเงียบเพราะคงไม่ค่อยรู้ทาง จนขึ้นสะพานพระรามแปดแล้วจึงถามว่าจะไปทางไหน เขาก็บอกว่าลงสะพานแล้วก็เลี้ยวซ้ายที่แยก    วัดตรี เมื่อรถแล่นลงมาตามลาดสะพานแล้ว โชเฟอร์ก็ถามว่าแยกนี้นะ ไม่ใช่ถนนราชดำเนินหรือ เขาก็ย้ำว่า

    " เชื่อผมเถอะ เลี้ยวแยกหน้าแล้วไปตรงเด่ ถึงบ้านผมเลย"

    คนขับกลับเอียงหน้ามาถามว่า

    "แล้วจะลงบ้านถูกไหมเนี่ยะ"

    เขาชักฉุนจึงตอบว่า

    "ทำไมจะไม่ถูก ลงสะพานเลี้ยวซ้ายที่วัดตรี ผ่านแยกไปห้าไฟแดง ก็ถึงบ้านผม"

    คนขับบ่นอุบอิบในลำคอว่า ไม่ค่อยได้ผ่านมาแถวนี้ ดังนั้นเมื่อผ่านแยกไฟแดงไม่ว่ารถจะติดหรือไม่ติด เขาก็บรรยายมาตลอดทาง ว่าแยกที่ผ่านนั้นมีประวัติเดิมว่าอย่างไร

    จนผ่านมาถึงไฟแดงที่ห้า หน้าสมาคมหนังสือพิมพ์ ที่ตั้งมาเก่าแก่และเป็นพิพิธภัณฑ์หนังสือพิมพ์ด้วย เลยไปอีกนิดเดียวเขาก็บอกให้จอด ตรงกับตรอกที่จะเข้าบ้าน พอชำระค่าโดยสารตามมิเตอร์โดยไม่รับเศษเงินทอน และอวยพรให้โชเฟอร์โชคดี คนขับรถก็ขอบคุณแล้วมีแก่ใจบอกว่าเดินดี ๆ นะครับ

    เมื่อจะก้าวเข้าซอยเขาก็แปลกใจว่า ทำไมมันมืดกว่าปกติ พอรู้สึกตัวก็ถอดแว่นตาสีดำที่ใส่มาตั้งแต่กลางวันออก จึงค่อยมองเห็นภูมิประเทศรอบตัว ที่สว่างพอควรด้วยแสงไฟจากเสาไฟฟ้าเช่นปกติ

    เขาจึงได้เข้าใจว่าที่โชเฟอร์พูดมาทั้งหมดนั้นก็ด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นเด็กต้องคอยประคองให้เดิน และสวมแว่นตาสีดำมืด

    แกเข้าใจว่าเขาเป็นคนตาบอดนี่เอง

    อนิจจัง.........อนิจจา.

    แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 48 07:34:27

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 3 มี.ค. 48 07:29:28 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป