- - ตอนที่ 6 - -
ณ อพาร์ทเมนต์เล็ก ๆ แสนโทรมแห่งหนึ่ง
แม่แพนจ๋า พีมกลับมาแย้ว มีซูชิหน้าไข่กุ้งเลิศรสของโปรดแม่แพนจากคลับยัยชิโอริมาด้วยน้า อยู่ไหนกันนะ แล้วทำไมปิดไฟมืดแบบนี้ล่ะ
แชะ...(เสียงเปิดไฟ)
OoO เฮ้ย...ตกใจหมดเลยค่ะแม่
เมื่อฉันหันหลังไปก็พบกับผู้หญิงไทยวัยกลางคน ซึ่งอยู่ในชุดนอนกระโปรงยาวซึ่งเป็นผ้าฝ้ายหนานุ่ม ยืนอยู่กลางห้องรอบ ๆ กายมีแมว 2 ตัว เดินพันแข็งพันขากันอยู่จนยุ่งเหยิง และในอ้อมแขนก็มีแมวภูเขาตัวใหญ่ หน้าโหด ขนสีน้ำตาลเข้มถุงเท้าขาวอีกหนึ่งตัว (ย้ำ..แมวภูเขานะ ไอ้ที่มันสามารถกินสุนัขพันธุ์เล็ก ๆ ได้ทั้งตัว ถ้ามันหิวมาก ๆ น่ะ...แต่อย่าถามนะว่าได้มันมายังไง เท่าที่จำความได้มันอยู่กับครอบครัวฉันมาตั้งแต่ตอนที่ป๊ายังมีชีวิตอยู่นู้นแหละ บรื้อ)
เธอมีหน้าตาที่หวานคมคายแบบไทย ๆ ผิวขาวเหลืองนวลเนียน ผมหยักศกนุ่มสลวยซึ่งมีสีขาวแซม อยู่ กำลังยิ้มพิมพ์ใจให้ฉัน แต่แววตาและสติสัมปชัญญะของเธอกับล่องลอยไปไกลในที่ไหนสักที่หนึ่งแล้ว
เมื่อก่อนเธอไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกนะคะ เธอเป็นประมาณสาวไทยใจเด็ด หอบผ้าหอบผ่อนและเงินอันน้อยนิดจากมรดกคุณยายหนีตามป๊าฉันมาอยู่ที่แดนอาทิตย์อุทัยนี่ตั้งแต่อายุ 20 ปีได้ (ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเจ๊แกพูดภาษาญี่ปุ่นได้ประมาณ สวัสดีค่ะ ขอข้าวกินหน่อย อะไรประมาณนี้แหละ) เพราะถูกญาติพี่น้องทางเมืองไทยกีดกัน
ฉันเคยถามว่าป๊ากับแม่เจอกันได้ไง คำตอบที่ได้มักจะสมเหตุสมผลมาก เพราะพรหมลิขิต และก็จบการรายงานข่าวเพียงเท่านั้น =_= ส่วนทำไมท่านทั้งสองถึงถูกกีดกันนั้น อันนี้ฉันคิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าพ่อฉันเป็นแค่จิตรกรไส้แห้ง แถมเป็นคนต่างชาติอีก เป็นใครก็ต้องคิดว่าไปกันไม่รอดแน่ ๆ จริงไหม
กลับมาแล้วเหรอคะหนูพีม ทักทายลูก ๆ ของน้าหน่อยสิคะ เธอยิ้ม แต่ใจฉันกลับรู้สึกใจ
หาย
ค่ะสวัสดีค่ะหนู A ,B และ น้องภูเขา พี่สาวกลับมาแล้วนะก๊าบ มามะจุ๊บ ๆ กันหน่อยซี่
แล้วเจ้าพวกนี้ก็ร้องทักทายฉันอย่างยินดี (มี้ หนู A ผู้น่ารัก, เหมียว หนู B แสนซน และ กรรส์น้องภูเขา เอ่อ..แกหิวเหรอ)
ไปเรียนเป็นไงมั่งคะ แล้วทานอะไรมาหรือยัง
ยังค่ะแม่แพน พีมกะจะมากินพร้อมแม่น่ะ
แต่น้าทานแล้วนะ
เอ๊ะ....ทานไรอ่ะ ก็หนูพึ่งกลับมา
ก็ทานข้าวไงคะ ^-^
หมายถึงข้าวกับอะไรล่ะคะแม่แพน
ก็ข้าวไงคะ ^-^ ถูกต้องนะครับข้าวเฉย ๆ แปลว่าไม่มีกับสินะ
ฮ้าว ง่วงนอนจัง น้าขอตัวก่อนนะคะ
แล้วเธอก็เดินจากไปพร้อมฝูงเจ้าพวกขนฟู เพื่อเข้านอน เฮ้อ....ฉันอยากเดินเข้าไปกอดแม่เหลือเกิน อยากให้แม่นอนเล่านิทานเหมือนกับวันเก่า ๆ
แม่ขา แม่กลับมาเป็นแม่แพนที่น่ารักคนเดิมสักทีสิคะ หายสักทีสิคะ
แม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว ถึงหมอก็บอกแล้วว่าอาการนี้มีทางหายแน่นอน ซึ่งจะอีกนานเท่าไหร่นั้นฉันก็ยังไม่รู้ แต่ยังไงฉันก็จะสู้ต่อไปเพื่อครอบครัวของเรา
...........................................
ก๊อก ๆ หนูพีมจ๋า...ตื่นได้แล้วลูก \/(^O^)\/
อืม...อีกห้านาทีนะคะ ฉันเหลือบตาขึ้นมองนาฬิกาบนข้างฝาซึ่งตอนนี้ก็พึ่งจะ 6 โมงเท่านั้นเองอ่ะ
ก๊อก ๆ หนูพีมจ๋า...ตื่นได้แล้วนะ \/(^O^)\/
งึมงำ ๆ คร่อกกกก
ปัง!!! เฮ้ย...นังหนูพีมบอกให้ตื่นได้แล้วไง อยากโดนตื้บหรือไง
โอ๊ย..ตื่นแล้วค่ะแม่ อะไรกันนักหนานะ
ฉันจึงอาบน้ำแต่งตัว แล้วรีบลงไปยังห้องครัวด้านล่าง
ที่นั่นมีเธอคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดิมกับเมื่อคืนนี้ เธอยังคงมีหน้าตาที่หวานคมคายแบบไทย ๆ ผิวขาวเหลืองนวลเนียน ผมหยักศกนุ่มสลวยซึ่งมีสีขาวแซม ๆ อยู่ และยังใส่ชุดนอนกระโปรงยาวซึ่งเป็นผ้าฝ้ายหนานุ่ม แต่สิ่งที่แปลกออกไปจากเมื่อคืนไม่ใช่เพราะมีผ้ากันเปื้อนคาดทับชุดนอนนั้นหรอก แต่คือ แววตาอันมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวเช่นเดียวกับลูกสาวที่น่ารักของเธอ และท่าทีการทำครัวที่คล่องแคล่วกระชับกระเชง ไม่ต้องแปลกใจหรอกค่ะนี่คือแม่แพน แต่เป็นโหมด Working Woman in the morning.
การกลายเป็นโหมดเหม่อลอยจำฉันไม่ได้ก็เฉพาะในเวลากลางคืน มันเป็นอาการคงค้างจากการถูกกระทบกระเทือนทางด้านจิตใจอย่างรุนแรง ไม่ใช่เพราะจากการเสียชีวิตของป๊าหรอกค่ะ แต่อาการนี้มันเกิดขึ้นหลังจากป๊าจากเราทั้งสองคนไปแล้วหลายปี
.ตอนนั้นฉันอายุประมาณ 12 ปีได้
แม่ก็พยายามทำงานเลี้ยงดูฉัน พร้อมทั้งดูแลร้าน Gallery ที่รักของป๊าอย่างสุดความสามารถ แต่ทุกอย่างก็ไม่เคยเป็นไปตามที่เราหวังไว้ เมื่อเพื่อนสุดที่รักของป๊าได้โกงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเรา พร้อมทั้งฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเราว่าป๊าได้ขโมยลอกลิขสิทธิ์งานปั้นชิ้นหนึ่งไป จนเราทั้งสองแทบสิ้นเนื้อประดาตัว
เหตุการณ์นี้ทำให้แม่ถึงขนาดต้องเข้าศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพจิตเพื่อรักษาอาการช็อคจนความจำเสื่อมไปถึง 2 ปี ซึ่งมันทำให้แม่ไม่สามารถออกไปทำงานที่ไหนได้ เพราะไม่รู้ว่าอาการนี้จะเกิดขึ้นที่ใดเมื่อไร และต้องคอยไปค้างที่ศูนย์ฝึกเพื่อเช็คอาการทุก ๆ เดือน ซึ่งเงินค่าใช้จ่ายตรงนี้เราก็เอามาจากเงินมรดกเพียงเล็กน้อยของคุณยายที่เมืองไทยทิ้งไว้ให้แม่เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็ร่อยหรอลงไปมากแล้ว....
ฉันจึงต้องทำงานพิเศษทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อหาค่าใช้จ่ายภายในบ้าน แต่คุณอาจจะสงสัยว่าจนแสนจนขนาดนี้แล้วเรียนโรงเรียนไฮโซนี้ไง ก็เพราะความโชคดีน่ะสิ ที่ที่นี่มีทุนเรียนฟรีสำหรับเสาะหานักเรียนที่เรียนดีในโรงเรียนต่าง ๆ แล้วซื้อตัวมาเพื่อมาอัพเกรดคะแนนทางวิชาการให้โรงเรียน โดยมีเหตุผลบังหน้าว่าทำเพื่อสังคม ต้องการให้เด็กเรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ได้พบกับความเจริญในชีวิต ....แหวะ
หลังจากบ่นพอหอมปากหอมคอ ก็กลับมาเข้าเรื่องต่อนะคะ ^-^
หลังจากช่วยแม่ให้ข้าวเจ้าพวกตัวแสบ และส่งแม่ไปศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพจิต เพื่อไปนอนค้างรอเช็คอาการหนึ่งอาทิตย์เรียบร้อยแล้ว ฉันก็มุ่งเดินทางไปโรงเรียน แต่ก็เดินไปได้ไม่กี่เมตรหลังจากส่งแม่เรียบร้อยแล้วเสียงโทรศัพท์รุ่นสุดแสนจะโบราณที่รับและโทรออกได้ก็บุญแล้ว ก็ร้องโหยหวนขึ้น
ฮาโหล กระต่ายน้อยเรียกซาแมนเดอร์ เปลี่ยน คร่อก โทร.มาทักทายแบบปกติไม่เป็นหรือไงกันนะ ยัยนี่หนิ
ชิโอริเหรอ มีอะไรล่ะ
ม่ายช่าย ต้องตอบว่าซาลาแมนเดอร์ทราบแล้ว เปลี่ยน คร่อกสิ ทำไมตูต้องเป็นพี่ชายตัวเงินตัวทองด้วยล่ะ
นี่ถ้ายังบ้าบออีกฉันจะวางแล้วนะ
โอ๋..อย่าโกรธดิ แค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง แค่หัวเหม่งใสปิ๊งยังไม่ล้านสักหน่อย แต่ทำไมใจน้อยจังอ่ะ
วางละน้า
อ๊ะ...เดี๋ยวดิ เข้าเรื่องเลยก็ได้ จำได้ไหมที่เธอถามฉันเมื่อคืนนี้ก่อนจะแยกกันน่ะว่า ทำไมรุ่นพี่เรียวโซถึงเรียนชั้นเดียวกับเราน่ะ ฉันได้ข่าวจากแหล่งข้อมูลที่ไม่สามารถเปิดเผยได้บอกว่า
รุ่นพี่เขาฆ่าลูกน้องของพ่อตายน่ะสิแก๊
ฮ้า....เธอว่าอะไรน้า เป็นไปไม่ได้ นายไม่ได้เลวขนาดนั้นหรอกใช่ไหม
จริง ๆ นะ แต่ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไร อาจจะเป็นความพึงพอใจส่วนตัวก็ได้มั้ง ไม่รู้ดิพวกนี้น่ากลัวจะตายป่ะ อาจจะทำอะไรไม่คิดก็ได้นะ ยังไงก็ตามมันไม่เกี่ยวกับเราอยู่แล้วนี่ อย่าไปสนใจมากเลยพีม อ๊ะ...แค่นี้ก่อนนะเปลืองเงินน่ะ ไว้เจอกันที่ร้านเย็นนี้แล้วกันนะ
เสียงตัดสายวางหูไปนานแล้ว แต่ฉันยังคงยืนมองโทรศัพท์รุ่นเดอะนี้ด้วยสายตาที่พรั่นพรึง เหมือนกับว่าฉันกำลังจ้องมองหาใครสักคนมาช่วยตอบทีว่าเมื่อกี้แค่ฝันไป ไม่ใช่ความจริง ซวยแล้วสิ ฉันจะทำยังไงต่อไปดีล่ะ ระหว่างหนีไปให้ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่นอน หรือจะยอมรับสภาพความจริงที่ว่าตอนนี้ฉันจะกลายเป็นลูกไก่อยู่ในกำมือของฆาตกร และหมีควายกลัวฮาลาคีลีดีล่ะ
แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่านั้น คือความรู้สึกตอนนี้มันโหวง ๆ เหมือนกับได้ขึ้นไปบนภูเขาที่สวยงาม และอากาศเย็นสบายแล้วถูกถีบให้ล่วงลงมาหน้ากระแทกพสุธาอะไรแบบนั้นเลย....ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะว่าฉันอาจจะ(แอบ)รู้สึกหวั่นไหวไปกับนายนั่นแล้วก็ได้น่ะสิ ไม่ใช่เพราะรุปหล่อ หรือพ่อรวยหรอกนะ แต่เพราะไม่เคยเลยที่จะมีใครมาปกป้องฉันแบบที่รุ่นพี่เรียวโซทำ ชีวิตฉันตั้งแต่เริ่มซางจั๊บ (ทรัพย์จาง) ก็โดนดูถูก และรังแกมาตลอด...อ๊ะ ไม่ได้นะยัยพีม แกหลงไปกับความหวังลม ๆ แล้ง ๆ แบบนี้ไม่ได้
ซื้ด.......ฮ้า ๆ ๆ เขาบอกกันว่าถ้าหลับตาแล้วหายใจลึกสิ่งเลวร้ายจะหายไป แต่นี่ฉันซื้ด...ฮ้า มาสามทีแล้วทำไมยังรู้สึกแย่อยู่เลยนะโอ๊ย....ทำไมมันรันทดแบบนี้นะ (ยัยผู้แต่งเขียนให้มันหวานแหวว คิกขุหน่อยไม่ได้หรือไงกันฟะ)
................
จากคุณ :
bon_bonkatz
- [
4 มี.ค. 48 22:12:13
]