CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    Diary of a mad man..........(คนคิดมาก)

    Diary of a madman

    คนคิดมาก

    โดย GTW


    +++++++

    รวมฮิตที่ผ่านมา ชุดนี้ เก็บที่นี่
    http://www.rittiya.com/writenGTW/diary.htm

    +++++++


    ผมไม่ได้บ้า

    จ้างให้ผมก็ไม่ได้บ้า แต่พวกหมอและตำรวจพวกนั้นเข้าใจผิดไปเอง สรุปไปเอง

    ที่จริงผมไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการเอามีดทำครัวเชือดคอเพื่อนรักที่คบกันมานานนับสิบปีคนหนึ่งจมกองเลือดอยู่บนเตียง...ใช่..บนเตียงของผมเอง ก่อนที่จะใช้มีดเล่มเดียวกันนั้น เสียบลงบนเนินอกอวบอิ่มนิ่มเนียนของศรีภรรยาสุดที่รัก ที่บังเอิญนอนอยู่บนเตียงนั้นด้วยกัน

    มันก็แค่เรื่องบังเอิญ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

    ตำรวจโผล่มาในขณะที่ผมกำลังใช้มีดเฉือนส่วนหนึ่งของตับภรรยา ออกมาแทะเล็มดูอย่างช้าๆ และเยือกเย็นอย่างที่คนบ้าไม่มีทางทำได้  กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั้งห้องอบร่ำคาวคละคลุ้งฉุดลากความคิดให้ผมดื่มด่ำลงไปในอารมณ์ที่ไม่เคยแม้จะคิดว่าจะมีโอกาสสัมผัส

    ในวันนั้นเองที่มุมมองและโลกทัศน์ของผมเปลี่ยนไป ความกระทบกระเทือนจิตใจระดับมากกว่าสิบริคเตอร์ เริ่มมองเห็นสายธารแห่งกาลเวลาที่ไหลผ่านไปอย่างเรื่อยเอื่อยหากเลือดเย็น กัดกินทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ตัวมันเอง และมันกำลังเฝ้ามองผมด้วยสายตาของอสรพิษจ้องจะพุ่งเข้าฉกเหยื่อ ได้ยินพวกหมอแอบนินทาว่าผมเป็นโรคล้มละลายทางสติปัญญาและความคิด

    ไอ้พวกบ้า....!!!

    ++++++++

    พวกเขาเอาผมมาขังไว้ในห้องแคบๆ ตำรวจต้องการแน่ใจว่าผมไม่ได้เสียสติเพื่อที่จะจัดการเรื่องให้มันง่ายขึ้น ทนายฝ่ายผมกำลังพยายามทำอะไรบางอย่างที่จะให้ผมกลายเป็นคนบ้าสมบุรณ์แบบในสายตาของอัยการ แต่ผมไม่สนใจเรื่องพวกนั้นหรอก

    ตอนนี้ผมมีความสุขดีในโลกแคบๆ ไม่ยินดียินร้ายกับอะไรทั้งนั้น

    ในห้องมีเพียงโต๊ะ เก้าอี้แคบๆ และห้องน้ำขนาดความจุคนหนึ่งคน พวกเขาเรียกว่าห้องบำบัด แต่ผมเรียกว่าห้องนอนส่วนตัว  อาจมีคนเสนอหน้า มองเข้ามาทางช่องเล็กๆ ด้านบนประตูบ้างแต่ก็ช่างหัวมันปะไร อยากดูอยากศึกษาอะไรก็ช่างมัน

    ผมไม่จำเป็นต้องดูทีวี ฟังวิทยุ หรืออ่านอะไรทั้งนั้น
    เพราะผมดูตัวเอง ฟังตัวเอง อ่านใจตัวเอง สนุกกว่ากันเยอะ
    ผมกำลังนึกถึงวันเกิดเหตุ มันก็ดูไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าวันอื่นๆ นอกจากการกลับบ้านในตอนเที่ยงแทนที่จะเป็นตอนเย็น เพราะต้องการให้ภรรยาตื่นเต้นกับชองขวัญวันเกิด?ต้องใช้เวลาเก็บเงินหลายเดือน แต่ก็อย่างที่บอกล่ะครับ พวกเราตื่นเต้นกันทั้งสามคนเลย

    เสียงสำลักเลือดจากลำคอและปากของคนใกล้ตายปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมามองเห็นคมมีดที่กำลังปักอกพอดี

    เลือดและความตายจากเพื่อนและคนรัก ทำให้ประสาทชาด้านสับสนไปชั่วขณะ ทุกอย่างเวิ้งว้างเลื่อนลอยเหมือนความฝัน จนชวนให้คิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกิดขึ้นจริง  อาจเป็นเพียงความฝันเท่านั้น

    แต่ในที่สุดผมก็แน่ใจว่าพวกเขาตายไปแล้ว อย่างไม่ต้องสงสัย สีหน้าท่าทางอันเต็มไปด้วยความตื่นตกใจทรมานยังกระจ่างชัดในความทรงจำ  ตับของเธอก็มีรสหวานคล้ายตับวัวสดๆ เพียงแต่มีกลิ่นคาวมากกว่าเท่านั้น

    โดนขนาดนี้ตายแน่นอน

    ถ้าไม่ตายก็เป็นเรื่องตลกโหด พวกเขาอาจฟื้นขึ้นมาจากความตายเหมือนหนังสยองขวัญ คนหนึ่งเดินโซเซเอามืออุดลำคอที่ขาดวิ่นออกล่าตัวฆาตรกร อีกคนเดินเอามือกุมท้องซึ่งอวัยวะบางส่วนถูกกินเป็นอาหารเดินตามหลังมาติดๆ ในสภาพเลือดท่วมตัว ท่ามกลางหมอกควันและความหนาวเย็น  คงจะเป็นภาพที่น่าดูเสียนี่กระไร

    แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่เดินโทงๆ ตามถนนอย่างสง่าผ่าเผย คงต้องหลบๆซ่อนๆในเวลากลางวัน และเดินทางเวลากลางคืน  มุ่งหน้าออกมาจากที่เก็บศพ ตรงมายังบ้านของผมเพื่อล้างแค้น

    นึกแค่นี้ผมก็หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างสมน้ำหน้า ..ถ้าเป็นเรื่องจริงต้องน่าขำแทบใจขาด ซอมบี้สองตัวไปเพื่อจะพบกับบ้านที่ว่างเปล่า ถ้าจะเดินมาที่สถาบันบำบัดทางจิตคงต้องใช้เวลาเป็นเดือน จนพวกเขาเน่าเปื่อยผุพังระหว่างการเดินทางไปเสียก่อน

    เจ้าหน้าที่คนหนึ่งคงบังเอิญ มองผมผ่านช่องกระจกหน้าประตู เขาส่ายหน้าเหมือนจะบอกว่า ไอ้หมอนี่บ้าสมบูรณ์แบบ จู่ๆ ก็หัวเราะคนเดียว...แต่ช่างหัวมัน!

    นึกภาพต่อไป....สมมุติว่าสองผีตายซากเดินทางไปจนถึงห้องพักของผม พวกเขาคงต้องประหลาดใจที่พบว่าห้องว่างเปล่า เพราะสิ่งของทั้งหลายถูกขนย้ายออกไปจนหมดสิ้น ญาติ และตัวผมเองไม่ต้องการที่จะให้ผมไปใช้ชีวิตอยู่กับความทรงจำเปื้อนเลือด

    พวกเขาคงมองหน้ากันและปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อไป  แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางนึกออก สิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่หลังความเพียรพยายามเดินทางมานานและเหน็ดเหนื่อยคือความว่างเปล่า และคงไม่น่าประหลาดใจเลยถ้าพวกเขาจะสูญเสียพลังร่างกายและจิตใจจนล้มลงฟาดพื้นกลายเป็นศพเก่าๆเน่าๆ กลางห้อง  แม่บ้านที่คอยดูและความสะอาดเปิดประตูเข้ามาเห็นคงช็อคตากลับ

    นึกถึงตอนนี้ ก็ต้องหัวเราะออกมาดังๆ

    ควรจะตั้งชื่อเหตุการณ์นี้ว่าอย่างไรดีนะ....ศพสิ้นหวัง...หรือ ความสิ้นหวังหลังความตาย...กันดีนะ

    มันเป็นความโชคดีที่เจ้าหน้าที่พาตัวผมมาอยู่ที่สถาบันทางจิต  เพราะซากพวกนั้นไม่มีทางเดินมาถึง มันไกลเกินไป

    ถ้าผมเก็บศพพวกนั้น ซ่อนหรือทำลายหลักฐานให้ดี บางทีผมก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างเป็นปกติสุข วิธีการกำจัดศพก็มีมากมายให้ดูให้ศึกษา ทั้งจากหนังสือ จากข่าวต่างๆ ที่มีคนทำเป็นตัวอย่างมากมาย  อาจจะเอาทั้งสองซ่อนในผนังโดยก่อผนังทับอีกชั้นหนึ่ง  แน่นอนว่าผมจะต้องตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีแมวดำบังเอิญหลุดเข้าไปด้วยแบบในนิยายเขย่าขวัญ

    แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้ว บางคืนผมอาจพาผู้หญิงคนอื่นมานอนค้างคืนในห้องนี้ ให้พวกซากศพหลังกำแพงอิฐพากันจ้องมองผ่านคอนกรีตอันหนาทึบอย่างทุรนทราย  หรือบางคืนอาจนอนฟังเพลงเบาๆ ให้พวกเขาอิจฉาเล่น

    จะใช้เวลากี่ปีกี่ชาติที่ซากศพพวกเขาจะสลายกลายเป็นฝุ่น หรือจนกว่าจะมีการรื้อบ้าน เพื่อเปิดเผยร่องรอยฆาตกรรม แน่นอนว่าผมคงเผ่นไปที่อื่นนานแล้ว

    หากเพื่อนฝูงที่มาเยี่ยมเยือนในตอนนี้ คงชื่นชมกับภาพเขียนบนผนัง หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังมีซากศพกำลังจ้องมองผ่านดวงตาที่เน่าเปื่อยผุพัง

    ผมแน่ใจว่าคงจะนอนอย่างมีความสุข ไม่เงียบเหงาอ้างว้างอีกต่อไป  แน่ล่ะ...คนหนึ่งเป็นคนรัก อีกคนหนึ่งเป็นเพื่อนแท้ จะเงียบเหงาได้อย่างไรกันคุณว่าไหม.....

    บางทีพวกเขาอาจจะพูดคุยกันเบาๆ อย่างมีเลศนัย กลัวว่าจะมีคนได้ยิน ซึ่งทีจริงพวกเขาไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย คนที่ตายไปแล้วยังจะกลัวอะไรอีก

    แต่เสียงพึมพำของพวกนั้นรบกวนสมาธิในการเขียนหนังสือเหลือเกิน  บางทีเหมือนกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในลำคอ จนอดไม่ได้ที่จะต้องเดินไปเอามือทุบผนังแรงๆ หลายครั้ง

    “เบาๆ หน่อยสิ พวกคุณ ผมไม่มีสมาธิเขียนหนังสือแล้ว”

    ผมตะโกนใส่ผนัง ได้ผลเสียงนั้นหายไป แต่เป็นความเงียบที่ดูมีเล่ห์เหลี่ยมและชั้นเชิงอันคาดเดาไม่ได้ บางทีพวกเขาอาจต้องการแก้แค้น

    แต่ตอนที่เคาะผนัง ผมสังเกตเห็นว่าผนังมีรอยแตกจางๆ เหมือนอะไรบางอย่างกำลังจะทะลุออกมา ตอนแรกผมก็ไม่ใส่ใจนัก แต่วันต่อมารอยนั้นก็เปลี่ยนรูเล็กๆ และขยายออกทุกวัน  เมื่อมองเข้าไปก็พบแต่ความมืดและกลิ่นเน่าเหม็นโชยออกมา

    มันชักจะแปลกๆ แล้ว และแน่นอนว่าการค้นพบครั้งนี้จะไม่รั่วไหลไปถึงแม่บ้านคนดูแลตึกเด็ดขาด เพราะนั่นมันเป็นการเชื้อเชิญแขกผู้มีเกียรติมาจากสถานีตำรวจโดยไม่จำเป็น ดังนั้นผมจึงเลือกวิธีไปซื้อปูนขาวราคาถูกๆ มาจัดการกับรูลึกลับนี้ และจัดการปิดทับอีกทีด้วยภาพดาราสาวสุดเซ็กซี่คนโปรดในชุดนุ่งน้อยห่มนิด

    หลังจากจบงานอันเหน็ดเหนื่อย ผมแวะไปซื้ออาหารสองสามอย่างจากแผงลอยข้างถนน ไม่ลืมหิ้วเบียร์ราคาถูก ๆ ติดมือมาด้วย ทักทายคนดูแลตึกสองสามคำพอเป็นพืธีก่อนขึ้นมาบนห้องปิดประตูฉลองผลงานของตัวเองคนเดียว

    อากาศค่อนข้างเย็น แต่ผมยังเดินไปเปิดหน้าต่างรับลมเย็น ด้านนอกมืดแล้ว แต่ชีวิตของผู้คนยังดำเนินต่อไปไม่หยุดยั้ง บนถนนยังคงพลุกพ่านเต็มไปด้วยยวดยานพาหนะ แท่งสี่เหลี่ยมซึ่งติดไปสว่างราวหอคอยเมืองคอนกรีต กักขังชีวิตผู้คนมากมาย ถัดออกไปมองเห็นภาพห้างสรรพสินค้าอยู่ลิบๆ มองมองเห็นมันในลักษระประตูทางเข้าเป็นปากขนาดยักษ์ที่กำลังกลืนกินผู้คน ดูดรีดเค้นเอาทรัพย์สินเงินทองออกมาแทบหมดตัวแล้วคายกลับออกมาในสภาพบ้าหอบฟาง

    ชีวิตพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้างนะ...ทุกข์สุขที่แต่ละคนเผชิญอยู่

    ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ผมหันกลับมา จัดการกับอาหารมื้อค่ำอย่างเงียบเชียบ ใช่..มันเงียบไปจริงๆ ผมหันไปยังเครื่องเสียงมุมห้อง วางแผ่นซีดีเพลงโปรดลงไป เครื่องเล่นซีดีส่งเสียงครวญครางเหมือนคนใจขาดก่อนจะสำลักแผ่นออกมาอย่างรีบร้อน

    “ไอ้เครื่องเฮงซวย..”

    ผมสบถให้กับความอัปลักษณ์ของเจ้าเครื่องผลิตเสียงนั่น จู่ๆ นึกจะเสียก็ไม่บอกล่วงหน้า ไม่เป็นไร ฟังเพลงจากวิทยุก็ได้  มันคงไม่ห่วยแตกโฆษณายัดเยียดและเพลงหุ่นดีกันหมดทุกสถานีหรอก

    แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 48 17:07:50

    จากคุณ : GTW - [ 5 มี.ค. 48 15:28:49 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป