แปลกดีนะ...
พอไม่เจอใครคนหนึ่งนานมากๆ
เราจะทั้งอยาก...และไม่อยากเจอ
เราจะทั้งรอคอย...และไม่ต้องการให้มันมาถึง
เราหวังจะเจอเขาคนใหม่ ในขณะเดียวกันก็คาดหวังเขาคนเก่า
อยากเจอ...และไม่อยากเจอ
หกโมงเย็น เธอมาตามนัด
กับชุดนอก...แปลกตากว่าเคย
ฉันเดินอย่างยากเย็นในกระโปรงแคบๆ
เธอปราดเข้ามา รับกระเป๋าไปถือรอขณะฉันใส่รองเท้า
"ทำไมต้องพาไปที่หรูด้วยน้า"
ฉันบ่นอุบอิบกับทุกอย่างที่ต้องระวังไปหมด
รองเท้าส้นสูง ผมที่ทำมาอย่างดี หน้าที่แต่งมาเต็มยศ
ชุดกระโปรงที่ต้องวิ่งโร่หาซื้ออยู่เป็นสัปดาห์
เธอจะรู้ตัวไหมหนอ...ว่าคนคนนี้ลำบากแค่ไหน กะอีแค่จะได้มาเจอเธอ
"ก็โอกาสพิเศษนี่" เธอตอบ
และฉันก็ทันเห็น...เห็นบางอย่างในดวงตาคู่นั้น
ฉันไม่ตอบ
ฉันพูดอะไรไม่ออก
"ตัดสินใจได้ยัง" เธอรุกต่อ
ฉันไม่ตอบ
ฉันพูดอะไรไม่ออก
เราเดินไปที่รถเงียบๆ
"ไม่เจอกันนานเลย" ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อนบ้าง
"อือ ห้าสิบสี่วันเชียวนะ"
ฉันมองหน้าเธออึ้งๆ พยายามมองหาแววล้อเลียนในนั้น
ไม่เจอ...
ฉันพูดอะไรไม่ออก
เราขึ้นไปนั่งบนรถ
เพลงดังขึ้นมาทันทีที่เครื่องยนต์ติด
after all we've been through
i've gonna made it up to you
i promise you
เธอยิ้มอายๆ แก้ตัวเขินๆ
"บังเอิญน่ะ บังเอิญ"
แต่อีกสิบนาทีให้หลังเธอก็บอกว่า
"มันเป็นลาง รู้มั้ย เป็นลางดี..."
"อ้อ" ฉันตอบได้แค่นั้น
ในวันนั้น เธอไม่ยักพูดแบบนี้นี่
เธอเคยบอกว่า...
'เราน่าจะลองทบทวนเรื่องของเราดูนะ
ว่าทำไมมันถึงกลับมาเจอเรื่องแบบนี้ตลอด'
เธอยังบอกด้วยว่า...นี่อาจจะไม่ใช่
ฉันทบทวนอยู่...
เชื่อเถอ ฉันทบทวนมาตลอด
ตึกสูง...
แล้วเราก็ขึ้นมาจนถึงชั้นที่ห้าสิบสี่ที่เธอบอกว่า
เปล่าตั้งใจนะ มันบังเอิญน่ะ บังเอิญ
แต่ไม่วายย้ำ
มันเป็นลางๆ
จากกำแพงกระจก
เราเห็นกรุงเทพทั้งเมือง
แล้วฉันก็ได้พิสูจน์สัจธรรมอีกข้อที่ว่า
พอมองดูไกลๆ อะไรๆ ก็สวยดี
"วันนี้ไปทำอะไรมามั่ง"
เธอถามขณะเรารออาหาร
"วันนี้น่ะเหรอ ฉันไปสัมภาษณ์คนที่ทำวิจัยเรื่องมายากลมา"
แล้วฉันก็เล่า...
