CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    เรื่องสั้นชุด แท็กซี่...สงสาร

    เรื่องสั้นชุด แท็กซี่...

    ทองพัน คนขับรถแท็กซี่เลือดอีสานมาตรฐานการบริการระดับมืออาชีพวัย 40 ปี เขาได้พบเห็นเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาในรถแท็กซี่ของเขาสารพัดสารพันราวกับเรื่องสั้นพันตอนที่ไม่มีจุดจบ ตราบใดที่เขายังขับรถให้บริการผู้คนอยู่

    สงสาร...

    “เอิ้ก…” ทองพันเรอดังลั่นโดดเดี่ยวอยู่ในรถแท็กซี่ รสเผ็ดลึกของพริกแกงจากข้าวราดผัดถั่วฝักยาวกับหมู...อาหารมื้อเช้าวันนี้ ย้อนขึ้นมาตามหลอดอาหารจนแสบคอ เสียงเพลงหมอลำปลุกเร้าอารมณ์ให้ทองพันรู้สึกสนุกสนานและกระตุกเตือนความคิดฮอดบ้านเฮาที่จากมาหลายมื้อแล้ว

    ทองพันชะลอความเร็วลงเมื่อเข้าใกล้แนวรั้วของโรงแรมม่านรูดชื่อดังย่านรัชดาภิเษก

    เช้าวันเสาร์...ทองพันมักจะได้รับผู้โดยสารเป็นคู่ที่มาใช้บริการวิมานคืนเดียวอยู่บ่อยๆ ที่ออกเหนียมหน่อย ก็ให้พนักงานบริการมาเรียกเข้าไปรับข้างใน ที่กล้าหาญชาญชัยใจถึงก็เดินประคองตระกองกอดกันออกมาเรียกรถหน้าโรงแรม

    ทองพันเห็นสัญญลักษณ์โรงแรมแห่งนี้ก็อดขำไม่ได้ เมื่อวันก่อน เขารับผู้โดยสารเป็นสุภาพสตรีในชุดทำงาน หน้าตาอ่อนเยาว์เหมือนเพิ่งจะเรียนจบ ผู้โดยสารหน้าเด็กให้ไปส่งที่คอนโดมิเนียมแถบห้วยขวาง เธอพูดกับทองพันขณะผ่านโรงแรมแห่งนี้ว่า

    “อ๋อ...สำนักงานใหญ่เซเว่นอีเลเว่นอยู่ที่นี่เอง เพิ่งจะรู้นะเนี่ย”

    ทองพันอมยิ้ม พร้อมกับเฉลย

    “เอ้อ...บ่แม่นขรับ นี่มันโรงแรมม่านรูดเซเว่นฮอลิเดย์ขรับ”

    “อ้าว...เหรอ?”

    ทองพันมองจากกระจกเห็นหญิงสาวหน้าแดงเพราะความเขินอาย อันที่จริง ทองพันเองก็ยอมรับว่าลักษณะและการให้สีของป้ายซึ่งมีเลขเจ็ดอารบิคอยู่ตรงกลางของโรงแรมฯมันช่างคล้ายคลึงกับสัญญลักษณ์ของเซเว่นอีเลเว่นเหลือเกิน

    และเช้านี้ก็ไม่พลาด ชายหนุ่มในชุดเสื้อแขนสั้นสีขาวกางเกงสีดำและหญิงสาวเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวกระโปรงสีดำยืนกอดเอวกันอยู่ริมถนน ผู้สาวเป็นคนเรียกรถแท็กซี่ของทองพันให้จอดรับ ทองพันนึกในใจ...เดี๋ยวนี้นักศึกษาหนุ่มสาวเจ้าช่างใจกล้าจัง ดูซิ ยังอยู่ในชุดยูนิฟอร์มอยู่เลย นี่กล้าหาญออกมายืนเรียกรถแท็กซี่หน้าโรงแรมไม่อายฟ้าประชาชีที่ขับรถผ่าน...สังเกตดูที่หน้าท้องของฝ่ายหญิงนูนออกมาแม่ไม่มาก แต่ก็สังเกตเห็นได้

    แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาคือผู้โดยสารที่จะนำรายได้มาเป็นค่ากินค่าอยู่ของทองพัน

    “ไปหัวหมากพี่ เข้าทางซอยมหาดไทยนะ” ชายหนุ่มบอกปลายทางแล้วทิ้งตัวพิงเบาะอยางเหนื่อยล้า

    ทองพันมองเห็นจากกระจกส่องหลังว่าทั้งคู่นั่งกุมมือกัน ไหล่ชิดไหล่

    ทองพันกดมิเตอร์ก่อนออกรถ ชายหนุ่มหัวยุ่ง ตาปรือเหมือนยังง่วงนอน หน้าตาสะโหลสะเหลชะโงกหน้ามาดูที่แผงหน้าปัทม์

    “อ้าว พี่ เพิ่งขึ้นมาทำไมมิเตอร์ขึ้นร้อยกว่าบาทแล้วล่ะ เขาเริ่มที่สามสิบห้าบาทไม่ใช่เหรอ?”

    “เอ้า...นั่นมันวิทยุครับ ผมเปิดคลื่นร้อยหนึ่งไว้ มิเตอร์อยู่ข้างล่างนี่ครับ”

    เปรี๊ยะ...ชายหนุ่มยิ้มแหยๆ เกาหัวที่ยุ่งเหยิงด้วยความขวยเขิน หน้าแตกจังๆ

    “พี่ ทำไมแท็กซี่ชอบเปิดแต่เพลงหมอลำนะ ขอเพลงสะใจหน่อยสิพี่” ทองพันพยักหน้าแล้วหมุนหาคลื่นเพลงตามความต้องการของผู้โดยสาร

    “สงสัยจะหายากนะครับ เพลงนี้มันเก่าแล้ว ผมก็จำนักร้องไม่ได้ ที่เขาร้องว่า...สะใจสมใจเธอแล้วใช่ไหม ที่ทำฉันได้...อะไรราวๆนี้ใช่มั้ยครับ แหม คุณนี่ชอบฟังเพลงลูกกรุงรุ่นเก่าซะด้วย” ทองพันคนซื่อหมุนหาเพลงลูกกรุงในอดีตที่ชื่อสะใจให้หนุ่มวัยรุ่น...

    ชายหนุ่มส่ายหัวออกอาการยอมแพ้ “ผมหมายถึงเพลงมันๆ...คือ...เพลงวัยรุ่นน่ะพี่ เพลงประเภทสะใจ ไม่ใช่เพลงชื่อสะใจ เฮ้อ...”

    “ปู้โธ่ ผมก็หลงเข้าใจผิดไปโน่น ได้ครับ เดี๋ยวหาใหม่”

    หนุ่มวัยรุ่นร้องบอกให้ทองพันหยุดหมุน เมื่อเจอคลื่นเพลงที่ถูกใจ

    ทั้งสามชีวิตในรถคันเดียวกันนั่งเงียบ ทองพันขับรถ ส่วนคู่ชายหญิงต่างก็มองผ่านกระจกออกไปคนละด้าน รถวิ่งมาถึงช่วงปลายถนนลาดพร้าว หญิงสาวก็พูดขึ้นมาขณะที่สายตายังทอดออกไปนอกรถ

    “โอ๊ตจะเอาไง?” เสียงหญิงสาวเอ่ยถามคู่รักเบาๆ แต่ทองพันได้ยิน

    “แล้วจะให้ทำไงล่ะ...โอเด่ ตอนนั้นก็ไม่เตือนโอ๊ต” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนพนักเบาะ ถอนหายใจเฮือกใหญ่

    “อย่ามาพูดเลย ตัวเองล่ะหน้ามืด เค้าบอกว่าเมนส์ยังไม่มา ก็ไม่ยอมคุม ดื้อจนได้เรื่อง แล้วทีนี้เป็นไงล่ะ ต่างคนก็ต่างไม่พร้อม” หญิงสาวโต้กลับหน้าตากระเง้ากระงอด

    ชายหนุ่มถอนหายใจอีก “งั้นก็เอาออกเถอะ แค่สามเดือนตัวคงยังเล็กๆอยู่”

    “บ้าเหรอ เอาออก นี่ตกลงจะไม่รับผิดชอบกันแล้วเหรอ โอ๊ตเองไข่ไว้แท้ๆ ยังจะทิ้งได้ลงคอเหรอ?”

    “ใครบอก ไข่โอเด่ต่างหาก โอ๊ตไม่มีไข่อยู่ข้างใน”

    “ยังจะมาพูดเล่นอีก โอเด่ซีเรียสนะ”

    “ซีเรียสก็ได้ แล้วโอเด่จะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ต่อไปเหรอ หรือโอเด่จะบอกว่าพร้อมแล้วที่จะมีลูก”

    “แต่เขาคือเลือดเนื้อของเรานะ” หญิงสาวพูดด้วยเสียงสั่นเครือ

    “โอ๊ตก็เข้าใจ แต่ถ้าเราไม่พร้อมจริงๆ เราเลี้ยงเขาได้ไม่ดี มันก็เป็นบาป” ทองพันชำเลืองมองเห็นชายหนุ่มขยับเข้าไปโอบหญิงสาวที่เริ่มสะอื้นฮักๆ

    “เอาออกเถอะ เชื่อโอ๊ต ยิ่งเร็วยิ่งดี เดี๋ยวพอตัวโตจะเอาออกยากขึ้น” ชายหนุ่มพยายามเกลี้ยกล่อม หญิงสาวยังส่ายหน้าเหมือนไม่ยอมร้องไห้กระซิกๆไม่ยอมหยุด

    “ถ้าไม่เอาออกก็ตามใจ ต่อไปท้องโอเด่ก็คงโตขึ้นเรื่อยๆ เราคงพบกันได้น้อยลง”

    “โอ๊ต ทำไมพูดเอาแต่ได้ โอ๊ตต้องการจากโอเด่แค่มีอะไรกันเท่านั้นเองเหรอ?” เสียงของเธอชักดังขึ้น ชนิดที่ว่าไม่ต้องกลัวทองพันจะรู้เรื่องด้วย

    “เอ้อพี่โชเฟอร์ เดี๋ยวเลี้ยวเข้าไปซอยสิบสี่แป๊บนึงสิ ขอแวะทำธุระหน่อย” ชายหนุ่มหันมาบอกทองพัน บรรยากาศเคร่งเครียดจนทุกคนดูอึดอัด แม้แต่ทองพันซึ่งไม่ใช่คู่สนทนา

    “พี่จอดปากซอยเล็กๆข้างหน้าให้หน่อย ผมลงไปทำธุระแป๊บเดียว โอเด่ เอาตังค์มาสิ เอามาก่อนหมดเลย จะได้จบๆ” ชายหนุ่มแบมือ หญิงสาวล้วงเงินออกมาจากกระเป๋าถือใบเล็กๆ แล้วดึงเงินไว้สองร้อยเอาไว้จ่ายค่าแท็กซี่

    “โอเด่มีแค่นี้แหละ โอ๊ตขอติดเขาไว้อีกสองพันสิ บอกเขาว่าจะรีบเอามาให้เร็วที่สุด” ชายหนุ่มดึงเอาเงินจากกระเป๋าตัวเองออกมาสมทบ

    “ไปนะ เดี๋ยวจะลองต่อรองกับพวกเขาดู ถ้าเห็นท่าไม่ดี ถ้าโอ๊ตหายไปนานผิดสังเกตก็เผ่นเลยนะ”

    ชายหนุ่มเดินหายเข้าไปในซอย แคบ ทองพันเห็นหญิงสาวนิ่งเงียบเอาแต่ร้องไห้ก็นึกสงสารจับจิตจับใจ จึงรวบรวมความกล้าพูดคุยกับหญิงสาว

    “เอ้อ...อย่าหาว่ายังงั้นยังงี้เลยนะครับ ผมได้ยินเรื่องราวก็รู้สึกเห็นใจน้องทั้งสองที่ยังเรียนหนังสือกันอยู่ ถ้ามีเด็กจริงๆคงลำบากนะครับ”

    “ใครว่าเรายังเรียนอยู่คะพี่”

    “ก็เห็นใส่ชุดนักศึกษา”

    “ไม่ใช่จ้ะพี่ นี่มันชุดพนักงานเสิร์ฟอาหาร”

    “อ้าว...?? มิน่าล่ะ ผมนึกแล้วเชียวว่ามันแปลกๆ ไม่เห็นมีเข็มกับหัวเข็มขัดเหมือนที่เคยเจอ” ทองพันหน้าแตก เกาหัวแกรกๆ

    “หนูเป็นแฟนกับโอ๊ตมาพักใหญ่แล้ว ทำงานร้านอาหารคนละร้าน แต่อยู่ไม่ไกลกัน ต่างคนก็ต่างพักอยู่กับเพื่อนก็เลยต้องมาอาศัยเจอกันที่โรงแรม ที่จริงหนูก็คุมมาตลอด วันนั้นโอ๊ตลืมซื้อถุงยาง ไม่นึกเหมือนกันว่ามันจะมาแจ็คพอตพอดี จริงๆแล้ว จะว่าไป ถ้าไม่เอาออกก็ไม่รู้จะทำไงถ้าท้องป่องขึ้นมามากกว่านี้ เขาก็คงให้ออกจากงานแหละพี่” เธอพูดกลางสายน้ำตา ทองพันเห็นน้ำตาผู้หญิงเข้าก็เห็นใจหนักขึ้นไปอีก

    “ตังค์หนูสองพันเมื่อตะกี้เนี่ย เป็นก้อนสุดท้ายของเดือนนี้แล้ว โอ๊ตติดหนี้พนันบอลเขาไว้ ถ้าไม่จ่ายวันนี้ พวกโต๊ะเอาตาย ถ้าจะต้องเอาเด็กออกจริงๆ หนูก็มีเงินก้อนนี้เท่านั้นแหละ นี่ต้องเอามาช่วยใช้หนี้ก่อน เฮ้อ ทำไมหนูต้องมาเจอแต่เรื่องร้ายๆแบบนี้นะ” น้ำตาไหลของผู้สาวไหลพราก ทองพันหันมาดูก็เห็นหญิงสาวเอามือลูบหน้าท้องที่นูนออกมาแล้วก็ส่ายหัวส่งเสียงจิ๊ปากด้วยความเห็นใจ

    ทองพันนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปากเสนอความช่วยเหลือ “เอายังงี้ ถ้าไม่รังเกียจ ผมมีเงินติดตัวอยู่สองพัน ผมให้ยืมเอาเงินของผมไปให้พวกโต๊ะบอลก่อน แล้วค่อยออกมาคุยกันว่าจะใช้คืนยังไง ดีมั้ย จะได้หมดหนี้หมดสินกับพวกนี้ซะ ส่วนเรื่องเอาเด็กออก น้องสองคนค่อยๆคิดค่อยๆคุยกันอีกทีก็แล้วกัน”

    “แต่หนูรับเงินของพี่ไม่ได้หรอกค่ะ เรายังไม่เคยรู้จักกันมาก่อน พี่ก็คนทำมาหากินเหมือนกัน มันไม่เป็นการดีเลยที่พี่ต้องมาเดือดร้อนเพราะเราสองคน”

    “ไม่เป็นไรครับ ผมคิดว่าผมช่วยเท่าที่ทำได้แหละครับ มากกว่านี้ ผมก็คงไม่มีปัญญาหรอกครับ ผมตัวคนเดียว ไม่เดือดร้อนเท่ากับน้องสองคนหรอก เดี๋ยวค่อยออกมาคุยกันว่าจะใช้คืนผมยังไง” ทองพันหยิบธนบัตรใบละห้าร้อยสองใบ ใบละร้อยแปดใบ และใบละยี่สิบสิบใบยื่นให้หญิงสาว

    “แต่หนู...”

    “เอาน่า ไม่เป็นไร เอาไปเถอะ ล่าช้าเดี๋ยวพวกโต๊ะมันเล่นแรงๆกับแฟนคุณ มันจะลำบาก”

    หญิงสาวทำท่าเหมือนกับจะชั่งใจ สายตามองเข้าไปในซอยด้วยความกังวล แล้วจึงตัดสินใจยกมือไหว้แล้วหยิบเงินมาถือไว้กับเงินสองร้อยบาทที่ดึงไว้

    “หนูจะไม่มีวันลืมพระคุณของพี่ที่ช่วยพวกเราไว้ พี่รอตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเสร็จธุระแล้ว หนูจะรีบออกมา”

    เธอยกแขนขึ้นปาดน้ำตา เดินก้มหน้างุดๆเข้าไปในซอยแคบ ทองพันเห็นเธอลูบพุงก็ยิ่งสงสาร เธอคงรักเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอมาก ทองพันถึงกับน้ำตาซึม

    เวลาผ่านไป...สิบนาที...ครึ่งชั่วโมง...หนึ่งชั่วโมง...ทองพันนึกสงสัยว่าจะเกิดเหตุร้ายกับคนทั้งสอง จึงตัดสินใจเดินเข้าไปในซอยแคบๆ สองข้างทางเป็นเรือนไม้ที่อยู่อาศัยเรียงรายแออัด ทองพันมองไม่เห็นทางที่จะค้นหาคนทั้งสองได้เพราะไม่รู้ว่าอยู่บ้านหลังไหน เขาเดินหาอยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่พบ จึงเดินกลับไปที่รถ ในในนึกเป็นห่วงหนุ่มสาวทั้งสองกลัวจะเป็นอันตราย

    ที่หัวโค้งเกือบจะเป็นมุมฉากในซอย ก่อนถึงบริเวณปากซอยที่ทองพันจอดรถประมาณเกือบหนึ่งร้อยเมตร ทองพันเห็นปลอกหมอนสีขาวพับอยู่สองใบวางอยู่บนฝาถังขยะ ใบที่วางอยู่ข้างบนมีสกรีนสัญญลักษณ์ของโรงแรมม่านรูดเซเว่นฮอลิเดย์ เขาหยิบขึ้นมาดูด้วยความสงสัย ปลอกหมอนสองใบพับแล้วเหลือขนาดประมาณกระดาษขนาด A 4 ปลอกหมอนสีขาวชุ่มชื้นเหมือนกับซับความชื้นมาหมาดๆ

    เขานึกถึงหน้าท้องของหญิงสาวแล้วส่ายหน้า ไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ ขณะเดินกลับไปที่รถ ทองพันนึกไม่ออกว่าเขาจะต้องรอต่อไป แจ้งตำรวจ หรือจะทำอะไรดี...

    ทองพันจะตัดสินใจง่ายกว่านี่เยอะ ถ้าหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขาเพียงแต่ได้เห็นภาพที่หญิงสาวเดินพ้นโค้งลับตาจากแท็กซี่ใจดี ถลกชายเสื้อออกจากกระโปรงแล้วดึงปลอกหมอนสองผืนที่พับยัดไว้ในพุงออกมา โยนลงบนฝาถังขยะ แล้วจ้ำอ้าวเข้าไปอีกประมาณห้าสิบเมตร...ชายหนุ่มโผล่ออกมาจากป่าหญ้าข้างทาง ยิ้มให้เธอซึ่งเดินหน้าระรื่นโบกธนบัตรในมืออย่างร่าเริงและไม่มีน้ำตาให้เห็นสักหยด...ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วหยิบเงินก้อนที่หญิงสาวให้ไว้เมื่อก่อนจะลงรถ คืนให้กับหญิงสาว...

    ทั้งคู่จูงมือกันเดินลัดเลาะไปออกอีกซอยหนึ่งซึ่งทะลุถนนใหญ่...หัวร่อต่อกระซิก แล้วเดินไปซ้อนมอเตอร์ไซต์วินคนละคันที่ขับตามกันไปทางหัวหมาก เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

    เรื่องโดย คนรักลูก

    จากคุณ : คนรักลูก - [ 18 มี.ค. 48 09:02:42 A:221.128.111.193 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป