ฉันเป็นใครน่ะหรือ...?
บางคนก็บอกว่าฉันคือปาฏิหาริย์...
บางคนก็พูดว่าฉันคือเทพีแห่งความรัก...
และคำเรียกอื่นๆอีกมากมายที่ฉันจำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง...
แต่ฉันอยากบอกคนเหล่านั้นเหลือเกินว่า...
ฉันเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้นเอง...
*************************************
ฉันมองหมอกหนาที่รายล้อมอยู่รอบตัว...
หมอกปริศนานี้ทำให้ฉันไม่สามารถเห็นทางได้เกินหนึ่งช่วงแขนเสียด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าจะมีแสงสว่างรางเลือนที่ฉันไม่อาจทราบถึงที่มาของมันได้ก็ตามที
ฉันจะไปทางไหนดีล่ะนี่...?
ถึงแม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันประสบเหตุการณ์นี้ แต่ทว่าแต่ละสถานการณ์ก็มีบางสิ่งที่ต่างออกไป ปัจจัยหลักเห็นจะเป็นความสลับซับซ้อนของทางที่อยู่เบื้องหลังหมอกเหล่านี้ซึ่งไม่เคยเหมือนหรือซ้ำกันเลยสักครั้ง ด้วยเหตุนี้เองทำให้ฉันมักสับสนกับเส้นทางวงกตนี้อยู่บ่อยๆ...
สันชาตญาณของตัวเองบอกฉันว่าการเดินตรงไปข้างหน้าเห็นจะเป็นหนทางที่ดูดีที่สุดแล้ว จึงค่อยๆก้าวไปด้วยความระมัดระวัง มองซ้ายมองขวาไปเรื่อยๆ...
เป็นดังที่ฉันคาด...หมอกนั้นค่อยๆสลายตัว จางไปทุกทีๆ จนมองเห็นแสงสว่างไร้ที่มานั้นเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดหมอกทั้งมวลก็สลายไป เหลือเอาไว้แต่เพียงภาพมิติสีฟ้าอันเวิ้งว้าง ...
ตรงหน้าของฉันมีประตูปรากฏอยู่อยู่ 4 บานด้วยกัน แต่ละประตูดูแน่นหนาแข็งแรง และบานใหญ่เสียจนผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันคงไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปได้...
แต่จริงๆแล้ว...ประตูแบบนี้ไม่เป็นอุปสรรคต่อฉันเลยสักนิด เพราะฉันเองก็เปิดมันออกมานักต่อนักแล้ว และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหาประตูบานแรกที่ฉันสัมผัสจะเปิดออกได้อย่างง่ายดาย...
สิ่งที่สะดุดตาฉันอย่างแรกคือบ้านที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ก็น่ารักเหมือนบ้านตุ๊กตา ที่สวนหลังบ้านมีผ้านวมผืนโตวางปูอยู่บนผืนหญ้าเขียวชอุ่มที่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี เด็กชายเด็กหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งเล่นนอนเล่นอยู่บนผ้านวมนั่น...
เด็กหญิงคนนั้นน่ารักปานตุ๊กตา...ผิวขาวผ่อง แก้มยุ้ยสีชมพู นัยน์ตาโตหวาน เธอกำลังนอนอยู่บนหมอนฟูสีขาวสะอาดใบใหญ่เกินตัว ตาโตใสแจ๋วคู่นั้นกำลังมองเด็กชายหัวเกรียน ตัวสูงค่อนข้างเก้งก้างในเสื้อสีเขียวสดใสดูสะอาดสะอ้านซึ่งนั่งเล่นอยู่ข้างตัว เขากำลังกางหนังสืออ่านให้เด็กหญิงที่นอนฟังอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ...
กาลครั้งหนึ่ง มีช่างปั้นชาวไซปรัสชื่อพิกมาเลียน เขาเป็นคนเกลียดผู้หญิงมาก...ก คำท้ายของประโยคเด็กหนุ่มลากเสียงให้ยาวเพื่อเน้นความหมายด้วยอาการล้อเลียน
ไซปรัสอยู่ที่ไหนจ๊ะพี่ต้น...? เด็กหญิงถามโดยไม่สนใจกับเสียงลากยาวนั่น
เอ...ไม่รู้สิ นี่นิทานกรีก ก็อยู่ที่กรีกละมั้ง... เด็กชายไม่แน่ใจ และก็รีบเล่าต่อโดยเร็วราวกับกลัวคำถามของคนข้างตัวจะถามอีกว่ากรีกอยู่ที่ไหนซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจอีกเช่นกันว่ามันคือที่ใด
แม้ว่าพิกมาเลียนไม่อยากแต่งงาน แต่เขาก็พยายามสร้างรูปปั้นของผู้หญิงที่สวยที่สุดและดีที่สุดขึ้นมา เพื่อให้ผู้ชายคนอื่นๆรู้เอาไว้ว่าตัวเองต้องทนกับผู้หญิงที่ตัวเองแต่งงานด้วยมากมายแค่ไหน...
แปลว่าเขาอยากให้ผู้ชายทะเลาะกับผู้หญิง...?
เขาอยากให้ผู้ชายเห็นว่าผู้หญิงไม่ได้เรื่อง จะได้ไม่ต้องสนใจผู้หญิงอีกละมั้ง พี่ก็ไม่รู้ เด็กชายส่ายหัว เล่าต่อนะ...ไม่นานพิกมาเลียนก็ถูกกรรมตามสนอง พิกมาเลียนสร้างรูปปั้นที่สวยที่สุดขึ้นมา แต่ตัวเองกลับไปหลงรักรูปปั้นของตัวเอง...
ว้า...แล้วรูปปั้นจะรักเขาตอบเหรอจ๊ะ...? เด็กหญิงนิ่วหน้าก่อนจะส่ายหัวดิกๆบนหมอนใบใหญ่นั่น
ก็ไม่รักตอบไง...พิกมาเลียนเป็นผู้ชายอกหักที่โชคร้ายที่สุดในโลกเลย เมื่อเขาแตะตัวรูปปั้น รูปปั้นก็เย็นๆแข็งๆ พิกมาเลียนกอด รูปปั้นนั้นก็ไม่ตอบสนอง เขาจูบรูปปั้นนั้น รูปปั้นก็ไม่จูบเขาตอบอีก...
พิกมาเลียนหลอกตัวเองว่ารูปปั้นของเขามีชีวิต เขาแต่งตัวสวยๆให้รูปปั้นนั่นแล้วก็คิดฝันว่าเธอชอบ พิกมาเลียนหาดอกไม้ นกตัวเล็กๆ หรือของขวัญอย่างอื่นมาให้แล้วก็เพ้อว่าเธอขอบคุณเขา...
...แต่แล้วเมื่อวันเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่ง ในที่สุดพิกมาเลียนก็รู้ว่าเขาหลอกตัวเองไม่ได้อีกแล้ว พิกมาเลียนต้องจมกับความทุกข์โศกและสิ้นหวังที่ไปหลงรักสิ่งไม่มีชีวิตอย่างรูปปั้นที่เขาสร้าง...
เด็กชายผู้นั้นยังเล่าไม่จบฉันก็รีบกลับออกมาจากประตูโดยเร็วเสียก่อน ฉันไม่อยากฟังนิทานนั้นต่ออีกแล้ว ฉันไม่ชอบเรื่องโศกนาฏกรรมเลย ฉันจะรู้สึกหดหู่ทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องความรักที่ไม่สมหวัง ดังนั้นทางที่ดีก็ควรรีบเลี่ยงออกมาก่อนที่จะได้ยินว่าพิกมาเลียนอาจจะนอนกอดหุ่นฆ่าตัวตาย หรืออาจเอาหุ่นของเขาไปแขวนคอถ่วงน้ำตายอะไรทำนองนี้...
*********************************
เมื่อฉันสงบสติอารมณ์ได้แล้ว จึงเปิดประตูหนึ่งในสามบานที่เหลืออยู่ออก และเหมือนเดิม...ประตูหนา หนักนั่นก็เปิดออกได้อย่างง่ายดาย ฉันเดินก้าวเข้าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น...
คราวนี้ภาพที่ฉันเห็นก็คือบ้านหลังเดิม...บ้านตุ๊กตาหลังนั้นดูเก่าลงมาก แต่ก็เห็นได้ชัดถึงความเอาใจใส่ดูแลบ้านของคนที่อยู่อาศัย เพราะตัวบ้านดูเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาดดี
ฉันเห็นเด็กสาวคนหนึ่งเดินถือตะกร้าผลไม้เล็กๆเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น และหายลับไปในบ้านสีเขียวอ่อน ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มากนักที่อยู่ข้างๆ...
เด็กสาวคนนี้คือเด็กหญิงคนเดียวกับที่ฉันเห็นเมื่อครู่อย่างแน่นอน รูปหน้าของเธอไม่เปลี่ยนมากนัก ผิวของเธอยังคงบางใส แก้มชมพูนนั้นไม่ยุ้ยเท่าตอนเด็กอีกแล้วเพราะเธอผอมลง รูปร่างของเธอได้ส่วนดี ไม่ผอมไม่อ้วน วันนี้เด็กสาวคนนั้นใส่ชุดสีขาว กางเกงขายาวผ้าฝ้ายที่ดูสบายๆในอากาศที่มีแดดเปรี้ยงๆแบบนี้...
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ฉันจึงตามเธอเข้าไปในบ้านหลังนั้นด้วย ฉันมองไปรอบๆตัวบ้าน ถึงแม้ด้านนอกจะดูเรียบๆ ไม่เด่นเท่าบ้านข้างๆ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าได้รับการออกแบบมาดี เพราะถึงข้างนอกจะร้อนอย่างไร ข้างในก็ยังคงมีลมพัดผ่านเย็นสบายอยู่ดี นอกจากนี้บ้านนี้ดูหลอกตามากๆ เพราะมองจากด้านนอกแล้วหลังไม่ใหญ่ แต่ด้านในสามารถบรรจุเครื่องเรือนสารพัดและไม่ดูรกอีกด้วย
เมื่อวานแม่ผ่านไปตลาดมาค่ะ เลยซื้อผลไม้มามาก แม่ให้มุกยกมาให้ป้าส่วนหนึ่งค่ะเพราะเห็นว่าป้าชอบ... เสียงหวานนุ่มนวลของเด็กสาวคนนั้นดังขึ้นเบาๆ
คู่สนทนาของเด็กสาวผู้นี้คือผู้หญิงคนหนึ่งที่หากให้ฉันเดาก็คงสัก 50-60 ปีได้ ผมของนางมีผมขาวแซมอยู่หลายเส้น นางยิ้มให้พลางรับตะกร้านั้นไปวางบนโต๊ะที่อยู่หน้าโซฟาที่นางเพิ่งละมาเมื่อครู่...
ขอบในนะมุก...เดี๋ยวป้าแบ่งชมพู่ไปให้ก็แล้วกัน มุกชอบด้วยนี่... นางว่าพลางมองผลไม้ที่อยู่ในตะกร้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เรียกผู้อ่อนวัยกว่าให้ไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่นุ่มถามขึ้นด้วยอาการขำขัน...
ไง เห็นแม่เราบอกว่าเราไปหักอกหนุ่มน้อยมาอีกแล้วหรือ...? เอ...ไม่ใช่สิ ไปตามเจ้าต้นให้ช่วยหักอกให้ต่างหาก...ทำไมล่ะ เขาตื้อมากเลยหรือถึงต้องใช้ไม้ตายน่ะ...?
คำถามพูดเองเออเองสรุปเองเสร็จสรรพนั่นทำให้สาวน้อยหน้าเรื่อขึ้น ตอบกล้ำอ้อมแอ้มว่า...
ก็ไม่เชิงค่ะ...มุกเคยเล่าเรื่องเขาให้พี่ต้นฟังบ้าง แล้วพอดีวันนั้นพี่ต้นผ่านไปแถวมหาลัย เลยโทรไปบอกแม่ว่าไม่ต้องมารับมุก แล้วก็โทรมานัดมุกที่ร้านกาแฟแถวๆนั้น แล้วพอดีคนนั้นเขา...เอ่อ...เดินตามมุกออกมา แล้วพี่ต้นก็ฉุนเลยหันมาถามว่า คนนี้ใช่ไหม...? พอมุกพยักหน้า พี่ต้นก็ต่อว่าเขาใหญ่เลยจนหลังจากนั้นเขาก็ไม่มากวนมุกอีก ตอนเย็นพอแม่รู้แม่ก็หัวเราะชอบใจใหญ่เลย มุกว่าเขาน่าสงสารออก...
ดูเหมือนจะไม่มีใครเห็นด้วยกับประโยคหลังของเธอเพราะคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็หัวเราะชอบใจเช่นกัน...
คงไม่ใช่แค่เดินตามอย่างเดียวแล้วมั้ง แล้วเจ้าต้นก็คงไม่ใช่แค่ต่อว่าธรรมดาๆหรอก ไม่งั้นพ่อหนุ่มน้อยนั่นคงไม่หายหน้าไปเลยแบบนั้น รายนี้รายที่เท่าไรแล้วนี่ เจ้าต้นมันหวงน้องมันเสียจริงไม่เว้นแม้แต่เพื่อนฝูงตัวเองด้วยซ้ำ
พูดถึง...แล้วพี่ต้นละคะ...?
เด็กสาวเปลี่ยนเรื่องทันทีก่อนที่บทสนทนาจะทำให้เธอทำหน้าไม่ถูกไปมากกว่านี้ และอีกฝ่ายก็ยอมแต่โดยดีเพราะยอมตอบคำถามนั้นด้วยอาการยิ้มแย้มเช่นเดิมและไม่ได้วกเข้าเรื่องนั้นอีก...
เห็นเมื่อวานกลับมาดึก คงไปสังสรรค์กับเพื่อนมา มุกช่วยไปลากเจ้านั่นลุกจากเตียงทีเถอะ สายป่านนี้แล้วยังนอนกินบ้านกินเมืองอยู่อีก เดี๋ยวป้าจะไปแบ่งชมพู่ให้ก็แล้วกัน ลงมาจะได้พอดีกัน
นางว่าพลางลุกขึ้นเดินไปทางห้องครัวอย่างกระฉับกระเฉงสำหรับคนที่อยู่ในวัยนี้ เด็กสาวเดินขึ้นไปชั้นบนด้วยความคุ้นเคย ดูเหมือนว่านี่คงเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนที่เธอต้องทำหน้าที่นี้...
ห้องของ พี่ต้น เป็นห้องที่ทาสีเขียวอ่อนสบายตา เป็นสีเขียวคนละอย่างกับผนังด้านนอกตัวบ้าน ภายในห้องนอนมีห้องที่เชื่อมต่อกันเป็นห้องทำงาน ในนั้นมีโต๊ะเขียนแบบ อุปกรณ์มากมาย เครื่องเขียนก็ใส่กล่องเอาไว้ แม้จะแยกที่หนึ่งใส่ดินสอที่หนึ่งใส่ปากกาแต่การวางก็ไม่ได้เป็นระเบียบมากนักนอกจากนี้ยังมีตู้หนังสือขนาดใหญ่เรียงกันหลายตู้ คอมพิวเตอร์อย่างดีอีกเครื่องหนึ่ง...
ถึงแม้ว่าห้องทำงานจะดูใหญ่และรกไปบ้าง แต่ภายในห้องนอนของเขานั้นแทบไม่มีอะไรเลยนอกจากเตียง เก้าอี้นั่งน่าสบายซึ่งวางอยู่ใกล้กับชั้นหนังสือสำหรับวางหนังสืออ่านเล่น และโต๊ะเล็กข้างเตียงเท่านั้นเอง เครื่องเรือนในห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อยราวกับเจ้าของห้องนี้ใช้งานมันน้อยมากเต็มที...
เด็กสาวเบ้หน้านิดหนึ่งเมื่อได้กลิ่นฉุนเหล้าที่ยังคงอบอวลอยู่ในห้อง เธอหันไปมองเนคไทที่วางพาดลวกๆอยู่บนเก้าอี้ แล้วหันมาพิจารณาเจ้าของห้องที่น่าจะยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดเมื่อวานนี้ เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินดูรุ่ยร่าย กระดุมเสื้อเม็ดบนถูกปลดออก เสียงหายใจของคนที่นอนอยู่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ...
พี่ต้น ตื่นได้แล้วจ้า
ไม่มีปฏิกิริยา...
พี่ต้น ตื่น.ได้.แล้ว
ยังคงไม่มีปฏิกิริยา...
เด็กสาวเดินเข้าไปเขย่าตัวของชายหนุ่มผู้นั้นแรงๆ พลางพูดเสียงดังจนเกือบเป็นตะโกนที่ข้างหูของเขา
พี่ต้น ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปทำงานสายนะ...!
คราวนี้ได้ผล...ชายหนุ่มที่นอนอยู่รีบกระวีกระวาดลุกขึ้นทันทีด้วยกริยาลนลาน แต่การลุกขึ้นกะทันหันทำให้เขาครางเบาๆ ยกมือกุมหัวตนเองแล้วฟุบใบหน้าลงกับหมอนอีกครั้ง...
เสี้ยวหน้ายับยุ่งเมื่อครู่ที่ฉันได้เห็นทำให้ฉันแปลกใจไปบ้าง ฉันรู้ว่าเขาคือเด็กผู้ชายที่ฉันได้เห็นไปแล้วคนนั้น ตอนนี้เขาตัวโตขึ้นมาก จากเด็กชายที่ผอมเก้งก้างกลายเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่และไม่ได้ผอมแบบนั้นอีกแล้ว ตรงกันข้าม...เขาดูบึกบึนเข้มแข็งขึ้นเป็นคนละคนกับเด็กผู้ชายที่อ่อนโยนคนนั้นลิบลับ
เด็กสาวคนนั้นทรุดตัวลงที่พื้นใกล้ๆโต๊ะข้างเตียงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ถามด้วยน้ำเสียงเดียวกับสีหน้าของตนเอง
เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อยหรือจ๊ะ ถึงได้ลุกไม่ขึ้นแบบนี้...?
เหอะ...! ปลุกธรรมดาไม่ได้หรือไง เดี๋ยวหัวใจวายขึ้นมาจะว่ายังไง เสียงอาฆาตอู้อี้ดังมากจากคนที่ใบหน้ายังคงจมอยู่กับหมอน
มุกก็ปลุกแล้วดีๆแล้วนะ พี่ต้นขี้เซาเองนี่นา พี่ต้นเองก็เถอะ...มุกใช้วิธีปลุกแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต พี่ต้นก็ยังขวัญอ่อนแบบนี้ไม่เปลี่ยนเลย เด็กสาวหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่ายพึมพำในทำนองว่าฝากไว้ก่อนเถอะ...
ฉันออกมาจากประตูด้วยอาการยิ้มแย้ม ฉันชอบความสนิทสนมของพี่น้องคู่นี้เสียจริง ทั้งสองคนนี้ผูกพันกันดีโดยไม่ได้เป็นพี่น้องร่วมท้องกันมาด้วยซ้ำ ตอนเด็กๆพี่ชายดูแลอย่างไร เมื่อโตขึ้นเขาก็ยังคงดูแลอยู่ ตัวน้องสาวเองก็ชอบเล่นกับพี่เหมือนกัน ไม่ได้เปลี่ยนเลย อาจเป็นเพราะครอบครัวของสองคนนี้สนิทสนมกันก็เป็นได้ ท่าทางเป็นครอบครัวที่เกื้อกูลกันดี เห็นได้ไม่ยากจากการที่พวกเขาแบ่งปัน ช่วยเหลือกัน ตัวมารดาของชายหนุ่มผู้นั้นก็เห็นเด็กสาวเป็นลูกอีกคนเช่นกัน...
จากคุณ :
หนิง
- [
23 มี.ค. 48 10:26:49
A:61.91.141.220 X:
]