ฉันนัดผู้ชายคนนั้นไว้ที่ร้านกาแฟใกล้ๆ มหา'ลัยของเขา
โดยไปก่อนเวลานัดสิบห้านาที
("สมกับเป็นคุณเลย" เธอบอก)
เขามาช้าไปประมาณสิบนาที
("ฮึ ไทยแท้" เธอทำเสียงแค่นๆ)
หลังเอ็ดไปว่าฉันก็ไทยแท้นะยะ ที่พูดหมายความว่าไง
ฉันก็กลับมาเล่าต่อ
เขาสาธิตวิธีเล่นกลให้ดู
เขาควักไพ่ออกมาสำรับนึง
"กลง่ายๆ น่ะ แบบที่เห็นกันบ่อยๆ
ประเภทสับๆ ดึงๆ แล้วทายว่าฉันดึงไพ่ใบไหน"
"แล้วเขาทายถูกหรือเปล่า"
"ถูกสิ"
แต่ก่อนที่จะทันเฉลย
ก็มีเสียงกิ้วก้าวทักทายดังมาจากด้านหลัง
คนมาทักเป็นคู่รักที่เราต่างรู้จักดีทั้งคู่
ผู้ชายเป็นเพื่อนเธอ
ส่วนผู้หญิงก็เป็นหนึ่งในเพื่อนกลุ่มเดียวกับฉัน
บางครั้ง โลกก็แคบจนน่าใจหาย ว่ามั้ย
เรามองหน้ากันแล้วยิ้มเขินทั้งคู่
เพราะราวๆ สองเดือนก่อนหน้านี้
เราเพิ่งร่วมพิธีกรรมสาปแช่งผู้ชายหลายใจมาด้วยกัน
สาปผู้ชายใจร้ายที่รังแกหัวใจเราอยู่เรื่อย
แต่ดูท่า...เค้าจะเลิกเชื่อแล้วนะว่า
ไม่มีเขา... "เรา" ก็อยู่ได้
ก็ดูไอ้ท่าทางเกาะแขนเขาแจแบบนั้น
จะตีความหมายเป็นอื่นใดได้อีก
ฝุ่นยังไม่ทันตลบ เธอก็รีบกระซิบบอกทันที
"เห็นมั้ยๆ มันเป็นลาง"
"อยากรู้มั้ยว่ากลทายไพ่เขาทำยังไง" ฉันพยายามเปลี่ยนเรื่อง
"อือ...ทำไงเหรอ ทำตำหนิไว้หลังไพ่ใช่เปล่า"
"เปล่าเลย มีคนแอบอ่านไพ่จากด้านหลังต่างหาก"
ฉันยิ้มให้เขาอย่างยากเย็น
"หา แค่เนี่ย" เธอทำหน้าเซ็งผิดหวังสุดฤทธิ์
ฉันเข้าใจเธอดี...เข้าใจดีทีเดียว
* * *
คำเดียวเท่านั้นครับ...เตรียมกัน
ก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับว่า...มายา
ไม่มีอะไรจริงซักอย่าง
จำไว้เลยนะครับ
กลที่ง่ายที่สุด...เตรียมกัน
"โอ๊ะ คุณทำให้ฉันหมดสนุกกับการดูมายากลไปเลย"
ฉันบ่น
เขาหัวเราะ บอกว่าไม่เป็นอย่างนั้นหรอกครับ
คนไปดูมายากล ก็เหมือนกับการตามหารักแท้นั่นแหละครับ
ทั้งๆ ที่ใจนึงก็รู้อยู่หรอกว่าไม่จริง
แต่พอไปเห็นไฟ แสง สี เสียง
ประกายวูบวาบ ความอัศจรรย์พวกนั้น
แวบนึงเราก็เชื่อกันจริงๆ ว่าใช่
แล้วหลงนึกไปว่าที่เกิดขึ้นบนเวทีนั้นเป็นความจริง
ทั้งๆ ที่พอโชว์จบลง บนเวทีก็มีแต่กลไกทั้งนั้น
กลไกแบบที่พอคุณเห็นเข้าก็จะยักไหล่
เคาะกระโหลกตัวเองในใจ- - อ๋อ แค่นี้เอง
มันไม่จริงหรอกครับ คุณจะโทษพวกเขาก็ไม่ได้
เขาก็บอกแล้วว่าโชว์มายา "กล"
คุณสนุก เขาได้ตังค์...จบ
แฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย
ผมจะบอกคติของนักมายากลให้คุณฟัง
จำไว้ก็ดีนะครับ
"A magician doesn't buy magic"
ขากลับเราแยกกลับกันคนละทาง
ในตอนที่ตัดสินใจปล่อยวางทุกอย่างได้
อะไรๆ ก็ไม่เป็นปัญหา จะรองเท้าส้นสูง จะกระโปรงแคบๆ
แล้วไง พอเราเลิกแบกปัญหา...หัวใจก็จะฟูพอง และล่องลอย
เพราะเรารู้แล้วว่าหัวใจดวงนี้จะไม่ถูกคนเดิมทำร้ายอีกต่อไป
จะไม่หลงเชื่อคารมแสนหวาน
เพราะรู้ดีเธอดีแต่สัญญาไว้...แต่ไม่เคยทำได้
จึงไม่เสียใจซักนิด
ที่ให้คำตอบเธอไปอย่างนั้น...
โทษที
I don't buy you anymore.
ไม่เชื่อแล้วหนอ...ความรัก
:'-(
แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 48 10:14:55