CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    หนูสิงห์พิชิตจักรวาล

    ตอนที่ 8

    รถมอเตอร์ไซค์ของพวกเจ้าวายร้ายยังตามมาติด ๆ มันยังไม่ปล่อยพวกเราไปง่าย ๆ
    ชายหนุ่มคนนั้น..มองกระจกหลัง แล้วเร่งความเร็วของรถอย่างกระทันหัน..มันทำให้ผมพลิกคว่ำขมำหงายอยู่ที่เบาะข้างคนขับ..
    “จับไว้ให้ดีนะครับ..”
    “แง่ง..” ผมขู่เขาในใจ คงลืมไปแล้วล่ะมังว่าผมเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหนึ่ง..
    “คุณ..คุณ..” เขาพยายามเรียกหญิงสาว หรือฝ้าย..แฟนของผมเมื่อชาติก่อน
    “อือ..” ผมบอกเขาว่าเธอสลบไปแล้ว..
    “อ้าว..สลบไปซะแล้ว..แล้วจะให้ผมทำยังไงต่อไปล่ะนี่..แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
    “อือ” ผมบอกให้เขาหนี
    “ไอ้พวกนั้นมันเป็นใคร..ทำไมมันต้องไล่ตามคุณ?..จะให้ผมแจ้งตำรวจไหม?”
    “แอ๊ะ..” ผมบอกเขาว่ารีบ ๆ หนีเข้าเหอะ อย่าถามให้มากนัก
    เขาหันมาทางผม..ขณะปาดซ้ายแซงขวาเพื่อแซงรถคันหน้า
    “ว่าไงไอ้หนู..ไม่ร้องเลยนะเรา..แต่เอ๊ะ..” เขาเอื้อมมือมาจับเสื้อของผม..มันปักด้วยรูปหัวเป็ดสีเหลือง
    “เด็กคนนี้ที่ตำรวจกำลังตามหาอยู่นี่!!”
    ผมพยักหน้าหงึก..
    เขามองกลับไปด้านหลัง เอื้อมมือเขย่าหญิงสาว แล้วก็ร้องเสียงหลง
    “เลือด..เธอถูกยิง!?”
    ผมพยักหน้าอีกหงึก..แต่เขาไม่สนใจ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นกด
    “อาโหล..” วินาทีเดียวกันนั้นเอง..เสียงเปรี้ยงก็ดังขึ้น โทรศัพท์ในมือของเขากระเด็ดหวือไปทันที พร้อมกับเกิดรูขึ้นที่กระจกหน้ารถ
    “เฮ่ย..ถึงกับยิงกันเลยรึนี่..”
    “แม่นแร้ว” ผมบอก..
    “ตายละวา..จะทำยังไงกันดีล่ะทีนี้..”
    “หนีไงล่ะ..” ผมส่งเสียงอื้อบอกเขา
    หมอนี่ฉลาดและเก่งพอใช้..เขาพยายามแซงรถข้างหน้าแล้วปาดให้รถคันนั้นมาบังอยู่ข้างหลัง
    “เหยียบเข้าสิ..” ผมเร่งเขา
    รถเก๋งคันนั้นทะยานไปอย่างรวดเร็ว..มอเตอร์ไซค์ที่ตามหลังมาเริ่มทิ้งระยะห่าง
    ผมเห็นได้เพราะผมปีนเบาะดู
    แต่ให้ตาย..มือไม้ของผมทำไมถึงไร้เรี่ยวแรงนักก็ไม่รู้
    เมื่อรถโยกผมต้องเกร็งกำลังแขนเต็มที่เพื่อยึดเกาะเอาไว้ไม่ให้ตัวถูกโยนไปทางขวา..
    พอรถโยกขวาก็ต้องขืนเอาไว้ไม่ให้โยนไปทางซ้าย
    แต่กล้ามเนื้อของเด็กวัยยังไม่ถึงขวบอย่างผม..มีหรือจะมีพละกำลังมากมายขนาดนั้น..
    ขณะรถกระโจนขึ้นสะพานผมก็ลอยทั้งตัวแล้วตกมุบลงบนเบาะดังอั้ก..จุกจนแทบหายใจไม่ออก
    เขาคงลืมผมไปแล้ว..ก้มหน้าก้มตาขับด้วยสีหน้าที่แตกตื่นเหงื่อแตกพลั่ก
    ผมเองดิ้นขลุกขลักอยู่ครู่หนึ่ง..ก็พยายามลุกขึ้นใหม่เพราะเป็นห่วงฝ้ายเหลือเกิน
    เธอถูกยิงจนเสียเลือดไปมาก..เธอแข็งแรงกว่าที่ผมเข้าใจซะอีก
    ไม่น่าเชื่อ..สาวน้อยหน้าหวานคนนี้..เวลาผ่านไปไม่นาน(แค่เกือบสิบปีเองคับ)เธอจะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้
    รอยยิ้มที่สดใส..แม้จะมีอยู่เหมือนดังเก่า หากแฝงความเด็ดเดี่ยวและเชื่อมั่น..ซึ่งเราจะเห็นได้จากหน้านางเอกในหนังบู๊ทุกเรื่องอย่างไงอย่างงั้น
    คือสวยแบบเก๊ก ๆ ห้าว ๆ ไม่นุ่มนิ่มอ่อนหวานเหมือนเดิม
    ช่วงที่เราไม่ได้เจอกัน ผมก็สุดรู้ว่าในช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอถึงได้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
    รู้แต่เพียงว่าเธอเขียนจดหมายมาบอก..ว่าเธอได้รับทุนจากประเทศญี่ปุ่น ให้ไปศึกษาต่อที่นั่นในระดับมหาฯลัย
    เป็นทุนที่ฟังดูแปลก ๆ เธอบอกว่าเพราะเธอเป็นทายาทคนหนึ่งที่ญาติผู้ใหญ่ของเธอต้องรับเคราะห์ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง
    รัฐบาลญี่ปุ่นเกิดสำนึกผิดอะไรขึ้นมาไม่รู้..ให้ทุนการศึกษาแก่ลูกหลานของพวกเขาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
    เธอส่งจดหมายฉบับนั้นมา..เพื่อจะบอกผมให้รับรู้..และไปส่งเธอที่สนามบิน
    แต่ผมได้รับจดหมายของเธอหลังจากที่เธอเดินทางไปแล้วถึงสามเดือน
    ผมไปทำอะไรอยู่ที่ไหน?..แหะ..ตอนนี้ยังนึกไม่ออก
    เพราะตอนนี้..รถคันที่ผมกับเธออาศัยมาด้วยนั้น เลี้ยวขวับแทบหมุนติ้วเข้าไปในถนนเส้นหนึ่ง..ที่มืดมิดและเปลี่ยวร้าง
    แรงเหวี่ยงทำให้ผมกลิ้งขลุก ๆ ไปติดอยู่ที่ประตู..ร่างกายครึ่งหนึ่งหล่นลงไปในร่องช่องว่างระหว่างประตูกับเบาะ
    มีแต่ขาและแขนกระแด่ว ๆ เพื่อช่วยเหลือตัวเองเท่าที่จะทำได้

    แล้วรถก็จอดสนิท..ผมเห็นชายหนุ่มคนนั้นรีบอุ้มฝ้ายออกจากรถ..
    อีกสักพักเขาก็คงจะมาอุ้มผมไปด้วย
    แต่รอแล้วรอเล่า..เขาก็ไม่มาอุ้มเสียที
    คงลืมผมไปแล้ว??
    “แง๊....”

    ......

    บ้านหรือสิ่งที่ผม(ไม่อยากจะ)เรียกว่าบ้านหลังนั้น..บอกได้คำเดียวว่าตระกูลรก
    นอกจากกลิ่นอับจากการขาดอาการถ่ายเทมาเป็นเวลานานแล้ว หลังเปิดไฟยังเห็นสิ่งของวางระเกะระกะมากมาย
    มีทั้งตู้เสื้อผ้าที่วางขวางทางเดิน..ที่นอนก็ตั้งไว้กับกำแพง เตียงก็ยังไม่ได้ประกอบ กล่องสิ่งของวางสุมกันอยู่แทบมองไม่เห็นพื้น
    ไม่นับฝุ่นที่เกาะหนาเป็นนิ้ว..ผมเองตั้งแต่แรกเห็นยังต้องร้องยี้ในใจ
    แต่ให้ตาย..ผมกลับถูกเขาวางแหมะให้นั่งอยู่ท่ามกลางสิ่งของเหล่านั้น
    ใจหนึ่งก็อยากจะอาละวาด อีกใจหนึ่งก็เป็นห่วงหญิงสาวที่นอนอยู่บนโซฟาใกล้ ๆ ทางเข้านั้น
    ต้องนี้จึงทำได้แค่อย่างเดียวคือ
    “แง่ง..”

    เสื้อผ้าชุดดำที่ฝ้ายสวมใส่..บัดนี้ชุ่มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมามากมายจนล้นมาถึงโซฟาหยาดหยดลงมาที่พื้น
    เจ้าหมอนั่นซึ่งบัดนี้ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาเป็น “ไอ้แว่น” อีกคนหนึ่งของโลกก็หันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูกอยู่นั่นแล้ว..
    ผมคลานเตาะแตะไปหาเธอ..ตะเกียกตะกายเกาะโซฟานั้นไว้..ใช้มือแตะ ๆ ที่แขนของเธอ
    “ฝ้าย..เป็นอย่างไรบ้าง?” หากผมพูดได้คงจะพูดอย่างนี้..
    “อ้าว..ซนซะแล้วสิไอ้หนู..อย่าเพิ่งมายุ่งได้ไหม..ข้ายิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่..”
    ผมหันไปหาเจ้าของเสียง..ทำน้ำลายยืดใส่เขา..
    “จะทำอะไรก็รีบทำเข้า..ตอนนี้ต้องห้ามเลือดให้ได้ก่อนไง..เจ้าโง่..”
    เขาทำเลิกตา..
    “แน๊..ว่าแล้วยังมาทำส่งเสียงแอ๊ะเอ๊าะอีก..ฉันจะทำยังไงดีล่ะวะ..โอยจะบ้าตาย โทรศัพท์เรียกตำรวจก็ไม่มี..บ้านนี้เป็นบ้านใหม่โว้ย..ฉันเพิ่งซื้อได้ไม่กี่วัน..เพิ่งจะย้ายของมาแท้ ๆ ก็เกิดเรื่องขึ้นเลย..”

    ผมไม่สนใจเสียงบ่นนั้นอีกแล้ว..พยายามเปิดเสื้อของเธอขึ้นดูบาดแผล..อย่างน้อยหาอะไรอุดเอาไว้ก็ยังดี..
    โหย..รอยกระสุนปืนจริง ๆ ด้วย..เป็นรูดำอยู่ที่กลางท้องของเธอ
    ไม่รอดแน่..หากเธอไม่ถึงหมอในสิบนาทีนี้
    แต่แล้ว..เจ้าแว่นก็โดดหวือเข้ามา..อุ้มผมให้ไปนั่งแปะอยู่อีกทางหนึ่ง ตัวเองยกกระเป๋าสีเงินขึ้น แล้วเปิดออก
    “เอาล่ะวะ..ถ้าทิ้งไว้หล่อนแย่แน่ ๆ ต้องทำไปตามมีตามเกิด..น้ำร้งน้ำร้อนก็ไม่มี..แอลกอฮอล์ก็ใช้เหล้านี่แหละ..”

    ผมมองอย่างไม่เชื่อสายตา..ภายในกระเป๋าใบนั้นปรากฏว่าเป็นเครื่องมือทางการแพทย์สีวาวแวว มันถูกวางไว้เป็นหมวดหมู่อยู่ในหลุมที่ถูกเจาะเอาไว้หลายชั้นในนั้น บางอย่างมีการห่อผ้าดิบเพื่อป้องกันเชื้อโรค เขาคว้าเข็มฉีดยาขึ้นมาก่อน

    “ขั้นตอนที่หนึ่ง ต้องวางยาสลบ”
    ผมยกมือแปะหน้าผากทำตากลับ
    “อ้อ..ไม่ต้องสินะ..ก็หล่อนสลบไปแล้วนี่นา..งั้นฉีดยาชา?..อ้อ..ก็ไม่ต้องอีก..หล่อนคงไม่เจ็บหรอก คงจะไม่รู้สึกตัวไปอีกนาน..งั้นลงมือผ่าเลยก็แล้วกัน..”
    “โอเค..” ผมตะโกนในใจ
    เขาคว้ามีดด้ามเล็กคมกริบขึ้นมา บรรจงเปิดบาดแผลนั้น..เลือดทะลักออกมามากยิ่งขึ้น..ผมเองในชาติที่แล้วที่เห็นเลือดไม่ได้..มาบัดนี้กลับเปลี่ยนไป..นั่งมองดูอยู่โดยไม่รู้สึกอะไรเลย นอกเสียจากความเป็นห่วงฝ้าย..คนรักของผม(เมื่อชาติที่แล้ว)

    หมอนี่ต้องเป็นแพทย์แน่ ๆ ไม่งั้นคงไม่มีเครื่องมือแพทย์อยู่กับตัว
    “ดีนะนี่ที่กล้องนี้มีติดอยู่ที่รถของผม..ไม่งั้นคุณเสร็จแน่ ๆ คุณคนสวยเอ๋ย..”
    เขาพูดไปด้วยขณะทำงาน ท่าทางเขาคล่องแคล่วไม่เบา อายุอานามคะเนแล้วคงประมาณเดียวกับฝ้าย..ไว้ผมยาวปรกต้นคอ..ผิวขาวเหมือนคนเชื้อสายจีนทั่วไป
    “ต้องใช้คีมจับห้ามเลือดเสียก่อน..”
    ผมคว้าคมส่งให้เขา..
    “เอามีดอีกเล่ม..”
    ผมคว้ามีดให้เขา

    หากคุณ ๆ นึกภาพตรงนี้ไม่ออกก็ลองหลับตา แล้วจินตนาการให้เห็นว่ามีหญิงสาวร่างสวยคนหนึ่งนอนหายใจรวยรินอยู่บนโซฟา มีชายหน้าตี่คนหนึ่งนั่งคุกเข่ากำลังผ่าแผลเพื่อเอากระสุนปืนออกและห้ามเลือด และมีเด็กทารกหน้าตาน่ารักคนหนึ่งคอยส่งเครื่องมือผ่าตัดให้
    รับรองได้ว่าเป็นภาพที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน และจะไม่เคยได้เห็นอีกเลย!!

    เมื่อเขาเย็บแผลเสร็จ..เขาจึงเพิ่งนึกออกว่าผู้ช่วยของเขาเป็นใคร
    “เฮ่ย..” เขาอุทานเสียงหลง อ้าปากค้าง
    ผมยิ้มเหงือกแดง น้ำลายไหลย้อยลงบนพุง
    “แอ๊ะ..”

    ....


    จากการที่เธอเสียเลือดมาก..ต่อให้ร่างกายแข็งแรงอย่างไงก็ไม่มีวันจะทนได้..
    เจ้าแว่นนั่นยิ่งรู้กว่าที่ผมรู้..เขาเดินจงกรมทั่วบ้าน เพื่อจะคิดให้ออกว่าจะเอาน้ำเกลือหรือเลือดจากไหน..
    “จะออกไปตอนนี้หากเจ้าพวกนั้นมันเห็นเข้าก็คงเป็นเรื่องขึ้นมาอีก..โทรศัพท์มือถือก็ถูกยิงเสียพัง จะทำยังไงดีวะ..”
    แล้วเขาก็ตัดสินใจ..
    “เอางี้..ไอ้หนู..เอ็งนี่ฉลาดเกินเด็ก สิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้เอ็งก็คงจะเข้าใจ..เอ็งจงนั่งเฝ้าหล่อนไว้..สังเกตดูอาการให้ดี..และนี่..” เขายกปรอทวัดไข้ให้ผมดู.. “ข้าจะเสียบเอาไว้ที่ปากของหล่อน..นี่..เห็นไหม..เอ็งจงดูให้ดีว่าหากไอ้สีเงิน ๆ นี่ลดระดับลงมาเรื่อย ๆ ล่ะก้อ..เอ็งต้องปลุกให้หล่อนรู้สึกตัว..มิฉะนั้นหล่อนจะหลับลึกจนตายไปเลย..เข้าใจไหม?”
    ผมพยักหน้า
    “ดีมาก..กรูจะบ้าตาย..เด็กตัวเท่านี้ฟังภาษาผู้ใหญ่รู้เรื่องได้ยังไงวะ..” บ่นเสร็จเขาก็มองผมอีกครั้ง “ข้าจะออกไปโทรศัพท์แจ้งตำรวจ..เข้าใจ๋..หากทิ้งไว้อย่างงี้รับรองหล่อนเด๊ดสะมอนเร่ เด๋สะม่อนเร็ดแน่ ๆ ..”
    “แอ๊ะ..”
    เขาหยุดกึก..กลืนน้ำลาย..มองผมด้วยสายตาพิกล
    “เด็กผีสิง?”
    “อือ..”
    เขาผลุนผลันออกไปทันที!!

    จากคุณ : ปิ๊วปิ้ว - [ 10 มี.ค. 48 23:01:38 A:202.5.83.72 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป