CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    เพื่อนเก่า

                    เช้าวันหนึ่ง เสียงกริ่งโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของสมศักดิ์ได้ดังขึ้น  ขณะนั้นเขากำลังยุ่งอยู่กับเอกสารปึกใหญ่ตรงหน้า จนไม่อาจจะละมือเอื้อมไปรับโทรศัพท์ได้ เจ้าลูกน้องที่นั่งโต๊ะติดกัน  จึงต้องลุกขึ้นมารับสาย  ครู่หนึ่งก็หันมาบอกว่า มีญาติมารออยู่ที่ห้องอาหารของหน่วยงาน เมื่อถามชื่อแซ่ดูแล้วก็รู้ว่าแขกที่ไม่ได้นัดหมายนั้นชื่อ ยุทธ มีธุระสำคัญต้องการพบด่วน ขณะนั้นเป็นเวลาจวนเที่ยงแล้ว สมศักดิ์จึงบอกให้รอสักครู่ เดี๋ยวเขาจะลงไปหา

                       ยุทธเป็นนักเรียนนายสิบรุ่นเดียวกับสมศักดิ์ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันนับร้อยคน ซึ่งต่างก็สนิทสนมกันเป็นอันดี เพราะได้กินนอนเรียนเล่น ร่วมกันมาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ๆ แต่ที่ใกล้ชิดกันมากจนจำพฤติกรรมของแต่ละคนได้ดี และยังคบหาสมาคมกันต่อมา หลังจากออกรับราชการแล้วอีกหลายปี ก็มีอยู่หลายคน  

                       สมศักดิ์ยังจำได้ดีว่า คนหนึ่งเป็นลูกชาวสวนทางฝั่งธนบุรี  พอได้ลาพักกลับบ้าน ในวันเสาร์อาทิตย์  ก็เอาผลไม้ในสวนกลับมาฝากเพื่อน  ให้นอนกินกันในมุ้งเวลาเป่าแตรนอนแล้ว มันตื่นเต้นหวาดเสียวดี  โดยเฉพาะชมพู่แก้มแหม่ม เวลากัดกินเสียงมันดังก้องในรูหูจนขนลุก กลัวจะได้ยินไปถึงสิบเวร แล้ว จะต้องลุกขึ้นมาออกกำลังกันในตอนดึก

                       ตรงกันข้ามกับอีกคนหนึ่ง  ซึ่งมักจะหาเรื่องเถียงกับครูฝึก จนถูกกักงดลาเสาร์อาทิตย์แทบทุกเดือน เวลาที่อยู่เฝ้ากองร้อย ก็เอามุ้งของเพื่อนลงไปช้อนปลาในคูหน้ากองร้อย เอามาย่างมาปิ้งกินเป็นอาหารว่าง โดยอ้างว่าช่วยซักมุ้งให้เพื่อน

                       อีกคนเป็นหัวหน้าตอน  เดินข้อกางหุบไม่ลง เพราะเป็นนักกล้าม เมื่อออกรับราชการได้บรรจุอยู่ในกรุงเทพ พอจะถูกย้ายไปอยู่จังหวัดร้อยเอ็ด ก็ทำท่าจะขอลาออก เพราะเป็นเด็กกรุงเทพไม่เคยเห็นบ้านนอก พอไปอยู่เข้าจริง  ก็มีช่องทางทำมาหารายได้พิเศษ  ด้วยการหาโฆษณา เข้าสถานีวิทยุกระจายเสียงประจำจังหวัด เลยติดใจอยู่มันเสียหลายปี มีบ้านให้ฝรั่งเช่าหลายหลัง มีฐานะมั่นคงมาก พอนายจะย้ายเข้ากรุงเทพ ก็ไม่ยอมกลับอีกเข้าขั้นหนีราชการ  เพื่อนต้องไปตามให้ช่วยเซ็นชื่อในใบลาออกให้ที จึงได้เบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญกิน จนถึงบัดนี้ เพราะสุดท้ายบ้านหลายหลังนั้นก็เปลี่ยนเจ้าของไปสิ้น ไม่รู้ว่าเป็นด้วยเหตุใด

                       ยังดีกว่าอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่นักกล้ามแต่ก็หล่อล่ำ  สูงขาวราวกับ กรุง ศรีวิไล พอสำเร็จออกรับราชการใหม่เอี่ยม มีคนมาชักจูงไปแสดงหนังไทยในยุคนั้น หนแรก ๆ ก็หลบงานไปถ่าย เป็นตัวประกอบ ต่อมาติดใจเลยลาออกไปเป็นนักแสดงเต็มตัว เพราะนายทุนเขาให้เป็นพระเอก ต้องเข้าฉากตลอดเรื่อง  แต่น่าสงสารที่เป็นพระเอกได้เพียงเรื่องนั้นเรื่องเดียว ก็หายจ้อยไปเลย

                       ส่วนยุทธนั้นเวลาเรียนนั่งโต๊ะติดข้างหลังสมศักดิ์ ชอบคุยชอบถามอยู่ทุกวิชา แม้กระทั่งเวลาสอบ จนจะถูกครูลงโทษเอาหลายหน พอถึงเวลากินข้าวที่โรงเลี้ยงเพื่อนก็ไม่ค่อยอยากจะเข้าแถวใกล้ ๆ เพราะเขากินกับเร็ว วงละสี่คน เขาจ้วงแพล็บเดียวก็หมด ต้องกินข้าวคลุกน้ำปลา

                       สมัยสงครามเวียตนาม เขาก็อาสาสมัครไปด้วย แต่ก็ไม่เห็นรวยกลับมาเหมือนคนอื่น มีแต่อาการของคนติดสุราเรื้อรัง เขาบอกว่าอยู่ท่ามกลางความตาย  มันก็ต้องกินเหล้าย้อมใจให้กล้า  ตอนหลังได้ข่าวว่านายขอให้ลาออกจากราชการ จึงไปบวชอยู่ที่วัดแถวบ้านเกิด  แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน เดี๋ยวสึกเดี๋ยวบวช และชอบแวะเวียนมาให้เพื่อนได้ทำบุญอยู่บ่อย ๆ

                       เมื่อปีก่อนพระยุทธก็มาหาสมศักดิ์ถึงที่ทำงานแห่งนี้  บอกว่าเลิกดื่มเหล้าได้เด็ดขาดแล้ว จึงกลับมาบวชใหม่ ตั้งใจจะไม่สึกอีกแล้ว  ตอนนั้นดู      ใบหน้าผ่องใสมีน้ำมีนวล ไม่มีเค้าเดิมที่เมาทั้งวัน สมศักดิ์จึงโทรศัพท์ตามเพื่อนรุ่นเดียวกันอีกสามคน มาพบที่ห้องอาหารของที่ทำงาน ของเขาเพื่อช่วยอนุโมทนา และจัดอาหารเพลมาถวาย  แล้วก็ร่วมใจกันบริจาคปัจจัยไปรวมหลายร้อยบาท

                       แต่เมื่อสมศักดิ์ลงจากห้องทำงาน มาพบในคราวนี้ เพื่อนของเขากลับไปเป็นยุทธ คนเดิมอีกแล้ว  ใบหน้าบวมฉุ ดวงตาแดง น้ำตาฉ่ำ  เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมอซอเต็มที  สมศักดิ์จึงชะงักพูดทักทายไม่ออก  รีบควักกระเป๋าเงินออกมา  หยิบธนบัตรในละห้าสิบบาทส่งให้ แต่ยุทธไม่ยอมรับ แถเข้ามาใกล้แล้ว ตะคอกว่า

                       "อะไรกันวะ เพื่อนเก่าเพื่อนแก่มาหาทั้งที ให้แค่ห้าสิบก็หมาละวะ"

                       สมศักดิ์จึงเปลี่ยนใจยัดธนบัตรใส่กระเป๋ากางเกง แล้วก็บอกลา

                      "ขอโทษทีวะเพื่อน เราลางานแล้ว  จะไปเยี่ยมแม่ยายป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลว่ะ"

                       ว่าแล้วก็รีบจ้ำอ้าวออกจากที่ทำงานไป แม้จะได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกอยู่ข้างหลัง เกี่ยวกับแม่ ๆ อะไรประมาณนั้นเหมือนกัน

    แต่เขาก็ไม่ได้เหลียวหลังกลับมามองเพื่อนเก่าของเขาอีกเลย.

    แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 48 08:02:26

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 7 มี.ค. 48 07:53:16 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป